MSN on May 11, 2012, 07:21:51 AM
KTAMขาย2กองทุนตราสารหนี้6เดือนชู 3.25%

        นายสมชัย   บุญนำศิริ  กรรมการผู้จัดการ  บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)   เปิดเผยว่า  สัปดาห์นี้บริษัทเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ ทั้งในและต่างประเทศ   ประกอบด้วย  กองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 35  ( KTSUPB35 )   เสนอขายวันที่ 8 -14 พฤษภาคม 2555  อายุโครงการ  6 เดือน  มูลค่า 5,000 ล้านบาท    เป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ เช่น  พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย  เงินฝาก / ตราสารการเงินระยะสั้นธนาคารพาณิชย์ไทย  ตั๋วแลกเงินบริษัทเอกชนไทย   ส่วนตราสารต่างประเทศ  ได้แก่  เงินฝากประจำ    Union  National  Bank  (UNB ) ,  เงินฝากประจำ   Abu  Dhabi  Commercial   Bank  (ADCB ) , MTN ออกโดย  Banco   Bradesco  S.A.  ( BRADES )  , MTN ออกโดย  Banco  Itau  BBA  S.A. ( ITAU )      โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.25% ต่อปี

            นอกจากนี้  ยังเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 3 เดือน 2 ( KTSIV3M2 )  ประเภท Roll Over  เสนอขายครั้งใหม่ ในวันที่ 8-11  พฤษภาคม  2555  อายุโครงการ 3 เดือน    เป็นกองทุนที่เน้นลงทุน ในเงินฝาก  บัตรเงินฝาก  ตั๋วแลกเงิน ของธนาคารธนชาต  จำกัด  และธนาคารเกียรตินาคิน  จำกัด (มหาชน)   และตั๋วแลกเงินของภาคเอกชนที่มีอันดับเครดิตตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป    ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.90% ต่อปี

            นายสมชัย  กล่าวถึงภาวะตลาดตราสารหนี้ของไทย มีความผันผวน  โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาอัตราตราสารระยะกลาง และยาว ผลตอบแทนมีการปรับลดลง  ส่วนตราสารระยะสั้นอายุไม่เกิน 1 ปี  ผลตอบแทนทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้น     อยู่ในอัตรา 2.94 – 3.22%  ทั้งนี้  มีแรงขายทำกำไร เพื่อปรับไปลงทุนในตราสารที่อายุยาวขึ้น นอกจากนี้   กระทรวงพาณิชย์ได้ประกาศอัตราเงินเฟ้อประจำเดือนเมษายน 2555  ที่เพิ่มขึ้นเพียง 2.47% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ถือว่าต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้มาก  รวมถึง คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีการประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อัตรา 3.00% ต่อปี เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผลให้ตราสารระยะสั้นถึงกลางมีการปรับลดลง

          ส่วนการลงทุนตราสารหนี้และเงินฝากต่างประเทศ  เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากตลาดสวอปอัตราแลกเปลี่ยนที่ปรับตัวดีขึ้น หลังจากเมื่อกลางเดือนเมษายน อัตราดอกเบี้ยสวอปปรับตัวลดลงค่อนข้างแรง จากการขายทำกำไร  และความกังวลต่อนโยบายของทางการในการเรียกเก็บเงินสมทบเข้ากองทุนฟื้นฟูฯ ซึ่งล่าสุดตลาดเริ่มผ่อนคลายความกังวลต่อข่าวดังกล่าว จึงทำให้ดอลล่าร์พรีเมี่ยมจากการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับเงินลงทุนในต่างประเทศปรับตัวดีขึ้น  จึงเป็นโอกาสที่ดี สำหรับการลงทุนในช่วงเวลานี้