MSN on June 15, 2012, 07:41:51 AM
KTAMขายตราสารหนี้ใน-ตปท.6เดือน เร่งระดมเงิน5พันล้านชูยิลด์3.20%ต่อปี

นายสมชัย  บุญนำศิริ  กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า  บริษัทเปิดจำหน่าย2 กองทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ    ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 38 (KTSUPB38 )  ในวันที่  13-20 มิถุนายน 2555 อายุ 6 เดือน  มูลค่า 5,000 ล้านบาท    เน้นลงทุนในพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย  เงินฝาก / ตราสารการเงินระยะสั้นธนาคารพาณอชย์ไทย  และตั๋วแลกเงินบริษัทเอกชนไทย   ในสัดส่วน 30% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน   ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารต่างประเทศ   ประเภทเงินฝากประจำ PT Bank  CIMB  Niaga Tbk   (CIMB  NIAGA )  , เงินฝากประจำ Union National  Bank  ( UNB)  ,  เงินฝากประจำ  Abu  Dhabi  Commercial  Bank (ADCB)   และ MTN ออกโดย  Banco  Bradesco  S.A. (BRADES)    โดยเงินลงทุนในต่างประเทศจะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน  ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.20% ต่อปี 

  นอกจากนี้  บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท  อินเวส 3เดือน3  ( KTSIV3M3 ) เสนอขายตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 15 มิถุนายน 2555    เป็นกองทุนประเภท Roll  Over     อายุ3 เดือน เน้นลงทุนในเงินฝาก / บัตรเงินฝากหุ้นกู้ระยะสั้น ของธนาคารออมสิน    ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย  จำกัด (มหาชน)   ในสัดส่วน 44%  ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม   และส่วนที่เหลือลงทุนในตั๋วแลกเงินของภาคเอกชน   ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.85%ต่อปี

                       นายสมชัย  กล่าวต่อไปว่า ภาวะตลาดตราสารหนี้ของไทยยังคงปรับตัวลดลง โดยตราสารหนี้ระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี อยู่ในช่วง 2.88% – 3.14%  เนื่องจากความกังวลต่อความเสี่ยงทางเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจในประเทศ  รวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้นในอัตราที่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นเดือนที่2 ติดต่อกัน   ทั้งนี้ ในกลางสัปดาห์นี้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีการประชุมเพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งตลาดการเงินส่วนใหญ่คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 3.00% ต่อเนื่อง เนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจสูง ขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้

สำหรับแนวโน้มอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศยังได้รับอิทธิพลจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งมีผลต่อต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาอัตราแลกเปลี่ยนสวอประหว่างสกุลบาทและดอลล่าร์สหรัฐฯ เริ่มทรงตัว  ซึ่งตลาดการเงินรอติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือสถาบันการเงินในสเปน และรอผลการเลือกตั้งของกรีซ ซึ่งจะส่งผลต่อสถานะการคงอยู่เป็นสมาชิกของกลุ่มประชาคมยุโรป ขณะที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อเริ่มมีการทยอยปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศและสถาบันการเงินในยุโรป  ทำให้ตลาดยังคงมีความกังวลต่อความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ และจะกระทบให้เกิดความความไม่แน่นอนต่ออัตราผลตอบแทนและทิศทางการเงินลงทุนในต่างประเทศทั้ง 2  กองทุนนี้ จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการล็อกผลตอบแทนจากการลงทุนในช่วงนี้
« Last Edit: June 15, 2012, 07:53:15 AM by MSN »