happy on June 13, 2012, 01:40:23 PM

Dark Tide / ดาร์ค ไทด์ ล่านรกใต้สมุทร

นักแสดง - ฮัลลี่ เบอร์รี่, โอลิเวอร์ มาร์ติเนซ (S.W.A.T., Unfaithful)

ผู้กำกับ - จอห์น สต็อคเวลล์

ประเภท – ระทึกขวัญ

กำหนดเข้าฉาย 14 มิถุนายน 2012 เฉพาะที่ APEX เท่านั้น







เรื่องย่อ

เคต แมทธีสัน (ฮัลลี่ เบอร์รี่) คือนักฉลามวิทยาผู้สังเกตการณ์สิ่งมีชีวิตอันปราดเปรียวและงดงามชนิดนี้อย่างใกล้ชิด ฉลามที่แหวกว่ายอย่างอิสระอยู่ในอาณาจักรของมัน และเป็นปริศนาธรรมชาติที่ทกคนอยากเห็น

เคทเชี่ยวชาญด้านฉลามและการอนุรักษ์ฉลาม เธอเรียนรู้ว่าพวกมันชอบอยู่ในอยู่ในส่วนของมัน ไม่ชอบให้ใครเข้าไปยุ่ง เธอจึงปฏิบัติต่อฉลามอย่างมีมารยาท เคารพวกมันในฐานะสิ่งมีชีวิต ทุกครั้งที่เธอลงไปใต้น้ำ เธอคิดเสมอว่านั่นคือการเข้าไปในโลกของฉลาม ไม่ใช่โลกของเรา

ฉลามสามารถตรวจจับกระแสไฟฟ้าที่สิ่งมีชีวิตทุกชนิดปล่อยออกมาได้ เทคนิคนี้เกี่ยวกับการแตะจมูกของมันซึ่งเป็นอวัยวะตรวจจับกระแสไฟฟ้าอันทรงประสิทธิภาพ คล้ายกับการสะกดจิตให้ฉลามตกอยู่ในสภาวะเหมือนนอนหลับ เคตรักสัตว์นักล่าที่ถูกเข้าใจผิดนี้มาก

จากการเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของฉลามและตอบโต้ด้วยภาษากายอันชาญฉลาด เคตสามารถเอาชีวิตรอดได้และสร้างชื่อเสียงจากการทำให้ฉลามขาวเชื่อว่าเธอไม่ใช่ทั้งเหยื่อหรือผู้ล่า เธอสื่อสารกับฉลามด้วยภาษากายในลักษณะเดียวกับการสื่อสารกับม้าด้วยเสียงกระซิบ

ครั้งแรกที่เราเห็นเคต เธอกำลังถ่ายหนังเรื่องหนึ่งอยู่ใกล้ๆ อ่าวฟอลซ์เบย์อันงดงามในเคปทาวน์ เธอกำลังถ่ายทำสารคดีเรื่องหนึ่งกับ เจฟฟรีย์ แฟนหนุ่มช่างภาพ (โอลิวิเยร์ มาร์ติเนซ) และล่องเรือชื่อ “โวแลนเต้” ของเธอไปยังเกาะแมวน้าที่อยู่ห่างออกไปจากแนวชายฝั่งประมาณ 5 กิโลเมตร เกาะแห่งนี้เป็นที่อยู่ของแมวน้ำกว่า 60,000 ตัว และเมื่อแถวนี้ปลาเหยื่อหายาก พวกมันจึงกลายเป็นเมนูอาหารที่ฉลามขาวเลือก สมาชิกอีกคนหนึ่งบนเรือคือกลาสีปากเรือ/กัปตันเรือ และตัวตลก ทอมมี่ (มาร์ค เอลเดอร์กิน) และเธมบา (ซิสเว มซูฟู) เพื่อนร่วมงานผู้มีประสบการณ์โชกโชน ทำหน้าที่ดำน้ำรักษาความปลอดภัยให้เคตโดยสังเกตการณ์ว่าพวกฉลามกำลังทำอะไรและคอยระวังให้เธอ หลังจากประสบความสำเร็จในการดำน้ำและความสนุกในการเดินทาง เคตขอลงไปดำน้ำอีกครั้ง แต่เธมบาซึ่งกำลังจะปลดเกษียณตัวเองจากการดำน้ำคัดค้านโดยบอกว่าสภาพการณ์ไม่สู้ดีนัก แต่เคตยืนยัน และเธอก็มีเสน่ห์และเซ็กซี่จนไม่มีใครปฏิเสธเธอได้

ความดื้อรั้นนำไปสู่หายนะ เมื่อฉลามตัวหนึ่งว่ายเข้ามาทางด้านหลังของเคต เธมบาพุ่งเข้าไปเพื่อเบนทิศทางของมัน แต่กลับถูกขย้ำจนตาย เคตเสียใจมากกับการกระทำของตัวเอง เป็นเพราะเธออยากลงไปดำน้ำจึงเกิดโศกนาฏกรรมครั้งนี้ขึ้น และมันส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอในเวลาต่อมา

หนึ่งปีต่อมา ธุรกิจฉลามของเคตในเคปทาวน์กำลังตกต่ำ เธอเลิกกับเจฟฟรีย์ ธนาคารจ้องจะยึดเรือของเธอ และทุกอย่างที่เธอทำเฉื่อยชา กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติท่าทางหยาบคายล่องเรือผ่านอ่าวเข้ามาและต้องการเห็นฉลามนักฆ่ากระหายเลือดที่ทำให้เคตโด่งดัง

ซูกิซา พนักงานต้อนรับและภรรยาหม้ายของเธมบา (โธโก ซิงก้า) กลายเป็นเสาหลักของชีวิตเคต ซูกิซาบอกว่าธุรกิจของเคตตอนนี้แย่มากจนไม่สามารถแม้กระทั่งจ้างทนายแย่ๆ สักคนมาช่วยสะสางปัญหาการเงิน เคตไม่ได้ดำน้ำมาเป็นปีแล้ว เธอรู้สึกผิดกับอุบัติเหตุครั้งนั้นเกินกว่าจะลุกขึ้นมาทำอะไร และการที่เจฟออกจากฝั่งไปสานต่องานก็ยิ่งทำให้อะไรๆ แย่ลง เคตเคยรักเจฟ พวกเขาเคยมีช่วงเวลาที่ดีร่วมกัน แต่เจฟไม่เคยแสดงท่าทีอาลัยอาวรณ์หรือให้ความช่วยเหลือหลังจากเธมบาตายรวมทั้งหลังจากเลิกกัน ดังนั้นสำหรับเคต ทุกอย่างจึงจบ

แต่เจฟยังรักเคตและอยากกลับมาหาเธอ ถ้าเป็นอย่างนั้น เคตคงจะกลับมาดำน้ำและสานต่อพรสวรรค์และสิ่งที่เธอรักอีกครั้ง  ดังนั้นเจฟจึงกลับมาที่เคปทาวน์เพื่อคืนดีกับเคต หรืออย่างน้อยก็กลับมาทำสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุด นั่นคือการถ่ายหนัง แต่เธอไม่ยอม แม้ซูกิซาจะให้กำลังใจเธอ ให้เธอเริ่มต้นชีวิตใหม่และเลิกโศกเศร้ากับการตายของเธมบา

เจฟบอกเคตว่ามีงานหนึ่งเข้ามาที่เสนอเงินากพอที่จะใช้หนี้และรักษาเรือเอาไว้ แม้แต่คนเรือที่ไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนอะไรอย่างทอมมี่ยังขอร้องให้เธอรับข้อเสนอนี้และรวบรวมลูกเรือเก่าสู่ท้องทะเลอีกครั้ง สุดท้าย ซูกิซาก็โน้มน้าวให้เคตพบกับนักธุรกิจที่เจฟพูดถึงซึ่งก็คือ วิลเลีม เบรดี้ (ราล์ฟ บราวน์) นักธุรกิจวัยประมาณ 50 ปีที่เดินทางรอบโลกและทำเงินทุกวิถีทางที่ทำได้

แน่นอนว่าเขารวยมาก ใช้ชีวิตสิ้นเปลือง และชื่นชมงานของเคต เบรดี้บินมาจากลอนดอนกับลูกชายชื่อลุค (ลุค ไทเลอร์) ซึ่งเป็นลูกคนหนึ่งในเจ็ดคนที่เบรดี้มีกับภรรยาทั่วโลก เขาต้องการให้ลุคออกไปดำน้ำกับฉลามนอกกรง ซึ่งเป็นสิ่งที่หนุ่มน้อยไม่สันทัด ไม่เป็นไร เบรดี้มาหาผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยให้ความฝันในการว่ายน้ำกับเพชฌฆาตแห่งท้องทะเลเป็นจริง  สำหรับเขา นี่จะเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต และเขาอยากแบ่งปันมันกับลุคแม้นี่จะเป็นการบังคับลูกชายก็ตาม

การจะเข้าใกล้ฉลามต้องได้รับการฝึก แต่เบรดี้เสนอเงินหนึ่งแสนยูโรให้เคตเพื่ออุ้มธุรกิจเธอให้เธอช่วยลูกชายของเขาให้ได้เข้าใกล้ฉลาม เบรดี้เป็นคนไม่มีเหตุผล เขาคิดว่าการว่ายน้ำกับฉลามคือบททดสอบความกล้าของคน เคตไม่ค่อยชอบเขา เธอแย้งว่ามันไม่ใช่การเอาชีวิตคนไปเสี่ยง แต่คือความเชื่อใจและเคารพกันระหว่างมนุษย์และสัตว์

เบรดี้กระตือรือร้นจ่ายเงินให้รีบซ่อมเรือ เคตไม่อยากรีบร้อน แต่ในที่สุดก็ยอมตามและบอกพ่อลูกคู่นี้ว่าเธอรับประกันได้แค่ว่าพวกเขาจะได้เจอแมวน้ำ แต่ไม่รับประกันว่าจะปล่อยพวกเขาออกจากกรงใต้น้ำให้เข้าใกล้ฉลามขาว

และแล้วลูกเรือทีมเดิมก็กลับมารวมตัวกัน แต่ครั้งนี้มีความตึงเครียดอย่างอื่นที่กำลังจะเกิดขึ้น เบรดี้เริ่มแสดงอารมณ์รุนแรงจนเคตต้องปราม ส่วนใหญ่มาจากความอวดดีของเขาในการลงไปสัมผัสโลกใต้ทะเลอันน่าพิศวง ระหว่างนั้นเกิดความตึงเครียดขึ้นระหว่างพ่อและลูกชาย เมื่อลุคชื่นชอบการถ่ายภาพแต่เบรดี้กลับดูถูกสิ่งที่ลูกชอบโดยบอกว่านี่ไม่ใช่การเดินทางเพื่อเก็บภาพสวยๆ แต่เพื่อเรียนรู้ชีวิตและธรรมชาติ

ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงแหล่งฉลาม ปลาเหยื่อถูกโยนลงน้ำเพื่อตามรอยฉลาม ในที่สุดฉลามผู้ยิ่งใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้นข้างเรือ ซึ่งเป็นประสบการณ์สุดตื่นเต้นของทุกคน แต่ไม่ใช่ของจริงที่เบรดี้ถามหา เคตอนุญาตให้ลุคและเบรดี้ลงไปในกรง และนั่นเป็นครั้งแรกที่เธอลงไปดำน้ำอีกครั้ง พวกเขาโยนเหยื่อลงน้ำและเจ้าฉลามก็โผล่มางับเหยื่อจากเรือ “โวแลนเต้” อีกครั้ง   

ระหว่างนั้น เกิดความตึงเครียดระหว่างเจฟและเคตขึ้น ไม่มีทางที่พวกเขาจะกลับมารักกันได้ ยิ่งไปกว่านั้น เบรดี้เก็บซ่อนความลับดำมืดเอาไว้ และการเดินทางครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายของเขา ทุกอย่างประดังประเด มีการระเบิดอารมณ์ เกดความกังขาในจุดมุ่งหมายอาการกลัวที่แคบบนเรือทำให้ทุกคนเริ่มแสดงด้านมืดออกมา   

สุดท้ายเคตก็เข้าคุมสถานการณ์ โอเค ถ้าเบรดี้อยากว่ายน้ำกับฉลาม ก็ได้ แต่ทอมมี่ต้องนำเรือไปยังที่ที่อันตรายยิ่งกว่า บริเวณนี้รับประกันได้ว่าเจอฉลามแน่ แต่พายุใหญ่กำลังตั้งเค้าและฟ้าเริ่มมืด แต่เธอยืนยันที่จะไป พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังหุบเหวฉลาม ซึ่งเคตสามารถหาฉลามขนาดใหญ่ที่สุดให้เบรดี้ได้

ขณะที่เคตเริ่มไม่แน่ใจในพรสวรรค์ของตัวเอง พายุก็เริ่มตั้งเค้า แต่พวกเขาก็เดินหน้าเข้าหาพายุอันกราดเกรี้ยวนั่น เธอจะบริการหุ้มค่าเงินของเบรดี้ พายุกระหน่ำเรือจนแตกเป็นเสี่ยง เบรดี้จะได้เห็นฉลามตามที่หวังหรือไม่? เจฟจะได้คืนดีกับคนรักหรือไม่? เคตจะได้พรสวรรค์คืนมาหรือไม่? ที่สำคัญ พวกเขาจะรอดชีวิตจากทะเลมืดนี้หรือไม่? ต้องติดตาม

happy on June 13, 2012, 01:44:55 PM



การถ่ายทำ Dark Tide – ดำดิ่งสู่ทะเลลึก

ฉลามขาวยักษ์คือฝันร้าย ตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่อง “Jaws” เมื่อสามทศวรรษที่แล้ว ภาพเงาครีบของฉลามขาวที่แหวกว่ายอยู่ใต้ผืนน้ำฝังลึกในจินตนาการและนำมาซึ่งความหวาดผวาแก่เรา ปริศนาและอำนาจเบื้องหลังสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ไม่มีสิ่งใดเทียบและมนุษย์ก็ทั้งหลงใหลและหวาดกลัวพวกมัน

อย่างที่ แมทธิว  เชาส์ ผู้อำนวยการสร้าง Dark Tide กล่าวไว้เกี่ยวกับโปรเจ็คต์นี้ “สิ่งที่ดึงดูดความสนใจผมคือเสน่ห์ของฉลามขาวยักษ์และการสร้างหนังระทึกขวัญที่ไม่ได้เป็นแค่แนวเดียว มันคือหนังสืบสวนสอบสวน ที่ในขณะเดียวกัน ให้คนดูได้ศีกษาความสัมพันธ์ของตัวละครที่ตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงตายและดูว่าพวกเขาเอาชีวิตรอดอย่างไร เพราะฉะนั้นโดยพื้นฐานมันคือหนังระทึกขวัญที่เกิดขึ้นในท้องน้ำที่ฉลามอยู่ ตัวละครของเราไปอยู่ผิดที่ผิดเวลา

“ทุกคนตั้งแต่ลูกชายผมจนถึงคนที่ผมโตมาด้วยต่างรอคอยสัปดาห์ที่ช่องดิสคัฟเวอรี่นำเสนอเรื่องฉลาม มันเป็นปรากฏการณ์ที่เรื่องราวเกี่ยวกับฉลามครองใจคนดูมากว่าสองทศวรรษ” เชาส์กล่าว “หนังของเราเป็นหนังชีวิต แต่วิธีการถ่ายทำคือให้นักแสดงร่วมงานกับฉลามตัวจริงในท้องน้ำที่พวกมันอาศัยอยู่ ซึ่งทำให้เรื่องราวยิ่งเข้มข้นขึ้น

เดิมทีบทหนังเขียนขึ้นโดยให้ฉากหลังเป็นอเมริกา และจะถ่ายทำในแอฟริกาใต้ แต่เมื่อ จอห์น สต็อกเวลล์ เข้ามานั่งแท่นผู้กำกับ กำหนดการสร้างก็เปลี่ยน “ผมบอกว่าเราควรถ่ายทำที่แอฟริกาใต้และบอกว่าเป็นแอฟริกาใต้ ความจริงที่นี่แหละคือเมืองหลวงฉลามของโลก” สต็อกเวลล์กล่าว “อีกอย่าง คุณสามารถหานักธรรมชาติวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านฉลามชาวอเมริกันหลายคนได้ที่เคปทาวน์ ซึ่งทำงานร่วมกับชาวฝรั่งเศส อังกฤษ และแอฟริกัน” 

ด้วยความที่ตัวเขาเองก็เป็นนักโต้คลื่น สต็อกเวลล์จึงดูเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตำแหน่งผู้กำกับ Dark Tide  นอกจากนี้เขายังปรากฏตัวในฐานะนักแสดงในภาพยนตร์หลายเรื่อง รวมถึง Top Gun, Christine และ Nixon ทั้งยังได้เข้าชิงรางวัลเอมมี่สาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกเรื่อง Cheaters ด้วย สต็อกเวลล์ได้ คริสเต็น ดันส์ มารับบทสาวข้างบ้านในหนังอินดี้อีโรติกสุดห้าวเรื่อง crazy/beautiful ตามด้วยการกำกับ Blue Crush ที่รั้งตำแหน่งหนังเกี่ยวกับกีฬาโต้คลื่นที่ยอดเยี่ยมและน่าตื่นเต้นที่สุดตลอดกาล ส่วนเรื่อง Into the Blue ที่นำแสดงโดย เจสสิก้า อัลบา และพอล วอลเกอร์ นั้น สต็อกเวลล์ได้เปลี่ยนการผจญภัยสุดระทึกให้กลายเป็นประสบการณ์ทางน้ำที่น่าตื่นตะลึง โดยพาผู้ชมทั่วโลกไปสัมผัสสถานที่ถายทำในบาฮามาส์และมหาสมุทรนอร์ธแอตแลนติค เขาคือผู้กำกับที่เกิดมาเพื่อถ่ายทำในน้ำ อย่างที่เขาบอกว่า “ผมสนุกกับมันมาก การถ่ายทำในน้ำมันมีความฉับไว เป็นธรรมชาติ และมีชีวิตชีวา”

การถ่ายทำในน้ำเป็นที่รู้กันว่าทรหด แพงหูฉี่ และมีแนวโน้มล้มเหลว สปีลเบิร์กเองยังมีปัญหากับ บรูซ หุ่นฉลามของเขาในปี 1975 งานสร้างหนังของ เจมส์ คาเมรอน เรื่อง The Abyss เปลี่ยนโรงงานนิวเคลียร์ที่สร้างไม่เสร็จให้กลายเป็นตู้ปลาขนาดยักษ์ เพื่อให้เป็นฉากหนังใต้น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก และแน่นอน Water World เป็นเครื่องเตือนใจนักทำหนังว่าอย่าไปสร้างฉากหนังในทะเล อุปกรณ์เมื่ออยู่ใต้น้ำมีน้ำหนักมากกว่าตอนแห้งถึงสามเท่า

จากความสำเร็จในการถ่ายทำในน้ำที่ผ่านมา สต็อกเวลล์กระตือรือร้นกับงานนี้มาก แต่ยังบอกว่า “ผมมีเวลาเตรียมงานสองอาทิตย์ครึ่ง และกว่าจะฟันธงทุกอย่างได้ก็ตอนสี่วันสุดท้าย!!!!”

สต็อกเวลล์ใช้วิธีถ่ายทำแบบกองโจรโดยดำลงไปใต้น้ำจริงๆ ตั้งแต่แรก “เราเริ่มทำถ่ายทำและรับมือกับสถานการณ์แบบวันต่อวัน นั่นคือวิธีการทำงานของเรา เรารับมือกับสภาพอากาศและทัศนวิสัย ไม่ว่าจะมีฉลามหรือไม่ ไม่ว่าทีมงานหรือนักแสดงจะเมาคลื่นหรือเปล่า” แน่นอนว่าเคปทาวน์นั้นขึ้นชื่อเรื่องสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย และกลายเป็นตัวละครหนี่งในหนัง “สภาพอากาศที่นี่ท้าทายมาก พยากรณ์อากาศล่วงหน้าหนึ่งวันไม่ได้ ต้องพยากรณ์ทุกยี่สิบนาที เขาบอกว่าที่นี่มีสี่ฤดูในหนึ่งวัน ผมขอบอกว่าสี่ฤดูในหนึ่งชั่วโมงดีกว่า” สต็อกเวลล์กล่าว 

พวกเขาพิจารณาทางเลือกหลายทาง “มีทางเลือกในการถ่ายทำหลายทาง คุณอาจจะหยุดถ่ายเมื่อมีเมฆ เพราะมุมกล้องไม่ได้ หรือจะถ่ายต่อไป หรือจะเปลี่ยนอย่างรวดเร็วก็แล้วแต่ เราเคยเจอวันที่เริ่มต้นด้วยแสงแดด จากนั้นก็มีลูกเห็บ แล้วก็ลมแรง แล้วก็คลื่นสูงสิบสองฟุต แล้วก็นิ่ง เพราะฉะนั้นขอบคุณพระเจ้าที่ทุกคนแข็งขันเป็นอย่างดี” เมื่ออากาศเปลี่ยนระหว่างถ่ายทำฉากหนึ่ง พวกเขาจะเปลี่ยนไปถ่ายฉากแอ๊คชั่นในพายุทันที “มันเป็นทางเดียวที่จะถ่ายหนังเรื่องนี้ได้”

ที่สำคัญ สต็อกเวลล์ได้รวบรวมสุดยอดทีมงานสำหรับหนังเรื่องนี้ เริ่มจากผู้ประสานงานทางน้ำ เจสัน มาร์ติน และจิมมี่ เฟรเซอร์ แห่ง Frog Squad ในเคปทาวน์ “ผู้ประสานงานทางน้ำคลุกคลีอยู่กับหนังและช่วยในเรื่องการถ่ายทำ” ผู้อำนวยการสร้างเชาส์กล่าว “เราต้องการทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ทั้งเรือ ทีมงาน นักแสดง และสถานการณ์ คุณไม่ได้ทำหนังขั้วโลกเหนือโดยใช้หิมะปลอมนี่”

“ทีมงานทุกคนของเราเป็นนักดำน้ำที่มีคุณสมบัติเข้าขั้น แต่แทนที่จะทำงานนอกชายฝั่ง พวกเขากลับเชี่ยวชาญงานสนับสนุนการถ่ายทำภาพยนตร์ใต้น้ำ” เจสัน มาร์ติน แห่ง Frog Squad กล่าว “อุปกรณ์ที่เราใช้นั้นทันสมัย รวมถึงเครื่องมือสื่อสาร ทั้งแบบมีสายและไร้สาย เช่น เครื่องขยายเสียงใต้น้ำยี่ห้อลูเบลล์ที่คุณภาพเสียงคมชัดสำหรับการพูดของนักแสดง, ถังอ็อกซิเจน, สกู๊ตเตอร์ใต้น้ำ และอุปกรณ์อื่นๆ ที่คุณนึกออก”

เช่นเดียวกับสต็อกเวลล์และเชาส์ มาร์ตินมองว่าทีมงานทางน้ำคือเสาหลักของการถ่ายทำใต้น้ำ  “เราหวังจะนำเสนอสถานที่ถ่ายทำที่สะท้อนถึง Pinewood Studios ในอังกฤษ หรือแทงก์น้ำแนวนอนในมัลทา แต่ตอนนี้เรามีแนวชายฝั่งและฉากหลังที่งดงามหาที่ไหนเทียบยาก และได้การสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญที่ทุ่มเทถ่ายทำหนังเรื่องนี้”


เล่าเรื่องจริงใต้น้ำ


น้ำเป็นสื่อที่หนาแน่นและมีคุณสมบัติดูดแสงซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนได้ เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจวิธีกาทำงานกับปัจจัยเหล่านี้ การทำงานกลางผืนน้ำโดยมีเงื่อนไขของทะเล สภาพอากาศ คลื่นลม และทัศนวิสัยที่เปลี่ยนแปลงทุกวันหรือทุกชั่วโมง คุณต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับทุกอย่างที่อาจเกิดขึ้น

ด้วยการร่วมมือกับผู้กำกับภาพที่อยู่ ‘เหนือน้ำ’ ฌอง ฟรองซัวส์ เฮนสเกนส์ สต็อกเวลล์และตากล้องใต้น้ำใช้เครื่องมือหลายอย่างเพื่อให้ได้ภาพและบรรยากาศอย่างที่ต้องการโดยมีข้อจำกัดของการถ่ายทำแบบไม่มีการวางแผนล่วงหน้า “เราผสมวิธีการหลากหลายรูปแบบ พอจบวัน เราก็มาดูว่าถ่ายอะไรบ้าง เมื่อคุณทำงานกับฉลามหรือสัตว์ป่า พวกมันไม่มานั่งรอคุณเตรียมกล้อง โหลดฟิล์ม หรือวัดระยะโฟกัสหรอก คุณต้องพร้อมเสมอเมื่อพวกมันโผล่มา” ผู้กำกับนักผจญภัยกล่าว

พวกเขาใช้กล้องดิจิตอล เอฟ 900 ของ Sony และ 5ดี ของ Cannon ซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มนักทำหนังอิสระ ด้วยคุณสมบัติไวแสงต่ำ คมชัด และเปลี่ยนเลนส์ได้ สต็อกเวลล์กล่าววว่า “มันเป็นกล้องตัวเล็กที่น่าทึ่ง เป็นทางออกของการถ่ายทำใต้น้ำ”

happy on June 13, 2012, 01:51:37 PM

ทำงานบนผืนน้ำ

“ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าหนังเรื่องนี้เป็นยังไงก่อนตกลงทำ” เชาส์กล่าว “พวกเขาจะได้ออกไปกลางทะเล ต้องเมาคลื่น ตากแดด และเสียน้ำ แต่จะมีใครซักกี่คนที่ได้นั่งเรือดูฉลาม, ปลาวาฬ, ปลาโลมา, แมวน้ำ และเพนกวินว่ายน้ำ พวกเราโชคดีและได้เปรียบคนอื่น ความจริง พวกเราปลื้มมากเลย”

สต็อกเวลล์บอกว่าการมีเวลาเตรียมตัวน้อยความจริงก็ดีไปอย่าง เพราะทุกคนโดดเข้าร่วมโปรเจ็คต์แบบงงๆ นักแสดงและทีมงานไม่มีใครถามว่า ‘เอ๊ะ มันจะอันตรายมั้ยนะถ้าฉันเอาเท้าจุ่มน้ำตอนฉลามขาวยักษ์โผล่มา’ สิ่งที่ไม่ธรรมดาของหนังเรื่องนี้คือ เราอยู่บนเรือขนาด 22 ฟุตวันละ 10 ชั่วโมง ฮัลลี่ เบอร์รี่ก็ต้องใช้ห้องน้ำเหม็นๆ เหมือนคนอื่น ผมกำลังบอกว่ามันไม่มีพื้นที่ส่วนตัวของทีมงานกว่ายี่สิบชีวิตและนักแสดงอีกสี่ถึงหกคน มันเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาจริงๆ”

นักแสดงสาวเจ้าของรางวัลออสการ์เห็นด้วย “เราลอยเคว้งอยู่กลางทะเลบนเรือลำเล็กๆ และเกือบทุกวันมีผู้ชายและผู้หญิงกว่ายี่สิบคนบนเรือลำนั้นพยายามสร้างหนังเรื่องหนึ่งโดยใช้ชีวิตในพื้นที่จำกัด” นักแสดงทุกคนไม่มีพื้นที่ส่วนตัวในการเตรียมตัวเข้าฉาก เบอร์รี่บอกว่า “เราต้องหามุมเล็กๆ และรับมือกับงานที่ต้องทำ ณ ตอนนั้น บางครั้งก็ไม่ได้เตรียมตัวเลยด้วยซ้ำ แต่ต้องกระโดดเข้าฉากทั้งอย่างนั้น”

“บอกตามตรงว่าเธอไม่ใช่นักแสดงคนแรกๆ ที่ผมคิดว่าเหมาะกับหนังเรื่องนี้ นั่นคือสาเหตุว่าทำไมผมถึงแปลกใจที่เธอสามารถปรับตัวได้ดีมาก” สต็อกเวลล์กล่าว “ผมไม่เคยมองเธอเป็นสาวนักกีฬาสมบุกสมบัน แบบว่าทำงานสิบชั่วโมงต่อวัน สิบสองเดือนของทั้งปี แต่เธอปรับตัวเองได้ดีมาก ถ้านึกถึง ฮัลลี่ เบอร์รี่ คุณจะนึกถึงภาพสาวสวย แต่เรื่องนี้เธอห่างไกลภาพพรีเซ็นเตอร์เครื่องสำอางที่คุณเคยเห็นมาก เธอกลายเป็นสมบัติชิ้นล้ำค่าของหนังเรื่องนี้ ความจริง เธออาจจะพูดได้ว่า ‘ฉันว่าเราไม่ควรถ่ายทำบนเรือจริง เราน่าจะถ่ายกันในสตูดิโอโดยใช้ฉากกรีนสกรีนดีกว่า ฉันจะได้กินอาการเที่ยงดีๆ และอยู่ในเทรลเลอร์สบายๆ’ แต่เธอไม่เคยพูดแบบนั้น ความจริงเธอเป็นนักสู้คนหนึ่งเลยล่ะ”

เบอร์รี่เดินทางมาถึงหลังเริ่มต้นถ่ายทำสองวันและมีอาการเมาเรือทันที! “ฉันบอกอย่างไม่อายเลยว่าฉันเมาคลื่นตังแต่วันแรกที่มาถึง ฉันอาเจียนไปห้าครั้ง แต่หลังจากนั้นก็ไม่เป็นอีกเลย ฉันเดินบนเรือได้โดยไม่ล้มและไม่เมาเรืออีกเลยหลังจากนั้น วันแรกนั้นคลื่นแรงและสูงมาก ทีมงานครึ่งหนึ่งของเราเมาเรือ ฉันอาเจียนใส่รองเท้าของโอลิวิเยร์ด้วย ก็ช่วยไม่ได้นี่”

นักแสดงอีกคนหนึ่งคือ โอลิวิเยร์ มาร์ติเนซ ผู้ล่องเรือจากเคปแวร์ดมายังเคปทาวน์ ก็ร่วมขบวนการถ่ายทำแบบกองโจรเช่นกัน  “เขาควรจะมีเวลาเตรียมตัวหนึ่งอาทิตย์” เชาส์กล่าว “แต่วันที่เขามาถึง ผมพาเขาขึ้นเรือเพื่อพบจอห์น และอีกชั่วโมงต่อมาจอห์นก็ให้เขาแสดงเลย และเพราะเขายังคงใส่ชุดเดิมของตัวเอง ฝ่ายเสื้อผ้าของเราต้องดูแลเสื้อผ้าที่เขาขนมาเองจากฝรั่งเศส สุดท้ายเสื้อผ้าที่เตรียมไว้ให้เขาใส่เข้าฉากก็ไม่ได้ใช้เลย แต่เขารู้สึกสบายที่ใส่เสื้อผ้าของตัวเองน่ะ เขาดูเป็นตัวของตัวเอง รู้สึกสบายกับสิ่งที่ทำ”

ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย มัวร่า เมเยอร์ เจอความท้าทายอีกหลายอย่างนอกจากมาร์ติเนซ “เราต้องเตรียมทุกอย่างในคราวเดียว เพราะเราต้องขนทุกอย่างขึ้นเรือและต้องเตรียมพร้อมสำหรับสภาพอากาศทุกรูปแบบและการเปลี่ยนฉากกะทันหัน ตัวละครแต่ละตัวต้องมีชุดดำน้ำ, ผ้าขนหนู, อุปกรณ์อบอุ่นร่างกาย, ชุดชั้นใน และแม้แต่ชุดธรรมดา เพราะเมื่อเรือออกท่าในตอนเช้าแล้วจะไม่กลับมาอีก มันไม่เหมือนหนังเรื่องอื่นที่กลับมาเปลี่ยนชุดที่ฐานการถ่ายทำได้ คุณคงนึกออกถึงคนที่โทรเข้ามาว่า ‘เราลืมไอ้นั่นไอ้นี่ ช่วยส่งขึ้นเรือเร็วมาหน่อย’ เธอพูดด้วยรอยยิ้ม “แต่นั่นแหละคือความสนุก!” 

ราล์ฟ บราวน์ ผู้รับบทนักธุรกิจจอมอวดดี ก็ได้ประสบการณ์การถ่ายทำที่แปลกใหม่เช่นกัน “การถ่ายทำหนังเรื่องนี้ไม่เหมือนเรื่องอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีปลาวาฬโผล่ขึ้นมา เราต้องแสดงทันที เพราะฉะนั้นมันเหมือนกับเราเล่นสดตลอดเวลา หนังส่วนใหญ่จะเคร่งครัดกับบทหนังมาก แต่เรื่องนี้หลวมสุดๆ บนเรือจะเป็นแบบนี้ จอห์นไม่ชอบให้ใครขวางทาง เขาไม่ชอบให้ฝ่ายเสื้อผ้าเข้าไปยุ่ง และเขาก็เอาแต่ถ่ายหนังและถ่ายหนัง! เมื่อลุค ที่แสดงเป็นลูกชายผม เกิดเมาเรือขึ้นมาตอนที่ถ่ายทำอยู่ ภาพนั้นก็อยู่ในหนังนั่นแหละ เขาตะโกนว่า ‘จะทำอะไรก็ดูแลลูกชายคุณด้วย’ ผมก็บอกว่า ‘เราไม่ได้เมาเรือกันอยู่เหรอ’ เขาบอกว่า ‘เราก็เมาเรือกันตลอดเวลานั่นแหละ ราล์ฟ!!’

หนุ่มน้อย ลุค ไทเลอร์ ที่เพิ่งเริ่มอาชีพนักแสดงก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่เดือน ถูกค้นพบโดยสต็อกเวลล์และเชาส์ระหว่างขั้นตอนการคัดเลือกตัวนักแสดง ลุคบอกว่าเขากังวลเรื่องเมาเรือ แต่ในเมื่อสุดท้ายทุกคนเมากันหมด รวมทั้งนักแสดงระดับออสการ์อย่าง ฮัลลี่ เบอร์รี่ เขาก็รู้สึกดีขึ้นมาก และอย่างที่เชาส์พูด “ลุคไม่เคยแสดงหนังมาก่อน แต่แสดงให้เห็นว่าเขาอึดพอที่จะเล่นหนังแบบนี้ได้ตลอดรอดฝั่ง ซึ่งถือว่าไม่ธรรมดาล่ะ”

สต็อกเวลล์กล่าวว่าหนังเรื่องนี้จะสำเร็จไปไม่ได้ หากไม่มีความกระตือรือร้นและความกล้าหาญของทุกคนที่ตัดสินใจเข้ามาผจญภัยกับหนังเรื่องนี้ “ทีมงานทุกคนน่าทึ่ง พวกเขาน่าจะถอนตัวไปนานแล้วเมื่อเจอสถานการณ์ลำบากที่เราให้พวกเขาเผชิญ หนังเรื่องนี้ไม่มีบริการทีมงานนะ เราทำงานกันในทะเล ทุกคนเมาคลื่นกันหมด”

อย่างที่โอลิวิเยร์ มาร์ติเนซ บอก “มันเป็นภาพยนตร์ในน้ำ เป็นหนังเฉพาะทาง เหมือนทำงานกับสัตว์ป่า คุณจะทำทุกอย่างที่ต้องการไม่ได้ คุณต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ ซึ่งผมชอบนะ”


กำจัดฉลาม?

“ตอนที่ผมมาแอฟริกาใต้และพบกับนักธรรมชาติวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านฉลามที่ทำงานอยู่ที่แกนสบายและไซมอนสทาวน์ ผมรู้สึกได้ถึงความรักต่อปลาฉลามพวกนี้ ” สต็อกเวลล์กล่าว “ พวกเขาไม่ได้มองมันเป็นตัวอันตราย  มันมีความชื่นชมและเกรงขามเจ้าฉลามขาวยักษ์นี้ และหนังของเราไม่ได้นำเสนอมันเหมือนเป็นปีศาจในจินตนาการ”

ผู้กำกับรู้สึกชื่นชมคนอย่าง ไมค์ รัทเซน และคนอื่นๆ ที่ว่ายน้ำกับฉลามขาวยักษ์นอกกรงและแสดงปฏิกิริยาโต้ตอบกับมัน “คุณรู้มั้ย ฉลามมันก็ประหม่าที่อยู่กับคุณในน้ำ เหมือนที่คุณรู้สึกกับมันนั่นแหละ” รัทเซนคือผู้เชี่ยวชาญด้านฉลามขาวยักษ์ และแชมป์พูดคุยกับฉลามผู้ใช้เวลาว่ายน้ำนอกกรงกับฉลามขาวยักษ์มากกว่าคนอื่นๆ”

สต็อกเวลล์เล่าว่าระหว่างการถ่ายทำ “เราพบว่าพวกฉลามกังวลที่จะเข้ามาใกล้เรา พวกมันสนใจแมวน้ำ เนื้อปลาวาฬ และอาหารมากกว่า ถ้าคุณไม่ได้เลือดไหลและดิ้นไปดิ้นมา ก็ยากที่ฉลามจะเข้าจู่โจมคุณ พวกมันไม่ได้เข้ามาป้วนเปี้ยนรอบๆ เมื่อคุณลงน้ำหรอกนะ ความจริงคุณต้องพยายามอย่างมากให้พวกมันสนใจ ไม่ว่าจะโยนอะไรลงน้ำไปล่อมันก็ตาม”   
ฉลามอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหารในมหาสมุทร และเป็นอย่างนั้นมาหลายพันปีก่อนเกิดไดโนเสาร์ แต่ปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าเกือบ 30 เปอร์เซ็นต์ของฉลามและสายพันธุ์ที่เกี่ยวข้องกำลังจะสูญพันธุ์
ทุกปี ฉลามกว่า 73 ล้านตัวถูกฆ่าเพื่อเอาครีบ ส่วนใหญ่นำไปขึ้นโต๊ะเป็นซุปหูฉลามของชาวเอเชีย โดยชาวประมงจะตัดครีบของฉลามที่จับได้ออกแล้วโยนมันกลับลงทะเลในสภาพที่ตายแล้วหรือกำลังจะตาย
ฉลามโตช้า ใช้เวลานานกว่าจะโตเต็มวัย และผลิตลูกหลานออกมาน้อยตลอดอายุขัยอันยาวนานของมัน การแสวงหาผลประโยชน์จากพวกมันมากเกินไปจึงเป็นภัย อีกทั้งฉลามยังฟื้นตัวช้าจากการถูกล่ามากเกินไปอีกด้วย
การสูญเสียฉลาม หนึ่งในผู้ล่าหลักของท้องทะเล อาจนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงและไม่อาจคืนสภาพเดิมได้
แมทธิว เชาส์ กล่าวว่า “เราไม่ได้ต้องการทำให้ฉลามเป็นตัวร้าย ฉลามเป็นนักแสดงสมทบ ไม่ใช่ผู้ร้าย ความจริงผู้ร้ายคือมนุษย์และความเข้าใจผิดของพวกเขาต่างหาก ทุกคนมีมุมมองของตัวเอง ตัวละครบางตัวมองฉลามในมุมมองนักอนุรักษ์ ขณะที่คนอื่นมองมันเป็นสัตว์อันตราย แต่การตัดสินใจของตัวละครหลายครั้งมาจากความสัมพันธ์ของพวกเขากับฉลาม ความจริงคือเรื่องราวเกิดขึ้นกลางทะเลนอกชายฝั่งแอฟริกา ที่ซึ่งเราต้องใช้ชีวิตร่วมกับฉลาม เพราะพวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าทึ่งและยิ่งใหญ่” 


นักแสดง

เคต แมทธีสัน       ฮัลลี่ เบอร์รี่
เจฟ เลอ กรองช์      โอลิวิเยร์ มาร์ติเนซ
วิลเลียม เบรดี้      ราล์ฟ บราวน์
ลุค เบรดี้                      ลุค ไทเลอร์
ทอมมี่         มาร์ค เอลเดอคิน
เธมบา         ซิสเว มซูฟู
ซูกิซา         โธโก ทชินกา