ชื่อภาพยนตร์ AMEICAN PIE REUNION
ชื่อไทย อเมริกันพาย รียูเนี่ยน คืนสู่เหล้าแก็งค์แอ้มสาว
จัดจำหน่าย บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์)
เว็บไซต์ www.americanreunionmovie.com
ภาพยนตร์เข้าฉาย 10 พฤษภาคม 2555
ทีมนักแสดง
เจสัน บิ๊กส์ (Jason Biggs) รับบท จิม ผู้ควบคุมงานสร้าง
อาลิสัน ฮันนิแกน (Alyson Hannigan) รับบท มิเชลล์
คริส ไคลน์ (Chris Klein) รับบท ออซ
โธมัส เอียน นิโคลัส (Thomas Ian Nicholas) รับบท เควิน
ทารา รี้ด (Tara Reid) รับบท วิคกี้
ฌอนน์ วิลเลียม สก็อต (Seann William Scott) รับบท สติฟเลอร์ ผู้ควบคุมงานสร้าง
มีนา ซูวารี (Mena Suvari) รับบท ฮีทเธอร์
เอ็ดดี้ เคย์ โธมัส (Eddie Kaye Thomas) รับบท ฟินช์
เจนนิเฟอร์ คูลลิดจ์ (Jennifer Coolidge) รับบท แม่ของสติฟเลอร์
ยูจีน เลวี (Eugene Levy) รับบท พ่อของจิม
ทีมผู้สร้าง
จอน เฮอร์วิทซ์ และ เฮย์เดน ชลอสเบิร์ก (Jon Hurwitz & Hayden Schlossberg) –เขียนบทและกำกับโดย
เคร็ก เพอร์รี (Craig Perry)—อำนวยการสร้าง
วอร์เรน ไซด์ (Warren Zide)—อำนวยการสร้าง
คริส มัวร์ (Chris Moore)—อำนวยการสร้าง
หลุยส์ จี. ฟรายด์แมน (Louis G. Friedman)—ควบคุมงานสร้าง
พอล ไวซ์ (Paul Weitz)—คริส ไวซ์ (Chris Weitz)—ควบคุมงานสร้างการกลับมาของก๊วนเพื่อนเก่าวัยโจ๋จากหนังสุดฮิต American Pie
ใน American Reunion ฮาทะเล้นครบทีม ต้นปี 2012
ภาพยนตร์คอมเมดี้ฮาทะเล้น American Reunion คือการรวมดาราวัยรุ่นที่เคยแจ้งเกิดร่วมกันจาก American Pie ที่คนดูหนังทั่วโลกรู้จักกันมาเกินกว่าสิบปีแล้ว พวกเขากลับมาเจอกันเองและกลับมาสร้างความสนุกสนานปนสัปดนให้กับพวกเราอีกครั้ง ด้วยเรื่องราวของงานคืนสู่เหย้าของไฮสกูลที่ อีสต์ เกรท ฟอลส์ ทำให้พวกเขาได้มาเจอกันอีกครั้งในช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งแต่ละคนจะได้พบว่ากาลเวลาและระยทางจะทำให้อะไรเปลี่ยนไปบ้าง และมันจะทำลายมิตรภาพของพวกเขาได้หรือไม่
จากฤดูร้อนปี 1999 ที่เด็กหนุ่มในเมืองเล็กๆของรัฐมิชิแกน เริ่มท้าทายกันเรื่องการเปิดซิงของแต่ละคน จากวันนั้นถึงวันนี้ จิมและมิเชลล์ได้แต่งงานกันจริงๆ ขณะที่เควินและวิคกี้บอกเลิกเป็นแฟนกัน อ็อซและเฮทเธอร์ต่างแยกย้าย แต่ฟินช์ยังคบกับแม่ของสติฟเลอร์อยู่ ด้วยวัยที่เติบใหญ่ พวกเขาทั้งหมดนี้กำลังจะกลับมาบ้าน เพื่อรวมก๊วนชวนกันแอ้มสาวอีกครั้ง และคืนชีพตำนานความฮาทะเล้นขั้นเทพอีกรอบ ข้อมูลงานสร้าง
ยินดีต้อนรับสู่งานคืนสู่เหย้าของเหล่านักเรียนจากอีสต์ เกรท ฟอลส์ ไฮ รุ่นปี 1999 ในคอมมิดี้American Reunion ตัวละครจาก American Pie ทุกคนที่เราได้พบเมื่อกว่าสิบปีก่อนจะกลับมารวมตัวกันอีกครั้งในงานคืนสู่เหย้าไฮสคูล ในช่วงสุดสัปดาห์หฤหรรษ์ พวกเขาจะได้ค้นพบว่าอะไรบ้างที่เปลี่ยน ใครบ้างที่ไม่เปลี่ยน รวมทั้งเรื่องที่ว่า เวลาและระยะทางไม่อาจสะบั้นสายสัมพันธ์ของมิตรภาพลงได้
ช่วงฤดูร้อนปี 1999 เด็กหนุ่มจากมิชิแกนสี่คนเริ่มต้นหาหนทางที่จะเสียพรหมจรรย์ ในช่วงเวลาหลายปีหลังจากนั้น จิม (เจสัน บิ๊กส์) และมิเชลล์ (อลิสัน ฮันนิแกน) ได้แต่งงานกันในขณะที่เควิน (โธมัส เอียน นิโคลัส) และวิคกี้ (ทารา รี้ด) แยกกันไปคนละทาง ออซ (คริส ไคลน์) และฮีทเธอร์ (มีนา ซูวารี) ห่างเหินกัน แต่ฟินช์ (เอ็ดดี้ เคย์ โธมัส) ยังคงปรารถนาแม่ของสติฟเลอร์ (เจนนิเฟอร์ คูลลิดจ์) อยู่เหมือนเดิม ส่วนสติฟเลอร์ (ฌอนน์ วิลเลียม สก็อต) ก็ยังเป็นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน บัดนี้ เพื่อนซี้กลุ่มนี้ได้กลับมาเยือนบ้านอีกครั้งในฐานะผู้ใหญ่เต็มตัวเพื่อครุ่นคำนึงถึง และเพื่อหาแรงบันดาลใจจากอดีตของพวกเขาที่เป็นวัยรุ่นฮอร์โมนพลุ่งพล่าน
ผู้ที่ร่วมทีมนักแสดงที่กลับมาสู่ America Reunion ที่หลายคนรอคอยคือตำนานแห่งวงการคอมมิดี้ยูจีน เลวีในบทพ่อของจิม, นาตาชา ลีออน์ในบทเจสสิก้า กูรูด้านเซ็กส์, จอห์น โชและจัสติน อิสเฟลด์ในบทผู้คลั่งไคล้สาวใหญ่ไฟแรง, คริส โอเวนในบทเชอร์แมนเนเตอร์และแชนนอน อลิซาเบธในบทนาเดีย เด็กสาวในบทรักออนไลน์ครั้งแรกของจิม
พวกเขาร่วมด้วยทีมนักแสดงสมทบหน้าใหม่สำหรับแฟรนไชส์นี้ ได้แก่ดาเนีย รามิเรซในบทเซเลนา ลูกเป็ดขี้เหร่ของอีสต์ เกรท ฟอลส์ ผู้ซึ่งไม่มีใครคิดว่าจะสวยขนาดนี้, แคทรินา โบว์เดนในบทไมอา แฟนสาวนางแบบที่ไร้แรงกระตุ้นของออซ, แชด โอโชซินโก้แสดงเป็นตัวเอง ด้วยการเป็นพิธีกรร่วมออกอากาศกับออซ, เจย์ แฮร์ริงตันในบทดร.รอน แฟนหนุ่มผู้หลงตัวเองของฮีทเธอร์ที่เป็นหมอผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ, อาลี คอร์บินในบทคารา เพื่อนบ้านสุดเซ็กซีของจิมและชัค ฮิตติงเกอร์ในบทเอเจ แฟนหนุ่มงี่เง่าของคารา
American Reunion เขียนบทและกำกับโดยจอน เฮอร์วิทซ์และเฮย์เดน ชลอสเบิร์ก (Harold & Kumar Escape From Guantanamo Bay) จากตัวละครที่สร้างสรรค์โดยอดัม เฮิร์ซ (American Wedding) คอเมดีเรื่องนี้อำนวยการสร้างโดยเคร็ก เพอร์รี (แฟรนไชส์ American Pie), วอร์เรน ไซด์ (แฟรนไชส์ American Pie), คริส มัวร์(แฟรนไชส์ American Pie) และอดัม เฮิร์ซ
ผู้ทำงานเบื้องหลัง American Reunion ได้แก่ผู้กำกับภาพดาริน โอคาดา (Mean Girls, Baby Mama), ผู้ออกแบบงานสร้างวิลเลียม อาร์โนลด์ (Magnolia, Last Holiday), มือลำดับภาพ เจฟ เบทันคอร์ท (Harold & Kumar Go to White Castle, The Grudge), ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย โมนา เมย์ (Enchanted, The House Bunny) และคอมโพสเซอร์ ไลล์ เวิร์คแมน (Forgetting Sarah Marshall, The 40-Year-Old Virgin)
ผู้ควบคุมงานสร้างสำหรับคอเมดีเรื่องนี้ได้แก่หลุยส์ จี. ฟรายด์แมน (American Wedding), พอล ไวซ์(American Pie) และคริส ไวซ์ (A Better Life), ฌอนน์ วิลเลียม สก็อตและเจสัน บิ๊กส์เกี่ยวกับงานสร้าง
แฟนๆ ขึ้นแท่นผู้กำกับ: American Reunion เริ่มเปิดงาน
ผู้อำนวยการสร้างเคร็ก เพอร์รี, วอร์เรน ไซด์และคริส มัวร์ต่างก็อยู่กับ American Pie มาตั้งแต่ต้นและพวกเขาก็มุ่งมั่นที่จะทำให้แฟนๆ ได้เห็นอีกช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตของตัวละครที่พวกเรารู้สึกรักมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา “หกปีก่อน ผมเริ่มมายูนิเวอร์แซลทุกๆ หกหรือเก้าเดือนเพื่อเสนอไอเดียบางอย่างเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้” มัวร์บอก “ท้ายที่สุด ไอเดียของงานคืนสู่เหย้าก็ได้รับความสนใจ และเมื่อโปรเจ็กต์นี้ได้รับไฟเขียวแล้ว ความท้าทายที่เหลือคือการดูว่าทีมนักแสดงเดิมทุกคนจะกลับมารึเปล่าน่ะครับ”
“หนึ่งในสิ่งที่เยี่ยมเกี่ยวกับแฟรนไชส์ American Pie คือมันพูดถึงช่วงเวลาที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้” เพอร์รีเล่า “เราต่างก็ได้ทำความรู้จักและรักตัวละครกลุ่มนี้เพราะพวกเขาต่างก็พบเจอกับสถานการณ์ที่พวกเราเข้าถึงได้ แต่ผลลัพธ์ของพวกเขาจะตลกกว่าและสุดโต่งกว่าเสมอ ผมคิดว่านั่นเป็นเหตุผลที่หนังพวกนี้เป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ มาโดยตลอดและกลายเป็นเหมือนหนังคลาสสิกน่ะครับ”
ทีมผู้สร้างเห็นพ้องต้องกันว่าทางเดียวที่จะสร้างภาพยนตร์ที่คู่ควรกับอีสต์ เกรท ฟอลส์คือการทำให้แน่ใจว่า นักแสดงทุกคนจะกลับมางานคืนสู่เหย้า นักแสดงคนแล้วคนเล่ากระโจนเข้าใส่โอกาสที่จะได้กลับมาพบเพื่อนเก่าอีกครั้ง “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเราได้พบตัวละครพวกนี้เมื่อ 13 ปีที่แล้ว” ไซด์เล่า “สิ่งที่พิสูจน์ว่าพวกเขาเป็นตัวละครที่มีคนรักมากขนาดไหนคือการที่นักแสดงทุกคนของเรากลับมารับบทที่เป็นตัวช่วยแจ้งเกิดให้พวกเขาอีกครั้งครับ ผมเองก็ตื่นเต้นพอๆ กับผู้ชมที่ได้เห็นพวกเขากลับมาเจอกันอีกครั้งครับ”
เมื่อครอบครัว American Pie เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง สิ่งถัดไปที่สตูดิโอต้องทำคือการหาทีมผู้กำกับ/มือเขียนบท ที่เต็มใจจะทำงานในซีเควลของแฟรนไชส์ที่โด่งดังอยู่แล้ว “ปัญหาของการสร้างซีเควลภาคที่สาม” มัวร์บอก “คือไม่ค่อยมีคนอยากจะมาทำงานกับมันนักเพราะตัวละครถูกสร้างไว้เรียบร้อยอยู่แล้วน่ะครับ”
โชคดีสำหรับผู้อำนวยการสร้างและแฟนๆ ของ Pie ทั่วโลกที่จอน เฮอร์วิทซ์และเฮย์เดน ชลอสเบิร์กยิ่งกว่าพร้อมรับความท้าทาย จริงๆ แล้ว พวกเขายืนกรานที่จะรับงานนี้ให้ได้ด้วยซ้ำไป เฮอร์วิทซ์และชลอสเบิร์กมือเขียนบทของทั้งสามภาคในแฟรนไชส์ Harold & Kumar (และผู้กำกับของภาคสอง) กระตือรือร้นที่จะได้สร้างโลกของ American Pie ขึ้นมาใหม่พร้อมไปกับการนำเครื่องหมายการค้าของพวกเขาประทับรอยลงไปในเรื่อง ทั้งคู่ยอมรับว่าพวกเขาต่างก็เป็นแฟนพันธุ์แท้ของแฟรนไชส์นี้ตั้งแต่ได้ดูครั้งแรก พวกเขาเลิกนับไปแล้วว่าพวกเขาได้ดูภาคแรกกี่ครั้งตอนที่มันเข้าฉายในปี 1999
“ตอนนั้น มีคอเมดีสำหรับวัยรุ่นหลายเรื่องครับ แต่ทุกเรื่องได้เรท PG-13 ทั้งนั้น” ชลอสเบิร์กอธิบาย “จอนและผมชอบคอเมดีสุดโต่งมากกว่า และ American Pie ก็เป็นหนังเรื่องแรกในรุ่นของเราที่มีคนหนุ่มสาวทำตัวและพูดเหมือนคนหนุ่มสาวในเซ็กส์คอเมดีจริงๆ นั่นเป็นสิ่งที่เราเข้าใจและเราก็ชอบมันครับ”
ชลอสเบิร์กและเฮอร์วิทซ์เป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่ไฮสคูลและมีอารมณ์ขันเหมือนๆ กัน เฮอร์วิทซ์เล่าว่า “เราเรียนไฮสคูลในช่วงเวลาที่คล้ายๆ กับตัวละครพวกนี้ สำหรับหลายๆ คนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเรา เรารู้สึกว่านี่เป็นไฮสคูลของเรา สิ่งที่เรารักเกี่ยวกับ American Pie คือทีมนักแสดง มันให้ความรู้สึกเหมือนว่าคุณรู้จักคนพวกนี้ทุกคน และเราก็สามารถเชื่อมโยงกับตัวละครแต่ละตัวได้ในลักษณะที่แตกต่างกันไปครับ”
พวกเขาเชื่อว่า เคล็ดลับความสำเร็จของแฟรนไชส์นี้คือสมดุลระหว่างคอเมดีสุดโต่งและช่วงเวลาที่เข้าถึงได้ ซึ่งตัวละครจริงๆ ได้ประสบ ชลอสเบิร์กกล่าวเสริมว่า “หนังภาคแรกมีเรื่องสกปรกมากมาย แต่แม้ว่ามันจะเกิดขึ้น ตัวละครของคริสและมีนาก็มีเรื่องราวความรัก ตัวละครของทาราหมกมุ่นกับ ‘ครั้งแรก’ ของเธอและรอจนกว่าแฟนของเธอจะบอกว่า ‘ฉันรักเธอ’ นั่นคือไฮสคูลครับ คุณจะเจอพวกเด็กหนุ่มที่หมกมุ่นกับเซ็กส์ แต่ทุกคนก็หมกมุ่นกับความสัมพันธ์และความรักกันทั้งนั้นแหละครับ”
“ผมเจอคนที่จะบอกว่า ‘ผมเคยเป็นจิมในกลุ่มเพื่อนผม’ หรือ ‘ผมเป็นสติฟเลอร์’ หรือ ‘ผมเป็นเหมือนออซ’ ครับ” มัวร์กล่าวเสริม “American Pie คือคำนิยามของหนัง coming-of-age ในปี 1999 และหนังเรื่องนั้นก็มีเรื่องสะเทือนอารมณ์มากกว่าที่จะเป็นแค่เรื่องล้อเลียนน่ะครับ”
เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ทีมผู้อำนวยการสร้างและผู้บริหารยูนิเวอร์แซลได้พบกับชลอสเบิร์กและเฮอร์วิทซ์ พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะเลือกทั้งคู่ให้เขียนบทและกำกับภาคล่าสุดในแฟรนไชส์นี้ โดยผู้อำนวยการสร้างรู้สึกว่าทั้งคู่เพอร์เฟ็กต์สำหรับ American Reunion
“ผมรู้จักจอนและเฮย์เดนตั้งแต่เราเรียนวิทยาลัยแล้วครับ” เพอร์รีเล่า “จริงๆ แล้ว พวกเขาได้ส่งบทภาพยนตร์เรื่องแรกให้ผมด้วยการคุยกับผู้ช่วยผู้กำกับที่หนึ่งใน American Pie แล้วขอให้เขาส่งมันต่อ! ผมจ้างพวกเขาให้รีไรท์อีกโปรเจ็กต์หนึ่งของผมหลังจากที่พวกเขาย้ายมาฮอลลีวูดหลายปี การได้พวกเขามาเขียนบทและกำกับภาคล่าสุดของแฟรนไชส์นี้ก็เลยเป็นสิ่งที่เหมือนกับโชคชะตาครับ ความรักและความทุ่มเทที่พวกเขามีต่อหนังพวกนี้เดินมาบรรจบกันแล้วครับ”
“พวกเขาส่งและรับกันและกันครับ” มัวร์อธิบาย “คุณไม่ต้องเจอกับเรื่องที่มือเขียนบทหรือผู้กำกับจะหลบไปอยู่คนเดียวแล้วค่อยกลับมาพร้อมไอเดีย พวกเขาจะแก้ปัญหาต่างๆ ด้วยการคุยกับกันและกัน ใครก็ตามที่มีไอเดียก็จะเสนอมันให้อีกคนพิจารณาน่ะครับ”
“เราต่างก็ชอบแฟรนไชส์ Harold & Kumar และเราก็โชคดีที่จอนและเฮย์เดนก็เป็นแฟนของ American Pie ด้วยเหมือนกัน” เขากล่าวต่อ “มันเป็นการจับคู่กันที่ดี เราต้องการสายเลือดใหม่ที่เป็นแฟนหนัง เข้าใจตัวละครและอยากจะทำงานในหนังเรื่องนี้ ซึ่งพวกเขาก็เข้าใจคอเมดีสถานการณ์ดีและพวกเขาก็ไว้ใจกันและกันด้วยครับ นอกจากนี้ พวกเขายังสามารถแยกกันทำงานได้ด้วย คุณก็เลยถ่ายทำได้มากขึ้นเพราะคุณมีคนสองคนทำงานกันคนละที่ได้น่ะครับ”
ทั้งคู่เห็นด้วยกับผู้อำนวยการสร้างว่าเป็นเรื่องสำคัญที่พล็อตเรื่องจะต้องมีทีมนักแสดงสำคัญทุกคนและนักแสดงสมทบจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ พวกเขาชื่นชอบการมีเค้าโครงแต่ก็สามารถนำตัวละครใหม่ๆ ใส่เข้าไปได้ เฮอร์วิทซ์เล่า “ยูนิเวอร์แซลเห็นว่าพวกเราเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ American Pie ดังนั้น การให้เรามากำกับหนังเรื่องนี้ก็เหมือนกับการให้แฟนๆ ได้มาดูแลมัน”
“คุณไม่ค่อยได้เห็นเรื่องแบบนี้” ชลอสเบิร์กเล่า “โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผ่านมาแล้ว 10 ปีหลังจากที่หนังภาคแรกออกมา บางครั้ง คุณจะได้เห็นในซีรีส์ที่พวกเขาจะมีเอพิโซดคืนสู่เหย้า แต่ในหนัง คุณไม่ค่อยเจอเรื่องแบบนี้ พวกเขาจะเลือกนักแสดงใหม่มากกว่า ดังนั้น การได้เห็นนักแสดงคนเดิมมารับบทตัวละครพวกนี้อีกครั้งเป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบจริงๆ มันเหมือนกับคุณจะได้ไปงานคืนสู่เหย้าของโรงเรียนจริงๆ น่ะครับ”
มันเป็นเรื่องเซอร์เรียลเล็กๆ สำหรับผู้กำกับที่ได้เห็นนักแสดงทุกคนมารวมตัวกันอีกครั้งสำหรับการอ่านบท แม้ว่านักแสดงหลายคนจะยังติดต่อกันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่พวกเขาก็ไม่ได้มารวมตัวกันนับตั้งแต่ American Pie 2 “นี่เป็นการคืนสู่เหย้าปีที่ 13 ของพวกเขาครับ” ชลอสเบิร์กกล่าวกลั้วหัวเราะ “ถ้าพวกเขาโทรหาเราสามปีก่อน มันคงจะเป็นตัวเลขที่สวยกว่านี้ ตัวละครทั้งหมดที่เคยเรียนไฮสคูลมาตอนนี้อายุเข้าเลขสามกันแล้ว ในภาคแรก มันเป็นเรื่องปัญหาวัยรุ่น แต่นี่เป็นโลกใหม่สำหรับตัวละครเหล่านี้ครับ”
ในขณะที่มือเขียนบทสร้างเรื่องราวขึ้นมา พวกเขาก็ถูกท้าทายให้หาคำตอบว่าตัวละครพวกนี้เป็นอย่างไรในกว่าสิบปีให้หลัง เพื่อที่จะหาความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ให้กับเรื่องราวของพวกเขา “ล่าสุดเราได้เห็นจิมและมิเชลล์ พวกเขาได้แต่งงานกัน” เฮอร์วิทซ์อธิบาย “ตอนนี้ เราได้เห็นว่าพวกเขามีลูกหนึ่งคนและต้องรับมือกับประเด็นต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขาดความใกล้ชิด หรือในกรณีของพวกเขาคือการขาดเซ็กส์ สติฟเลอร์เฮฮาสุดเหวี่ยงสมัยไฮสคูล สมัยนั้น เขาบ้าการจัดปาร์ตี้ แต่ตอนนี้ เขาเป็นพนักงานชั่วคราวที่ถูกคนแบบที่เขาน่าจะแกล้งสมัยไฮสคูลตะโกนด่า เขาไม่ได้ติดต่อกับเพื่อนๆ เลยและเขาก็เหงานิดๆ
“ออซประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ครับ” เฮอร์วิทซ์เล่าต่อ “เขาเป็นนักข่าวกีฬาและได้ออกรายการ Celebrity Dance-Off เขามีแฟนสาวสวยแต่เพี้ยน แต่เขานึกถึงความสบายใจของบ้านเกิด เควินแต่งงานมีความสุข แต่ชีวิตของเขาราบเรียบ เขารู้สึกเหมือนเป็นแม่บ้านที่ดู The Real Housewives และ The Bachelorette เขาต้องการความตื่นเต้น และสุดสัปดาห์ของงานคืนสู่เหย้าก็จะนำความตื่นเต้นมาให้เขา ส่วนฟินช์น่ะหรือ เราทุกคนต่างก็มีเพื่อนคนหนึ่งจากไฮสคูลที่จะหลุดนอกสายตาและคุณก็ไม่รู้ว่าเขาจะมางานคืนสู่เหย้ารึเปล่า ฟินช์เป็นหนึ่งในตัวละครตัวโปรดของเรา เขามีเอกลักษณ์และอาจจะมีชะตากรรมแบบไหนก็ได้ครับ”
“เขาอาจจะเป็นมือวางระเบิดหรือเป็นมหาเศรษฐีโลกอินเทอร์เน็ตก็ได้” ชลอสเบิร์กกล่าวกลั้วหัวเราะ “เราชอบไอเดียของการสร้างปริศนาของสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา ว่าเขาเป็นนักเดินทางที่ออกนอกประเทศไปเป็นเวลานาน หรืออย่างน้อยที่สุด นั่นคือสิ่งที่พวกเขาคิด และนั่นก็เป็นสิ่งที่เขาตั้งใจที่จะให้เป็นแบบนั้นครับ…”
ทั้งคู่ยอมรับว่ากองถ่ายของเรื่องเต็มไปด้วยคำขอที่คาดไม่ถึง “ผมบอกไม่ได้หรอกครับว่ามีกี่ครั้งที่เราต้องเลือกชุดชั้นในผู้หญิง” เฮอร์วิทซ์กล่าว “มันกลายเป็นเรื่องเก่าไปแล้ว เช่นการเลือกฝาหม้อที่จะมาปิดของลับของเจสัน เราไปที่เทรลเลอร์ของเจสันแล้วได้เห็น ‘หุ่นเชิดของลับ’ ที่เขาจะสวมของลับปลอมในทิศทางต่างๆ แล้วสะบัดมัน แล้วเราก็ต้องตัดสินใจมุมที่เหมาะสำหรับหนังเรื่องนี้น่ะครับ”