FC on April 19, 2012, 02:45:48 PM
เรื่องย่อ: ขุนเดช



บทประพันธ์โดย : สุจิตต์ วงศ์เทศ

ดัดแปลงเป็นบทโทรทัศน์โดย : ศุภชัย สิทธิอำพรพรรณ

กำกับโดย : สยาม น่วมเศรษฐี

ผลิตโดย : บริษัท พอดีคำ จำกัด

ออกอากาศทุกวันพุธ - พฤหัสบดี เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี

เรื่องย่อ

          นายเดื่อง หัวหน้าคนงานขุดแต่งโบราณสถาน รับปาก อาจารย์ประทีป หัวหน้า คณะศึกษาโบราณคดีของกรมศิลป์ว่าจะปักหลักเฝ้าพระศิลา พระพุทธรูปที่ถูกค้นพบ ในถ้ำศิลาบนเขาหลวง สุโขทัย ให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของพวกโจรใจบาปที่จ้องจะมา ลักตัดเศียรพระศิลา โดยเฉพาะกับ กำนันบุญ สุโขทัย ซึ่งมีนิสัยขี้โกงชอบสะสมและ ลักลอบซื้อขายวัตถุโบราณ เมื่อกำนันบุญรู้เรื่องพระศิลาที่ถูกค้นพบ เลยอยากมาได้ไว้ ในครอบครองจึงเดินทางจากสุโขทัย มาศรีสัชนาลัยบ้านของนายเดื่อง เพื่อขอให้ นายเดื่องเปิดทางให้เข้าไปลักตัดเศียรพระ แต่กำนันบุญ ถูกนายเดื่องปฏิเสธและไล่ ตะเพิดอย่างไม่เกรงกลัวอิทธิพล นายเดื่องเป็นห่วงพระศิลาเลย จำเป็นต้องฝาก ขุนเดช ลูกชายวัย 10 ขวบไว้กับ คำปัน หญิงสาวที่แอบชอบพ่อของ ขุนเดช และคอยช่วยเลี้ยงดู ขุนเดช เหมือนลูกแท้ ๆ แต่ความอยากรู้อยากเห็นของ ขุนเดช ที่มีใจรักและ สนใจในศิลปะ โบราณซึ่งถูกถ่ายทอดมาจากพ่อ ทำให้ ขุนเดช แอบขึ้นรถของอาจารย์ประทีปตาม ไปหา พ่อที่ถ้ำศิลา อาจารย์ประทีปกลัวภัยจะเกิดกับนายเดื่องจึงให้ปืนไว้เพื่อป้องกันตัว แต่นาย เดื่องปฏิเสธยืนยันว่าจะใช้แค่ ดาบนิล อาวุธคู่กายสมบัติเก่าแก่ที่นายเดื่องได้รับตกทอดจากบรรพบุรุษ ดาบนิลเป็นดาบเหล็กเนื้อดีที่มีสีดำปลอดตั้งแต่ด้ามและตัวปลอก ซึ่งทำจากเขาควายตายฟ้าผ่า ส่วนเนื้อเหล็กนั้นเป็นเหล็กกล้าชั้นดี ผ่านการตีจากช่างยอดฝีมือ ในศรีสัชนาลัย ซึ่งมีเพียงไม่กี่คนที่จะสามารถตีดาบให้ออกมาเป็นสีดำถึงเนื้อในเหล็กได้ ดาบนิลจึงมีความคม กริบและเป็นสมบัติหายาก นายเดื่องรักษาไว้อย่างดีเพราะคำสั่งเสีย ของบรรพบุรุษที่สั่งไว้สืบต่อกันมา ว่าต้องใช้ดาบนิลเพื่อปกป้องแผ่นดินเท่านั้น ฟากกำนันบุญที่โกรธแค้นนายเดื่องมากจึงสั่ง ให้ เสือแชน กับ เสือชิด ลูกน้องคนสนิทพา พวกบุกไปที่ถ้ำ ศิลาเพื่อจัดการกับนายเดื่องและเอาเศียรพระศิลามาให้ได้
          ขุนเดช ที่แอบตามอาจารย์ประทีปมาหาพ่อที่เขาหลวงแต่เกิดพลัดหลงอยู่ในป่า หาทาง ไปหาพ่อที่ถ้ำศิลาไม่ได้ โชคดีที่เจอ หลวงพ่อสุข พระธุดงค์ที่มาปักกลดอยู่ในบริเวณเขาหลวง หลวงพ่อสุขเคยเจอกับนายเดื่องที่บริเวณถ้ำศิลาจึงพา ขุนเดช ไปหาพ่อ นายเดื่องโกรธลูกชาย มากที่แอบหนีมาจะลงมือตี แต่หลวงพ่อสุขห้ามไว้บอกพรุ่งนี้เช้า จะเป็นคนพา ขุนเดช กลับไปที่ ศรีสัชฯ เอง คืนนั้นนายเดื่องจึงจำเป็นต้องให้ ขุนเดช นอนค้างอยู่ในถ้ำ ขุนเดช นอนฟังพ่อเล่าเรื่องความเชื่อเกี่ยวกับเขาหลวงให้ฟังว่า เขาหลวง แห่งนี้ก็คือ พระขพุง ผีเทวดาที่สถิตย์อยู่ที่นี่ยิ่ง ใหญ่กว่าเทวดาในเมืองสุโขทัย หากผู้ครองเมืองสุโขทัยจะเป็นผู้ใดก็ตาม รู้จักนบไหว้และทำพิธีเซ่นสรวงถูกต้องแล้ว เมืองสุโขทัยย่อมตั้งมั่นถาวรยั่งยืน แต่หากไม่รู้จักนบไหว้ ไม่มีการพลีบูชาตามแบบแผนแล้ว ผีในเขาหลวงจะไม่คุ้มไม่เกรง เมืองสุโขทัยก็จะล่มจม เพราะเหตุนี้นายเดื่อง จึงต้องมาเฝ้าพระศิลาเอาไว้จากพวกคนใจบาป ขุนเดช เองก็รับปากพ่อว่าเมื่อโตขึ้นจะใช้ ดาบนิลทำหน้าที่รักษาสมบัติของชาติแบบพ่อ แต่ระหว่างนั้นพวกเสือแชน เสือชิดก็บุก เข้ามา นายเดื่องเป็นห่วงลูกชายจึงสั่งให้ ขุนเดช ไปหลบซ่อนตัว แล้วใช้ดาบนิลเข้าต่อสู้ กับพวกเสือแชน เสือชิด แต่สุดท้ายนายเดื่องก็สู้พวกมันไม่ได้ เพราะในระหว่างการต่อสู้ ดาบนิลเกิดหักเพราะความเก่าแก่ของดาบนิลที่ผ่านการใช้งานมาอย่างยาวนาน นายเดื่อง ถูกพวกมันฆ่าตายอย่าง เหี้ยมโหดทารุณต่อหน้าต่อตาขุนเดชแล้วตัดเอาเศียรพระศิลาไป เสือชิดได้ยินเสียงของ ขุนเดช ที่ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ จึงคิดจะจัดการลูกชายนายเดื่องด้วย อีกคนแต่ขุนเดชก็คว้าเอาดาบนิลที่บัดนี้ เป็นเพียงแค่ดาบหักมาเป็นอาวุธป้องกันตัวและ หนีพวก มันเข้าหายไปในป่าเขาหลวง
          กลางดึกคืนนั้นขณะที่หลวงพ่อสุขกำลังนั่งเจริญสมาธิอยู่ในกลด หลวงพ่อสุขได้ เห็นนิมิตรบางอย่างที่น่าตกใจ ในนิมิตรนั้นหลวงพ่อเห็นความเสื่อมทรามของผู้คนที่ไม่ เคารพต่อ พระพุทธศาสนา ศิลปะโบราณวัตถุถูกย่ำยีกลายเป็นเครื่องประดับข้างฝาบ้าน พระพุทธรูปต้องอยู่หลังกรงขังกั้นไม่ให้ผู้มีจิตศรัทธากราบไหว้ บางองค์ก็ถูกรุมขัดถู เพื่อขอหวยมัวเมาในกิเลศ พระพุทธรูปที่งดงามตามโบราณสถานก็ถูกตัดเศียรเรียงราย จนน่าเวทนา หลวงพ่อสุขสะดุ้งตื่น จากนิมิตรพร้อมกับเสียงร้องขอความช่วยเหลือจาก ขุนเดช ที่กำลังถูกพวกเสือแชน เสือชิดไล่ตามล่า และคิดว่าขุนเดชตกหน้าผาตายไปแล้ว จึงพากันกลับไป แต่ที่จริงแล้ว ขุนเดช หลบซ่อน ตัวอยู่ในซอกหินด้วยความตื่นกลัวและ ตระหนกตกใจเป็นอย่างมาก ภาพของพ่อที่ถูกฆ่าตายอย่างเหี้ยมโหดต่อหน้าต่อตา ภาพของพระศิลาที่ถูกตัดเศียรทำให้ ขุนเดช กลัวจนช็อคหมดสติ
          หลวงพ่อสุขไปพบนายเดื่องถูกฆ่าตายที่ถ้ำศิลา จึงออกตามหา ขุนเดช ด้วยความเป็นห่วงและได้พบ ขุนเดช สลบอยู่ที่ซอกหินจึงปลุก ขุนเดช ให้ตื่น แต่ ขุนเดช กลับลุกขึ้น มาแสดงอาการเกรี้ยวกราด ดุดัน ใช้ดาลนิลหักที่กำไว้แน่นไล่ทำร้ายหลวงพ่อเหมือนกับ สัตว์ร้ายตัวหนึ่ง หลวงพ่อรู้ว่าที่ ขุนเดช เป็นอย่างนี้เพราะอาการช็อคตกใจกลัวจนเสียสติ ควบคุมตัวเองไม่ได้ หลวงพ่อนั่งนิ่งและแผ่เมตตาให้ ขุนเดช ใจสงบ ซึ่งก็ได้ผล ขุนเดช สงบนิ่งไปและเอาแต่ร้องห่มร้องไห้ฟูมฟายน่าเวทนา หลวงพ่อสุขจำเป็นต้องเป่ากะหม่อม ขุนเดช ให้หลับอย่างสงบ
          ข่าวการตายของนายเดื่องและการหายตัวไปของ ขุนเดช ลูกชายนายเดื่อง เป็นที่โจษจันไปทั่วสุโขทัยว่าเป็นฝีมือของพวกโจรใจบาป จ่าแท่น ซึ่งรักและเคารพนายเดื่องเหมือนพี่ชาย คิดว่า ขุนเดช น่าจะยังมีชีวิตอยู่ จึงชวนคำปันซึ่งเป็นน้องสาวออกตามหา ขุนเดช แต่ทั้งคู่ก็ไม่พบร่องรอยของ ขุนเดช คำปันร้องไห้เสียใจทำใจไม่ได้ว่า ขุนเดช จะตาย ชาวบ้านที่เชื่อเรื่องผี ๆ สาง ๆ พากันพูดกันปากต่อปากว่า พระขผุงคงเอาตัว ขุนเดช ไปอยู่ด้วยที่เขาหลวง
          10 ปีต่อมา หลวงพ่อสุขซึ่งเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ได้เลี้ยงดู ขุนเดช จนเติบโตเป็นหนุ่มหน้าตาดี มีความฉลาดเฉลียว โดยสามารถสอบเข้าเรียนเป็น นักศึกษาในคณะโบราณคดีด้วยคะแนนสูงสุด แต่ ขุนเดช จำเรื่องราวเมื่อ 10 ปีก่อนไม่ได้ เพราะผลจากการตกใจ กลัวจนช็อค ส่วนดาบนิลหักของนายเดื่องที่ติดตัว ขุนเดช มา หลวงพ่อสุขก็เก็บรักษาเอาไว้ในกุฎิ ไม่เคยนำมาให้ ขุนเดช เห็นเพราะเกรงว่า ถ้า ขุนเดช จับดาบนิลนี้อีกครั้ง ความโกรธแค้นเกรี้ยว กราดราวกับสัตว์ร้ายที่อยู่ในจิตใต้สำนึกของ ขุนเดช อย่างที่หลวงพ่อเจอในอดีตจะกลับมาสิงสู่ใน ร่างของ ขุนเดช อีกครั้ง แต่หลวงพ่อ ก็ไม่เคยรู้ว่าหลายต่อหลายคืน ขุนเดช มักจะฝันร้ายเห็นภาพเศียรพระศิลาถูกตัด ซึ่ง ขุนเดช ก็ไม่กล้าเล่าให้ หลวงพ่อฟังเพราะกลัวว่าจะทำให้อาการอาพาธของหลวงพ่อที่ไม่ค่อยดีอยู่จะทรุดหนักขึ้น
          ใกล้ ๆ วัดที่ ขุนเดช อาศัยอยู่เป็นโรงหล่อพระของ ลุงเถิน ที่เอ็นดูขุนเดชเพราะเป็น เด็กหนุ่มเอาการเอางานมักมาช่วยงานลุงเถินเสมอ ๆ แถม ขุนเดช ยังช่วยติวหนังสือให้ ดารา ลูกสาวคนสวยของลุงเถิน ที่อยากจะสอบเข้าเรียนในคณะโบราณคดีเหมือนอย่าง ขุนเดช ดารา มักจะค่อนขอดและงอนพ่อบ่อย ๆ หาว่าพ่อรัก ขุนเดช เหมือนลูกชาย ที่เป็น อย่างนั้นเพราะลุงเถินมักจะชวน ขุนเดช ให้อยู่คุยเรื่องในอดีต เมื่อครั้งที่ลุงเถินเคยเป็น นักเลงเพลงดาบ โดยได้ฝีมือตี เหล็กตีดาบมาจากปู่ที่เป็นคนสุโขทัย ลุงเถินให้ ขุนเดช ดู ดาบที่ลุงเถินกับพ่อช่วยกันตีตอนเป็นหนุ่ม มันคือดาบสีดำปลอดที่ด้ามและตัวปลอกทำ จากเขาควายตายฟ้าผ่าซึ่งเรียกว่า ดาบนิล ที่ตอนนี้หาช่างตีอีกไม่ได้แล้ว เมื่อตอนลุงเถิน เป็นหนุ่ม ๆ เคยใช้ดาบนิลออกไปมีเรื่องมีราวตามประสาวัยรุ่นเลือดร้อน ทั้ง ๆ ที่บรรพบุรุษเคยสั่งไว้ว่าดาบนิลตีขึ้นเพื่อปกป้องแผ่นดินเท่านั้น ผลก็เลยทำให้ลุงเถินชีวิตไม่ เจริญก้าวหน้าจนเกือบตายหลายครั้ง ลุงเถินจึงเลิกเป็นนักเลงดาบ หันมาใช้วิชาความรู้ มาหล่อพระแทนเพราะไม่อยากทำบาปอีก ส่วนดาบนิลก็เก็บรักษาไว้ อย่างดี ลุงเถินกลัว ว่าถ้าตัวเองตายไปจะถ่ายทอดวิชาพวกนี้ให้ลูกสาวไม่ได้ จึงสอนให้ ขุนเดช ทั้งวิชาเชิง ดาบ เชิงมวยคาดเชือกและการตีดาบไว้เป็นความรู้ติดตัว เพราะเชื่อในความเป็นคนดีของ ขุนเดช ว่าจะไม่ใช่ในทางที่ผิด
          เวลาที่ ขุนเดช ไปไหนมาไหนกับดารา ใคร ๆ มักจะคิดว่าสองคนเป็นคนรักกัน แม้แต่ ย้ง หรือ ยงยุทธ เพื่อนสนิทของ ขุนเดช ที่กำลังสอบเข้าเรียนตำรวจก็คิดอย่างนั้น ขุนเดช อ่านใจ ของเพื่อนได้ว่า ย้งเองก็แอบชอบดาราแต่ไม่กล้าแสดงออก เลยคิดจะช่วยให้ย้งได้มีโอกาสตามลำพังกับดารา ขุนเดช ชักชวนไปเที่ยวอยุธยากัน เพื่อชมโบราณ สถาน แต่ดารารู้ตัวว่า ขุนเดช ทำเพื่อย้ง ดาราเลยน้อยใจเพราะตัวเองก็แอบชอบ ขุนเดช อยู่ ดาราจะนั่งรถบัสกลับกรุงเทพฯ เองคนเดียว แต่ระหว่างทางไปเจอกับ ประดับ ลูกชาย นายทหารนิสัยเกกมะเหรกเกเรเพราะมี พ่อเป็นนายทหารยศใหญ่โต จึงกร่างไม่กลัวใคร ประดับกับเพื่อนฝูงพยายามที่จะชวนดาราให้ขึ้นรถไปด้วยกัน ขุนเดช กับย้งตามมาเจอ เข้าเลยมีเรื่องกับประดับและเข้าตาจนถูกพวกประดับล้อมกรอบ โชคดีที่อาจารย์ประทีป และคณะศึกษาโบราณคดีขับรถผ่านมาพบเข้า พวกประดับจึงต้องล่าถอยไป แต่ก็เก็บ สมุดจดบันทึกของดาราได้ ทำให้ประดับรู้ว่าดาราเป็นใครและเรียนอยู่ที่ไหน อาจารย์ ประทีปอาสาพาพวกขุนเดชไปส่งที่กรุงเทพฯ เพราะกำลังไปที่นั่นเหมือนกัน และ อาจารย์ประทีปก็สะดุดชื่อของ ขุนเดช เป็นอย่างมาก ยิ่งได้รู้ว่า ขุนเดช เป็นเด็กกำพร้า อาศัยอยู่ในวัดและเป็นนักศึกษาโบราณคดี ที่มีความรู้เกี่ยวกับสุโขทัยจนหาตัวจับได้ยากก็ยิ่งสนใจ
          ขุนเดช กลับมาที่วัดก็ทราบข่าวร้ายว่าหลวงพ่อสุขอาพาธหนักแต่ไม่ยอมไป โรงพยาบาลเพราะคิดว่าเมื่อถึงเวลาต้องละสังขารก็ขอให้เป็นไปตามกรรม ส่วนอาจารย์ ประทีปด้วยความสงสัยว่าทำไมหลวงพ่อสุขถึงตั้งชื่อเด็กที่เอามาเลี้ยงว่า ขุนเดช จึงขอเข้า ไปมนัสการกราบหลวงพ่อ และก็จำได้ว่าหลวงพ่อสุขคือพระธุดงค์องค์เดียวกันกับที่เคย เจอที่เขาหลวงเมื่อ 10 ปีก่อน เลยยิ่งมั่นใจว่าต้องเกี่ยวข้องกับ ขุนเดช ลูกชายนายเดื่องที่หา ศพไม่พบจนทุกวันนี้ หลวงพ่อเลย เล่าให้อาจารย์ประทีปฟังถึงสาเหตุที่ต้องพา ขุนเดช มาอยู่ที่วัดและเลี้ยงดู ขุนเดช เพราะ ขุนเดช เห็นภาพพ่อตัวเองถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตา จึงช็อคและจำความไม่ได้ หลวงพ่อกลัวว่าถ้าโจร พวกนั้นรู้ว่า ขุนเดช ยังมีชีวิตอยู่จะเป็น อันตราย จึงพา ขุนเดช มาที่กรุงเทพฯ แต่ ขุนเดช ก็ยังคงมีจิตวิญญาณของคนศรีสัชนาลัย เพียงแค่ภาพโบราณสถานของสุโขทัยจากในหนังสือ ขุนเดช ก็สามารถจดจำรายละเอียดที่มาได้หมด หลวงพ่อสุขเอาดาบนิลหักของนายเดื่องออกมาให้ อาจารย์ประทีปดูเพื่อ ยืนยันว่าเป็น ขุนเดช ลูกชายนายเดื่องจริง ๆ หลวงพ่ออยากให้อาจารย์ประทีปรับปากว่าจะ คืนดาบนิลอันนี้ให้ ขุนเดช ก็ต่อเมื่อจิตใจของ ขุนเดช นิ่งสงบพอและรู้จักคำว่า อโหสิ เพราะถ้า ขุนเดช ยังมีจิตที่ไม่นิ่ง แม้ดาบนิลนี้จะเป็นเพียงแค่ดาบหักและมีแต่รอยบิ่น แต่ความกราดเกรี้ยวของขุนเดชจะทำให้ดาบหักกลับมามีความคมยิ่งกว่าเก่าไม่ต่างอะไร กับคมดาบในมือของทหารพระร่วง

FC on April 19, 2012, 02:46:20 PM
          ประดับตามมาหาดาราถึงที่โรงหล่อพระแต่ถูกลุงเถินกับ ขุนเดช ไล่ตะเพิดเพราะ ดันมาลองดีกับเถินนักเลงเก่า ประดับเจ็บแค้นที่ถูกด่าสาดเสียเทเสีย จึงใช้อิทธิพลของ พ่อพาทหารบุกไปโรงหล่อพระแจ้งข้อหาเท็จกับนายเถินว่าซ่องสุมอาวุธสงคราม เพื่อเป็นประโยชน์ให้พวกกบฏ เถินปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่เคยเกี่ยวข้องกับอาวุธสงคราม และไม่สนใจการเมือง ประดับจึงสั่งให้พรรคพวกบุกทุบทำลายพระพุทรูปที่หล่อเสร็จ แล้วต่อหน้าต่อตาดาราและนายเถินที่แทบหัวใจ สลายที่เห็นพระพุทธรูปถูกทำลาย ประดับเอาปืนที่นำมายัดไว้ในองค์พระเพื่อเป็นหลักฐาน เล่นงานนายเถินให้ถูกจับกุม
          ขุนเดช ต้องพาดาราให้ไปพักอยู่กับย้งที่บ้านเพื่อความปลอดภัย ไม่ให้ถูกประดับ ตามมารังควาญอีก ย้งกับดารารู้สึกกลัวแววตาของ ขุนเดช ที่บอกว่าจะจัดการทุกอย่างให้ เมื่อย้งถามว่า ขุนเดช คิดจะทำอะไร ขุนเดช ก็ไม่ปริปากพูดสักคำ ขุนเดช ไปที่โรงหล่อ พระที่เหลือแต่เศษซาก ของพระพุทธรูปที่ถูกทำลาย เศียรพระที่ถูกทุบทำลายจนหลุด จากบ่าทำให้ภาพอดีตในวัยเด็ก ของ ขุนเดช ผุดเข้ามาสร้างความเจ็บปวดให้ ขุนเดช อีก แต่ ขุนเดช ก็ยังไม่รู้ว่าภาพเหล่านั้นคืออะไรและเกี่ยวข้องกับตัวเองยังไง ขุนเดช รู้ว่า ดาบนิลของลุงเถินที่เคยใช้เมื่อวัยหนุ่มเก็บซ่อนไว้ที่ไหน ขุนเดช นำมันออกมาแล้ว มุ่งหน้าไปหาประดับที่กำลังดื่มกินอยู่ในบาร์
          คืนนั้นเองที่อาการอาพาธของหลวงพ่อสุขกำเริบหนัก หลวงพ่อสุขถามหา ขุนเดช แต่ไม่มีใครรู้ว่า ขุนเดช อยู่ที่ไหน ดาบนิลหักตกลงมาจากชั้นวาง นิมิตรที่หลวงพ่อเคยเห็นเมื่อ 10 ปี ก่อนกลับมาอีกครั้ง เศษซากปรักหักพังของโบราณสถานถูกทำลาย เศียรพระเป็นเพียงเครื่อง ประดับข้างฝาบ้าน ภาพพระพุทธองค์กลายเป็นภาพประดับ ข้างฝาห้องน้ำของฝรั่งต่างชาติ หลวงพ่อสุขหายใจรวยรินพูดเป็นคำสุดท้ายก่อน มรณภาพว่า "จากนี้ไปไม่มีใครหยุด ขุนเดช ได้อีกแล้ว"
          ขุนเดช ควงดาบนิลของลุงเถินบุกเข้าไปเล่นงานพวกประดับจนเกิดการต่อสู้โรมรันพันตู แต่ด้วยดาบเพียงเล่มเดียว ขุนเดช เลยพลาดท่าถูกพวกประดับจับตัวได้ พวกมันซ้อม ขุนเดช ทั้งเตะทั้งอัดจนสบักสะบอม ความเจ็บปวดแสนสาหัสที่โดนทำร้ายกระตุ้น ให้ภาพในอดีตของ ขุนเดช กลับคืนมาอีกครั้ง คราวนี้ ขุนเดช เริ่มประติประต่อเรื่องราว เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมาได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ขุนเดช จำได้ว่าเขาคือลูกชายนายเดื่อง ผู้ที่สาบานว่าจะถวายชีวิตปกป้องสมบัติของพระร่วงไม่ให้ใครย่ำยี ขุนเดช เองก็สาบาน กับพ่อว่าจะถวายชีวิตเป็นทหารของพระร่วง แห่งศรีสัชนาลัย พวกประดับเห็น ขุนเดช นิ่ง ไปก็นึกว่าหมดสภาพแล้ว แต่ ขุนเดช กลับลุกขึ้นมา ด้วยแววตากราดเกรี้ยวน่ากลัวราวกับ ว่ามีสัตว์ร้ายเข้ามาสิงสู่ ขุนเดช คว้าดาบนิลได้และเกือบจะ สังหารประดับด้วยการบั่นคอ แต่ ขุนเดช ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อมีกลุ่มทหารเข้ามายุติการก่อเหตุวิวาท ประดับนึกว่าคนของพ่อมาช่วยแต่ประดับคิดผิด เพราะทหารที่บุกเข้ามายุติเหตุการณ์เป็นทหารฝ่ายปฏิวัติ เพราะเวลานี้รัฐบาลทหาร (จอมพล ป.) ถูกคณะปฏิวัติ (จอมพลสฤษดิ์) เข้ายึดอำนาจหลัง เกิดการเลือกตั้งสกปรก และรัฐบาลได้รับการคัดค้านจากประชาชนอย่างหนัก
          ประดับและครอบครัวต้องหลบหนีภัยการเมืองออกนอกประเทศ ลุงเถินถูกปล่อยตัวออกจากคุกให้เป็นอิสระ ส่วน ขุนเดช กลับมาไม่ทันได้กราบหลวงพ่อสุขที่มรณภาพไปในคืนนั้น ในงานศพของหลวงพ่อสุข ขุนเดช บอกอาจารย์ประทีปว่าตนเอง จำความได้แล้วว่าเป็นลูกชายนายเดื่องที่หลวงพ่อช่วยชีวิตเอาไว้ เวลานี้เมื่อสิ้นบุญหลวง พ่อแล้วก็ถึงเวลาที่เขาควรจะกลับไป ยังบ้านเกิดที่ศรีสัชนาลัย แต่อาจารย์ประทีปทักท้วง อยากให้ ขุนเดช ได้เรียนโบราณคดีต่อให้จบ จะได้บรรจุเข้ารับราชการ ขุนเดช ปฏิเสธ ด้วยเหตุผลว่าอยากจะสานต่องานที่พ่อทำ เพราะรับปากพ่อไว้ก่อนตาย อาจารย์ประทีป ไม่สามารถเปลี่ยนความตั้งใจของ ขุนเดช จึงรับปากว่าจะช่วยให้ ขุนเดช ทำงานขุดแต่งโบราณสถานที่ศรีสัชนาลัยซึ่งกำลังขาดคนอยู่ ขุนเดช กราบขอบคุณอาจารย์ประทีป และพร้อมจะเดินทางกลับบ้านเกิดทันที อาจารย์ประทีปตามไปที่กุฏิหลวงพ่อสุข ถามหาดาบนิลที่หลวงพ่อเก็บเอาไว้ แต่ลูกศิษย์วัดบอกว่า ขุนเดช ได้มาเอาดาบนิลนั้น ไปแล้ว อาจารย์ประทีปรู้สึกใจคอไม่ดี เมื่อนึกถึงคำพูดของหลวงพ่อสุขที่กำชับไว้ว่า "อย่าคืนดาบนิลหักนี้ให้ ขุนเดช จนกว่า จิตใจของ ขุนเดช จะนิ่งสงบพอและรู้จักคำว่า อโหสิ เพราะถ้า ขุนเดช ยังมีจิตที่ไม่นิ่ง แม้ดาบนิลนี้จะเป็นเพียงแค่ดาบหักและมีแต่ รอยบิ่น แต่ความกราดเกรี้ยวของ ขุนเดช จะทำให้ดาบหักกลับมามีความคมยิ่งกว่าเก่า ไม่ต่างอะไรกับ คมดาบในมือของทหาร พระร่วง"
          ขุนเดช จากไปอย่างเงียบ ๆ แม้แต่ย้งกับดาราก็ไม่รู้ว่า ขุนเดช หายไปไหน เพราะ ขุนเดช ไม่ยอมบอกใครถึงอดีตของตัวเอง คงมีแต่ลุงเถินคนเดียวที่ได้พบ ขุนเดช เป็นคนสุดท้าย ขุนเดช เอาดาบนิลของลุงเถินมาคืนและให้ลุงเถินดูดาบนิลหักของพ่อ รวมถึงได้เล่าเรื่องราวในอดีตของตัวเองให้ฟัง ลุงเถินดีใจและคิดว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่ ชีวิต ขุนเดช จะกลับมาวนเวียนกับดาบนิล อีกครั้ง เพราะเพราะ ขุนเดช คือลูกหลานสุโขทัย สืบเชื้อสายจากทหารของพระร่วงที่มีดาบนิลเป็นอาวุธ ลุงเถินจึงไม่รับดาบนิลของตัวเองคืน และมอบให้กับ ขุนเดช เก็บเอาไว้เพื่อเตือนสติตัวเองว่า "ถึงดาบจะเป็นอาวุธที่อันตราย แต่สิ่งที่อันตรายกว่าคมดาบก็คือใจ ขอให้ขุนเดชใช้ดาบนิลเพื่อปกป้อง แผ่นดิน"
          10 ปีผ่านไป....ศรีสัชนาลัยงดงามและมีมนต์ขลังด้วยศิลปะโบราณวัตถุอันทรง คุณค่า ขุนเดช ทำงานเป็นหัวหน้าคนงานขุดแต่งโบราณสถานให้กับอาจารย์ประทีป และตั้งหน้าตั้งตาทำนุบำรุงโบราณสถานที่ตัวเองรักยิ่งชีวิต หลังจากที่ ขุนเดช ทำงานเสร็จ จึงมาเดินเที่ยวชมวัด และได้เข้าไปไหว้พระอจนะที่ประดิษฐานอยู่ที่วัดศรีชุม ในขณะที่กำลังไหว้พระอยู่ก็ได้ยิน เสียงเสี่ยงเซียมซี จึงหันไปตามเสียงที่ได้ยินและได้พบกับ บัวทอง เด็กสาวสวยวัยเพิ่งจะ 19 กำลังเขย่ากระบอกเซียมซีเสียงดัง และอธิษฐานขอพรขมุบขมิบตามประสาเด็กสาววัยรุ่น ขุนเดช รู้สึกขำท่าทีของเด็กสาว จึงแกล้งพูดแหย่เล่นด้วยความเอ็นดู บัวทองไม่พอใจจึงลุกเดินหนีไป ขุนเดช เดินตาม บัวทองจึงรีบวิ่งไปหาแม่ ขุนเดช เห็นแม่ของบัวทองจึงจำได้ว่าเป็น น้าคำปัน ที่เคยเลี้ยงดู ขุนเดช ตอนที่พ่อยังมีชีวิตอยู่ ขุนเดช ดีใจที่ได้เจอน้าคำปันที่นี่อีกครั้ง เพราะไม่ได้เจอกันตั้งแต่คราวที่พ่อถูกฆ่าตาย เมื่อ 10 ปีที่แล้วที่ได้กลับมาที่ศรีสัชนาลัยก็ได้ ข่าวว่าน้าคำปันกับจ่าแท่นพากันย้ายจากศรีสัชฯ ไปตั้งรกรากที่อื่น น้าคำปันกอด ขุนเดช ด้วย น้ำตาว่าเพิ่งจะรู้เรื่อง ขุนเดช เมื่อไม่กี่ปีมานี่เอง เพราะตอนที่ย้ายจากศรีสัชฯไปเป็นการย้าย เพราะกลัวพวกโจรที่ฆ่าพ่อ ขุนเดช จะย้อนมาทำร้าย ส่วนจ่าแท่นก็โดนย้ายตามเจ้านาย แต่ตอนนี้สามีของน้าคำปันเพิ่งเสียและจ่าแท่นก็เพิ่งจะได้ย้ายกลับมาที่ศรีสัชฯแล้ว น้าคำปันแนะนำให้ ขุนเดช รู้จักกับบัวทองลูกสาวของน้าคำปัน ขุนเดช ยิ้มให้บัวทองอย่างเอ็นดูและชมว่าสวย เหมือนน้าสมัยสาว ๆ แต่บัวทองกลับแลบลิ้นใส่ขุนเดชเพราะรู้สึกหมั่นไส้ ที่ทำเป็นอวดเก่ง อวดภูมิความรู้เรื่องโบราณสถาน และทำมาเป็นสั่งสอน คำปันต้องปรามลูกสาวที่แก่นแก้วเป็น ม้าดีดกะโหลก ขุนเดช ไม่ติดใจอะไร บอกเด็กก็คงเป็นเด็ก บัวทองสวน ขุนเดช กลับทันทีว่าปีนี้ อายุ 19 ไม่ใช่เด็กอีกแล้ว น้าคำปันอ่อนอกอ่อนใจฝากขุนเดชช่วยดูแลน้องด้วย ขุนเดช รับปาก อย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ
          ที่วัดพระพายหลวง สุโขทัย ขณะที่ ขุนเดช กำลังยืนแจกชะแลงและเครื่องมือให้กับคนงานอยู่ แต่มีคนงานคนหนึ่งซึ่งมีท่าทีแปลก ๆ มันชื่อ ไอ้เถร พ่อแม่ของมันพามาฝากให้ทำงาน กับ ขุนเดช เพราะฐานะทางบ้านยากจน ขุนเดช จึงรับไว้ให้มาทำงานเป็นคนงานขุดแต่งโบราณสถาน ไอ้เถรมีนิสัยชอบลักเล็กขโมยน้อยและชอบขโมยพระในกรุ ขุนเดช สงสัยในท่าทางมีพิรุธ แต่ไม่ได้ติดใจอะไรปล่อยในทำงานปกติ พอตกกลางคืนเถรแอบใช้ชะแลงที่ ขุนเดช แจกให้ทำงาน เข้าไปขุดกรุขโมยพระเพื่อไปขายให้กับกำนันบุญ พอรุ่งเช้า ขุนเดช มาเจอร่อยรอยการขโมยพระ และเห็นรอยชะแลงที่หน้าดินซึ่งชะแลงแต่ละอันขุนเดชจะทำรอยตำหนิเอาไว้ ทำให้ ขุนเดช รู้ว่าใครเป็นคนขุด ตกดึก ขุนเดช จึงไปลากตัวเถรและเอาชะแลงของเถรมาที่กรุพระ แล้วให้เถรนำ ชะแลงไปเทียบกับรอยดินว่าเป็นชะแลงอันเดียวกันรึป่าว แต่เถรขัดขืนจึงต่อสู้กัน จนเถรยอมเอาชะแลงไปเทียบกับรอยดิน พบว่าเป็นรอยเดียวกัน เถรรีบปฏิเสธ แล้วบอกว่าอาจจะมีคนขโมยชะแลงของตนเองไปทำความผิดก็ได้ ขุนเดช จึงให้เถรสาบานโดย การเอามือล้วงเข้าไปในข้องปลา พร้อมทั้งสาบานว่าหากเอามือล้วงไปแล้วไม่เกิดอะไรขึ้นแสดงว่าไม่ได้ทำความผิด ซึ่งในข้องนั้น ขุนเดช ได้แอบเอางูเห่าใส่ไว้อยู่ พอเถรล้วงลงไปจึงโดนงูกัด แต่เถรแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขุนเดช จึงปล่อยตัวเถรไป ระหว่างทางพิษของงูออกฤทธิ์ เถรจึงหมดลมเสียชีวิตเพราะพิษงู รุ่งเช้าที่ร้านของคู่ผัวเมีย นายฮวด กับ สาลี่ ร้านกาแฟ ประจำหมู่บ้าน พวกชาว บ้านต่างพากันโจษจันพูดคุยกันถึงเรื่องการตายของไอ้เถร นายฮวด ถามจ่าแท่นที่เป็นลูกค้าประจำของที่ร้าน เพราะชอบมาฟังพวกชาวบ้านคุยกัน ว่าคิดยังไงกับการตายของไอ้เถร ซึ่ง ขุนเดช ก็นั่งฟังอยู่ จ่าแท่นบอกเพียงแต่ว่าเถรถูกงูเห่ากัดตาย ขุนเดชบอกสมควรแล้วที่เป็นแบบนั้น ขุนเดช จ่ายเงินค่ากาแฟแล้วจะไปทำงานต่อ แต่จ่าแท่นรีบลุกขึ้นยืนทำความเคารพ เจ้านายคนใหม่ที่เพิ่งย้ายมาประจำที่โรงพักของศรีสัชฯ จ่าแท่นแนะนำ ร.ต.ท.ยงยุทธ หรือ หมวดยงยุทธที่เพิ่งย้ายมาประจำอยู่ที่ศรีสัชฯให้ทุกคนได้รู้จัก ขุนเดช กับหมวดยงยุทธพบหน้า กันก็จำได้ดีว่าเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กันนั่นเอง
          วันคืนเก่า ๆ ของหมวดยงยุทธกับ ขุนเดช กลายมาเป็นเรื่องคุยกันที่บ้านพักของหมวด ยงยุทธ ขุนเดช ถามหมวดถึงดาราเพราะไม่ได้ข่าวเลยตั้งแต่ ขุนเดช ย้ายมาอยู่ที่ศรีสัชฯ ผู้หมวด อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ หนักใจที่จะพูดถึงดารา บอก ขุนเดช เพียงแต่ว่าดาราเป็นอาจารย์อยู่ที่คณะโบราณคดี อย่างที่ฝันไว้ และตัวเองก็ไม่ได้เจอกันนานแล้วเพราะต้องย้ายไปทำงานหลายจังหวัด ยงยุทธ ชวน ขุนเดช วกกลับมาคุยเรื่องการตายของไอ้เถร เพราะเกิดความสงสัยว่าไม่น่าจะเกิดจากงูกัด จนเสียชีวิตเพียงอย่างเดียว เนื่องจากตอนไปชัณสูตรศพเห็นร่อยรอยการถูกตีด้วยของแข็งตามร่างกาย แต่ไม่รู้ว่าของแข็งนั้นคืออะไร จ่าแทนสงสัยถามย้อนว่าหมวดคิดว่านี่เป็นคดีฆาตกรรม หมวดยงยุทธตอบว่าค่อนข้างแน่ใจ แต่จ่าแท่นไม่คล้อยตามข้อสันนิษฐานของหมวดคิดว่าในศรีสัช ฯไม่มีฆาตกร เพราะชื่อศรีสัชนาลัยหมายความว่าเป็นเมืองของคนดี ขุนเดช ได้แต่ฟัง เงียบ ๆ ในขณะที่หมวด ยงยุทธสนใจดาบที่ ขุนเดช พกอยู่ ขุนเดช บอกเพียงแต่ว่าเป็นดาบของพ่อที่ทิ้งไว้ให้ก่อนตาย หมวดยงยุทธอยากจะขอดู ขุนเดช ว่ามันเป็นเพียงแค่ดาบหักที่มีแต่สนิมใช้ขุดหญ้าดายหญ้ายังไม่ได้เลย
          ต่อมาไม่นานได้มีคณะอาจารย์และนิสิตนักศึกษาจากกรุงเทพฯ มาเรียนรู้และดูงาน เกี่ยวกับเรื่องโบราณสถาน อาจารย์ประทีปแนะนำให้ขุนเดชรู้จักกับอาจารย์ดารา เมื่อทั้งคู่ได้พบกัน ขุนเดช จึงนึกได้ว่าท่าทีอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ของหมวดยงยุทธ มีความหมายซ่อนเร้น แท้จริงก็คือทุกวันนี้หมวดยงยุทธก็ยังพยายามตามจีบดาราอยู่ เพราะเป็นผู้ชายตรง ๆ จีบผู้หญิงไม่เป็น ทำให้ตลอด 10 ปีที่ผ่านมายังไม่สามารถเอาชนะใจดาราได้ เมื่อสบโอกาสรู้ว่าอาจารย์ดาราจะ มาปักหลักทำงานที่ศรีสัชฯ จึงทำเรื่องขอย้ายตามมา เพื่อจะได้อยู่ใกล้ ๆ นั่นเอง ขุนเดช ถามอาจารย์ดาราถึงลุงเถิน ดาราบอกพ่อเสียไปเมื่อ 3 ปีก่อน ขุนเดช รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ไปเคารพศพ ดาราชวนจึงชวน ขุนเดช ไปทำบุญทำสังฆทานให้พ่อด้วยกัน แต่ระหว่างที่ทำบุญด้วยกันที่วัด อาจารย์ดาราได้เจอบัวทอง ดาราสังเกตเห็นท่าทีของบัวทองที่สนิทสนมกับ ขุนเดช ก็พอจะเดาออกว่า ขุนเดช กับบัวทองน่าจะมีใจให้กัน และทำใจยอมรับว่า ขุนเดช ไม่เคยมองเธอในฐานะคนรักเลยสักครั้ง อาจารย์ดาราจึงยับยั่งชั่งใจและเริ่มเปิดใจให้กับหมวดยงยุทธ
          ระหว่างนั้นกำนันบุญและลูกชายชื่อ สัมฤทธิ์ ซึ่งมีนิสัยไม่ต่างจากพ่อทั้งขี้โกง เจ้าชู้ และชอบเก็บสะสมวัตถุโบราณโดยเฉพาะพระเครื่อง พระผงที่อยู่ในกรุเจดีย์ สองพ่อลูกคิดแผนชั่วจะขโมยวัตถุโบราณและตัดเศียรพระ แต่หาคนฝีมือดีไม่ได้เพราะลูกน้องที่ใช้ให้ไปทำก็ถูกขุนเดชจัดการจนเกือบหมด จึงนึกถึงนายเปรื่อง อยุธยา หรือฉายา เปรื่อง เสียงแปล่ง โจรมืออาชีพลักลอบขุดเจาะขโมยพระ ทำมาทั่วทุกสารทิศ เปรื่องเข้ามาหาข้อมูลเกี่ยวกับพระองค์ ใหญ่ที่ร้านกาแฟนายฮวด ขุนเดช รู้สึกสงสัยในตัวเปรื่อง จึงแอบตามไปพบเปรื่องกำลังขโมยตัด เศียรพระองค์ใหญ่ ขุนเดช จึงเข้าไปจัดการเปรื่อง ทั้งคู่ต่อสู้กัน เปรื่องล้มไปใส่องค์พระ เศียรพระที่เปรื่องเจาะไว้จึงตกลงมาทับร่างเปรื่องเสียชีวิต
          แต่กระนั้นโจรชั่วหนักแผ่นดินก็ยังไม่หมดไป ยังมีสองพ่อลูก ผู้ใหญ่น่วม กับลูกชายชื่อ น้ำ ที่มีนิสัยนักเลงอันธพาล คบโจร โกงการพนัน ฉุดผู้หญิง ชอบขโมยขุดพระขุดเจดีย์ รู้มาว่าเจดีย์บนเขามีสมบัติและกรุพระเก่าอยู่ จึงขึ้นเขาไประเบิดเจดีย์เพื่อขโมยพระในกรุ แต่ก็ถูก ขุนเดช ตามฆ่า โดยใช้ดาบนิลของลุงเถินที่เหมือนกับดาบนิลของพ่อซึ่งใช้การไม่ได้ มาเป็นอาวุธ ต่อสู้กับพวกคนเลวทั้งสองคน ขุนเดช ใช้เชือกรัดคอน้ำโหนกับต้นไม้ตายแล้วนำศพมาประจาน

FC on April 19, 2012, 02:46:53 PM
          เหตุการณ์ของโจรขโมยพระที่ถูกฆ่าตายหลายคน ทำให้หมวดยงยุทธสงสัยและเริ่มตามสืบหาฝีมือของฆาตกรรายนี้ แต่หมวดยงยุทธก็จนปัญญาจนเมื่อผลการพิสูจน์หลักฐานแน่ชัดว่าของแข็งที่ใช้ทำร้ายพวกคนร้าย มีลักษณะตรงกับปลอกดาบที่ ขุนเดช พกติดตัวทุกประการ หมวดยงยุทธจึงมั่นใจว่าเป็นฝีมือของ ขุนเดช ซึ่งตั้งศาลเตี้ยลงทัณฑ์พวกโจรใจบาปโดยไม่สนใจกฎหมาย ทำให้หมวดยงยุทธไม่พอใจ ขุนเดช และคอยจับผิด ว่า ขุนเดช จะต้องมีดาบเล่มอื่นอีกที่ไม่ใช่แค่ดาบนิลหักของพ่อ ซึ่งพกไว้ตบตาคนอื่น หมวดยงยุทธพยายามพูดกับจ่าแท่น ให้เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นว่าเป็นฝีมือของ ขุนเดช และกล่าวว่า ขุนเดช เป็นวีรบุรุษบาป ให้จ่าแท่นช่วยกันหาหลักฐานมามัดตัวขุนเดชให้ได้ แม้ว่า ขุนเดช จะเป็นเพื่อนเก่า แต่กฏหมายก็ต้องศักดิ์สิทธิ์เมื่ออยู่ในมือผู้พิทักสันติราษฎร์
          หลังจากที่กำนันบุญทำงานไม่สำเร็จ ไม่มีสมบัติโบราณส่งไปให้ตามใบสั่งจากกรุงเทพฯ เพราะถูกขัดขวางจาก ขุนเดช ตลอด ทำให้ ท่านรัฐมนตรีปราชญ์ ผู้ชื่นชอบในวัตถุโบราณ และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังใบสั่งที่ส่งไปให้กำนันบุญจัดหามาให้เริ่มแสดงอาการไม่พอใจ แต่ด้วยความที่เป็นถึงรัฐมนตรีจึงไม่สามารถออกหน้าได้ รัฐมนตรีปราชญ์จึงเรียกประดับทนายความและเลขาประจำตัวมาจัดการทุกอย่างให้ได้ตามประสงค์ เมื่อ 10 ปีที่แล้ว หลังจากที่ประดับหนีภัยการเมืองไปอยู่เมืองนอก ประดับเรียนจบทางด้านกฏหมายและเดินทางกลับมาทำงานเป็นทนาย และเลขาส่วนตัวให้กับท่านรัฐมนตรี เพราะมีจุดประสงค์ที่อยากจะก้าวขึ้นสู่อำนาจอีกครั้งหลังจากที่พ่อต้องตายอยู่ที่เมืองนอก ประดับจึงจำยอมให้ท่านรัฐมนตรีโขกสับต่าง ๆ นา ๆ โดยในระหว่างนั้นก็วางแผนตีสนิทกับ ปารมี ลูกสาวคนสวยวัยเพียง 16 ของท่าน รัฐมนตรีเพื่อใช้เป็นสะพานให้ตัวเองยกฐานะเป็นลูกเขยท่าน ซึ่งแผนการของประดับก็ดูจะสดใสเพราะปารมี เป็นเด็กสาวแก่แดด ชอบช้อบปิ้ง และชอบหนุ่มหล่อ ๆ ซึ่งประดับก็เรียกความสนใจได้ไม่น้อยทีเดียว แต่ประดับต้องทำอย่างลับ ๆ ไม่ให้ท่านรัฐมนตรีรู้แผนการและไม่ให้ปารมีรู้ด้วยว่าประดับ มีคู่ขาเป็น คำผกา นักร้องในบาร์ที่นอกจากจะขายเสียงแล้วยังขายร่างกายเพื่อแลกกับเงิน และยอมทำตามทุกอย่างที่ประดับเรียกใช้ เพราะหวังว่าเมื่อวันที่ประดับขึ้นมามีอำนาจยิ่งใหญ่ เธอก็จะได้อานิสสงค์จากประดับ
          ท่านรัฐมนตรีมีใบสั่งที่ให้ประดับไปจัดการหามาให้ได้ ประดับรู้จักกับ แจ็ค ฝรั่งพูดไทย คล่อง เป็นพ่อค้าวัตถุโบราณที่กรุงเทพฯ เดินทางมาขโมยวัตถุโบราณด้วยตนเอง โดยให้กำนันบุญคอยช่วยเหลือ แจ๊คระเบิดเจดีย์ แล้วใช้รถพังวัตถุโบราณต่าง ๆ พังเป็นหน้ากอง โดยไม่เกรงกลัวความผิด เพราะถือว่ามีเส้นสายใหญ่เป็นถึงรัฐมนตรี ขุนเดช รู้เรื่องจึงไปจัดการฆ่าโดยการแขวนคอแจ๊คหน้าเจดีย์ การตายของแจ็คทำให้ประดับต้องโดนท่านรัฐมนตรีเรียกไปด่า ประดับ จึงต้องอาศัยอำนาจของท่านรัฐมนตรีมากดดันตำรวจในพื้นที่ให้เร่งมือจัดการตามล่าตัวฆาตรที่กำลังลอยนวลอยู่นั่นเองที่ทำให้ประดับได้เจอกับหมวดยงยุทธ ดาราและ ขุนเดช ประดับแสดงท่าทางเจ้าชู้กับดาราเหมือนเมื่อก่อน แต่คราวนี้ประดับโดนหมวดยงยุทธขู่จะเล่นงาน ถ้ามายุ่งกับดาราอีก ประดับเลยขู่หมวดยงยุทธว่าจะอยู่ในหน้าที่ตำรวจได้อีกไม่นาน เมื่อไหร่ที่เขามีอำนาจทั้งสามคนต้องโดนแก้แค้นชนิดหาแผ่นดินยืนไม่มี แต่ประดับก็อยู่ในสุโขทัยได้ไม่นานต้องรีบกลับกรุงเทพฯ เพราะท่านรัฐมนตรีเรียกตัวให้กลับด่วน แต่ประดับต้องการรู้ความเคลื่อน ไหวของพวก ขุนเดช อริเก่า และประดับก็ไม่ค่อยไว้ใจพวกกำนันบุญอยู่เป็นทุนเดิม จึงสั่งให้คำผกาย้ายเข้ามาอยู่ที่ศรีสัชฯ เพื่อเป็นหูเป็นตาให้ คอยส่งข่าวคราวให้ประดับรู้ตลอดเวลา แต่คำผกามาอยู่ที่ศรีสัชฯ ได้วันแรกก็มีเรื่องมีราวกับบัวทอง เพราะไปดูถูกบัวทองกับคำปันจนมีเรื่องมีราวทำให้คำผกากับบัวทองเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน
          ส่วนเรื่องด่วนนั่นก็คือท่านรัฐมนตรี จับได้ว่าประดับกับปารมีแอบลักลอบมีความสัมพันธ์ กันจนปารมีตั้งท้อง ประดับโดนท่านรัฐมนตรีเรียกคนมาซ้อมเพราะไม่พอใจ แต่ท่านรัฐมนตรีก็ไม่กล้าเอาเรื่องประดับถึงโรงพักฐานพรากผู้เยาว์ เพราะกลัวจะเป็นข่าวฉาวโฉ่ ปารมีก็มาอ้อนวอนพ่อ ขอร้องให้ไว้ชีวิตประดับเพราะรักกันจริง ๆ และให้เห็นแก่ลูกในท้อง ท่านรัฐมนตรีทำอะไรไม่ได้ จำเป็นต้องเลื่อนฐานะประดับให้ขึ้นมาเป็นลูกเขย ซึ่งก็สมใจประดับทันที
          กำนันบุญเริ่มหงุดหงิดหัวเสียไม่รู้จะไปพึ่งใครให้ทำงานให้ ทำให้รู้สึกขวางหูขวางตาลงไม้ลงมือกับทุกคนไปหมด ไม่เว้นแม้แต่ รำพัน เมียใหม่ของกำนันและเป็นแม่เลี้ยงของ สัมฤทธิ์ ก็โดนกำนันตบตีระบายอารมณ์ เพียงเพราะรำพันปล่อยให้ ทิพย์ ลูกสาววัย 12 ที่เกิดกับกำนันบุญซึ่งเป็นปัญญาอ่อนชอบฟ้อนรำรบกวนอารมณ์กำนัน จนกำนันคิดจะส่งทิพย์ให้ไปอยู่โรงพยาบาลบ้า แต่รำพันก็อ้อนวอนขอเลี้ยงไว้เพราะยังไงก็ลูก กำนันบุญเริ่มเบื่อเมียอย่างรำพันจึงหันไปสนใจคำผกา พยายามให้แก้วแหวนเงินทองปรนเปรอคำผกาทุกอย่าง ซึ่งคำผกาก็ชอบอกชอบใจเพราะเป็นคนเห็นแก่เงิน จึงใช้มารยายั่วให้กำนันหลงหัวปักหัวปำหลอกเอาทรัพย์สินเงินทอง แต่เมื่อวันที่คำผการู้ว่าประดับจะต้องแต่งงานกับปารมี และเห็นเค้าลางว่าตัวเองอาจจะถูกประดับเฉดหัวส่ง คำผกาจึงยอมตกเป็นของกำนันบุญ ใช้ความเป็นหญิงสองผัวหลอกเอาสมบัติจากกำนันอย่างไม่อายฟ้าอายดิน
          กำนันบุญนึกถึงเสือแชน ลูกน้องเก่าซึ่งเมื่อ 20 ปีที่แล้วเป็นผู้ลงมือฆ่าพ่อของ ขุนเดช ให้กลับมาช่วยงานขโมยพระ เสือแชนไม่ชอบสะสมวัตถุโบราณ แต่จะชอบสะสมอาวุธโบราณ เช่น มีด หอก ดาบ เมื่อตำรวจสืบทราบจึงส่งสายตำรวจชื่อนายเหลือง เข้าไปตีสนิทโดยเอาดาบโบราณไปให้เสือแชนเพื่อสร้างความไว้วางใจ เหลืองบอกเสือแชนว่าถ้าอยากได้อีกก็ยังมีอีกเยอะ เพราะรู้แหล่งที่ฝังสมบัติอยู่ในถ้ำบนเขา เสือแชนหลงกลเชื่อจึงตามเหลืองขึ้นไปในถ้ำ เมื่อสบโอกาสเหลืองผลักเสือแชนตกลงไปก้นถ้ำ แล้วออกมาตามหมวดยงยุทธกับจ่าแท่นซึ่งรออยู่ด้านนอกเพื่อรอจับ แต่ระหว่างนั้น ขุนเดช ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในถ้ำก็ได้โอกาสล้างแค้นให้พ่อ โดยปล่อยงูจงอาจให้กัดเสือแชน แล้วใช้ดาบนิลฟันคอเสือแชนจนหลุดจากบ่า พอตำรวจเข้ามาก็เจอแต่สภาพศพของเสือแชนที่ถูกฆ่าตายอย่างทารุณ ซึ่งสร้างความสงสัยให้กับหมวดยงยุทธว่าต้องเป็นฝีมือของ ขุนเดช แน่ ๆ
          การตายของเสือแชนทำให้กำนันบุญแค้นใจมาก จึงสั่งคนไปลอบยิง ขุนเดช ขณะที่กำลังตกแต่งเจดีย์พุ่มข้าวบิณฑ์ ขุนเดช ร่วงลงมาจากยอดเจดีย์แต่รอดตายเพราะตกลงมาในดงต้นพุทธรักษา ในขณะที่ ขุนเดช ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหมวดยงยุทธกับ จ่าแท่นก็มาตรวจที่เกิดเหตุ จ่าแท่นเจอดาบนิลของ ขุนเดช ที่ตกอยู่จึงหยิบขึ้นมาดู แต่พอชักดาบออกมาพบว่าข้างใน ไม่ใช่ดาบหักอย่างที่ ขุนเดช เอาให้ดูมาตลอด แต่มันเป็นดาบนิลที่คมกริบ จ่าแท่นตกใจมาก หรือว่าที่หมวดยงยุทธสงสัยจะเป็นเรื่องจริง แต่พอหมวดยงยุทธเดินมา จ่าแท่นรีบเก็บดาบเข้าฝักแล้วทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น จ่าแท่นรีบตามไปที่ โรงพยาบาลแล้วฝากดาบนิลให้บัวทอง เอาไปคืนขุนเดชโดยที่ยังเก็บเอาความสงสัยไว้กับตัว
          ด้านกำนันบุญพอรู้ว่า ขุนเดช ยังไม่ตาย จึงได้ปรึกษาหารือกับ วงศ์ เจ้าของบ่อนพนัน ที่คอยสนับสนุนและทำงานให้กำนันบุญมาโดยตลอด ว่าจะจัดการ ขุนเดช กับพวกคนอื่น ๆ ที่ คอยขัดขวางอย่างไรดี จึงสั่งให้วงศ์รวบรวมลูกน้องไปก่อกวนสถานที่ต่าง ๆ จนสร้างความโกลาหล โดยเฉพาะกับกลุ่มนักศึกษาชายและหญิงของอาจารย์ดาราที่โดนพวกนักเลงบ่อนของวงศ์คุกคามความปลอดภัย บุกเข้าไปทำอนาจารนักศึกษาสาว ๆ เมื่ออาจารย์ดาราจะเอาเรื่อง วงศ์ก็หัวหมอใช้อิทธิพลของกำนันบุญเอาตัวรอดจากคุกจากตะรางออกมาได้ ทำให้อาจารย์ดาราไม่พอใจหมวดยงยุทธที่ปล่อยให้พวกนอกกฏหมายทำอะไรได้ตามอำเภอใจ หมวดยงยุทธเองซึ่งถูกผู้ใหญ่กดดันมาเรื่องฆาตกรฆ่าโจรก็หลุดปากสวนกลับเพราะไม่พอใจที่ถูกอาจารย์ดาราต่อว่า และคิดว่าอาจารย์ดาราเห็นด้วยกับการกระทำของวีรบุรุษบาปที่พวกชาวบ้านกำลังยกย่องเชิดชู แต่สิ่งที่มันทำก็ไม่ต่างจากอาชญากรคนหนึ่ง !!
          วงศ์ย่ามใจทำเรื่องผิดกฎหมายได้โดยไม่เกรงกลัวเพราะถือว่ามีกำนันบุญและรัฐมนตรี ที่คอยหนุนหลังกำนันบุญช่วยอยู่ และเมื่อรู้เรื่องว่ามีสมบัติอยู่บนเขาจึงได้ชักชวน นางหวาด ซึ่งเป็นเมียขึ้นไปขุดสมบัติด้วยกัน เมื่อวงศ์ขุดเจอดาบทองคำส่วนหวาดเจอกำไลทองจึงดีใจพากันกลับบ้าน พอรุ่งเช้าวงศ์ถูกผีเข้าสิงเอาดาบทองคำไล่ฟันเมีย หวาดจึงต่อสู้แล้วใช้มีดฟันวงศ์จนตาย ส่วนตนเองพอฆ่าผัวตายจึงเป็นบ้าเอาดาบและกำไลทองคำหนีเข้าป่าหายสาบสูบไป
          สำหรับนายสัมฤทธิ์ลูกชายของกำนันบุญ ซึ่งเคยเจอบัวทองในงานวัดจึงรู้สึกถูกตาต้องใจในความสวยของบัวทอง สัมฤทธิ์พยายามตามจีบและเอาของมีค่ามาให้บัวทองเพื่อหวังจะชนะใจ แต่บัวทองไม่เล่นด้วยแถมยังเกลียดเข้าไส้ คำผกาเองก็เกลียดบัวทองอยู่แล้วจึงเป่าหูให้สัมฤทธิ์วางแผนฉุดบัวทองมาทำเมีย สัมฤทธิ์เห็นด้วยจึงวางแผนให้ลูกน้องและ จำเริญ คนงานเก่าของขุนเดชมาช่วยฉุดบัวทองไปไว้ที่กระท่อมร้าง บัวทองเกือบจะตกเป็นของสัมฤทธิ์ โชคดีที่นางหวาดโผล่มาอาละวาดเอาดาบไล่ฟันสัมฤทธิ์ บัวทองจึงหนีหลุดไปได้ สัมฤทธิ์โกรธมากจึงยิงนางหวาดตายและเอากำไลทองมาจากนางหวาด พอตำรวจรู้เรื่องจาก หมอน้อย หมอประจำหมู่บ้านที่เป็นที่เคารพของทุกคน ซึ่งเห็นเหตุการณ์บัวทองถูกฉุดและมาแจ้งความให้ตำรวจไปช่วยบัวทอง จ่าแท่นจึงนำกำลังมาช่วยหลาน จำเริญซึ่งคอยดูต้นทางอยู่ได้ยินพวกลูกน้องของสัมฤทธิ์คุยกันว่า บัวทองเป็นแฟนของ ขุนเดช จึงตกใจมาก เพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าบัวทองเป็นแฟนของ ขุนเดช ซึ่งเป็นหัวหน้าเก่า สาเหตุที่จำเริญยอมทำชั่วช่วยสัมฤทธิ์ฉุดบัวทอง ทำไปเพราะอยากได้เงินไปให้แม่ที่กำลังป่วยและจะบวชทดแทนบุญคุณให้แม่ แต่พอรู้ว่าบัวทองเป็นแฟนของ ขุนเดช จำเริญเริ่มกลัวจึงรีบหนีไป ส่วนสัมฤทธิ์ก็เกือบโดนตำรวจจับได้ แต่ได้มา เจอ เสือเพิก เพื่อนเก่าของกำนันบุญมาช่วยไว้ แล้วพาไปอยู่ที่ซุ้มโจรด้วยกันช่วยกันออกปล้น ฆ่าชาวบ้าน แต่สัมฤทธิ์คิดชั่วอยากได้ลูกน้องของเสือเพิกมาเป็นของตัวเอง จึงหักหลังฆ่าเสือเพิกแล้วตั้งตัวเป็นหัวหน้าโจรซะเอง
          หลังจากที่จำเริญกับพวกคนอื่นๆหนีตำรวจมาได้ก็มาถูก ขุนเดช ไล่ล่าฆ่าตายที่ละคน เหลือแต่จำเริญที่หนีมาบวชเพื่อทดแทนคุณแม่จนได้ เพราะกลับตัวกลับใจสำนึกผิดหวังว่าการบวชครั้งนี้นอกจากทดแทนบุญคุญแม่แล้วยังจะช่วยลบล้างความผิดที่ทำมา ขุนเดช ตามมางานบวชของจำเริญ โดยมีหมวดยงยุทธกับจ่าแท่นแอบตามมาดู ขุนเดช ว่าจะฆ่าจำเริญหรือไม่ แต่เมื่อ ขุนเดช มาเจอจำเริญที่อยู่ในผ้าเหลืองแล้วจึงอโหสิกรรมทุกอย่างให้กับจำเริญ จ่าแท่นจึงรู้สึกโล่งใจที่ขุนเดชไม่ทำอะไรวู่ว่ามลงไป
          คำว่าอโหสิกรรมที่ ขุนเดช กล่าวต่อหน้าพระจำเริญทำให้ ขุนเดช เริ่มคิดได้ และการดูแลเอาใจใส่ของบัวทองในระหว่างที่ ขุนเดช พักรักษาตัวตอนที่ถูกยิง ก็ทำให้หัวใจของ ขุนเดช ที่เคยตั้งใจไว้ว่าจะไม่มีความรักให้ใครก็เริ่มอ่อนผ่อนลง เมื่อรู้ข่าวเรื่องโจรขโมยพระ ขุนเดชก็พยายามถอยและไม่ลงมือเอง แต่ส่งเบาะแสให้กับตำรวจให้เป็นฝ่ายจัดการ จนกระทั่งมีชายเชื้อสายจีนไว้ผมเปียยาว ขายของเด็กเล่น อาศัยอยู่บนเรือ ชาวบ้านเรียกเค้าว่า จีนเปีย เข้ามาในศรีสัชฯ ขุนเดชรู้สึกสงสัยในท่าทีมีพิรุธจึงพยายามสืบจนรู้ว่าเป็นพวกขโมยพระแล้วนำพระมาซ่อนไว้บนเรือ ขุนเดช จึงให้เบาะแสกับตำรวจจนตำรวจสามารถจับจีนเปียไว้ได้
          จีนเปียถูกขังอยู่ในตะรางแต่ได้วางแผนจะแหกคุกออกไปจึงโกหกว่าหิวน้ำ ให้ตำรวจเอาน้ำมาให้ พอตำรวจเผลอจึงเอามีดเล็กที่ซ่อนอยู่ที่ผมเปียออกมาปาดคอตำรวจตายแล้วหลบหนีออกไป ตำรวจพยายามไล่ล่าจีนเปีย แต่จีนเปียก็สามารถหนีไปได้ ขุนเดช จึงต้องออกโรงด้วยตนเอง จัดการฆ่าจีนเปียแล้วนำศพมาส่งให้ที่สถานีตำรวจ
          หลังจากที่สัมฤทธิ์เป็นหัวหน้าโจรปล้นฆ่าชาวบ้าน จนถูกทางการกดดันตามล่าตัว สัมฤทธิ์จึงหนีกลับมากบดานที่บ้านกำนันบุญที่ใช้อิทธิพลของตัวเองซ่อนลูกชายเอาไว้ไม่ให้ใครกล้าเข้ามายุ่ง ทางฟากรัฐมนตรีปราชญ์ที่พยายามปกปิดเรื่องลูกสาวท้องโตในวัยเรียนมาตลอด แต่เรื่องอื้อฉาวก็ไม่สามารถปกปิดได้ สาเหตุเพราะประดับทะเลาะกับปารมี เนื่องจากไปจับได้ว่าประดับไปมีอะไรกับคำผกาโสเภณีร่านราคาถูก และรู้ความจริงว่าประดับไม่เคยรักเธอเลย คิดแต่จะใช้เป็นเครื่องมือเพื่อได้เข้ามาเป็นลูกเขยรัฐมนตรี ปารมีน้อยใจประดับขับรถออกจากบ้านแล้วไปชนแม่ค้าข้างถนนตาย กลายเป็นข่าวครึกโครม ลูกสาวรัฐมนตรีท้องโตขับรถชนคนตาย ชื่อเสียงของรัฐมนตรี ปราชญเสียหายหนัก จนมีข่าวแว่วมาว่ามีสิทธิ์จะถูกถอดถอน ประดับกลัวว่าตัวเองจะเสียโอกาสถ้าไม่มีพ่อตาเป็นรัฐมนตรี จึงอาสาว่าจะทำทุกอย่างไม่ให้ท่านรัฐมนตรีหลุดจากเก้าอี้ รัฐมนตรีปราชญ์รู้มาว่าถ้าสามารถหาเครื่องชามสังคโลกโบราณที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์มาเป็นสินบนให้กับผู้ใหญ่ในพรรคได้ เก้าอี้ของตัวเองก็จะไม่หลุด เพราะเครื่องชามสังคโลกที่ยังสมบูรณ์และงดงามไร้ที่ติ ไม่ได้ใช่ของหากันง่าย ๆ เท่าที่มีอยู่ก็มีแต่ในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติเท่านั้น ประดับอาสาว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้เองเพราะก่อนหน้านี้ได้ข่าวจาก ทางกำนันบุญว่ามีการค้นพบเครื่องชามสังคโลกในสภาพสมบูรณ์ที่ศรีสัชฯ

FC on April 19, 2012, 02:47:24 PM
          ประดับเดินทางมาหากำนันบุญ ซึ่งได้ยืนยันเรื่องเครื่องชามสังคโลกว่ามีการค้นพบแล้วจริง ๆ โดยรู้มาจากลูกน้องที่เคยแอบเข้าไปลักขุดขโมยของโบราณในที่ดินของหมอน้อย และรู้ว่าหมอน้อยมีเครื่องชามสังคโลกโบราณอยู่ กำนันบุญจึงไปทาบทามขอซื้อแต่ถูกหมอน้อยปฏิเสธ หมอน้อยบอกกำนันบุญว่าได้บริจาคที่ดินรวมถึงเครื่องชามสังคโลกให้กับทางการหมดแล้วเพื่อเป็นประโยชน์แก่แผ่นดิน กำนันบุญโกรธมากจึงให้สัมฤทธิ์พาลูกน้องไปปล้นที่บ้านหมอน้อย สัมฤทธิ์ฆ่าหมอน้อย เมียและลูก รวมถึงนายชื่นคนงานเฝ้าไร่ตายทั้งบ้าน แต่โชคดีที่นายชื่นแค่บาดเจ็บ จึงมาบอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าพวกสัมฤทธิ์เป็นคนลงมือฆ่าหมอน้อยและครอบครัว หมวดยงยุทธบุกไปตามจับสัมฤทธิ์ที่บ้านกำนันบุญ แต่กำนันบุญรู้ตัวว่าตำรวจจะมาเพราะจับลูกชายเพราะรำพันแอบส่งข่าวให้ตำรวจรู้ว่าสัมฤทธิ์กบดานอยู่ที่บ้าน สัมฤทธิ์รอดไปได้โดยส่งให้ไปกบดานอยู่กับ นายซ้อน ลูกน้องเก่าที่ทำไร่อยู่ที่เขาพนมเพลิง ส่วนรำพันถูกกำนันบุญตบตีทำร้ายจะเอาถึงตาย ทิพย์ร้องไห้กระจองอแงเข้าไปกอดไม่ให้พ่อทำร้ายแม่ กำนันโกรธลูกสาวปัญญาอ่อนและทนรำคาญไม่ไหว คำผกายุส่งให้กำนันบุญจับลากตัวไปส่งโรงพยาบาลบ้า เพราะทนรำคาญทิพย์ที่ชอบมาทำให้เธอหงุดหงิดอารมณ์เสียอยู่บ่อย ๆ
          แต่ระหว่างฉุดกระชากลากถูทิพย์สะบัดตัวหนี กำนันบุญกับคำผกาที่ช่วยกันจับตัวทิพย์อยู่เกิดพลาดท่าตกบันไดลงมาหมดสติทั้งคู่ ซึ่งในระหว่างที่หมดสติไปนั่นเอง กำนันบุญได้ฝันเห็นภาพในอดีตของตัวเองที่เคยไปลักตัดเศียรพระ และได้เจองูเห่านับเป็นสิบ ๆ ตัวเลื้อยปกป้ององค์พระ พวกลูกน้องพากันกลัวว่าเป็นงูเจ้าไม่ควรไปยุ่งหรือไปทำร้ายไม่อย่างนั้นบาปจะติดตัว แต่กำนันบุญไม่เกรงกลัวบาปกลัวกรรมเอาถังน้ำมันราดแล้วจุดไฟเผาฆ่างูเจ้าจนตายเกลี้ยง หลังจากนั้นไม่นานรำพันก็คลอดลูกออกมาเป็นทิพย์ ที่ตอนเกิดมีเกล็ดตามตัวเหมือนเกล็ดงู และเมื่อโตขึ้นทิพย์ก็มีอาการปัญญาอ่อนไม่สมประกอบ ส่วนคำผกาก็ฝันเห็นภาพตัวเองตอนเป็นเด็กยากจนไม่มีข้าวกิน จนต้องไปลักขโมยข้าวแม่ค้าคนหนึ่งเป็นประจำ จนวันนึงเขาจับได้และสั่งไม่ให้ขโมยอีกถ้าอยากกินก็ให้มาขอ แต่เพราะสันดานชอบลักเล็กขโมยน้อยที่ติดเป็นนิสัย เมื่อเห็นแม่ค้ามีสร้อยทองใส่ก็อยากได้จึงแอบขโมยมาเก็บไว้ เมื่อแม่ค้าจับได้คำผกาก็ผลักแม่ค้าล้มลงไปที่ถนนจนถูกรถชนตาย
          เมื่อกำนันบุญกับคำผกาฟื้นขึ้นมาก็พบว่ารำพันได้พาทิพย์หนีไปแล้ว ส่วนกำนันบุญเมื่อพยายามจะลุกขึ้นก็ทำไม่ได้อย่างเหมือนก่อน เพราะแข้งขาไม่มีเรี่ยวมีแรงจะขยับไปไหนก็ต้องใช้วิธีเลื้อยเอาคล้ายกับงูที่ต้องเลื้อยไปมา หมอบอกว่าที่กำนันบุญเป็นอย่างนี้สาเหตุมาจากการตกบันไดทำให้เส้นประสาทที่ขาเสียหาย คำผกาเห็นเข้าก็รู้สึกทุเรศลูกตาไม่สนใจใยดีกำนันบุญอีก และแอบขโมยกุญแจห้องเก็บสมบัติของกำนันเพื่อเข้าไปลักเอาแก้วแหวนเงินทองของกำนัน โดยเฉพาะกับกำไลทองที่สัมฤทธิ์เอามาจากศพนางหวาด แต่เมื่อคำผกาเอากำลังมาสวม คำผกาก็มีอาการไม่ต่างจากนางหวาดที่คลุ้มคลั่ง ควงดาบออกไล่ฟันลูกน้องกำนันบุญ และหนีมาเจอประดับ คำผกาก็พยายามทำร้ายประดับ ในที่สุดก็ถูกประดับยิงตายและเก็บเอากำไลทองจากคำผกามาไว้กับตัวเอง
          กำนันบุญเริ่มกังวลและคิดถึงบาปกรรมที่เคยทำไว้กับงูเจ้าในอดีต ประดับมาหากำนันบุญเพื่อขอเอาชามสังคโลกที่ได้มาจากหมอน้อย กำนันบุญยื่นข้อเสนอเพิ่มเติมนอกจากเรื่องเงินแล้ว อยากจะขอให้ท่านรัฐมนตรีช่วยเหลือลูกชายให้พ้นคดี และช่วยหาหมอเก่ง ๆ มารักษาให้กลับมาเดินได้อีกครั้ง เพราะเกรงกลัวว่าถ้าไอ้ ขุนเดช มันรู้ตัวเองกลายเป็นแค่ไอ้พิการ มันต้องตามมาจัดการฆ่าแก้แค้นที่เคยไปฆ่าพ่อมันแน่ ๆ ประดับเลยได้รู้ว่า ขุนเดช ศัตรูในอดีตที่เคยฝากความแค้นกันไว้นั้นตอนนี้มันก็ยังตามรังควาญเขาไม่หยุด ประดับคิดแผนการบางอย่างที่จะจัดการกับ ขุนเดช เพื่อสางความแค้น เลยทำเป็นรับปากกับกำนันบุญว่าจะจัดการตามที่ต้องการทุกอย่าง แต่พอลงจากเรือนของกำนันบุญได้ไม่เท่าไหร่ ประดับก็สั่งลูกน้องให้จัดการเผาบ้านกำนันบุญ ทรัพย์สมบัติของกำนันบุญก็สั่งให้คนขนออกมาจนเกลี้ยง ลูกน้องคนไหนที่ไม่ยอมแปรพักต์ก็จัดการฆ่าตายให้หมด แล้วใช้เลือดเขียนบนผนังเรือนว่านี่คือการ แก้แค้นของ ขุนเดช
          การตายของหมอน้อยพร้อมกับครอบครัว สร้างความเสียใจให้กับทุกคนในศรีสัชฯที่ ต้องสิ้นคนดี ขุนเดช รักและเคารพหมอน้อยเหมือนญาติผู้ใหญ่จึงโกรธแค้นเป็นอย่างมากและ คิดแก้แค้นให้หมอน้อย นายซ้อนซึ่งให้ที่พักกับสัมฤทธิ์แอบมาพบกับ ขุนเดช เพื่อส่งข่าวเรื่องของสัมฤทธิ์ให้รู้ ถึงนายซ้อนจะเคยเป็นลูกน้องของกำนันบุญ แต่ตอนนี้ก็กลับตัวกลับใจแล้ว จึงขอให้ ขุนเดช ไปจัดการกับนายสัมฤทธิ์ที่เขาพนมเพลิง ขุนเดช จึงตามไปฆ่าโดยขุดหลุมพราง ให้สัมฤทธิ์ตกไปในหลุมแล้วใช้น้ำมันราดเผาสัมฤทธิ์ทั้งเป็น และยืนดูมันตายอย่างทรมาณให้สาสมกับความผิดที่เคยทำ หมวดยงยุทธตามมาพบ ขุนเดช ฆ่านายสัมฤทธิ์ซึ่งเป็นหลักฐานคาตา ยงยุทธขอให้ ขุนเดช มอบตัว เพราะตอนนี้ ขุนเดช กลายเป็นอาชญากรที่ตำรวจต้องการ หลังจากที่ไปปล้นเผาบ้านของกำนันบุญ ขุนเดช ปฏิเสธไม่ได้เป็นคนไปปล้นบ้านกำนันบุญ หมวดยงยุทธและจ่าแท่นเชื่อว่า ขุนเดช ไม่ได้ทำและโดนใส่ร้าย จึงต้องขอร้องให้ ขุนเดช มอบตัวเพื่อไปพิสูจน์ความจริงกับศาล แต่ ขุนเดช ไม่ยอมมอบตัวสู้และเข้าต่อสู้กับหมวดยงยุทธจนเอาตัวรอดหนีไปได้
          ที่จริงแล้วกำนันบุญยังไม่ตาย แต่ถูกประดับจับตัวเอาไว้เพื่อเรียกให้ ขุนเดช มาจัดการ โดยประดับเตรียมซ้อนแผนให้ตำรวจมาพบตอนที่ ขุนเดช ฆ่ากำนันบุญ ประดับส่งข่าวเรื่อง กำนันบุญให้ ขุนเดช รู้ผ่านทางอาจารย์ดาราว่ากำนันบุญอยู่ที่ถ้ำ พระศิลาบนเขาหลวง ที่ ๆ พ่อของ ขุนเดช ถูกฆ่าตาย อาจารย์ดาราเตือน ขุนเดช ไม่ให้ไป ตกหลุมพรางของประดับ และอาจารย์ประทีปก็เอาคำพูดของหลวงพ่อสุข ที่เคยเตือน เอาไว้พูดให้ ขุนเดช รู้ แต่ ขุนเดช ยืนยันว่าชีวิตเขาเกิดมาเพื่อปกป้องสมบัติของชาติ เขาคือทหารของพระร่วง ขุนเดช เดินทางไปที่ถ้ำศิลาและได้ พบกำนันบุญในสภาพนั่ง รถเข็นน่าเวทนา กำนันบุญขอร้อง ขุนเดช ให้ไว้ชีวิต อ้างว่าตอนนี้ตัวเองก็ไม่เหลืออะไร อีกแล้วได้รับกรรมที่เคยทำไว้แล้วอยากให้ ขุนเดช อโหสิให้ ขุนเดช ลังเลใจนึกถึงคำพูด ของหลวงพ่อสุขที่อาจารย์ประทีปบอกไว้และคำสัญญากับบัวทองว่าจะใช้ชีวิตด้วยกัน อย่างสงบ ขุนเดช คิดจะอโหสิให้กำนันบุญ แต่กลับถูกกำนันยิงเข้ากลางอกด้วยปืน ที่ซุกเอาไว้ในรถเข็น ขุนเดช ทรุดฮวบหายใจรวยรินเจ็บใจที่โดนกำนันบุญหลอก ประดับโผล่เข้ามาหัวเราะสะใจที่ ขุนเดช โดนเล่นงาน กำนันบุญอ้างว่าประดับสั่งให้ทำ ประดับเข้ามาจิกหัว ขุนเดช สมเพชเวทนาอยากเห็น ขุนเดช ตายต่อหน้าต่อตา เพราะถ้าขืนปล่อยให้ตำรวจได้ตัวไป วันนึง ขุนเดช ก็ต้องพ้นโทษออกมาอีก ประดับทิ้ง ขุนเดช ไว้ ในถ้ำกับกำนันบุญ ขุนเดช เกือบจะตายอยู่แล้วแต่ด้วยคำพูดของพ่อที่พูดถึง พระขพุงผี ผีเทวดาที่ยิ่งใหญ่กว่าเทวดาใด ๆ บนเขาหลวง ขุนเดช ก็ฮึดลุกขึ้นมา กำนันบุญจะยิง ขุนเดช ซ้ำแต่ ขุนเดช ก็ฟันฉับเข้าที่คอด้วยดาบนิล กำนันบุญคอขาดกระเด็นสาสมกับกรรมที่ทำไว้
          หมวดยงยุทธกับจ่าแท่นและกำลังตำรวจตามมาที่เขาหลวงเพื่อต้องการระงับเหตุและจับตัว ขุนเดช บัวทองกับอาจารย์ดาราตามจ่าแท่นมาด้วยเพราะเป็นห่วง ขุนเดช แต่หมวดยงยุทธสั่งห้ามไม่ให้ขึ้นไปที่เขาหลวง อาจารย์ดาราขอร้องหมวดยงยุทธให้ ปล่อย ขุนเดช ไป แต่หมวดยงยุทธยืนยันว่าเขาต้องทำทุกอย่างตามความถูกต้อง เพราะถ้าเขาทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องชาตินี้เขาก็คงทนมองหน้าใครไม่ได้อีก และอาจารย์ดาราก็คงจะภูมิใจในตัวเขาไม่ได้ อาจารย์ดาราน้ำตารื้นยอมเข้าใจว่าหมวดยงยุทธมีความจำเป็น จึงยอมอยู่กับบัวทองที่ตีนเขาหลวง
          ขุนเดช ในสภาพที่บาดเจ็บหนักไล่ล่าตามหาตัวประดับในป่าบนเขาหลวง ประดับคิดว่าตัวเองน่าจะหาทางออกได้แต่ก็เกิดเรื่องน่าอัศจรรย์ เมื่อทางออกที่เคยเดิน กลับไม่เหมือนเดิม ประดับเริ่มเดินวนเวียนอยู่ในป่าจนหลวงทาง และได้ยินเสียงหวีด ร้องน่ากลัวไปทั่วป่า ประดับยิงปืนไปทั่วเพราะคิดว่าเป็นฝีมือของ ขุนเดช แต่ภาพที่ประดับเห็นกลับเป็นภาพของนักรบโบราณเดินไปเดินมาอยู่รอบตัว และหนึ่งในกลุ่มนักรบโบราณก็คือ ขุนเดช ที่ยืนจังก้า ในมือถือดาบนิลที่ชักออกมาเป็นดาบคมกริบ ขุนเดช ตวัดดาบเข้าสู้กับประดับและใช้มันเสียบทะลุหัวใจของประดับจนตายคาที่ จ่าแท่นกับหมวดยงยุทธตามมาพบ ขุนเดช ในสภาพหายใจรวยริน ขุนเดช บอกหมวดยงยุทธว่าเสียใจที่ให้หมวดจับเข้าคุกไม่ได้ เพราะคงสิ้นลมหายใจอยู่ที่เขาหลวงแห่งนี้ ขุนเดช ขอร้องหมวดยงยุทธว่าปล่อยให้เขาตายอยู่ที่นี่ จะได้เป็นผีเฝ้าสมบัติของบรรพบุรุษจากพวกใจบาป ขุนเดช แน่นิ่งไปต่อหน้าต่อตาหมวดยงยุทธ
          รัฐมนตรีปราชญ์มาที่สุโขทัยเพื่อรับถ้วยชามสังคโลกที่ประดับเก็บไว้ให้ เมื่อนักข่าวถามถึงเรื่องของประดับที่ไปเกี่ยวข้องกับพวกค้าวัตถุโบราณ ท่านรัฐมนตรีด่าประดับว่าเป็นพวกสารเลวและเพิ่งรู้เห็นความเลวของมันเหมือนกันสาสมที่มันตายซะได้แถมยังรับปากกับประชาชนว่าจะกวาดล้างพวกขายสมบัติชาติให้สิ้นซาก แต่ครั้นเมื่อท่านรัฐมนตรีกลับมาถึงบ้านก็พบว่าประดับได้ส่งของขวัญมาให้ปารมี โดยสั่งให้ลูกน้องเอามาให้ก่อนที่ประดับจะตาย ปารมีเปิดกล่องของขวัญออกมาพบว่าเป็นกำไลทอง ปารมีเห็นว่าสวยดีจึงสวมกำไลทอง เข้าไปแล้วก็เกิดอาการคุ้มคลั่ง ลุกขึ้นมาไล่ทำร้ายรัฐมนตรีปราชญ์จนตกบันไดคอหักตายคาที่ ส่วนปารมีก็กลายเป็นบ้าเดินเพ้อละเมอว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงหายออกจากบ้านไป
          หมวดยงยุทธกับจ่าแท่นและชาวบ้านทุกคนร่วมกันจัดงานเผาศพให้ ขุนเดช ทุกคนมาร่วมงานศพ บัวทองยืนร้องไห้เสียใจ แค้นที่คนดี ๆ อย่าง ขุนเดช ต้องมาตายเพราะฝีมือคนชั่ว บัวทองเสียใจมากจึงได้เดินหลบออกไป จ่าแท่นเดินตามมาแล้วเล่าความจริงให้บัวทองฟังว่า ขุนเดช ยังไม่ตาย ตอนนี้หลบพักรักษาตัวอยู่ และเป็นความตั้งใจของหมวดยงยุทธที่จะให้ทุกคนเข้าใจว่าวีรบุรุษบาปอย่าง ขุนเดช ได้ตายจากไปแล้ว บัวทองดีใจเมื่อรู้ดังนั้น จึงพาแม่ไปอาศัยอยู่กับ ขุนเดช ไปปลูกไร่ ไถ่นาอยู่กันตามประสาอย่างมีความสุข โดยที่ไม่มีผู้ใดรู้ว่า ขุนเดช ยังมีชีวิตอยู่ ส่วนหมวดยงยุทธได้เลื่อนยศขึ้นเป็น ผู้การที่จังหวัดสุโขทัยและได้แต่งงานกับอาจารย์ดารา ทุก ๆ วันหมวดยงยุทธมักจะยืนมองโบราณสถานที่ยังทรงคุณค่า และนึกขอบใจ ขุนเดช ที่เสีย สละตัวเองเพื่อปกป้องสมบัติและภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ ให้อยู่สืบไป..... ติดตามชม ละครขุนเดช ได้ทุกวันพุธ - พฤหัสบดี เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี ละครขุนเดช เริ่มตอนแรก วันพุธที่ 18 เมษายน 2555

FC on April 19, 2012, 02:48:03 PM
รายชื่อนักแสดงนำ

วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ รับบท ขุนเดช
ศุกลวัฒน์ คณารศ รับบท ร.ต.ท.ยงยุทธ
อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล รับบท บัวทอง
อคัมย์สิริ สุวรรณศุข รับบท อาจารย์ดารา
สุรวุฑ ไหมกัน รับบท กำนันบุญ สุโขทัย
ณัฐวัฒน์ เปล่งศิริวัธน์ รับบท ประดับ (ลูกเขยปราชญ์)
อุษณีย์ วัฒฐานะ รับบท คำผกา
ขวัญกวินท์ ธำรงรัฐเศรษฐ์ รับบท ปารมี (ลูกรมต.)
พิชยดนย์ พึ่งพันธ์ รับบท สัมฤทธิ์ (ลูกบุญ)
เกริกเกียรติ พันธุ์พิพัฒน์ รับบท รัฐมนตรีปราชญ์
ภารดี อยู่ผาสุข รับบท คุณหญิง
วันชัย เผ่าวิบูลย์ รับบท อาจารย์ประทีป
วินัย ไกรบุตร รับบท เดื่อง (พ่อขุนเดช)
รชยา รักษ์กสิกรณ์ รับบท คำปัน (แม่บัวทอง)
วีระชัย หัตถโกวิท รับบท จ่าแท่น (ลุงบัวทอง)
ธนา สินประสาธน์ รับบท เถิน (พ่อดารา)
ตฤณ เศรษฐโชค รับบท หมอน้อย
น้ำทิพย์ เสียมทอง รับบท มะลิ
ประถมาภรณ์ รัตนภักดี รับบท สาลี่
ธีรยุทธ ปรัชญาบำรุง รับบท หลวงพ่อสุข
ยอดชาย เมฆสุวรรณ รับบท หลวงลุง
ฆนัท นาคถนอมทรัพย์ รับบท อาจารย์ดำรง
พิพัฒน์พล โกมารทัต รับบท ฮวด
ปริษา ทนาวิวัฒน์ รับบท รำพัน (เมียใหม่บุญ)
ณปภัช วรพฤทธานนท์ รับบท ทิพย์ (ลูกรำพันบุญ)
พชร กระต่ายทอง รับบท เปี๊ยะ (น.ศ.)
ชญานี ธิติ รับบท กบ (น.ศ.)
ธัชพร วาจา รับบท หยิน (น.ศ.)

FC on April 25, 2012, 01:28:59 PM
‘เวียร์’ เท่ห์ได้ใจ บทนายตำรวจ ใน ‘ขุนเดช’

 

          เล่นละครมาก็หลายเรื่อง สำหรับพระเอกสุดหล่อ “เวียร์ – ศุกลวัฒน์ คณารศ” พอต้องมารับบทนายตำรวจหนุ่ม “ยงยุทธ” เจ้าตัวถึงกับดีอกดีใจ เพราะบทบาทในเรื่อง “ขุนเดช”เป็นอะไรที่เข้มข้นสุดๆ เข้มข้นแค่ไหนไปฟังจากปาก “เวียร์”

          “ สำหรับหมวดยงยุทธ ตัวละครที่ผมเล่น เป็นตัวละครที่เข้มข้น ตอนเด็กๆ ยงยุทธ อาจจะขี้เล่น พอโตมาก็ตงฉิน ไม่เคยยอมอะไรเลย เราถวายหน้าที่ทุกอย่างให้กับการทำงาน ไม่กลัวตาย ทุกอย่างต้องอยู่ในกรอบกฎหมาย ตรงๆ ไม่เกรงกลัวอิทธิพลใดๆ ทั้งสิ้น เป็นคนที่หนักแน่น เป็นตำรวจที่ดูแลทุกข์สุขของประชาชน แต่ ขุนเดช ที่โตมาด้วยกันดันทำตัวเป็นฮีโร่ตั้งศาลเตี้ยขึ้นมาเอง ยงยุทธก็ต้องตรวจสอบอยากจะให้เพื่อนทำในสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมายบ้านเมือง แล้วตัวของ ยงยุทธ จะอ่อนไหวบ้างในเรื่องความรัก เพราะในเรื่องจะเป็นเรื่องของรักสามเศร้า ขุนเดช ยงยุทธ แล้วก็ ดารา ต้องคอยติดตามกันว่ารักสามเส้าในครั้งนี้จะลงเอยอย่างไร”

          “ขุนเดช” ในเวอร์ชั่น 2012 แตกต่างกับของเก่ายังไง ?
          “ เวอร์ชั่นเก่าผมไม่เคยได้ดูนะครับ แต่เคยได้ยินชื่อว่ามีละครเรื่องนี้ ความคิดของผมเองนะถ้าเราเล่นละครรีเมคแล้วเอาไปเปรียบเทียบกับของเก่า เราจะเครียดเอง เพราะฉะนั้นผมจะไม่ไปดูตรงนั้น เราทำตามแบบของเราในยุค 2012 ของเรานี่แหละ แต่ละยุคแต่ละสมัยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนกัน”

          “ขุนเดช” เวอร์ชั่นใหม่ พร้อมให้ได้ชมกันแล้ว ทุกวันพุธ และ พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี
« Last Edit: April 27, 2012, 06:34:37 AM by FC »

FC on April 25, 2012, 01:29:38 PM
‘เชน’ อึ้ง ‘ประดับ’ ร้ายสุดๆ เล่นแล้วอินเกลียดตัวเอง

 

          ออนแอร์ให้ได้ชมไปไม่กี่ตอน เสียงตอบรับก็ดีสุดๆ สำหรับละครเรื่อง “ขุนเดช” ในเรื่องไม่ได้เด่นเฉพาะนักแสดงนำอย่างพระ-นางเท่านั้น บทบาทของตัวร้ายอย่าง “ประดับ” ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน รับบทบาทนี้โดย “ณัฐวัฒน์ เปล่งศิริวัธน์” ที่มาร่วมงานกับ “พอดีคำ” เป็นครั้งแรก เจ้าตัวยอมรับว่าเล่นบทร้ายมาหลายเรื่อง ยังไม่เคยมีเรื่องไหนที่รู้สึกเกลียดตัวเองเท่ากับเรื่องนี้มาก่อน

          “ ประดับ เป็นผู้ชายที่เลวมาก เป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูง ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองก้าวไปข้างหน้า เมื่อก่อนพ่อประดับเป็นใหญ่เป็นโต เลยกร่างกับทุกคน พอพ่อโดนปฏิวัติทำให้ประดับหมดทุกอย่าง ก็ไปต่างประเทศไปเรียนศิลปะป้องกันตัว พอกลับมาเมืองไทยก็หาคนเกาะ แล้วปีนไต่เต้าไปเรื่อยๆ คิดจะล้มล้างผู้มีพระคุณอย่างท่านรัฐมนตรีปราชญ์ที่ประดับไปเกาะเค้าอยู่ ประดับยังไปจีบลูกสาวได้ทั้งเมียและลูกเค้า เป็นคนไม่ไว้ใจใครนอกจากตัวเอง ประดับนี่ร้ายที่สุดในเรื่องก็ว่าได้

          “ แต่ที่เลวที่สุด คือ ค้าเศียรพระ เลวมาก เป็นอะไรที่พอเล่นไปแล้วเกลียดตัวเอง เกลียดตัวละครตัวนี้ ร้ายที่สุดแล้วร้ายกว่าทุกเรื่อง แถมยังเป็นครั้งแรกกับ พอดีคำ มาเจอการทำงานที่ละเอียดมากๆ เครียดเลยนะครับ แต่สนุกมาก เหนื่อยแต่สนุก ทางทีมงานไว้ใจให้ผมเล่นบทนี้ ทำให้ผมต้องตั้งใจมากขึ้นไปอีกหลายเท่า บทก็ดีที่สุดเท่าที่เคยเล่นละครมา ทุกอย่างผมตั้งใจแบบสุดๆ ไม่มีวันไหนที่มากองถ่ายแบบล่องลอยเลยครับ”

          “ ฝากละคร “ขุนเดช” ด้วย เป็นละครที่ไม่ใช่แค่ละครธรรมดา แต่เป็นละครที่สอนแง่คิด ให้อะไรกับเราเยอะ ทำให้ได้เห็นว่าสังคมที่ผ่านมาของประเทศเรามีคนแบบไหนอยู่บ้าง คนไม่ดีจะโดนยังไง คนดีจะได้ผลอะไร นอกจากความบันเทิงแล้วยังได้ประโยชน์ด้วย แล้วผมตั้งใจทำงานมากด้วย ทุกวันพุธ-พฤหัสบดี ทางช่อง 7 เวลา 20.25 น. ชมกันเยอะๆ นะครับ”
« Last Edit: April 27, 2012, 06:34:47 AM by FC »

FC on April 25, 2012, 01:30:15 PM
‘กรีน-อัษฎาพร’ ติวเข้ม ลงพีเรียตเรื่องแรกใน ‘ขุนเดช’

 

          ปกติเคยแต่จับไมค์ร้องเพลง และ เล่นละครซิทคอม ล่าสุดต้องมาเล่นละครแนวพีเรียตเรื่อง “ขุนเดช” ให้กับค่าย “พอดีคำ” ของผู้จัดมือทอง “ธงชัย ประสงค์สันติ” ทำเอา “กรีน - อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล” ต้องทำการบ้านอย่างหนัก โชคดีที่ได้ทีมงานมืออาชีพทำให้การทำงานในครั้งนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

          “ บทบาทของ บัวทอง เป็นสาวอายุ 19 อยู่ที่สุโขทัย จะดื้อๆ หน่อย ดื้อกับพระเอกของเรื่อง คือ ขุนเดช เพราะบัวทองเป็นลูกคนเดียวจะเอาแต่ใจนิดนึง ซุ่มซ่ามนิดๆ โก๊ะๆ หน่อยๆ สะดุดโน่นนี่ตลอด ( ยิ้ม ) เป็นคนที่สู้คน อยากรู้เรื่องนั้นเรื่องนี้ตลอด ใครทำอะไรในสุโขทัยต้องรับรู้หมด กรีน เล่นเรื่องนี้ปรับตัวค่อนข้างเยอะ เพราะเป็นพีเรียตเรื่องแรก เล่นเป็นตัวเองไม่ได้เลย อาศัยถามพี่ๆ ในกอง ถามผู้กำกับ วันแรกหลายเทคมาก บทก็พูดไม่ได้ พูดซ้ำไปซ้ำมา ทำให้ไม่มั่นใจ พอไม่มั่นใจแอ็คติ้งก็ไม่ได้ โชคดีที่ทุกคนในกองช่วยหนูเยอะมาก ทุกคนน่ารักมากรู้ว่ากรีนทำไม่ค่อยได้ ก็ให้กำลังใจ แล้วกรีนทำการบ้านด้วยตัวเองเยอะ พอเริ่มเข้าที่ก็คล่องขึ้นค่ะ

          “ ด้วยความที่เป็นละครที่นำกลับมาทำใหม่ แรกๆ แอบคิดถ้าเล่นไม่ดีเล่นแย่คนจะมองยังไง พอได้มาเล่นจริงๆ เรื่องราวมันเปลี่ยนไปตามยุคตามสมัย พาร์ทนี้มีความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง บัวทอง จะแสดงออกตลอดว่ารักว่าชอบขุนเดช แต่จะไม่แสดงออกกับอาจารย์ดารา เพราะพอรู้มาบ้างว่าเค้าพอจะมีใจให้กันมาก่อน แต่ บัวทอง นี่แหละที่ทำให้ขุนเดชที่ไม่เคยยิ้มให้ใครหันมายิ้มให้บัวทอง เพราะบัวทองทำให้ขุนเดชมีความสุข ขุนเดชก็คอยปกป้องดูแลบัวทองตลอด ตรงนี้แหละค่ะที่ทำให้ละครมีความสนุกสนาน”

          คอยติดตามและให้กำลังใจ “กรีน” กับบทบาท “บัวทอง” ในละคร ขุนเดช ได้ทุกคืนวันพุธและพฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
« Last Edit: April 27, 2012, 06:35:03 AM by FC »

FC on May 04, 2012, 07:07:04 AM
สกู๊ปละคร “ขุนเดช”: “จั๊กจั่น” เลิฟซีน “เวียร์” เห็นกล้าม แล้วใจละลายทั้งฟิตและเฟิร์ม



          เข้มข้นครบรสสำหรับละคร “ขุนเดช” ที่มีทั้งบู๊แหลก ดราม่ากระจาย และมีเลิฟซีนพระนางมาเบรคให้ได้นั่งอมยิ้มกันบ้าง วันนี้มีเบื้องหลังฉากเลิฟซีนน่ารักๆ ของสาว เวียร์ ศุกลวัฒน์ ในบท หมวดยงยุทธ กับ จักจั่น อคัมย์สิริ ในบท อาจารย์ดารา มาให้อ่านไปยิ้มไปก่อนชมในละครคืนวันพุธนี้ เป็นฉากที่ ดารา(จักจั่น)มาหาหมวดยงยุทธ(เวียร์)ที่บ้านพักด้วยความเป็นห่วงและเตือนให้ระวังตัวจากอิทธิพลเถื่อน และคืนนั้นผู้ร้ายบุกเข้ามาลอบทำยงยุทธทำให้ดาราโดนลูกหลงไปด้วย ยงยุทธไม่ให้ดารากลับเพราะเป็นห่วงเค้าให้ดารานอนในห้องและตัวเองออกมานอนตากลมตากยุงข้างนอก ดาราทนไม่ไหวเลยบอให้ยงยุทธมานอนในห้องและเธอแบ่งเตียงให้ครึ่งนึง ยงยุทธต้องห้ามใจตัวเองอย่างหนักกับหัวใจรักที่มีกับดารา เค้าทำสำเร็จให้เกียรติดารา ทำแค่จูบหน้าผากเบาๆ ทำให้ดาราภูมิใจและไว้ใจยงยุทธ ที่สำคัญทำให้เธอยอมเปิดใจตัวเองให้กับยงยุทธเป็นครั้งแรก

          ไปปักหลักถ่ายทำกันที่บ้านพักย่านลำลูกกาคลอง12 ฉากนี้จักจั่นอยู่ในชุดเซ็กซี่เสื้อเชิ้ตขาวของผู้ชายตัวเดียวพร้อมนอน ซึ่งอาจจะดูผิดลุ๊คบทอาจารย์ดาราปกติ ส่วนเวียร์ก็ใส่เสื้อกล้ามกางเกงเลโชว์แขนล่ำทั้งฟิตแอนด์เฟิร์มให้จั๊กจั่นและสาวๆในกองใจละลาย จั่นถึงกับทนไม่ไหวขอจับและบีบเช็คความเฟิร์มเล่น เวียร์ก็ดูมีความสุขกับการโชว์ความฟิตและเฟิร์มของกล้ามที่อุตส่าห์ไปเพิ่มมาเพื่อละครเรื่องนี้ ฝ่ายเวียร์ก็มีชมจักจั่นว่า “วันนี้เซ็กซี่นะเรา” จั่นก็มีการตอบกลับแบบกัดตัวเองเบาๆ ว่า “ก็โอเคเซ็กซี่นะแต่หนูแอบขาสั่นและใหญ่ไปนิดนะเฮีย” ชื่นชมกล้ามกับความเซ็กซี่กันไปพอหอมปากหอมคอก่อนเข้าฉากนอนหอมหน้าผาก เลิฟซีนเบาๆแต่น่ารักมากๆของยงยุทธกับดารา ทั้งคู่เป็นนักแสดงมืออาชีพมาก พอสั่งเดินกล้องก็เล่นได้เลย ไม่มีเขินอายเพราะจั่นกับเวียร์สนิทและคุ้นเคยกันมาแล้วจากการร่วมงานกันมาก่อนหน้านี้ ฉากนี้เลยเป็นฉากที่เล่นกันสบายๆได้จังหวะอารมณ์เลิฟจมูกชนแลกลมหายใจกันทีเดียว ปากเกือบประกบให้ได้ลุ้น แล้วถึงค่อยเปลี่ยนไปหอมหน้าผาก ตามลำดับตามความต้องการของผู้กำกับ แต่อุปสรรคการถ่ายทำ อยู่ที่ความร้อนของอากาศที่ทำเอาทั้งคู่เหงื่อแตกผลั่กอยู่ใต้ผ้านวม พอสั่งคัทปุ๊บต้องเปิดพัดลมกระหน่ำใส่ชุดใหญ่ก่อนเริ่มเล่นเทคใหม่ให้กล้องเปลี่ยนมุมจับภาพกันทุกมุมจนละเอียด ก็เป็นอันผ่านฉากนี้ไปแบบสบายๆสไตล์มืออาชีพของทั้งคู่

          ติดตามชมความน่ารักของฉากเลิฟซีนโรแมนติกของ “เวียร์ ศุกลวัฒน์” กับ “จักจั่น อคัมย์สิริ” ฉากนี้ได้ในวันพุธที่ 9 พฤษภาคมนี้ในละคร “ขุนเดช” ทางช่อง7
« Last Edit: May 04, 2012, 07:17:44 AM by FC »

FC on May 04, 2012, 07:32:31 AM
‘หนุ่ม’ สั่นสู้ เลิฟซีน ‘นก อุษณีย์’ ประกบคู่ ‘ผัว-เมีย’ ใน ‘ขุนเดช’

 
 
          สืบเนื่องจากละครเรื่อง “ดอกแก้ว” ที่ “หนุ่ม - สุรวุฑ ไหมกัน” ได้เล่นประกบคู่กับสาวเซ็กซี่ “นก – อุษณีย์ วัฒฐานะ” พอมาถึงละครเรื่อง “ขุนเดช” ของค่าย “พอดีคำ” นักแสดงมากความสามารถ “หนุ่ม – สุรวุฑ” ก็ได้โคจรมารับบทบาทเป็นสามี-ภรรยาในเรื่องนี้อีกครั้ง แถมยังมีฉากสยิวเซ็กซี่ให้ได้ชมกันเพียบ ถึงจะผ่านร้อนผ่านหนาวเล่นเลิฟซีนมาเยอะขนาดไหน “หนุ่ม” ยังยิ้มเขินๆ บอกสั่นสู้ทุกครั้งที่ต้องเข้าฉากกับสาวเซ็กซี่คนนี้

          “ เรื่องนี้ผมรับบทเป็น กำนันบุญ สุโขทัย คู่กับ คำผกา ที่แสดงโดย นก - อุษณีย์ เล่นคู่กันอีกแล้วครับ ดีครับทำให้การทำงานง่ายขึ้น นกมีความเป็นมืออาชีพสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นเลิฟซีนหรือฉากอะไรก็แล้วแต่ พูดถึงเลิฟซีนไม่ได้เยอะมากมายหรอกครับ ( ยิ้ม ) แต่เราก็ยังเขินอยู่ ไม่ถนัดแบบนี้ เรื่องพวกนี้มันไม่ควรทำให้คนอื่นเห็น ( หัวเราะ ) เป็นความเขินของผมเองมากกว่า เข้าฉากกับนกทีไรผมนี่แหละจะเขิน แต่นกเค้ามืออาชีพมากๆ ผู้หญิงคนนี้เล่นละครเก่งมาก เป็นคนเก่งครับ สำหรับเวอร์ชั่นเก่าผมพยายามไม่ไปดู เพื่อมาทำให้ตัวเราเองกดดัน การตีความคนละแบบ อันนี้เค้าต้องทำให้เข้ากับยุคเข้ากับสมัยให้เข้ากับการรับรู้ของคนดูให้มากขึ้น ดีใจครับที่ได้เล่นละครเรื่องนี้ เพราะเป็นละครน้ำดีจริงๆ สมัยก่อนได้รางวัลเยอะมาก

          “ อยากให้ได้ชมกันเยอะๆ นะครับ เป็นละครน้ำดีอีกเรื่องของช่อง 7 นอกจากความบันเทิงแล้ว ยังสอดแทรกเรื่องศิลปะวัฒนธรรมของที่มีคุณค่าของไทย ของทุกชิ้นมีเรื่องราวของมันอยู่ เห็นอดีตจะรู้ถึงปัจจุบันและอนาคตไปด้วย อยากให้คุณผู้ชมไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ให้ดู เพราะสอดแทรกแง่คิดเอาไว้ด้วยครับ”

          “ขุนเดช เวอร์ชั่น 2012” ทุกวันพุธ และ พฤหัสบดี เวลาดี 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ “พอดีคำ” การันตีคุณภาพ

FC on May 04, 2012, 07:33:39 AM
‘ซัน’ พลิกบทบาท เล่นร้ายครั้งแรกใน ‘ขุนเดช’

 
 
          เคยเล่นแต่บทผู้ชายที่แสนดี แต่ในครั้งนี้กับละครรีเมคสุดยิ่งใหญ่อย่างเรื่อง “ขุนเดช” นักแสดงหน้าหล่อ “ซัน – พิชยดนย์ พึ่งพันธ์” โดนผู้จัดมือดี “ธงชัย ประสงค์สันติ” จับมาเปลี่ยนลุคส์ใหม่กลายเป็นผู้ร้ายซะแล้ว แถมเรื่องนี้ยังเป็นการพลิกบทบาทมาเล่นร้ายครั้งแรกของเจ้าตัวซะด้วยจะเป็นอย่างไรนั้นไปฟังกันเลย

          “ บทบาทใน ขุนเดช ผมเป็นนักเลงสุโขทัยครับ ชื่อ สัมฤทธิ์ เป็นลูกของกำนันบุญเล่นโดย พี่หนุ่ม สุรวุฑ ในบทผมจะเลวมากๆ เลย ต้องขโมยพระ, ตัดเศียรพระ ต้องขับเคี่ยวกับทางพระเอกไม่ว่าจะเป็นขุนเดช หรือแม้แต่หมวดยงยุทธ กับผู้หญิงและเด็กก็ไม่เว้นครับ ไม่ถูกกับใครเลยครับในเรื่อง”

          พลิกบทบาทครั้งแรกในชีวิต ?

          “ ยากมากๆ ( ลากเสียงยาว ) ร้ายเรื่องแรกเลย แล้วร้ายมากๆ เลวมากๆ เจอเด็กตบเด็ก เจอผู้หญิงตบผู้หญิง ไม่กลัวใครเพราะมีพ่อหนุนหลัง ตอนแรกได้บทมาตกใจ ทำไมได้เล่นแบบนี้ แรกๆ หนักใจเพราะยังไม่ปล่อยวาง ยังยึดกับบทคนดีอยู่ พอเล่นไปเรื่อยๆ ได้ปล่อยตัวเอง ที่ผ่านมาอาจเห็นผมในละครนิ่งๆ แต่จริงๆ แล้วไม่ว่าจะบทบาทไหนเราก็เล่นได้ ไม่ว่าตัวร้ายหรือตัวดี เป็นการก้าวไปอีกบทบาทหนึ่ง ที่กลัวคือกลัวทำออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร อยากเล่นให้ดี เลวก็เลวเต็มที่ ผมศึกษาด้วยตัวเองดูหนังเกี่ยวกับมาเฟียเยอะๆ โชคดีที่ชอบดูอยู่แล้ว ทำงานกับที่นี่เป็นเรื่องที่สามแล้ว บรรยากาศการทำงานก็เหมือนเดิมๆ ทำให้ไม่เกร็ง ถือว่าดีมากเลย เพราะบทแบบนี้เราไม่เคยเล่น ถ้าไปร่วมงานกับทีมงานใหม่ผมแย่แน่ๆเลย นี่ถือว่าโชคดีหลายต่อเลยครับ”

          ฝากติดตามฝีไม้ลายมือการแสดงของ “ซัน” ดีไม่ดี อาจแจ้งเกิดกับบทดาวร้ายในวงการอีกคนก็เป็นได้ ติดตามได้ทุกวันพุธและ ทางช่อง 7 สี

FC on May 04, 2012, 07:35:01 AM
‘นก’ แอบปลื้ม ‘ขุนเดช’ ‘โรบินฮูด’ แบบไทยๆ



          กระแสละคร “ขุนเดช” จากค่าย “พอดีคำ” ของผู้จัด “ธงชัย ประสงค์สันติ” กำลังมาแรงเลยทีเดียว ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างพากันปลื้มและพูดถึง “ขุนเดช” ไปทั่ว ขนาดนักแสดงในเรื่อง “นก – อุษณีย์ วัฒฐานะ” ยังพลอยปลื้มไปกับเค้าด้วย

          “ รับบทเป็น คำผกา เป็นผู้หญิงกลางคืน เป็นสาวคาเฟ่ เป็นสาวบริการ แล้วมาอยู่กับกลุ่มตัวร้าย เริ่มแรกอยู่กับ ประดับ ที่เล่นโดย เชน –ณัฐวัฒน์ เป็นคู่ขาเชน แล้วเลวทั้งบ้านร้ายเหมือนกัน ช่วยกันทำงานที่ผิดกฎหมาย แล้วทีนี้ เชน เค้าอยากเป็นใหญ่เป็นโต เชนไปจับสาวคนอื่น เรารู้สึกว่ากำลังจะตกกระป๋อง เลยไปจับกำนันบุญ ตัวของกำนันบุญเป็นตัวร้าย ทำเรื่องเลวๆ ไม่มีใครจริงใจกัน เป็นเหมือนนกสองหัว เราแอบไปเป็นชู้กับกำนันบุญ แต่มาบอกประดับว่าชั้นทำเพื่อเธอ

          “ ความสนุกของเรื่อง นกว่ามีเสน่ห์ตรงที่มันเป็นเรื่องของโรบินฮูด เราเห็นความเป็นฮีโร่ของต่างประเทศกันมาเยอะแล้ว แล้วก็ไปปลื้มของเมืองนอกกันซะเยอะ เรื่องนี้จะเป็นฮีโร่เป็นโรบินฮูดแบบไทยๆ ให้เราได้ปลื้มคนไทยกันเอง มีเรื่องอภินิหารเข้ามาเกี่ยวข้องแต่ไม่ถึงกับมากมาย ทุกอย่างยังจับต้องได้อยู่ เป็นความเชื่อแบบโบราณ มีกลิ่นอายของความเป็นไทย ได้เห็นของโบราณสวยๆงามๆ รวมถึงฉากแอ็คชั่นคนดูก็คงจะชอบกัน เนื้อเรื่องก็มีสาระ แล้วยังมีเรื่องศาสนา และ การอนุรักษ์เข้ามาด้วย ในเรื่องได้ไปถ่ายที่จังหวัดสุโขทัย เป็นครั้งแรกที่ได้ไปสุโขทัย เป็นจังหวัดที่น่ารักมาก มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทุกอย่างจะเป็นสไตล์โบราณๆ หมด ถ้ามีโอกาสจะกลับไปอีกครั้งไม่พลาดแน่ๆ คนที่สุโขทัยน่ารักมากค่ะ”

          ติดตามชมละครรีเมค “ขุนเดช” ได้ทางช่อง 7 สี ทุกวันพุธ และ พฤหัสบดี เวลา 20.25 น.

FC on May 11, 2012, 03:28:35 PM
‘จั๊กจั่น’ แนะ แฟนละคร ‘ขุนเดช’ ทั้งสนุก และ ได้สาระ
 
 
 
          ละครเรื่อง “ขุนเดช” ของค่าย “พอดีคำ” โดยผู้จัด “ธงชัย ประสงค์สันติ” นอกจากจะดูสนุกแล้ว หนึ่งในนักแสดงนำ “ จั๊กจั่น – อคัมย์สิริ สุวรรรศุข” ยังบอกว่าเล่นละครรีเมคเรื่องนี้แฟนๆ ละครเข้ามาทักมากมาย นอกจากจะสนุกสนานไปกับเนื้อเรื่องที่เข้มข้น และฉากแอ็คชั่นสวยๆ แล้ว ยังได้สาระความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของไทยอีกด้วย

          “ ลุ้นค่ะ ( หัวเราะ ) ลุ้นไปกับเสียงตอบรับของละคร ส่วนใหญ่มีแต่คนชม เค้าบอกกันว่าอยากดูตั้งแต่ตัวอย่างละครออกมาแรกๆ แล้ว ยิ่งพอได้ฟังเพลงยิ่งขนลุก ไม่ได้โฆษณาละครตัวเองนะคะแต่ต้องติดตาม ดีใจที่คนพูดถึงเยอะ เพราะเป็นละครเก่าเป็นละครรีเมค ที่สำคัญเป็นการร่วมงานครั้งแรกของจั่นกับค่ายนี้ ดูรายชื่อนักแสดงก็อยากเล่นแล้ว กับพี่วีเคยร่วมงานกัน เวียร์ก็เคยแล้ว น้องกรีนก็โอเค ทำให้การทำงานสบาย สถานที่เรารู้อยู่แล้วต้องไปถ่ายตามโบราณสถานต่างๆ มีติดขัดไปบ้างช่วงน้ำท่วม พอน้ำลงก็ปกติค่ะ

          “ ความน่าสนใจอีกอย่างอยู่ที่ความรู้เรื่องโบราณสถาน บางครั้งเราอาจลืมไปแล้ว แต่จริงๆ เป็นสิ่งใกล้ตัวของคนไทย อย่างสุโขทัยเป็นเมืองมรดกโลกมีมา 800 กว่าปีแล้ว เราไปไหว้พระตามประเทศต่างๆ ที่คนเค้าว่าศักดิ์สทธิ์ แต่จริงๆ พระหรือโบราณสถานที่เมืองไทยศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน ทำให้เห็นว่าประเทศไทยยังมีสิ่งดีๆ เหลืออยู่ แฟนๆละครก็บอกค่ะว่าดูแล้วได้ความรู้ดี ขอฝาก “ขุนเดช” ฝาก “อาจารย์ดารา” ทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี ทุกคนตั้งใจทำงาน ในเรื่องมีนักแสดงหลายคน ได้เห็นภาพสวยๆ ได้เห็นศิลปะของคนไทย ดูแล้วยังได้รู้เรื่องประวัติศาสตร์ไปด้วยค่ะ”

FC on May 11, 2012, 03:29:26 PM
‘วีรภาพ’ ปลื้ม สาวๆ ชมเปราะ ‘ขุนเดช’ หล่อเนี๊ยบ

 
 
          กำลังสนุกสนาน และ เข้มข้นเลยทีเดียว สำหรับละครเรื่อง “ขุนเดช” ที่ผลิตโดยค่ายละครคุณภาพอย่าง “พอดีคำ” งานนี้หนุ่มที่ได้รับการพูดถึงอย่างมากคงหนีไม่พ้น “วีรภาพ สุภาพไพบูลย์” ในฐานะพระเอกของเรื่อง หลายๆ เสียงโดยเฉพาะสาวๆ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “วีรภาพ” ในเรื่องนี้แม้จะต้องบู๊แต่มองมุมไหนยังไงก็หล่อ

          “ เสียงตอบรับของ ขุนเดช ถือว่าดีมากครับ ตอนนี้ไปไหนมาไหนคนเรียก ขุนเดชๆ ไม่ค่อยเรียกชื่อผมแล้วนะ ดาบดำที่ถือในเรื่องก็มีขายด้วยนะครับ ( หัวเราะ )เสื้อก็มี ตกใจมากเลยไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ มีคนแซวว่าหล่อ ( ยิ้ม ) เค้าบอกขุนเดชภาคนี้เป็นภาคเนี๊ยบๆ ภาคบูติกหน่อยๆ ภาคของพี่อ็อฟจะออกเซอร์ๆ ภาคของเราแต่ละคนนี่หวีผมออกมาเรียบเลย ดูเป็นนายแบบ ของเก่าผมเคยได้ดูครับ คิดเหมือนคนอื่นนะว่าของเก่าเค้าเซอร์ๆ แต่ยังไงผมว่ามันคนละยุคคนละสมัยกัน เนื้อเรื่องไม่ได้เหมือนกันขนาดนั้น รับรองภาคนี้สนุกไม่แพ้ของเก่า ทุกคนตั้งใจทำงานมาก ทุ่มเทกับมันมาก ผมคิดว่าผมและทีมงานทุกคนตั้งใจทำงานกันแบบสุดๆ เห็นเสียงตอบรับจากละครดีขนาดนี้รู้สึกหายเหนื่อยกันทุกคนไม่ใช่เฉพาะผมคนเดียว ตัวผมเองคุ้มค่ามากที่ได้เล่นบทนี้ แรกๆ บางคนมาถ่ายวันสองวันแรก บทยังไม่ค่อยมีอะไรมาก แต่พอหลังๆ เริ่มสนุก บางคนเริ่มขอบทเพิ่มก็มีครับ ผมกับเวียร์จะมีท่าไม้ตาย ซันก็อยากมีท่าไม้ตายบ้างอะไรแบบนี้ครับ ยังไงอยากให้ติดตามกันเรื่อยๆ นับวันจะเข้มข้นขึ้น มีครบทุกรสครับละครเรื่องนี้ ใครที่ดูกันอยู่ประจำก็ดูกันต่อไป อย่าเปลี่ยนช่องไปไหนนะครับ”

          ติดตามชมความหล่อเนี๊ยบ และท่าไม้ตายของ “ขุนเดช เวอร์ชั่น 2012” ได้ทุกวัน พุธ และ พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี

FC on May 18, 2012, 02:06:16 PM
“กรีน” ติดใจละครพีเรียดต่อผมยาวหน้าหวาน ร่วมงาน “วี” ฉลุย ใจดีช่วยแนะนำการแสดง

 
 
           กำลังเข้มข้นทีเดียวสำหรับละครพีเรียด “ขุนเดช” ของวิก 7 สี ที่มีสาวหน้าหวาน “กรีน- อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล” รับบทเป็น “บัวทอง” หญิงสาวที่แอบหลงรัก “ขุนเดช” รับบทโดย “วีรภาพ สุภาพไพบูลย์” และคอยช่วยเหลือขุนเดชอยู่ตลอด อยู่ในบ้านเกาะน้อย อำเภอศรีสัชนาลัย

          จากสาวแก่นเซี้ยวเปรี้ยวซ่าดูทันสมัย ต้องมาเปลี่ยนเป็นสาวหวานไว้ผมยาวใส่เสื้อผ้าฝ้าย นุ่งผ้าซิ่นชุดไทยๆ ท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าวแบบนี้ แถมยังต้องทำงานกับหนุ่มรุ่นพี่มากฝีมือ นิสัยขี้เล่นอย่างนายวีด้วย การทำงานในละครเรื่องนี้ของสาวกรีนเป็นยังไงกันบ้าง สนุกสนานเหมือนละครที่กำลังออนแอร์อยู่รึเปล่า??

          “ถ่ายละครขุนเดชสำหรับกรีนถือว่าเป็นเรื่องยากมากๆ โดยเฉพาะเรื่องของภาษาที่เป็นคำพูดโบราณที่ไม่ค่อยเข้าปาก เพราะเป็นละครพีเรียดที่สอดแทรกประวัติศาสตร์ แรกๆ ก็หนักใจค่ะ ต้องปรับตัวหมดทุกอย่างเลย แต่ถ่ายทำมาได้สักพักก็โอเค.แล้วค่ะ และอีกอย่างเลยที่ยากนิดหน่อยสำหรับกรีนคือ บัวทองในเรื่องจะแก่นๆ นิดนึง แต่แก่นของสาวในยุคนั้นก็คือ ยังต้องเรียบร้อยอยู่ดี แต่กรีนไม่ได้เรียบร้อยขนาดนั้น

          ต้องต่อผมยาว ต้องนุ่งผ้าซิ่น ตอนแรกยังไม่คุ้นแต่งตัวแบบนี้ แต่พอดูตัวเอง แต่งตัวชุดไทยก็ดูดีไปอีกแบบ ดูหวานดูเรียบร้อย (หัวเราะร่วน) ละครเรื่องนี้โลเกชั่นอยู่ที่ ตจว. อากาศร้อนแต่ก็มีต้นไม้ให้ความร่มเย็น ชุดที่กรีนใส่ก็เป็นสื้อผ้าฝ้าย ผ้าซิ่นก็ทำให้ไม่ร้อนมาก แต่แล้วเวลาไม่ได้ถ่ายละคร ไปซื้อของ ไปทานข้าว คนจะจำกรีนไม่ค่อยได้ เพราะเคยเจอตอนผมสั้น พอผมยาวเค้าก็จะมองๆ สงสัยว่าใช่กรีนรึเปล่า ... (ต่อผมยาวพี่เคลลี่ชมมั้ย?)... ก็บอกว่าหน้าหวานนะ (เขิน)

          ส่วนพี่ๆ นักแสดง พี่ๆ ทีมงาน “พอดีคำ” น่ารักกันทุกคน ทำงานด้วยสนุกมาก ๆ ตอนแรกรู้สึกกลัวว่า เราใหม่มากสำหรับงานแสดงจะทำให้พี่ๆ เค้าทำงานช้า แต่พอทำงานจริงๆ พี่เค้าคอยแนะนำให้หมดเลย อย่างพี่วีเวลาทำงานจะคอยเตือนเรื่องมุมกล้องว่าต้องทำอะไรยังไง แต่จะมีแซวตลอดว่า ‘อย่าไปแกล้งกรีนนะระวังไม้ตะพด(เคลลี่ ธนะพัฒน์) มาจัดการนะ’

          การทำงานละคร “ขุนเดช” ทำให้ตอนนี้ติดใจละครพีเรียดแล้ว ถ้าผู้ใหญ่มอบหมายละครพีเรียดให้อีก กรีนโอเคเลยนะคะ สนุกกับงานแล้ว และหลังจากถ่ายทำเรื่องนี้เสร็จกรีนเตรียมจะมีละครกับ “พอดีคำ” อีกเรื่องหนึ่งคือ “หยกเลือดมังกร” ก็อยากฝากให้ทุกคนติดตามทุกผลงานของกรีนด้วยนะคะ

          และสำหรับคนที่รักในวัฒนธรรมไทย มีสำนึกรักความเป็นไทย อย่าลืมให้กำลังใจพวกเรานักแสดงในละคร “ขุนเดช” ทุกวันพุธ - พฤหัสบดี เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี ตอนนี้เรื่องราวกำลังเข้มข้นเลยค่ะ”