FB on June 01, 2012, 06:25:03 AM
“เต๋า สมชาย” ประทับใจฉากโรงหนังย้อนยุค อินบทเพื่อนรักประกบ “น้อย วงพรู”





            นับว่าเป็นครั้งแรกของ “เต๋า-สมชาย เข็มกลัด” และ “น้อย-กฤษดา สุโกศล แคลปป์” ที่ร่วมแท็คทีมสวมบทบาทอันธพาลสุดเก๋าในยุคปี 2500 กับบทของ “แดง กับ จ๊อด” ในภาพยนตร์เรื่อง อันธพาล ผลงานเขียนและกำกับโดย ก้องเกียรติ โขมศิริ ที่นำเสนอเรื่องราวมิตรภาพระหว่างเพื่อน และพวกพ้องเข้ามาเป็นส่วนผสมของภาพยนตร์ครั้งนี้ ซึ่งทั้ง เต๋า สมชาย และน้อย กฤษดา สวมบทบาทเพื่อนรักใจนักเลง และเข้าขากันได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในฉากโรงหนังเก่าย้อนยุค ที่ทีมงานสร้าง ออกแบบและเนรมิตรกลับไปสู่ยุคเก่าได้อย่างสมจริง ทำให้เต๋า สมชาย ทั้งอินกับบทบาทและนึกย้อนกลับสู่วัยเด็กของตัวเองอีกครั้ง กับฉากเพื่อนรักระหว่าง แดงกับจ๊อด ที่พูดคุยเกี่ยวกับความฝันที่ตัวเองอยากทำ โดยเป็นอีกหนึ่งฉากที่เต๋า สมชาย เล่าถึงความประทับใจและมีความสุขอย่างมากตอนร่วมแสดงฉากนี้กับน้อย กฤษดาว่า

          “ฉากที่ชอบและประทับใจจะเป็นฉากเข้าไปคุยกันในโรงหนังเก่า กับพี่น้อยที่เล่นเป็นจ๊อด แล้วบรรยากาศผมไม่ได้เข้าโรงหนังแบบนี้มานาน 20 กว่าปีได้ แล้วผมจำได้เด็กๆ ผมเข้าไปโรงหนังคลองเตยราม่า แหลมทองราม่า ซึ่งคลองเตยฉายหนังไทยควบ แหลมทองฉายหนังฝรั่ง ผมก้าวเข้าไปมันช่างสุดแสนคลาสสิกก่อนเดินเข้าไปผมต้องขอคุณแม่เพื่อนผมที่ทำความสะอาดโรงหนังแล้วพาเข้าไปนั่งดูฟรี โดยที่ผมไม่ต้องเสียตังและได้ดูหนัง ซึ่งฉากวันนั้นเป็นฉากที่แดงนั่งคุยกับจ๊อดว่าอยากบวช ความเป็นลูกผู้ชายของคนไทยที่ก่อนจะไปมีครอบครัว ก่อนจะไปแต่งงานมีภรรยาและลูก ก็นึกถึงบวช แล้วถามจ๊อดว่าอยากทำอะไร จ๊อดก็บอกว่าอยากไปอเมริกาเพื่อเจอ เจมส์ ดีนกับเอลวิส แล้วเขาก็หัวเราะด้วยความเป็นเพื่อนกัน ผมว่ามันเรียลทามมากในตอนนนั้น มันเหมือนเราคุยกันแล้วมีความเป็นเพื่อนในวัยเด็กหรือความเป็นเด็กของผม เมื่อตอนที่ผมอยู่กับเพื่อนในโรงหนังอะไรต่างๆ มันย้อนกลับมา รู้สึกว่าเฮ้ย!มันเป็นเรื่องที่น่าประทับใจมาก คำว่ามิตรภาพมันเกิดขึ้น ณ เวลานั้นจริงๆ แล้วผมคิดว่ามันใช่ ผมมีความสุขมาก ตอนพี่โขมผู้กำกับสั่งคัท ผมยังบอกเลยว่าพี่โขมมันเป็นฟิลลิ่งที่ผมเคยทำแบบนี้ตอนเด็กๆ ผมไม่รู้ว่าแดงในเรื่องทำยังไงแต่นี่คือแดงในตัวผมเป็นแบบนี้”

          นอกจากจะประทับใจกับฉากที่ได้แสดงในครั้งนี้แล้ว เต๋า สมชายยังเล่าต่อถึงความรู้สึกดีใจที่ได้มีโอกาสร่วมงานกันครั้งแรก พร้อมทั้งชื่นชมฝีมือทางการแสดงของ น้อย กฤษดา ในภาพยนตร์เรื่อง อันธพาล อีกว่า

          “เราเดินเจอกันทักทายกันพูดคุยกันมาตลอดที่เราได้เจอกัน จนตอนนี้เราได้มีโอกาสทำการแสดงร่วมกัน ใช้คำว่า ทำการแสดงร่วมกัน พี่น้อยเป็นคนที่ตั้งใจในการทำงานและมีมุมมองในรูปแบบของตัวเขาเอง ผมก็มีรูปแบบในมุมมองของผมอย่างบางทีเราก็มานั่งจอยกันในเรื่องของความคิด การพูดของตัวแสดง อย่างพี่น้อยเขาเป็นลูกครึ่งเรื่องของคำพูด ไดอะล็อคบางทีเอ๊ะ!มันคืออะไร ไอ้นี่มันคืออะไร ผมก็บอกว่ามันคือแบบนี้ และคนไทยมีแบบนี้ไหม มันก็เหมือนเป็นการแลกเปลี่ยนทัศนะคติ หรือเสวนาร่วมประสบการณ์ สำหรับคนที่เป็นลูกครึ่งและออริจินอลไทยของผม เราเองก็ได้ประสบการณ์ใหม่ ก็รู้สึกยินดีที่ได้ร่วมงานกับพี่น้อย เป็นอีกหนึ่งงานที่ผมต้องเก็บเป็น Portfolio เลยทีเดียวครับ (ยิ้ม)”

          อันธพาล คะนองด้วยศักดิ์ศรี วัดกันที่ใจ ภาพยนตร์แนวแอ็คชั่น ดราม่า ผลงานกำกับล่าสุดของ ผู้กำกับฝีมือดี ก้องเกียรติ โขมศิริ กับนักแสดงคุณภาพ เต๋า สมชาย-น้อย กฤษดา และเหล่านักแสดงคุณภาพอีกคับคั่ง 14 มิถุนายนนี้ ทุกโรงภาพยนตร์
« Last Edit: June 01, 2012, 06:27:35 AM by FB »

FB on June 01, 2012, 03:59:09 PM
บทสัมภาษณ์ สมชาย เข็มกลัด(เต๋า) รับบท “แดง” ในภาพยนตร์เรื่อง “อันธพาล”



          เมื่อตัดสินใจตอบรับบท “แดง” และร่วมงานในภาพยนตร์ “อันธพาล”
          เริ่มแรกผมอยากรู้ว่าเป็นแบบไหน ช่วยส่งบทมาให้ผมอ่านก่อนได้ไหม ผมอยากอ่านบทเลย ไม่ต้องทรีทเมนต์หรือเรื่องย่อ คือเรื่องนี้เคยถูกทำมาแล้วครั้งหนึ่ง และเรื่องนี้มาอ้างอิงถึง คนก็ต้องมีบทวิพากษ์วิจารณ์เปรียบเทียบมันคือเรื่องปกติ ซึ่งผมอยากอ่านว่า พี่โขมอยากให้ผมเป็นแดง ในเวอร์ชั่นแบบไหน แล้วอยากได้อะไร ผมจึงต้องศึกษาในสิ่งที่ผมจะต้องทำในการแสดง และก็สิ่งที่ผมจะต้องรู้ว่าผมมีความสามารถพอไหมที่จะมารับบทนี้ มันเป็นเรื่องสำคัญมาก อยากให้คนดูรับรู้ได้ในสิ่งที่ผมทำ
          การเตรียมตัวเพื่อภาพยนตร์แอ็คชั่น-ดราม่า ผลงานการแสดงล่าสุดเรื่อง “อันธพาล”
          ค่อนข้างเตรียมตัวเยอะพอสมควร เพราะบทที่ได้รับเป็นตำนานของนักเลงเมืองไทยเมื่อสมัยพ.ศ. 2499-2500 เราก็ต้องทำการบ้าน ทั้งบุคลิก รูปร่าง ลักษณะท่าทางของเขาเป็นอย่างไร รวมถึงคนยุคนั้นเขามีอุปนิสัยหรือค่านิยมแบบไหน ที่สำคัญคือยุคตอนนั้นเป็นวัยอายุ 20 กว่าๆ เป็นวัยรุ่นมาก ต้องผอมเพรียว ต้องใส่กางเกงเอวสูง ใส่เสื้อยืด ใส่เสื้อกล้าม เราก็พยามทำออกมาให้ดี และรักษาคาแร็คเตอร์กับบทบาทนั้นให้ออกมาดีที่สุด ก็เลยค่อนข้างต้องทำการบ้านเยอะมากครับ
          ส่วนแอ็คชั่นจากที่เราได้ศึกษาและอ่านบทมันเป็นเรื่องของตีรันฟันแทง ใช้ไม้ใช้มีดแล้วต่อยกันเป็นวัยรุ่นยุคนั้นจริงๆ เมื่อมีแอ็คชั่นเราก็ต้องออกกำลังกายเรื่องของรูปร่างหน้าตาบุคลิกมันก็ต้องให้สมจริงกับสิ่งที่เราต้องได้รับบท จึงพยามออกกำลังกายครับ อย่างน้อยร่างกายเราต้องแข็งแรงก่อน ต้องพร้อมกับการแสดง จะมากี่โมง ทำการแสดงกี่โมง ยกพวกตีกันกี่โมง เลิกกี่โมงครับ
          อันธพาล เป็นภาพยนตร์แนวย้อนยุค จึงต้องมีการปรับลุคใหม่หมดอย่างไรบ้าง         
          สำหรับการปรับลุคให้ตรงกับคาแร็คเตอร์ของ แดง ในบทที่ได้รับ ผมได้ดูจากรูปของคุณพ่อผมในสมัยนั้น ซึ่งการได้ดูภาพเก่าๆ ในยุคเจมส์ ดีน, เอลวิส เพรสลีย์ สมัยนั้นพวกเขาสเลนเดอร์มาก ใส่กางเกงเอวสูง ใส่เสื้อกล้าม หุ่นสะโอดสะอง ก็เลยคิดว่าตัวเองควรจะต้องผอมลงหน่อย ที่สำคัญอีกอย่างด้วยรูปร่างหน้าตาเราเป็นออริจินอลไทย ไทยโบราณ (หัวเราะ) เรารู้สึกว่าเราไว้ผมซึ่งเหมาะกับยุคนั้น ไว้จอนยาวหน่อย เอาหนวดออก ความโบราณได้อยู่ เพราะหน้าเราโบราณอยู่แล้ว ก็รู้สึกว่าโอเคในเมื่อลุคเป็นแบบนี้เราก็ต้องปรับให้ตรงกับยุคนั้นครับ
          อธิบายคาแร็คเตอร์ “แดง” อันธพาลดาวดังแห่งยุคนั้นเป็นอย่างไร
          ผมเชื่อว่า แดง กับบทที่ผมได้อ่านเป็นคนที่มุ่งมั่นจริงจัง นิ่งในมุมนึง ส่วนอีกมุมนึงก็มีความรักเพื่อน มีบุคลิกอีกแบบนึงเวลาอยู่กับเพื่อนรัก ผมเชื่อว่าทุกคนจะมีมุมความเป็นเด็กและสนุกสนาน ร่าเริง ในเรื่องของมิตรภาพและก็ความรักระหว่างเพื่อน ใจอ่ะ ผมพูดได้คำเดียวว่าใจ บางอย่างมันอาจไม่ใช่เรื่องของการโชว์พาว หรือการโชว์ความยิ่งใหญ่ แต่เป็นเรื่องของตัวตน เรื่องของบุคคล ก็พยามทำให้มันเหมาะสมและสมควรกับบทมากที่สุดเพราะว่าเราต้องตีโจทย์ให้แตก ตีบทนี้ให้ได้ ที่สำคัญเขาเป็นคนนิ่ง เราต้องไม่แอ็คอะไรต้องเดินออกไปให้นิ่ง มันไม่ใช่เรื่องง่าย ความนิ่งมันต่างจากความแข็งนิดเดียวเองนะครับ ถ้าเล่นนิ่งมากคนอาจจะมองว่าแข็งเลยก็ได้ แต่ถ้าแข็งมันก็ดูจืดสำหรับบทนี้ ช่วงแรกผมยังต้องใช้เวลาปรับ แต่ระยะหลังเริ่มรู้ว่าเรามาถูกทางแล้ว ปกติจะไม่ค่อยเช็คเทปจะเล่นเลยและให้ผู้ช่วยผู้กำกับ หรือผู้กำกับเป็นคนบอก เพิ่มเติม จะแก้ไขอะไร หรือจะเปลี่ยนบุคลิกลักษณะอย่างไร พวกเราทำงานกันเป็นทีม แล้วมันจะได้สิ่งที่พวกเราอยากได้ มันก็ยากสำหรับการที่เรายืนอยู่ยุคปัจจุบัน และเรากลับไปยืนที่พ.ศ.2499 ย้อนกลับไปอีก 55-56 ปีที่แล้ว กลับบ้านไปผมก็เปิดเพลงเอลวิสฟัง ดูหนังเจมส์ ดีน แต่ผมไม่ได้ก็อปปี้ ผมรู้สึกว่าคนยุคนั้นเขามีอารมณ์ หรืออรรถรสของการได้ดูได้ฟังได้ทำนู่นนี่มันเป็นยังไง คนสมัยนั้นเขามีรสนิยมมากเลยนะครับ การทำทุกอย่างมีเหตุผลมีความคลาสสิก มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง โดยผ่านจากทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิต นี่แหละตัวฉัน พยายามจะหาตัวเอง คือจะบอกว่ายุคนั้นเป็นยุคที่แสดงตัวตน และเป็นคนที่มีความมั่นใจสูง แต่ยังเป็นคนกลุ่มเล็กอยู่นั่นเอง
          เรื่องราวของภาพยนตร์ อันธพาล
          ผมรับบทเป็นแดง ซึ่งมันเป็นยุคที่มีอีกเจนเนอเรชั่นขึ้นมา และเห็นว่าพวกเราเป็นไอดอล เด็กพวกนี้ก็หลงใหลทุกอย่างที่เป็นเรา และดำเนินตามเรื่องราวก็เกิดเป็นอีกทางนึง เรื่องย่อทั้งหมดเป็นเรื่องที่อ้างอิง และพูดถึง แต่เนื้อในทั้งหมดคุณต้องไปดูมันก็อยู่ที่วิธีเล่า วิธีคิดของแต่ละคนที่มันไม่เหมือนกัน แน่นอนครับมันเป็นอีกนึงโลกที่บางคนอาจจะไม่เคยสัมผัส บางคนอาจจะเคยเห็นข่าว แต่นี่มันคือโลกแห่งความเป็นจริง ที่ผมบอกไปมัน คือ การแสดงตัวตน แล้วก็มันเป็นเหตุผลของตัวบุคคล ผมได้แสดงแล้วรู้สึกว่าทุกคนมีเหตุผล คนเราเกิดมาไม่ได้มีด้านเดียว มีหลายด้าน แต่ด้านที่เราทำให้ทุกคนเห็นอาจจะไม่ได้เป็นที่ถูกใจ หรืออาจจะไม่ได้ทำให้ทุกคนพอใจหรือชื่นชม แต่อีกด้านนึงมันอาจจะทำให้คนอื่นชื่นชมและเป็นที่รักของทุกคน เหมือนหนังฝรั่งเขายังมีโรบินฮูด นั่นเขาก็โจร แต่เขาก็โจรช่วยคนมันก็แล้วแต่ ผมเชื่อว่าเหตุผลของตัวบุคคลมีมาก สิ่งที่แสดงออกมันคือตัวตนของเขา บางอย่างวิธีการอาจจะไม่ได้ถูกทั้งหมดแต่นี่ล่ะตัวเขา แล้วเราจะบอกยังไงว่าคุณอย่าทำ คุณอย่าเป็นในเมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นมันเกิดแล้ว มันทำไปแล้วนั่นคือเหตุผลของเขา บางสิ่งบางอย่างสำหรับคนชมภาพยนตร์ต้องใช้วิจารณญาณในการส่วนตัวมุมมอง เราแค่เป็นคนถ่ายทอดภาพออกไปให้เห็นว่าในยุคนั้นมันเป็นแบบนั้น
          ฉากแอ็คชั่นในเรื่องนี้เข้มข้นขนาดไหน
          แอ็คชั่นเป็นแอ็คชั่นที่เรียลมาก คือคนสมัยก่อนซัดกันแบบว่าโอ้ว!ก๊อด มันส์จริงๆ มีอาวุธเป็นไม้ มีด ยุคแรกของการใช้ปืน เป็นก้าวแรกของคนที่ทำอะไรครั้งแรก แล้วคนอื่นมองว่าโหว...สุดยอดมาก อยากบอกว่าเป็นแอ็คชั่นที่ยุคนี้หาดูได้ยากครับ
          มีการพลาดหรือผิดคิวแอ็คชั่นบ่อยไหม
          เรื่องบู๊และแอ็คชั่นเป็นเรื่องของความเคยชิน (หัวเราะ)
          มีอุปสรรค หรือปัญหาการถ่ายทำบ้างไหม
          ฝนครับ ตกบ่อย ทุกวันที่ผมมาก็ฝนตก วันนี้ก็ตกนิดเดียวขอบคุณท่านมากทำให้ผมได้ทำงานเต็มที่ เรื่องของการถ่ายทำ ดินฟ้าอากาศเป็นเรื่องคู่กัน อย่างเดียวเท่านั้น อย่างอื่นไม่มี เราก็พยายามทำงานของเราให้ดีที่สุดและตั้งใจครับ
          ส่วนตัวประทับใจฉากไหนเป็นพิเศษ
          ฉากเข้าไปคุยกันในโรงหนังเก่า คุยกับพี่น้อยที่เล่นเป็นจ๊อด แล้วบรรยากาศผมไม่ได้เข้าโรงหนังแบบนี้มานาน 20 กว่าปีได้ แล้วผมจำได้เด็กๆผมเข้าไปโรงหนังคลองเตยราม่า แหลมทองราม่า ซึ่งคลองเตยฉายหนังไทยควบ แหลมทองฉายหนังฝรั่ง ผมก้าวเข้าไปมันช่างสุดแสนคลาสสิกก่อนเดินเข้าไปผมต้องขอคุณแม่เพื่อนผมที่ทำความสะอาดโรงหนังแล้วพาเข้าไปนั่งดูฟรี โดยที่ผมไม่ต้องเสียตังและได้ดูหนัง
ฉากวันนั้นเป็นฉากที่แดงนั่งคุยกับจ๊อดว่าอยากบวช ความเป็นลูกผู้ชายของคนไทยที่ก่อนจะไปมีครอบครัว ก่อนจะไปแต่งงานมีภรรยาและลูก ก็นึกถึงบวช แล้วถามจ๊อดว่าอยากทำอะไร จ๊อดก็บอกว่าอยากไปอเมริกาเพื่อเจอเจมส์ ดีนกับเอลวิส แล้วเขาก็หัวเราะด้วยความเป็นเพื่อนกัน ผมว่ามัน Real Time มากในตอนนนั้น มันเหมือนเราคุยกันแล้วมีความเป็นเพื่อนในวัยเด็กหรือความเป็นเด็กของผม เมื่อตอนที่ผมอยู่กับเพื่อนในโรงหนังอะไรต่างๆ มัน Reverse (ย้อนกลับ) กลับมา รู้สึกว่าเฮ้ย! มันเป็นเรื่องที่น่าประทับใจมาก คำว่ามิตรภาพมันเกิดขึ้น ณ เวลานั้นจริงๆ แล้วผมคิดว่ามันใช่ ผมมีความสุขมาก ตอนพี่โขมผู้กำกับสั่งคัท ผมยังบอกเลยว่าพี่โขมมันเป็นฟิลลิ่งที่ผมเคยทำแบบนี้ตอนเด็กๆ ผมไม่รู้ว่าแดงในเรื่องทำยังไงแต่นี่คือแดงในตัวผมเป็นแบบนี้
          รับบทเป็นเพื่อนสนิทกัน ร่วมงานกับ “น้อย วงพรู” เป็นอย่างไรบ้าง
          เราเดินเจอกันทักทายกันพูดคุยกันมาตลอดที่เราได้เจอกัน จนตอนนี้เราได้มีโอกาสทำการแสดงร่วมกัน ใช้คำว่า ทำการแสดงร่วมกัน พี่น้อยเป็นคนที่ตั้งใจในการทำงานและมีมุมมองในรูปแบบของตัวเขาเอง ผมก็มีรูปแบบในมุมมองของผมอย่างบางทีเราก็มานั่งจอยกันในเรื่องของความคิด การพูดของตัวแสดง อย่างพี่น้อยเขาเป็นลูกครึ่งเรื่องของคำพูด ไดอะล็อคบางทีเอ๊ะ! มันคืออะไร ไอ้นี่มันคืออะไร ผมก็บอกว่ามันคือแบบนี้ และคนไทยมีแบบนี้ไหม มันก็เหมือนเป็นการแลกเปลี่ยนทัศนะคติ หรือเสวนาร่วมประสบการณ์ สำหรับคนที่เป็นลูกครึ่งและออริจินอลไทยของผม เราเองก็ได้ประสบการณ์ใหม่ ก็รู้สึกยินดีที่ได้ร่วมงานกับพี่น้อย เป็นอีกหนึ่งงานที่ผมต้องเก็บเป็น Portfolio เลยทีเดียวครับ (ยิ้ม)
          แลกเปลี่ยน หรือแนะนำเทคนิคทางการแสดงกับพี่น้อย อย่างไรบ้าง
          ผมไม่ได้สอน เพราะพี่น้อยเขามีของเขา เราก็มีของเราแต่เอามาปรับเพราะเป็นเพื่อนซี้เป็นเพื่อนสนิทกันมันเป็นยังไง คำว่า Partner (คู่ขา) กันมันเป็นยังไง มันไม่ใช่แค่การแสดงแต่มันต้องทำให้มันจริง การแสดงให้ยากที่สุดมันต้องไม่แสดง ยากมาก นิ่งๆ เดินออกไปนิ่งๆ นี่มันแสดงหรือยัง หรือว่ยังไม่ได้แสดง คืออยากจะบอกว่าพยายามปรับและจูนกัน พี่น้อยเป็นหนึ่งบุคคลที่ผมยินดีมากที่ได้ร่วมงานกัน ชอบผลงานเพลงของพี่เขาอยู่แล้ว เขารู้ผมเคยไปดูคอนเสิร์ตเขาอยู่แถวหน้าเลย เขาก็โอ้ว..เต๋า ใช่ครับ (หัวเราะ) คุ้นเคยกันอยู่แล้ว มันไม่ใช่เรื่องยาก แต่เราก็ต้องทำให้มันคุ้นเคยกัน ทำให้เราปรับตัวเข้าหากันได้เร็วที่สุดในเรื่องของงาน
          การร่วมงานกับผู้กำกับ ก้องเกียรติ โขมศิริ เป็นอย่างไร
          ผมได้ดูหนังของพี่โขมหลายๆ เรื่อง แล้วก็เฉียดกันไปมาจนวันนี้ได้มาทำงานร่วมกัน เราเป็นนักแสดงเราก็ต้องขอบคุณผู้กำกับที่คิดถึงเรา เขาเลือกให้เราเป็นหนึ่งในนักแสดงในเรื่องที่เขาได้ทำงานได้กำกับ พี่โขมก็บอกและให้เราทำในแบบฉบับที่เขาต้องการ ผมก็สร้างความรู้ใหม่ทั้งวิธีการ ทั้งเล่น ทั้งกำกับให้กับเรา สำหรับหนังพีเรียดผมไม่ได้แสดงเท่าไหร่ แทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ เราก็รู้วิธีเป็นแบบนี้อย่างนี้นั่งคุยกัน ปรึกษากัน ยินดีครับและขอบคุณมากๆ ที่คิดถึงผมและเลือกผมมารับบทแดงครับ
          ต้องเจอกับแก๊งอันธพาลรุ่นน้อง การร่วมงานกับนักแสดงหน้าใหม่ “คริน สาครินทร์ และ บิ๊ก กฤษฎา” เป็นอย่างไรบ้าง
          ในเรื่องเขาเห็นเราเป็นไอดอลเป็นต้นแบบ แต่ทางไหนเราไม่รู้มันเป็นเรื่องของความชื่นชอบส่วนบุคคล ไม่รู้ว่าจะถูกหรือผิด ผมว่าในโลกนี้คงไม่มีคำว่าผิด หรือคำว่าถูก แต่มีความแตกต่างของตัวบุคคลที่อยู่ในสังคมส่วนรวม มันเป็นยังไงเท่านั้นเอง น้องก็มาพูดคุยกับผมและถาม ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี มันจะทำให้เกิดความคุ้นเคย และก็ความเป็นกันเอง เวลาเข้าฉากจะได้ไม่เคอะเขิน เวลาแสดงร่วมกันมันก็สมูทไหลลื่น ผมมองว่าในส่วนของเรื่องการแสดงมันจะส่งผลดีสำหรับทุกคนและผู้กำกับครับ ทั้งคู่ก็น่ารัก มาถาม มาให้บอก ให้สอน ผมก็บอกว่าผมคงสอนใครไม่ได้ แต่ถ้าพูดคุยกันแล้วบอกสิ่งที่ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์กับตัวเขา กับภาพยนตร์ กับทุกคนที่มาแสดง ทุกอย่างจะได้สมบูรณ์กลมที่สุด เขามานั่งคุยกับผมคุยเรื่องนู่นนี่ การแสดง มันเป็นสิ่งที่ดีที่หาเรื่องมาคุยแล้วคุยได้ยาว ไม่ใช่คุยกันสองคำแล้วไม่รู้จะคุยอะไรนึกไม่ออก เพราะมันจะส่งผลในเรื่องของอารมณ์ทางการแสดงมันจะดร็อปลง อยากจะบอกน้อง 2 คนว่า จงไปต่อ อย่าเพิ่งรีบออกจากบ้าน (หัวเราะ)
          ในชีวิตของ “เต๋า สมชาย” มีไอดอลที่ยึดเป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิตบ้างไหม
          ตัวผมเองนี่ล่ะสำคัญที่สุดแล้ว เรามองคนอื่นได้ เราชื่นชอบคนอื่นได้ แต่จริงๆ แล้วในวิถีการดำเนินชีวิต สิ่งที่คุณจะต้องสนใจและใส่ใจที่สุดคือตัวเราเอง ผมชอบมองจากตัวเราเองก่อน เราไม่สามารถทำตามใครได้ในโลกนี้ อย่างตอนนี้เวลานี้ผมมีลูก ลูกคงต้องมองผมเป็นไอดอล แล้วเราจะทำยังไงให้ลูกรู้สึกว่าเราคือไอดอลที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา อันนี้สำคัญ ทุกวันนี้ก่อนออกจากบ้านก้าวแรกที่เดินออกเราจะทำอะไร เราจะเจออะไร เราจะเป็นอะไร เราจะรู้สึกอย่างไร ทุกอย่างมันเกิดขึ้นจากตัวเราเอง วันนี้เราควรจะทำอะไรให้ที่ต่อไปลูกเรารู้สึกว่านี่แหละพ่อหนู สิ่งที่หนูอยากโตขึ้นมาและเป็นได้จะเป็นแบบพ่อหนู อันนี้คือสิ่งที่สำคัญ
          คำว่า “อันธพาล” ในความหมายของ “เต๋า สมชาย”
          จริงๆ แล้วคำว่า อันธพาล หรือคนที่เป็นอันธพาลมันไม่ได้มีแค่ด้านเดียว มันมีหลายด้าน แต่ด้วยเหตุผลมันคือ สิ่งที่เขาต้องทำ คือผมไม่ได้เข้าข้างนะ ผมรู้ว่าอันธพาลเป็นอย่างไง คนที่ถูกเรียกว่าอันธพาลเป็นอย่างไง ตัวผมยังเคยถูกเรียกเลย ทำไมผมจะไม่รู้ เราจะมานั่งบอกคนทั้งโลก เฮ้ย! เราไม่ใช่มันคงไม่ได้ ในเมื่อคุณคิดว่าผมเป็น แต่มันมีเหตุผลซึ่งบางอย่างเราอาจบอกไม่ได้ มันไม่มีคำจำกัดความ เราจะเข้าใจในส่วนที่มันเกิดขึ้น แต่สิ่งที่ดีที่สุด คือ เป็นตัวเราและใช้ชีวิตของเราให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง อยากจะบอกว่าคนเรามันไม่ได้มีด้านเดียว มีหลายด้านบางอย่างเราก็ต้องเข้าใจมันมีเหตุ และผลที่ทำให้เป็นแบบนั้นครับ
          สิ่งที่คนดูจะได้รับจากการชมภาพยนตร์เรื่อง อันธพาล
          ได้เรื่องของแง่คิดในการดำเนินชีวิตอย่างแน่นอน ในสิ่งที่มันเกิดขึ้นในโลกใบนี้ สังคม จริงๆ เราอาจจะถูกอันธพาลรบกวนจากมุมมืดซึ่งเรามองไม่เห็น ด้วยการเบียดเบียนบางอย่างในชีวิต แล้วชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไปทุกอย่างมันเป็นเหตุและผล ตัวของบุคคลนั้นๆ อยากให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างดีที่สุดและไม่ประมาทเท่านั้นเอง ความประมาทมันทำให้เราผิดพลาด และเกิดสิ่งเลวร้ายขึ้นกับชีวิตได้ อยากให้ได้แง่คิดจากภาพยนตร์ และถามตัวเองในสิ่งที่คุณคิดมันใช่อย่างในหนังเล่าหรือเปล่าครับ
          เสน่ห์ และความน่าสนใจของภาพยนตร์
          ผมว่าเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้น บางอย่างมีการเพิ่มเติมดัดแปลงให้เหมาะสมกับการเป็นภาพยนตร์ บางอย่างอาจจะไม่ใช่ 100% ความน่าสนใจ คือ คุณจะได้เห็นชีวิตของคนยุคนั้นทำไมเขาต้องทำแบบนี้เพื่ออะไร ทำไมถึงต้องทำ แล้วคนยุคนี้เป็นยังไง คนยุคนี้มีมากกว่าคำว่าอันธพาลหรือเปล่า
          ฝากผลงาน
          เป็นอีกหนึ่งผลงานที่ภูมิใจและดีใจที่ได้รับบท แดง ในเรื่องนี้ อยากให้ไปสัมผัสกัน แล้วแต่อารมณ์ แล้วแต่ความคิด มันคือผลงานที่ผมหลงรัก อันธพาล เชิญทุกคนไปชมได้เร็วๆ นี้

FB on June 04, 2012, 03:43:22 PM
“บิ๊ก กฤษฎา” ทุ่มสุดตัว พร้อมลุย “อันธพาล” ดีใจร่วมงานกับผู้กำกับที่ชื่นชอบ “ก้องเกียรติ โขมศิริ”





          หลายคนคงคุ้นหน้าตาหนุ่มน้อยคนนี้กันมาบ้างจากผลงานโฆษณาทางโทรทัศน์ แต่สำหรับการแสดงภาพยนตร์นับว่าเป็นครั้งแรกของ บิ๊ก-กฤษฎา สุภาพพร้อม หลังจากผ่านการคัดเลือกประกาศหาอันธพาลหน้าใหม่ และถูกคัดเลือกเพื่อมารับบทเป็น “เปี๊ยก” ในภาพยนตร์เรื่อง อันธพาล ผลงานกำกับของ ก้องเกียรติ โขมศิริ หนุ่มบิ๊กจึงต้องมีการเตรียมตัวและทำการบ้านกับการประเดิมจอเงินครั้งแรกอย่างหนัก ซึ่งหนุ่มบิ๊กยังได้มีโอกาสเรียนการแสดงกับ หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล โดยเล่าถึงความรู้สึกในครั้งนี้ว่า

          “ก่อนหน้านี้บิ๊กเคยมีผลงานโฆษณามาบ้างครับ เป็นโฆษณาเอ็มเคสุกี้ บิ๊กเป็นผู้ชายที่ตะโกนใส่เพื่อนผู้หญิง แว่น...เธอมาสายอีกแล้วนะ นั่นแหละครับ จนเข้ามาร่วมโครงการประกาศหาอันธพาลหน้าใหม่และผ่านการคัดเลือกดีใจมากครับ เพราะบิ๊กไม่เคยเล่นหนังมาก่อนเลยนี่เป็นเรื่องแรกครั้งแรกเลยครับ และก่อนจะเปิดกล้องบิ๊กก็ยังได้มีโอกาสเรียนการแสดงกับหม่อมน้อย ซึ่งตอนนั้นที่เรียนมี 3 คนครับ บิ๊ก พี่คริน และน้องตรี โดยหม่อมน้อยจะสอนและเน้นเรื่องสมาธิมากกว่า มีนั่งสมาธิ เรียนรู้ตัวเอง ด้วยวิธีศึกษาร่างกายตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากครับ ได้มีโอกาสเรียนการแสดงกับหม่อมน้อยซึ่งท่านเป็นระดับอาจารย์ ลูกศิษย์ของท่านแต่ละคนเก่งๆ ทั้งนั้นเลยครับ นอกจากเรียนการแสดง เรื่องการเตรียมพร้อมร่างกายก็สำคัญเช่นกันครับ ตอนที่บิ๊กได้บทมาก็ต้องศึกษาว่าคาแร็คเตอร์ของเปี๊ยกเป็นอย่างไร เตรียมพร้อมร่างกาย โดยการออกกำลังกาย เพราะมีพี่ๆเตือนมาว่าถ่ายหนังเหนื่อยนะ ก็เลยต้องออกกำลังกายเยอะๆ ช่วงนั้นตื่นเต้นด้วยที่ได้ทำอะไรใหม่ๆจึงมีกำลังใจและแรงกระตุ้นที่ให้เราต้องมั่นออกกำลังกายครับ”

          บิ๊ก กฤษฎา ยังเล่าถึงคาแร็คเตอร์และบทบาทของ “เปี๊ยก” อันธพาลรุ่นน้องในครั้งนี้ว่า “เปี๊ยกเป็นเด็กผู้ชายที่ชอบวาดรูป แล้วก็โตมาในโรงหนัง ถูกเลี้ยงมาแบบกินนอนในโรงหนัง มีเพื่อนสนิทชื่อ ธง (รับบทโดย คริน สาครินทร์) ที่มีนิสัยแตกต่างกัน แต่ว่าก็อยู่ด้วยกันได้ และโตมาในโรงหนังด้วยกัน เปี๊ยกเป็นคนใจเย็น ตามใจเพื่อนมาก เพื่อนชวนไปไหนก็ไปเพราะมีกันอยู่ 2 คน ธงกับเปี๊ยกมีไอดอลคนเดียวกันนั่นก็คือ แดงและจ๊อด แก๊งอันธพาลรุ่นใหญ่ที่ใครๆ ก็นับถือและเกรงขาม เป็นที่รู้จักกันทั่ว ในความรู้สึกของธงกับเปี๊ยกจะคิดว่าเท่มาก และเมื่อโตขึ้นก็อยากกลายเป็นแบบไอดอลของตัวเอง แล้วก็เป็นคนที่รักใครแล้วรักจริงครับ”

          ประเดิมเล่นหนังครั้งแรกก็ต้องประกบนักแสดงรุ่นใหญ่ฝีมือการแสดงระดับคุณภาพทั้ง เต๋า สมชาย, น้อย กฤษดา แถมยังต้องเจอผู้กำกับที่ขึ้นชื่อว่าขาโหด ละเอียดและเนี๊ยบในเรื่องการทำงานอย่าง โขม ก้องเกียรติ อีกด้วย บิ๊กเล่าถึงการร่วมงานในภาพยนตร์อันธพาลว่า

          “ก่อนหน้านี้เคยได้ยินชื่อพี่โขม เคยดูหนังเรื่องลองชอง, ไชยา ชอบมากครับ พอได้มาร่วมงานกันรู้สึกดีใจที่ทำงานกับพี่โขม ประทับใจอะไรหลายๆ อย่างของพี่โขม เขาเป็นคนเอ็นดูน้องๆ โดยเฉพาะบิ๊กกับนักแสดงใหม่อีก 2 คน คือเขาจะแนะนำตลอดว่าอย่างนี้นะ แสดงอย่างนี้นะ แต่บิ๊กจะโดนพี่โขมดุเกือบทุกคิว (หัวเราะ) แต่ดีใจนะครับที่พี่โขมเขาเตือนเรา ถ้าพี่โขมไม่เตือนนี่สิน่าคิดนะครับ บิ๊กเองก็พยายามทำเต็มที่ ตามที่พี่โขมบอกและต้องการ ยิ่งเราได้เห็นฝีมือการแสดงของพวกรุ่นพี่อย่าง พี่น้อย กฤษดา พี่เต๋า สมชาย พี่แฟรงค์ พวกเขาแสดงดีกันทุกคน บิ๊กก็ยิ่งอยากจะพัฒนาฝีมือตัวเองมากขึ้นครับ”

          ศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายที่ถูกเรียก “อันธพาล” วัดกันเพียงที่ “ใจ” พร้อมกันทั่วประเทศ 14 มิถุนายนนี้
« Last Edit: June 08, 2012, 06:57:33 AM by FB »

FB on June 07, 2012, 05:26:50 PM
“น้อย กฤษดา” ขอท้า “อ๊อฟ พงษ์พัฒน์” ดวลมีด วัดใจ โชว์สปิริต ศักดิ์ศรีอันธพาลรุ่นเก๋า

  

          ขึ้นชื่อว่าเป็นภาพยนตร์เรื่อง อันธพาล หนังแนวแอ็คชั่น ดราม่าสุดเข้มข้น ที่ต้องการจะนำเสนอในรูปแบบ Thai Gangsters สไตล์ของ ก้องเกียรติ โขมศิริ ผู้กำกับมือรางวัล ฝีมือคุณภาพในวงการภาพยนตร์ไทย ยิ่งเป็นฉากแอ็คชั่นจึงต้องพิธีพิถัน ดุดัน ท่วงท่าการต่อสู้จึงต้องดูสมจริง และมันส์เต็มพิกัด โดยเฉพาะฉากมัดมือดวลมีดกันระหว่าง น้อย กฤษดา สุโกศส แคลปป์ รับบทเป็น จ๊อด อันธพาลผู้โด่งดัง กับ อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง รับบทเป็น เฮียเซ้ง อันธพาลรุ่นใหญ่ ที่จะต้องโชว์ลีลาเชือดเฉือนกันโดยใช้ศักดิ์ศรีเข้าเดิมพันในการต่อสู้ด้วยกันนั้น นับว่าเป็นอีกหนึ่งฉากแอ็คชั่นที่น่าติดตามเป็นอย่างมาก และกว่าจะถ่ายทำฉากนี้ออกมาได้อย่างตามที่ผู้กำกับต้องการแล้ว ก่อนการถ่ายทำนักแสดงจึงต้องมีการซ้อมการดวลมีดกันอยู่หลายครั้งหลายคราไม่น้อยกันเลย รวมถึงผู้กำกับ ทีมงานก็ต้องทำการบ้านในเรื่องของภาพที่ต้องการจะสื่อและถ่ายทอดออกมาเพื่ออรรถรสของคนดูอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ด้วยความตั้งใจของผู้กำกับที่ต้องการสะท้อนความเป็นนักเลงสมัยเก่าที่มีศักดิ์ศรี มีการให้เกียรติกัน รุ่นน้องเคารพรุ่นพี่ ดังนั้นฉากแอ็คชั่นดวลมีดครั้งนี้เราจะได้เห็น นักแสดงระดับมืออาชีพ โชว์ลีลาการต่อสู้แบบวัดใจกันของอันธพาลรุ่นเก๋าอย่างถึงพริกถึงขิงกันเลย

          อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ นักแสดงชายฝีมือคุณภาพอันดับต้นของเมืองไทยเล่าถึงบทบาทที่ได้รับ และฉากแอ็คชั่นในครั้งนี้ว่า “รับบท เฮียเซ้ง นักเลงรุ่นใหญ่ที่มีเหล่าบริวารลูกน้องมากมาย มีความเป็นนักเลงสูง ใจถึง อาวุธถนัดคือ มีดปังตอ จึงมีฉายาว่า เฮียเซ้ง ปังตอ และเมื่อนักเลงรุ่นน้องกำลังขึ้นเทียบรัศมีจึงต้องมีการวัดใจดวลมีดสู้กันหน่อย แน่นอนครับคงได้เห็นฉากแอ็คชั่นเชือกมัดมือห่างกันไม่ถึงเมตร และดวลมีดฟันกัน เป็นการต่อสู้สมัยโบราณที่นักเลงสมัยก่อนเขาต่อสู้กันอย่างมีศักดิ์ศรีมาก ส่วนจ๊อดเขาจะเป็นมีดโบวี่ หรือมีดสั้นนั่นแหละครับ ฟันกันไปหลายแผล แทงกันไปหลายทีเหมือนกัน ต้องไปติดตามฉากนี้กันในหนังครับ และดีใจที่มีโอกาสร่วมงานกับโขม(ผู้กำกับ) เรารู้จักกันมานานแล้วรวมถึงทีมทำหนังเรื่องนี้ก็ โอ้โห!ทั้งทีมเลยสนิทกัน นักแสดงก็รู้จักกันสนิทกัน นับว่าเป็นการร่วมงานที่สนุกมากครับ”

          สำหรับ น้อย กฤษดา กับการแสดงแอ็คชั่นเต็มรูปแบบนับว่าเป็นครั้งแรก จึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แถมยังต้องเตรียมตัวมาอย่างหนัก โดยเล่าถึงความยากกับฉากแอ็คชั่นใน อันธพาล ว่า

          “ฉากที่ยากเป็นฉากแอ็คชั่นซึ่งมันเหนื่อยจริงๆ บางทีเราเห็นหนังแอ็คชั่นทั่วไปเราจะคิดว่าสนุกจะตายไม่เห็นมีไรเลย แต่เวลาต้องเทค1 2 3 4 แล้วแอ็คชั่นยาวๆ เพราะเราไม่ได้เป็นนักแสดงแอ็คชั่นโดยธรรมชาติ เราจะออกแรงเยอะมาก

          เวลาเราแสดงเราจะหายใจไม่เป็น แอ็คชั่นบางฉาก 2-3 เทคผมก็เริ่มหอบไม่ไหวแล้ว ส่วนมากเขาอยากได้เทคยาวๆเพราะมันจะดูจริงจังขึ้น ไม่อยากคัทเยอะ อย่างฉากดวลมีดกับพี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ ก็ต้องมีการซ้อมคิวบู๊กันก่อนถ่ายทำจริง เราต้องฝึกใช้มีดโบวี่ ซ้อมต่อสู้กันมันเหนื่อยจริงๆ หอบเยอะมาก ตอนแรกก็นึกว่าผมฟิตนะครับแต่ว่าโหยยย...ผมนับถือนักแสดงมืออาชีพจริงๆ โดยเฉพาะพี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ สำหรับผมแล้วยกย่องเขาเป็น Top 5 Best Actor ของประเทศไทยเลยครับ ผมเองพยามคิดว่าฉากแอ็คชั่นมันไม่ได้ต่างจากเวลาเราเต้นบนเวที ซึ่งทุกอย่างมันต้องโฟล มันต้องสมูท มันต้องดูเป็นธรรมชาติครับ”

          อันธพาล คะนองด้วยศักดิ์ศรี วัดกันที่ใจ
          พร้อมกันทั่วประเทศ 14 มิถุนายนนี้ ทุกโรงภาพยนตร์
« Last Edit: June 08, 2012, 07:13:59 AM by FB »

FB on June 07, 2012, 05:27:31 PM
“ตรี นันทรัตน์” สาวน้อยเพียงหนึ่งเดียว ท่ามกลางหมู่ “อันธพาล”







            สาวน้อยที่มาสร้างสีสันและแต่งเติมโลกของอันธพาลให้เกิดมิติมากขึ้น “ตรี-นันทรัตน์ ชาวราษฎ์” กับบทของ “พลอย” ในภาพยนตร์เรื่อง อันธพาล ซึ่งนับว่าเป็นการพลิกบทบาทครั้งสำคัญของเธอเลย ยิ่งเป็นภาพยนตร์ที่ย้อนกลับไปในยุคปีพ.ศ.2500 จึงต้องปรับเปลี่ยนตั้งแต่ลุคการแต่งตัว เสื้อผ้า ทั้งหน้า และทรงผม แต่ที่ต้องรับบทหนักและต้องเตรียมตัวทำการบ้านมาอย่างดีนั้น เห็นทีคงจะเป็นคาแร็คเตอร์ที่สาวตรี นันทรัตน์ ได้รับบบาทในเรื่องนี้ ที่แตกต่างจากตัวตนของเธอเองอย่างสิ้นเชิง โดยเล่าถึงบทบาทในเรื่องนี้ว่า “บทของพลอย เป็นสาวสวย บุคลิกภายนอกจะดูเป็นคนเปรี้ยวแล้วก็แรง ใครๆ ต่างรู้ว่าพลอยคือ เด็กของเฮียหลอเจ้าพ่อใหญ่ในแก๊งอันธพาล จนเมื่อเปี๊ยกเข้ามาพลอยก็เริ่มมีใจให้ เพราะเห็นว่าเปี๊ยกจริงใจและรักเราจริง โดยเรื่องนี้ต้องบอกว่าแตกต่างจากบทต่างๆ ที่เคยแสดงมาเลยค่ะ ต้องสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า อยู่ในแหล่งอบายมุกต่างๆ ชุดเสื้อผ้า การแต่งหน้า ทำผม นับว่าเป็นอะไรที่ต้องเยอะมากในเรื่องนี้ค่ะ”

          และยังเป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกับผู้กำกับ ก้องเกียรติ โขมศิริ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้กำกับขาโหด เอาจริงเอาจังกับการทำงานมาก ทำเอาวันแรกที่เข้ากองถ่ายนั้น ตรี นันทรัตน์ถึงขั้นเดินตัวเกร็งๆ ไม่กล้าพูดกล้าคุยกันเลย “ร่วมงานกับพี่โขมเป็นเรื่องแรกค่ะ ตอนแรกได้ยินชื่อเสียงของพี่โขมมาจากคนอื่นว่า ดุมากเลยนะตรีระวังเถอะ หนูก็ใจฝ่อเริ่มกลัวเอาไงดี เข้ากองวันแรกไปเจอพี่โขมก็เกร็งๆ ค่ะ ไม่กล้าพูดด้วยเลย จนพี่โขมเขาบอกว่า อ้าว!อย่าเกร็ง สุดท้ายพอได้ร่วมงานกันก็ชิน เพราะพี่โขมจริงๆ ไม่ได้เป็นคนดุขนาดที่คนอื่นๆพูดกันเลยนะ ได้ทำงานร่วมกันจะรู้ว่าพี่โขมเป็นคนน่ารัก ใจดีด้วย แถมยังเป็นคนที่โรแมนติกกับแฟนด้วยค่ะ อันนี้นอกเรื่อง (หัวเราะ) ขอบคุณพี่โขมที่แนะนำเทคนิคการแสดง ทั้งเรื่องมุมกล้อง การแอ็คติ้ง ทำให้เราเข้าใจการที่จะเล่นบทนี้มากขึ้นค่ะ”

          ถึงแม้บทบาทครั้งนี้จะแตกต่างและฉีกจากตัวตนของเธออย่างสุดขั่ว แต่ฉากที่ประทับใจนั้นกลับเป็นฉากที่ตรี นันทรัตน์ สูบบุหรี่พ่นควันในเรื่องนี้ “สำหรับฉากที่ประทับใจกับการแสดงของตัวเองจะเป็นฉากสูบบุหรี่ค่ะ มันเป็นคาแร็คเตอร์ที่แตกต่างกับทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นหนัง หรือละคร ไม่เคยได้รับบทบาทแบบนี้มาก่อนเลย ก็ได้พี่โขมนี่แหละที่คอยแนะนำเทคนิค ตอนแรกที่ต้องหัดสูบรสชาติมันขมมากเลย ด้วยความน่ารักของผู้กำกับก็จะบอกทีมงานให้คอยเตรียมน้ำอุ่นไว้ให้ตรีตลอดค่ะ แต่มันไม่ดีหรอกนะสูบบุหรี่อย่าทำตามนะคะ มันเป็นเพียงการแสดงค่ะ(ยิ้ม)”

          “อันธพาล” คะนองด้วยศักดิ์ศรี วัดกันที่ใจ พร้อมกันกันทั่วประเทศ 14 มิถุนายนนี้ ทุกโรงภาพยนตร์
« Last Edit: June 08, 2012, 08:29:26 AM by FB »

FB on June 07, 2012, 05:28:01 PM
แอ็คให้มันส์ จัดให้เข้ม เทียบชั้น “อันธพาล” หล่อแบบเต็มสูบถ่ายรูปใส่แว่นตาดำโพสต์ท่าสุดเท่ห์กับ Standee ภาพยนตร์ ลุ้นเป็นเจ้าของกล้องFuji รุ่น FinePix Z90 และรางวัลอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 15,000 บาท


 
           เพียงโพสรูปเข้ามาร่วมสนุกเพื่อเป็นหนึ่งในแก๊งของ “จ๊อด-แดง” ง่ายๆ เพียงแค่ใส่แว่นตาดำถ่ายรูปโพสต์ท่าสุดเท่กับ Standee ภาพยนตร์ แล้วส่งภาพมาที่ movieactivity@sahamongkolfilm.com และ ทาง www.facebook.com/sahamongkolfilmint  ร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันนี้ – 17 มิถุนายน 2555

          ประกาศผลรายชื่อผู้โชคดี วันที่ 20 มิถุนายน 2555 ทางโทรศัพท์ และ www.facebook.com/sahamongkolfilmint

          ดูรายละเอียดได้ที่ >> https://www.sahamongkolfilm.com/th/promotionDetailSiteNews.php?id=222
« Last Edit: June 08, 2012, 08:21:37 AM by FB »

FB on June 07, 2012, 05:38:04 PM
“เต๋า สมชาย” – “น้อย กฤษดา” ยกพวก “อันธพาล” ชวนทำดีบริจาคเลือด

 

          สหมงคลฟิล์มฯ ร่วมกับ ภาพยนตร์ “อันธพาล” จัดกิจกรรม “อันธพาล ชวนทำดี” เพื่อสังคม นำทีมโดย เต๋า สมชาย, น้อย กฤษดา, แฟรงค์ ภคชนก์, คริน สาครินทร์, บิ๊ก กฤษฎา, ตรี นันทรัตน์ และเหล่านักแสดงจากภาพยนตร์ ร่วมมือร่วมใจชวนกันมาทำดีด้วยการบริจาคเลือด ณ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เมื่อวันอังคารที่ 5 มิถุนายน 2555

          เมื่อถึงเวลานัดหมายเหล่านักแสดงร่วมกันกรอกรายละเอียดลงในใบลงทะเบียน พร้อมเข้าไปตรวจเช็คสภาพความพร้อมของร่างกายก่อนที่ผลออกมาจะรู้ว่า เต๋า สมชาย และ แฟรงค์ ภคชนก์ ต้องจ๋อยเดินคอตกบริจาคเลือดไม่ได้ เพราะโหมงานหนักมาตลอดจนไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อนร่างกายจึงไม่พร้อมกับการให้เลือด แต่ทั้งคู่ก็ยังมุ่งมั่นขอทำดีด้วยการบริจาคอวัยวะในร่างกายแทน โอ้ว!หน้าตาหล่อแล้ว ใจพวกพี่ยังหล่ออีกด้วยนะเนี่ย จากนั้น น้อย กฤษดา เดินมุ่งหน้าตรงเข้าห้องบริจาคเลือด ตามด้วยรุ่นน้อง บิ๊ก กฤษดา, คริน สาครินทร์, ตรี นันทรัตน์ และ แม็กกี้ ศุทธสิทธิ์ พร้อมใจกันบริจาคเลือด หนุ่มๆ โชว์แมนยิ้มสู้ หันหน้าเข้าหากล้องพี่ๆ สื่อมวลชน ด้านสาวน้อยน้องตรีกลับเกิดอาการสั่นๆ เพราะว่านี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้มีโอกาสบริจาคเลือด รุ่นพี่เต๋าและแฟรงค์ จึงต้องมายืนเป็นกำลังใจให้น้องตรีอยู่ข้างๆ เตียง และ นอกจากนักแสดงแล้ว ยังร่วมด้วยอาสาสมัครรักทำดีอีกจำนวนกว่า 50 คน ที่มาร่วมกิจกรรมบริจาคเลือดทำดีร่วมกันอีกด้วย

          นอกจากนี้ เต๋า สมชาย ยังเป็นตัวแทนเหล่านักแสดง และตัวแทนของกิจกรรม “อันธพาล ชวนทำดี” กล่าวขอบคุณพร้อมกับมอบของที่ระลึกให้กับ พญ.สร้อยสอางค์ พิกุลสด ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย พร้อมถ่ายภาพหมู่ร่วมกันเป็นที่ระลึกในกิจกรรมครั้งนี้
« Last Edit: June 08, 2012, 08:24:09 AM by FB »

FB on June 08, 2012, 08:20:28 AM
บทสัมภาษณ์ “ก้องเกียรติ โขมศิริ” ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง “อันธพาล”



                        “ก้องเกียรติ โขมศิริ หรือ โขม” จบการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มีความสามารถทั้งเป็นนักเขียนบท และผู้กำกับ โดยเริ่มเขียนบทภาพยนตร์เรื่องแรกคือ บางระจัน ก่อนที่จะมีผลงานด้านเขียนบทภาพยนตร์มากมาย อาทิ องค์บาก, ขุนแผน, 7 ประจัญบาน 1 และ 2, ขุนศึก, เปนชู้กับผี ฯลฯ หลังจากนั้นเริ่มหันหน้ามากำกับภาพยนตร์ พร้อมทั้งเขียนบทด้วยตัวเอง กับเรื่อง “ลองของ” และมีผลงานกำกับภาพยนตร์ เช่น ไชยา, เฉือน, หลุดสี่หลุด(ตอน ร้านของขวัญเพื่อคนที่คุณเกลียด) ด้วยความสามารถและฝีมือคุณภาพ ก้องเกียรติ คว้ารางวัลผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จากงานรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 19 (ปี 2552)
และล่าสุด “ก้องเกียรติ โขมศิริ” กำลังจะมีอีกหนึ่งผลงานระดับคุณภาพ ที่ทั้งเขียนบทเอง กำกับเอง กับภาพยนตร์เรื่อง “อันธพาล” แนวแอ็คชั่น-ดราม่า ที่เตรียมจะเข้าฉายเดือนมิถุนายน2555 นี้

จุดเริ่มต้นโลกของ “อันธพาล” เวอร์ชั่น ก้องเกียรติ โขมศิริ
          โดยจุดเริ่มต้น เราอยากทำหนัง Gangster ในรูปแบบหนัง Thai Gangster ที่ว่าด้วยเรื่องของอิทธิพลมาเฟียในประเทศไทย โดยแรงบันดาลใจอันดับแรกคือ เราจะนำเสนอเรื่องของแก๊งอันธพาลในแง่มุมไหนดี เราไม่ได้พูดถึงในแง่ประวัติศาสตร์ หรือความเป็นฮีโร่ เชิดหน้าชูหน้าตา โดยสำหรับหนังเรื่องนี้เราเลือกที่จะนำเสนอแง่มุมความเป็นมนุษย์ ความเป็นมิติของตัวละครในทุกๆด้าน ว่าอันธพาลก็เป็นคนเหมือนกับพวกเรานี่แหละ มีสุข เศร้า เหงา มีความเป็นครอบครัว มีรักกัน มีโกรธกัน มีมิติความเป็นคนทุกอย่าง การจะเอาปืนไปยิงคน หรือมีดแทงคน มันมีความกลัว และอะไรก็เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา คุณเป็นอันธพาลใหญ่ระดับบิ๊ก แต่ก็สามารถเดินไปเหยียบแก้วตำเท้าได้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับมนุษย์ทุกคน นั่นคือไอเดียแรกที่อยากจะทำเรื่องเกี่ยวกับอันธพาลแบบครบมิติที่สุด ภายใต้หนังแนวแอ็คชั่น
          ประเด็นต่อไปที่อยากจะเล่าก็คือ เราจะเลือกเล่าในยุคสมัยไหน และสิ่งที่เราคำนึงถึงตลอดเวลาก็คือ การเปลี่ยนแปลง เราจึงเลือกช่วงยุคสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลง นั่นก็คือ ยุคพีคสุดของร็อคแอนด์โรล ยุคพีคสุดของเอลวิส, เจมส์ดีน พีคสุดของอันธพาลรุ่นใหญ่ๆ รุ่นแดง รุ่นจ๊อด พอหลังจากนั้นจุดเปลี่ยนสำคัญ เกิดการปฏิวัติโดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เกิดการปราบโจรครั้งใหญ่ จากไอดอลที่เป็นต้นแบบฮีโร่เด็กวัยรุ่นในยุคนั้นทุกคนโดนจับติดคุกหมด

อันธพาล กับการเลือกช่วงยุคสมัยมาถ่ายทอดสู่บทภาพยนตร์
          สมัยของยุคร็อคแอนด์โรลมันเทิร์นเข้าสู่ยุคบุปผาชน ยุคของฮิปปี้ ยุคของยา ความรุนแรงหลายอย่าง ยุคของการเปลี่ยนแปลงที่ถูกบันทึกประวัติศาสตร์ความรุนแรงในประเทศไทย ที่มาพร้อมกับแฟชั่น วัฒนธรรม ทุกอย่างกำลังถูกเปลี่ยน แม้กระทั่งนักเลงรุ่นเก่าที่มีความเป็นนักเลง ต่อสู้ด้วยการมัดมือแล้วเอามีดแทงวัดใจกัน แบบใจกับใจ ตัวต่อตัว ก้าวเข้าสู่เจนเนอเรชั่นใหม่ ที่เลือกหยิบปืนยิงกันเพราะมันเร็วกว่า ไอเดียหลักๆว่าด้วยของจุดเปลี่ยน ความรุนแรงของกลุ่มอิทธิพลในประเทศนี้ ซึ่งมันมีผลแวดล้อมทั้งกับตัวละครที่โลดแล่นอยู่ในนั้น และก็คนที่อยู่ในประเทศทุกวันนี้ที่ได้เคยรับความรู้สึกนั้น
          หนังเดินทางไปจบที่ยุคบุฟผาชน ช่วงที่มีเจนเนอเรชั่นใหม่ขึ้นมา ที่ว่าด้วยเรื่องของเด็กวัยรุ่น 2 คน ที่มีจ๊อด กับ แดง เป็นไอดอลนักเลงในดวงใจ ในขณะที่รุ่นเก่ากำลังเบื่อการตีรันฟันแทง เริ่มเรียนรู้สัจธรรม แต่รุ่นใหม่ เจนเนอเรชั่นใหม่มาพร้อมกับความห้าวเต็มรูปแบบ มีปืน มีการฆ่ากันได้ง่ายมากขึ้น กลายเป็นความขัดแย้งของคน 2 ยุค

ขั้นตอนการเตรียมงานสร้างสู่รูปแบบ อันธพาล ครบมิติในครั้งนี้
          ในแง่ความเป็นข้อมูลถือว่าหนัก เราใช้คำว่าเราเลาะตะเข็บของจริง เราไม่ได้พูดว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงๆ เพียงแต่การจะทำอะไรได้เราต้องรู้เรื่องจริงเท่าที่ข้อมูลเอื้อให้เรารู้ได้มากที่สุด ก่อนจะทำตั้งแต่เขียนบท การรีเสิร์ทข้อมูลอย่างหนักสำคัญ เวลาเราให้ทีมรีเสิร์ท หรือตัวเราเองหาข้อมูล เราไม่ได้อยากหาว่าเขาเป็นใครทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เราอยากหาอย่างที่หนังจะนำเสนอ มิติของเขาเป็นอย่างไร เขาคิดอะไร อย่างไร เพราะฉะนั้นการเข้าไปหาคนพวกนี้ บางคนก็ไม่ได้อยู่ให้เราไปสัมภาษณ์ ข้อมูลมาเป็นตัวหนังสือมาจากคนนู้นคนนี้เขียนใส่ไข่เข้าไปไม่รู้อันไหนจริงอันไหนปลอม เราต้องเลือกสักข้อมูลนึงที่มันเอื้อกับการเล่าเรื่องของเราที่สุด มันมีข้อมูลเป็นสิบข้อมูล บางข้อมูลก็ขัดแย้งกันอยู่ เอาแค่เรื่องการเสียชีวิตของแดง มีกันหลายแบบมาก พูดกันไป 7-8 แบบ แต่เราก็เลือกสักอย่างนึง พอข้อมูลมันกองตรงหน้าเยอะมากเราจะทำอย่างไรที่จะอัดอยู่ในหนังเพียง 2 ชม. คำแรกที่เราถามเลยคือ หนึ่งคนดู ดูแล้วจะได้อะไร หนังเรื่องนี้ไม่ใช่บันทึกสารคดี บันทึกประวัติศาสตร์ทั้งหมด แต่ในขณะเดียวกันมันก็ไม่ใช่เรื่องแต่งที่ไม่จริง มันเดินคู่เป็นการผสมผสานทั้งเรื่องจริงและเรื่องไม่จริง

แท็คทีมร่วมกับทีมงานคุณภาพ เพื่อการดีไซน์ และสร้างสรรโลกแห่ง “อันธพาล”
          ในส่วนของงานออกแบบงานสร้าง ทีมหลักยังเป็นคุณธนะ เมฆาอัมพุท เป็นโปรดักชั่นดีไซน์ เราร่วมงานกันมาตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่อง ไชยา, เฉือน ตั้งแต่หนังก่อนๆแล้ว ซึ่งเราคุยกันว่ามันต้องรู้สึกจริง แต่ในความจริงมันต้องเท่ด้วย เป็นโจทย์แรกที่คิดกัน คือ เข็มมันไปทางเรียลลิสติกสูง แต่ในขณะเดียวกันมันก็ไม่ใช่จริงจนเกินไป หนังต้องมีความน่าสนใจ หนังต้องมีเสน่ห์ ด้วยยุคสมัยมันเอื้อให้เราเยอะ เอื้อในงานศิลปกรรมที่ถูกนำมาเล่นเยอะมาก เพราะว่ายุคนั้นเป็นยุคของแฟชั่น จุดเด่นเป็นเรื่องของแฟชั่น ของเสื้อผ้าหน้าผม ซึ่งมันไม่ธรรมดาอยู่แล้ว มันมีสีสัน มันมีความสนุกอยู่ในนั้นเยอะมาก เพียงแต่ทีมออกแบบต้องบาลานซ์อย่างไรไม่ให้ออกมาดูโอเว่อร์ และสามารถจับต้องได้ด้วย จับต้องได้ว่าเป็นคนไทยคนนึงในสมัยนั้น ที่ทำแบบนี้ นี่คือคีย์หลัก หรือบางอย่างเราใส่ความต้องการส่วนตัว ก็อาจจะทำให้เดือดร้อนกันบ้าง คือเราอยากเห็นรถรางเพราะเรารู้สึกว่าเราไม่เคยเห็นรถรางในหนังเลย เด็กสมัยนี้ก็คงไม่เคยเห็นรถราง สมัยก่อนในกรุงเทพจะมีรถรางวิ่งไปมา ในหนังเรื่องนี้แหละจะได้เห็นกันครับ
          ทีมงานโลเกชั่น เนื่องจากการถ่ายทำเราไม่ได้เซ็ตสตูดิโอใหญ่ๆขึ้นมาทั้งหมด และทุกอย่างมันจะเป็นพีเรียดหมด มันก็ตีกรอบเข้ามาว่ายาก เราหากันมาก็หลายที่และทิ้งไปก็หลายสถานที่ครับ เพราะโลเกชั่นไม่ใช่ว่าเห็นแล้วสมบูรณ์พร้อมถ่าย เอากล้องตั้ง ตัวละครวางเริ่มถ่ายกันได้เลย แต่เราต้องเห็นโครงก่อน เราจะใช้ถนนเส้นนี้แหละ แล้วนอกเหนือจากนั้นเราจะทำอะไรได้บ้าง ยิ่งเดี๋ยวนี้บ้านเมืองเปลี่ยนไป ภาพของพลับพลาไชย หัวลำโพง เยาวราช มันเปลี่ยนไป และไม่เหลือเค้าโครงเดิมแล้ว ทำให้ฉากย่านถนนเยาวราช เราจึงต้องหาสถานที่ในการถ่ายทำที่ใกล้เคียงเยาวราชมากที่สุด ทีมงานโลเกชั่นก็เลือกใช้ถนนที่เมืองกาญจนบุรี แล้วเราก็ต้องม็อคอัพฉากนั้นขึ้นมาใหม่ทั้งหมด เซ็ตฉากให้มีความเหมือนถนนเยาวราช เหนื่อยครับแต่สนุก
          ทีมงานออกแบบเครื่องแต่งกาย ยังคงเป็นทีมงานเดิมที่เราเคยร่วมงานกันมา คุณโก้ ชาติชาย ซึ่งเราจะรู้ทางกันเป็นอย่างดี ทีมของคุณโก้จะรู้ว่าผมชอบสไตล์การผสมกันระหว่างความเป็นจริง กับความเป็นแฟนตาซีที่ลงตัวกันอย่างกลมกลืน แล้วคุณโก้ก็ดีไซน์ชุดเครื่องแต่งกายในหนังเรื่องนี้ได้อย่างดีครับ ตอนแรกที่เห็นคิดว่าชุดแบบนี้ใครจะกล้าแต่งเดินออกมาบนถนน โดนขำตายแน่ๆ ตอนนักแสดงแต่งออกมายืนเรายังรู้สึกว่า จริงเหรอว่ะ! ก็แอบเถียงกันนั่งขำกัน แต่พอนักแสดงทุกคนมายืนรวมตัวกัน แล้วเราเริ่มถ่าย เฮ้ย!มันใช่เลย จริงว่ะ มันดูเท่มากครับ ต้องบอกว่าเวลาที่เราทำหนังสไตล์แบบนี้ เราห้ามเอาความคิดของคนยุคนี้ใส่เข้าไปเลยนะ แต่เราต้องกระโดดเข้าไปเป็นคนยุคนั้นแทนครับ การทำหนังอันธพาลเรื่องนี้มันสนุกตรงที่ทุกอย่างพอประกอบร่างเข้าด้วยกัน แล้วเรารู้สึกเหมือนเรานั่งอยู่ในยุคร็อคแอนด์โรลจริงๆ สไตล์การแต่งตัวไม่ได้แค่แฟชั่น แต่คนสมัยนั้นพวกเขาแต่งกันเอาตายนะครับ ผมว่าคงไม่ต่างกับยุคปัจจุบันที่นิยมทำสีผมกันจนรู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดามากๆ คนสมัยนั้นเขาก็อัดครีมทาผมกันแบบเต็มเหนี่ยวครับ

การเลือกนักแสดงนำคุณภาพ เพื่อสวมบทบาท “อันธพาลดาวดัง”
          เรื่องคาแร็คเตอร์นักแสดงแต่ละคนก็ยากอยู่เหมือนกัน อย่างตัวละครหลัก จ๊อด เป็นคนเงียบๆแต่ใจร้อน เป็นคนพูดน้อยต่อยหนัก ไม่ค่อยพูด เป็นคนจริง สุขุม พูดจาดี สุภาพ แต่คนคนนี้สามารถลุกขึ้นมาแทงคุณโดยคุณไม่รู้ตัว เราเลือกพี่น้อย กฤษดา ซึ่งพี่น้อยมีเคมีนี้อยู่ 100% เขาเป็นคนเงียบๆดูเหมือนจะไม่มีพลังอะไรมาก แต่ทุกครั้งเราก็เห็นบทบาทการเป็นนักร้อง ทุกครั้งที่พี่น้อยร้องเพลงหรือ Performance (การแสดง) ใดๆเขาเป็นคนแบบนี้ เขาเป็นคนนิ่งๆที่สามารถเปลี่ยนแปลงร่างไปเป็นอีกคนที่มี Energy สูงมากพลังสูงมากโดยที่เรารู้สึกว่า คนนี้คือคนเดียวกันหรอ เป็นอีกมิติที่เหมาะกับตัวจ๊อด เพราะจ๊อดเป็นแบบนี้ อย่างพี่น้อยเวลามาเข้าฉาก หรือไม่ได้เข้าฉาก เพียงแค่เดินเข้ามาในกองทุกคนรู้ว่านี่ผู้ชายที่ชื่อ จ๊อด พี่น้อยเป็นจ๊อดตั้งแต่เข้ากองถ่ายจนกลับบ้าน ทีมงานทุกคนเชื่อ เพราะฉะนั้นมิติของจ๊อดจะชัดและเป็นเสาหลักของหนังเรื่องนี้ด้วยครับ
          ในขณะเดียวกันคาแร็คเตอร์ของ แดง ต้องมีลักษณะเป็นไอดอล ความเป็นไอดอลของคนยุค ยุคนึงซึ่งมีวันจะร้างลาแล้วก็อ่อนตัวลง บทบาทของแดงในเรื่องคือ แดงที่เป็นต้นแบบของนักเลงทุกคน เราเลือกพี่เต๋า สมชาย เพื่อมารับบทนี้ ซึ่งพี่เต๋าน่าจะอินกับ Position นี้ ที่วันนึงเค้าเคยเป็นเต๋า สมชาย แล้ววันนี้เขาก็ยังเป็นเต๋า สมชาย และยังมีศักยภาพเล่นหนังที่น่าสนใจอยู่ คนที่เป็นซุปเปอร์สตาร์ จะจำความรู้สึกของซุปเปอร์สตาร์ได้อย่างดี เพราะฉะนั้นมันคือความรู้สึกเดียวกันของแดง ตามข้อมูลจากการรีเสิร์ทชัดเจนอย่างมาก ว่าแดงเดินไปที่ไหนมีแต่คนกรี๊ด สาวกรี๊ด เท่ เกเร คือเราไม่ได้บอกว่าเต๋าเกเรนะ(หัวเราะ) เพียงแต่บอกว่าในความรู้สึกของเต๋าเหมาะที่สุดกับคาแร็คเตอร์นี้ครับ

พร้อมคัดเลือกนักแสดงหน้าใหม่ สวมบทอันธพาลรุ่นน้อง ปะทะ อันธพาลรุ่นเก๋า
          สำหรับคาแร็คเตอร์ของ ธง กับ เปี๊ยก เราตั้งใจวางตัวละคร 2 คนนี้เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ ของคนปัจจุบัน ที่จะนำพาคนดูในปัจจุบันเข้าไปมองโลกวันนั้น เราจึงต้องคัดเลือกเด็กรุ่นใหม่มาเป็นตัวแทน ภาพแรกตอนเขียนบทเราคิดไว้คือ ตัวโย่งตัวนึง ตัวซื่อๆตัวนึง ซึ่งมันต้องดูเป็นเพื่อนรักกันโดยไม่รู้สึกเกย์ รู้สึกเป็นเพื่อนผู้ชายเกเรๆ ไล่เตะตูดกัน โดยคาแร็คเตอร์ของ 2 คนนี้น่าสนใจ โดยเรื่องทั้งเรื่องจะดำเนินด้วยจ๊อด บวกกับนักแสดง 2 คน ที่เป็นอีกเจนเนอเรชั่นใหม่ ซึ่งเราเลือกคุณคริน สาครินทร์ กับคุณบิ๊ก กฤษฎา เด็ก 2 คนนี้มีความน่าสนใจมาก มีคาแร็คเตอร์แบบกวนๆ ในขณะเดียวกันก็มีชีวิตชีวาบางอย่างอยู่ข้างใน และมีความเป็นกบฏอยู่เยอะ คือคนพวกนี้หนึ่งอย่างที่เราเลือกมาส่วนใหญ่ที่เราเลือกจะมีความเป็นขุมพลังอยู่ลึกๆคือ ความกบฏ เพราะการจะเป็นอันธพาลการเป็นนักเลง เชื่อสิ มันไม่ใช่คนหัวเรียบหรอก จะมีความกบฏอยู่ในใจ

สร้างสีสันแห่งโลกอันธพาล โดยเหล่านักแสดงมืออาชีพคับคั่งแห่งวงการบันเทิง
          อย่างตัวละคร โอวตี่ นับว่าเป็นมิติสำคัญกับเรื่องมากๆ บทบาทของ โอวตี่ รับบทโดยคุณแฟรงค์ ภคชนก์ ก่อนหน้านี้เราก็รู้จักเ และเคยทำงานร่วมกันมาบ่อย ก็ได้คุยกันมาหลายที เลยบอกแฟรงค์ว่ามีบทอันนึงสนใจ อ่านไหม แต่ว่าเราจะขอเปลี่ยนแฟรงค์เลยนะ แฟรงค์มีศักยภาพด้านการแสดงสูงมาก ซึ่งบทบาทพิธีกรเป็นบทบาทนึงในชีวิตของเขา เราเองเคยเห็นแล้วว่าแฟรงค์มีศักยภาพทางการแสดงสูงมาก เราต้องทำยังไงไม่ให้คนดูติดภาพ แฟรงค์ เดอะสตาร์ ถ้าเราเห็นแฟรงค์ในคราบของโอวตี่ในอันธพาล ก็จะเปลี่ยนภาพเป็นอีกคนไปเลย จะมีความดิบกร้านขึ้น แต่บางอย่างที่เป็นข้อดีของแฟรงค์เราก็ยังเก็บไว้คือความเป็นคนอารมณ์ดี เป็นตัวละครที่มีมิติมากที่สามารถฆ่าคนได้โดยอารมณ์ดี โอวตี่เป็นนักฆ่าที่หัวเราะไปฆ่าไปได้อย่างสบายใจ แฟรงค์เอามิติตรงนี้ออกมาแสดงซึ่งทำได้ดีเชียว ตอนแรกก็ห่วงว่าแฟรงค์กับพี่น้อยเข้าฉากด้วยกันแล้วจะเป็นอย่างไร แต่เขา 2 คนจูนกันติด ทำให้แสดงแล้วออกมาดูดีเลยครับ
          หลักๆแล้วเราพยายามเน้นเรื่องการแสดง ที่ไม่ใช่การแสดงโพสต์ความเท่ หล่อ หรือว่าพยามทำตัวเท่ๆ เดินเท่ๆ เราพยามให้มีความเป็นมนุษย์มากที่สุด ฉะนั้นในเนื้อแท้ของตัวละครแต่ละตัวเราจะบรีฟนักแสดง และเลือกนักแสดงให้มีมิติไม่มากก็น้อย การโผล่มาบางทีมันไม่ได้มี Story ในหนังหรอก แต่คนดูจะรู้สึกได้ว่ามีมิติอยู่ ตัวละครจะกลมมันมีที่มาที่ไป อย่างตัวเล็กตัวน้อยในเรื่อง ตัวละคร ทุย(ไชยศุภกิต ผลพิมาย), น้าหำ ที่ได้อาจารย์สืบ(บุญส่ง นาคภู่) ซึ่งเป็นอาจารย์สอนการแสดงฝีมือเอก มาเล่นให้ ทำให้ตัวละครตัวนี้ดีขึ้นเยอะมากเลย หรือแม้กระทั่งตัวน้องตรี(นันทรัตน์ ชาวราษฎร์) ที่มาเล่นเป็นดอกไม้ดอกเดียวในหนังเรื่องนี้ ก็ทำได้ดี และก็รับเชิญจะมี สน เดอะสตาร์ ซึ่งมันมีสนธิสัญญาบางอย่างระหว่างเรากับสนว่า มีเราก็จะมีสนอยู่ในหนังเรา รับเชิญมากบ้าง น้อยบ้าง ว่ากันไป สนไม่ได้มาแสดงศักยภาพ เรารู้อยู่แล้วว่าศักยภาพของสนมีมากมายอยู่แล้ว แต่คราวนี้หนังเรื่องนี้รับเชิญมาแก้คิดถึง สนยังบ่นว่าทำไมมาน้อยจัง(หัวเราะ) หรือแม้แต่นักแสดงรุ่นใหญ่ พี่จิ๊บ วสุ กับบทสารวัตคำนึง และพี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ ที่รับเชิญมาในบท เฮียเซ้ง ซึ่งมาร่วมสร้างสีสันในหนังเรื่องนี้
« Last Edit: June 08, 2012, 08:22:48 AM by FB »

FB on June 08, 2012, 08:23:17 AM
เรื่องย่อ อันธพาล
          หนังเริ่มต้นที่อันธพาลยุค แดง ขึ้นสู่จุดสูงสุดของชีวิตของการเป็นอันธพาล โด่งดังไปทั่วราชอาณาจักร ภายใต้ความโด่งดังได้ไม่กี่วัน เกิดการปฏิวัติภายในประเทศ เกิดกฎหมายซ่องโจรขึ้น โดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นผู้ประกาศ ก็เกิดการปราบปรามครั้งใหญ่ จากไอดอลเพียงไม่กี่วันก็กลายเป็นผู้ร้ายหนีคุก โดนจับติดคุกกันต่างๆนานา 4 ปีผ่านไปคนพวกนี้ออกมาจากคุก โลกมันมีการเปลี่ยนแปลง เจนเนอร์เรชั่นของอันธพาลรุ่นใหม่ก้าวเท้าทับกันขึ้นมา แล้วทีนี้เขาจะอยู่บนโลกนี้ได้อย่างไร หรืออันธพาลรุ่นใหม่จะได้เรียนรู้โลกของรุ่นเก่าแบบไหน ตัวละครทุกคนที่โลดแล้นอยู่ในหนังเรื่องนี้ จะเดินทางข้ามการเปลี่ยนแปลงไปได้ไหมโดยเฉพาะสิ่งที่ตัวตนเป็นอยู่แต่โลกไม่เคยหยุด อำนาจมันยังหมุนทำหน้าที่ของมันต่อไป

อันธพาล จัดเป็นภาพยนตร์แนวไหน
          แอ็คชั่น-ดราม่า มีเนื้อความเป็นแอ็คชั่น แล้วก็ดราม่าอยู่ เพียงแต่ว่าคงไม่ใช่ดราม่าบีบเค้นน้ำตา ถ้าถามว่าจะจัดชองค์ให้มันจะเรียกว่ามันเป็น ไทยGangster อยากจะทำหนังมาเฟียไทยๆ ที่มันเหมือนเราเคยรู้สึกกับ ก๊อดฟาเธอร์(The Godfather), Goodfellas หรือแม้กระทั่ง Infernal Affairs ที่เรารู้สึกว่า เฮ้ย!ทำไมมันดูเป็นมาเฟียร์อิตาลีจังว่ะ มาเฟียฮ่องกงจังว่ะ อันธพาลก็จะเป็นสไตล์มาเฟียไทยๆที่มีกลิ่นรสชาติไทยๆ ครับ

แอ็คชั่น บู้ระห่ำ สไตล์ของ “โขม ก้องเกียรติ” เป็นอย่างไร
          หลายคนชอบพูดกันว่าทำไมหนังแอ็คชั่นไม่มีเรื่อง ทำไมหนังแอ็คชั่นเอาแต่แอ็คชั่นอย่างเดียวไม่เห็นมีเรื่องราว เราก็พยามจะทำในจุดนั้นคือ พยายามทำหนังแอ็คชั่นเรื่องหนึ่งที่มันมีมิติของตัวละคร มีเรื่องราวของมัน มีความเป็นหนังเราจะเรียกว่าดราม่าหรือเปล่าไม่รู้นะ แต่มิติของตัวละคร ไม่ใช่แค่การแอ็คชั่นกันอย่างเดียว สัดส่วนมันพอๆกัน เรื่องที่เราต้องซีเรียสเลยคือ การยิงกันมันต้องสนุก บทหรือแอ็คชั่นก็ต้องสนุก แต่ในขณะเดียวกันความสนุกนั้นมันต้องรู้จักตัวละครด้วย

ตัวอย่างฉากแอ็คชั่นไฮไลท์สุดเจ๋ง
          ยกตัวอย่างฉากแอ็คชั่นอย่างฉากดวลมีดระหว่างจ๊อด กับเฮียเซ้ง รับเชิญโดย คุณอ๊อฟ พงษ์พัฒน์สมัยก่อนการดวลมีด ถือว่าเป็นการให้เกียรติกันมาก มีการมัดมือกัน ห่างกันเมตรนึง แล้วดวลมีดกันตัวต่อตัว สำหรับฉากนี้เราถ่ายกัน 3 ครั้ง โดยวันแรกระหว่างถ่าย เกิดฝนตกก็ถ่ายต่อไม่ได้ จึงต้องถ่ายใหม่ ฉากนี้เวลามองมันเหมือนจะง่ายถ่ายกันแค่ 2 คน แล้ววิธีการมัดมือระยะห่างกันแค่นี้ จะถ่ายทอดหรือทำยังไงให้มันดูสนุก ดูน่ากลัว จึงต้องทำการบ้านกับเรื่องช็อตเยอะพอสมควร
          หรือฉากแอ็คชั่นใหญ่สุด ของ 2 แก๊งอันธพาลถล่มกัน เป็นแอ็คชั่นเต็มรูปแบบ มันเหมือนสงครามกลางเมืองย่อยๆเลย ภาพที่ออกมามันต้องเหมือนคนดูเข้าไปอยู่ในท่ามกลางคนยิงกันจริงๆ มันอาจจะไม่ประดิษฐ์ มันจะดิบๆแต่จะทำยังไงให้คนดูเข้าไปตกอยู่ท่ามกลางของแก๊งเหมือนยิงข้ามหัวคุณไปมา ก็พยายามหาทางดีไซน์ว่าจะทำยังไงให้มันดูแอ็คชั่น มัน และสมจริงครับ

ความยาก และท้าทายกับฉากแอ็คชั่นในครั้งนี้
          โดยเฉพาะฉากแอ็คชั่นใหญ่ ถือว่ายากเราถ่ายกัน 3 – 4 รอบ เป็นฉากงานเลี้ยงแซยิดของเจ้าพ่อใหญ่ ในงานเลี้ยงก็ต้องจัดโต๊ะจีน มีวงดนตรีชาโด้ อารมณ์เป็นงานเลี้ยงงานใหญ่ปิดซอยเลี้ยงกันเลย และก็มีแอ็คชั่นยิงกันถล่มเยอะมาก วันนั้นยิงกันหูดับ กล้อง 3-4 ตัว ทำหน้าที่กันเต็มที่ เราใช้กล้องทุกประเภทในการเก็บฟุตเทจมันออกมา กล้องทุกประเภทที่มันเอื้อในการถ่าย แม้กระทั่ง Go Pro กล้องแบบแอบติดไปตามหัว เราใช้ทุกอย่างเพื่อหาฟุตเทจที่มันจริงที่สุดครับ
          ซึ่งแต่ละฉากมันมีความยาก ความง่ายแตกต่างกัน แต่ถ้าในแง่ที่หนักสุด เหนื่อยสุด ใช้คนเยอะสุด วุ่นสุด เอ็ฟเฟ็กเยอะ มันรวมอยู่ในฉากแอ็คชั่นสุดท้ายนี้เลย นับว่าเป็นฉากใหญ่ของเรื่อง และถ้าหากมีการเทคทีนึงก็ว่ากันใหม่หมดเลยครับ

อันธพาล แตกต่างจากภาพยนตร์เรื่องอื่นๆที่เคยกำกับมาอย่างไรบ้าง
          ความละเมียดความเนียนมีมากขึ้น เราพยายามเล่าเรื่องให้ลื่นไหลมากขึ้น ประสบการณ์จาการกำกับมาจากหลายๆเรื่องจะสอนให้เรามีวิธีการเล่าหนังได้เนียนขึ้น ความเป็นตัวเรามันก็ยังมีอยู่แหละ มันมีอยู่โดยไม่ได้ไปดีไซน์ว่าฉันจะต้องเป็นอย่างนี้ แต่ว่าพอทำไปแล้วก็มีภาษาที่เป็นเราอยู่ในนั้น เพียงแต่มันอาจจะด้วยวุฒิภาวะ ด้วยประสบการณ์ มันก็คือเพชรเม็ดเดิมที่เจียรออกมาเป็นเหลี่ยมมากขึ้น

ผนึกกำลังแอ็คชั่นด้วยนักแสดงนำคุณภาพ “เต๋า สมชาย” และ “น้อย กฤษดา” ร่วมงานกันรู้สึกอย่างไรบ้าง
          แน่นอน 2 คนนี้เป็นมืออาชีพ ขอบคุณได้ตรงนี้ก็ขอบคุณเลยแล้วกันนะครับ ขอบคุณพี่น้อย พี่เต๋า ครับ สุดยอดครับ ขอบคุณที่ได้ร่วมงานกัน พี่เต๋าเราก็คุยกันหลายๆเรื่อง เอาเข้าจริงๆผมดูหนังเขามาก่อนผมจะมาทำหนังอีก กับพี่น้อย ให้ใจมากคนแบบนี้หาได้ไม่ง่าย ถือว่าเป็นคนที่มีศักยภาพมากในประเทศไทยที่เวลาทำอะไรแล้วให้คุณค่าของการทำงานศิลปะมาก ที่จะให้พลังในชีวิตทั้งหมดทุ่มเทลงไป แล้วมิติมันก็เกิด เราชอบการทำงานแบบนี้ เรารู้สึกว่าเฮ้ย! งานกำกับหนังมันไม่ใช่ให้ทุกคนมานั่งฟังว่า โขมจะเอาอะไร แต่ว่ามันคือการที่เราทุกคนมาทำงานศิลปะกัน แลกเปลี่ยนกัน พี่น้อยเป็นคนมี Energy มีพลังอะไรไม่รู้อยู่ข้างใน เวลาพี่น้อยเดินเข้ามาทุกคนจะรู้สึก โอ้! โอ้โห! ทุกครั้ง เข้าฉากทีทุกคนก็จะตบขา โอ้โห! เล่นขนาดนี้เลยหรอ
          อย่างพี่เต๋าเค้ามืออาชีพ เขารู้ว่าเขาจะทำอะไร เราไม่ต้องพูดอะไรเยอะแค่ปรับๆเท่านั้นเอง เขาพร้อมจะฟังเรา ผมมองว่าอย่างนี้ใช่ไหมๆ คือทุกอย่างคุยกัน จะนั่งคุยกันหมด เราให้เกียรตินักแสดง นักแสดงก็ให้เกียรติเรา

ดาวดวงใหม่ที่ถูก โขม ก้องเกียรติ ขัดเกลาสู่บทบาทอันธพาลดาวรุ่ง
          ในรุ่นเจนเนอเรชั่นเด็กๆอาจจะมีการโดนลงแซ่ไปบ้างเล็กน้อย(ยิ้ม) ธรรมดาแหละครับ กำกับหนัง กำกับเด็กรุ่นใหม่ ถามว่าความพยายามมีไหม แน่นอนมี บางทีเขาจะติดภาพนักเลงอันธพาลต้องเท่ๆ ติดแอ็คเท่ๆ ซึ่งเราจะห้ามตลอด พยายามอธิบายว่าเราเป็นมนุษย์ ตอนนี้รู้สึกอย่างไรล่ะ ในโมเม้นท์ที่เท่มันก็เท่ แต่ไม่ใช่เราไปทำตัวเท่ตลอดเวลา เพราะไม่มีมนุษย์คนไหนที่ทำตัวเท่ตลอดเวลา มันก็นั่งตัดเล็บเท้า แคะขี้มูกกันบ้าง มันเป็นเรื่องธรรมชาติ มันไม่ต้องทำเป็นพูดเท่ๆ เสียงเท่ๆมันจะดูกร็งๆไป เราก็พยามให้เขาเชื่อใหม่ว่าไม่ใช่ ไม่ต้องทำเท่ แต่เดี๋ยวมันจะเท่เอง ก็ปรับเปลี่ยนกันพอสมควร
          เรื่องของยุคก็มีส่วน อย่างในฉากไปเสิร์ฟโอเลี้ยงในบ่อน เขาจะเรียกโกปี้ โกปี้ไหมพี่ ก็เล่นไม่ได้สักที เพราะไม่รู้ว่าโกปี้คืออะไร ก็ต้องมาจูนกัน พาเขาเข้าไปเที่ยวในโลกของมันให้ได้ หรือฉากเลิฟซีนของคริน ก็จะขวยเขินกัน กว่าจะได้ก็กล่อมกันน่าดู เฮ้ย!เราไม่ได้ทำหนังโป๊นะ เขาก็เข้าใจแต่เขาก็ยังอาย(หัวเราะ) แต่เราก็ต้องเข้าใจเขานะ เราก็พยามปลอบประโลมมันในที่สุด ยอมโดยไม่รู้ตัว
          สำหรับคริน และบิ๊ก การแสดงเรียกว่ากลมกลืนกันมาก ด้วยความที่เขาทั้งคู่ก็ฝึกกันมาเยอะ สนิทกันจนเป็นพี่น้อง ทำให้มิติคนคู่นี้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากครับ

สิ่งที่ต้องการนำเสนอในอันธพาล
          จริงๆเราอยากให้มองหนังเรื่องนี้ดีๆว่ามัน คือ ภาพจำลองของประเทศนี้ ในปัจจุบันนี่แหละ สุดท้ายหนังอันธพาลพูดเรื่องครอบครัว จุดเริ่มต้นที่ง่ายสุด ทุกคนโหยหาที่จะรักษาตรงนี้ไว้ แต่มันมีกลไกอำนาจ หรือการแกร่งแย้งที่มันเข้ามา แล้วไม่มีอะไรจีรัง ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเลง เป็นตำรวจ เป็นนักเลงดัง มันไม่มีอะไรจีรังมันเกิดและดับได้ทุกเมื่อ ยิ่งโลกของนักเลงวันนี้คุณโด่งดัง คุณเจ๋งขนาดไหน พรุ่งนี้คุณอาจจะโดนยิงตายก็ได้ ตายข้างถนนไม่ได้มีเกียรติอย่างที่คุณคิด
          หนังเรื่องนี้สุดท้ายมันพูดเรื่องว่าภาวะของอำนาจ กับภาวะของการแย้งชิงในโลกอาชญากรรมมันยังหมุนของมันต่อไป ผ่านกระบวนการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในโลก แต่อำนาจยังคงอยู่ของมันต่อไปทุกวัน แต่สิ่งที่แหลกสลายไปแล้วคือครอบครัว หรือยากหน่อยเรียกว่า ภารดรภาพ คือความเป็นครอบครัว ความเป็นพี่น้องกัน ระหว่งคนในชาติ หรือว่าความเป็นเพื่อนมิตรภาพของคนเราที่คนไทยเราเคยอยู่กันเป็นแบบครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวนึง วันนี้มันมีกลไกอะไรไม่รู้เยอะแยะมากมายพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงประเทศ เหมือนกับในหนังเรื่องนี้ที่มันมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย สิ่งที่มันไม่เหลืออยู่คือ ตัวตนจากครอบครัว นี่คือสิ่งที่มันล่มสลายจากการพยายามจะเป็นอะไรสักอย่าง

เสน่ห์ของเรื่องราวแห่งโลก อันธพาล
          เสน่ห์คือ การนำเสนอรสชาติของหนังแอ็คชั่นใหม่ๆ ให้คนไทยได้ชิมกัน ถ้าใครคิดว่าเมืองไทยทำไมไม่มีหนัง Gangster เลย ไม่มีหนังมาเฟีย สนุกๆเลย ก็อยากให้ไปดูหนังเรื่องนี้ ไม่ได้มีแค่การตีกันอย่างเดียว แต่มีเรื่องราว โดยจุดเด่นของหนังเรื่องนี้คือ การเล่าเรื่อง ถึงจะเป็นหนังพีเรียดก็ตาม แต่การเล่าเรื่องทันสมัย เป็นสมัยใหม่ เพียงแต่แฟชั่นเรื่องการแต่งกาย เสื้อผ้า หน้า และผม ย้อนยุคกลับไป เป็นการสะท้อนเรื่องราวของคนสมัยใหม่ มันไม่ได้แปลว่าคุณไม่รู้จักเอลวิส คุณจะไม่อินกับหนัง ไม่ใช่คนยุคนั้นจะมาดูทำไม แต่สิ่งที่ผมต้องการจะบอก อยากให้เข้าไปชมกัน แล้วคุณจะรู้สึกไหลเข้าไปอยู่ในโลกของพวกเขาแบบไม่รู้ตัว และหากคุณดูจบปุ๊ป! โลกของพวกเขาจะไหลเข้ามาอยู่ในตัวคุณโดยไม่รู้ตัว(ยิ้ม)

“อันธพาล” ในความหมายของ “โขม ก้องเกียรติ”
          อันธพาล คือ กบฏ เกเร เพียงแต่หนังเรื่องนี้จะนำพาเข้าไปหาคำว่า อันธพาล คำว่า อันธพาลที่เราตีค่าไปแล้วว่ามันเป็นลบ เป็นกุ๊ย 100% อันธพาลมันโจรแน่นอน แต่เราไปเห็นอีกมิติอื่น และใช่ว่าใครจะดำ100% ทั้งหมด มันก็มีขาวของมันอยู่ เพียงแต่มุมดำของมันอาจจะเยอะกว่า เราจะพาไปดูมิติของอันธพาลให้ครบองศา

สิ่งที่ประทับใจจากการทำภาพยนตร์เรื่อง อันธพาล
          ประทับใจการแสดงหลายๆครั้งของนักแสดงที่มาแสดง เรารู้สึกว่าเวลาที่พัฒนาคาแร็คเตอร์ตัวละครตัวนี้ขึ้นมา เราก็จะได้เห็นการแสดงที่พัฒนาชัดขึ้น หลังๆภาพนักแสดงมาชัดกว่าภาพหนังอีก คาแร็คเตอร์มันขึ้นมาชัด จนบางทีเราไม่ต้องทำหน้าที่ไปสร้างบรรยากาศเรื่องอะไรมากมายเลย ปล่อยคนพวกนี้เดินไปมามันได้อารมณ์แล้ว

ภาพยนตร์เรื่อง “อันธพาล” ผลงานล่าสุดของ “ก้องเกียรติ โขมศิริ”
          ภาพยนตร์เรื่อง อันธพาล อยากให้ไปชมกันครับ มันมากมายไปด้วยความตั้งใจจริงๆที่จะทำหนังแอ็คชั่น ครบรสทุกเนื้อหา ใครที่ชอบงานโขมที่มีลักษณะแบบนี้ ถามหาความแอ็คชั่น ที่มันมีเนื้อหา มิติของตัวละคร สนุกและแอ็คชั่นด้วย อยากให้ไปชมกัน ทั้งทีมงาน และนักแสดงเชื่อเลยว่าอยากให้เป็นหนังไทยอีกเรื่องที่สนุก และดีครับ

FB on June 14, 2012, 05:00:21 PM
บทสัมภาษณ์ “คริน-สาครินทร์ สุธรรมสมัย” รับบท “ธง” ในภาพยนตร์เรื่อง “อันธพาล”

 



          แนะนำอันธพาลหน้าใหม่
          สาครินทร์ สุธรรมสมัย ครับ ชื่อเล่น คริน รับบทเป็น ธง ในเรื่อง อันธพาล ครับ
          ติดประกาศหาอันธพาลหน้าใหม่ ปุ๊ป! ก็มาสมัครเข้าร่วมแก๊งด้วยเลยใช่ไหม
          ต้องบอกว่าที่ผ่านมาผมไม่เคยไปแคสติ้งอะไรพวกนี้เลยนะ ไม่เคยแคสติ้งงาน แต่พอมารู้ถึงโครงการนี้ น่าสนใจดีก็ลองมาสมัคร เข้ามาแคสติ้งตามกระบวนการ แล้วก็ได้(หัวเราะ) ดีครับ เพราะตอนแรกไม่คิดว่าจะได้ ตอนนั้นเขาดูจากคาแร็คเตอร์ส่วนตัว และเลือกบทมาให้ว่าจะเล่นเป็นใคร ซึ่งผมได้บท ธง ต้องแสดงซีนอารามณ์ โมโห กดดัน ร้องไห้ ผมก็พยามแสดงตามบทนั้นเลยครับ
          และก่อนหน้านี้มีผลงานอะไรมาบ้าง
          ถ้าด้านการแสดงไม่มีครับ ไม่มีเลย แต่จะเป็นการทำเพลงซะมากกว่าครับ
          นักแสดงหน้าใหม่ได้มีโอกาสเรียนการแสดงกับ หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล รู้สึกอย่างไรบ้าง
          ผมรู้จักหม่อมน้อย จากภาพยนตร์ในหลายๆเรื่อง ตอนไปเรียนจะเป็นวิธีการเรียนอีกแบบที่เขาจะสอน การเข้าสู่จิตใตเข้าสู่ความรู้สึกข้างใน ซึ่งมันเป็นอะไรที่ค่อนข้างใหม่สำหรับผม ได้อะไรจากหม่อมน้อยเยอะมากจากการเข้าใจตัวเราเอง และสามารถนำมาใช้ในการแสดงได้เยอะจริงๆ ตอนเรียน เรียนทั้ง 3 คนเลยมี บิ๊ก แล้วก็น้องตรี เราไปเรียนพร้อมกัน 3 คน ได้ทำความรู้จักกันด้วย ไปปูพื้นฐานทุกอย่างในทิศทางเดียวกันอย่างที่หม่อมน้อยเขาต้องการ สำหรับระยะเวลาในการเรียนจะประมาณ 3 เดือน ช่วงแรกยอมรับว่าเหนื่อยบ้าง เพราะเป็นสิ่งที่ใหม่และแปลกสำหรับเรา ในเรื่องการทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของ Energy ต่างๆ ซึ่งพอเราปรับตัวได้ต้องบอกว่ามันเป็นเรื่องที่สนุกมากเลยครับ
          การเตรียมตัว และ ความพร้อมกับภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิต เป็นอย่างไรบ้าง
          ทีมงานส่งบทมา ผมก็ซ้อมบท ซ้อมกับตัวเอง ซ้อมกับหม่อมน้อย ซ้อมกับครูเบลที่โรงเรียนการแสดง แล้วก็ครูเงาะ และก็เตรียมตัวเท่าที่เราเตรียมตัวได้ เรายังไม่รู้ว่าเราจะไปเจออะไรบ้าง อย่างผมเรียนหนังมาแต่เราเรียนในฐานะที่เราเป็นคนทำ แต่นี่มันเป็นอีกด้านนึงเรายังไม่รู้ว่าเราจะไปเจออะไร เตรียมตัวเท่าที่เราจะเตรียมได้ในเรื่องร่างกาย จิตใจ ความพร้อม การพักผ่อน ดูแลตัวเองทุกอย่าง เต็มที่ เท่าที่เราทำได้ตอนนั้นเพราะเราอยากให้มันออกมาดีที่สุด
          คาแร็คเตอร์ของ “ธง” ในเรื่องอันธพาล เป็นอย่างไร
          บทบาทของ ธง เป็นคนสุดโต่ง ผิดก็คือผิด ถูกก็คือถูก จะซ้ายจะขวาเต็มที่ แล้วก็มีความแรงมากๆ ก้าวร้าว มีความเป็นนักเลง มีความเป็นนักเลงเต็มตัว รู้เรื่องเกี่ยวกับการโกง สิ่งอบายมุข ทุกอย่างเท่าที่จะจินตนาการได้รู้หมดทุกอย่างเลย เป็นคนที่หัวรุนแรงกับการใช้กำลัง แล้วก็เป็นคนชอบระเบิดอารมณ์อยู่บ่อยๆ เหมือนหมาไฮยีน่าที่พร้อมจะล่าเหยื่ออยู่เสมอ แต่ลึกๆแล้วธงเป็นคนที่โดดเดี่ยว แล้วก็เปราะบางมากจริงๆ สิ่งที่สร้างขึ้นมาในบทของ ธง จะเป็นการพัฒนาตั้งแต่เริ่มจนจบ มันก็แฝงไปด้วยอ่อนแอ แต่ต้องเอาสิ่งพวกนี้มา กลบทับ นั่นคือตัวละครของ ธง ครับ
          ในเรื่อง ธง จะโตมากับ เปี๊ยก (รับบทโดย บิ๊ก กฤษฎา) เปี๊ยกจะเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับ ธง เพราะว่า เปี๊ยกจะค่อนข้างเป็นศิลปิน แต่ต้องมาจำใจที่จะมาเป็นนักเลงเพราะว่าชีวิตไม่ได้มีทางเลือกขนาดนั้น โดนบีบโดย ธง และสภาพสังคมต่างๆ นานา ให้ไปในทิศทางนี้ แต่ว่าใจจริงๆแล้วไม่ใช่ เขาไม่ใช่คนอย่างนั้น แล้วก็มาอยู่คู่กันด้วยเส้นทางที่ว่า รักกัน เพื่อนกัน มีกันอยู่ 2 คน แล้วก็เดินไปด้วยกัน แต่เราทั้ง 2 คนก็เริ่มจากการไปเป็นนักเลงตัวเล็กๆของพี่จ๊อด (รับบทโดย น้อย กฤษดา) กับพี่แดง(รับบทโดย เต๋า สมชาย) สุดท้ายแล้วความเป็นตัวตนของ ธง ความเป็นตัวตนของ เปี๊ยก มันก็ต้องแยกกันครับ
          เรื่องราวของเรื่อง “อันธพาล” เป็นอย่างไร
          ก็นึกไปถึงสมัยอันธพาลครองเมืองนะครับ เป็นยุคที่อันธพาลเฟื่องฟู ยุคเอลวิส ยุคของเรอนาซอง ยาเสพติด เซ็กส์ รัก ร็อคแอนด์โรล ทุกอย่างครบหมดเลย มันเป็นช่วงที่เข้าไปคาบเกี่ยวกับตัวจ๊อด, แดง, ปุ๊ ต่างๆนานา เป็นยุคทองในสมัยนักเลงในสมัยนั้น 4 -5 คนที่เรารู้จัก ที่เราเคยผ่านตาจากภาพยนตร์ในสมัยก่อน แล้วตัวผมเอง ธง กับเปี๊ยก เหมือนเป็นอีกเจนเนอเรชั่นนึงที่ลงมา แล้วก็เห็นเขาเป็นไอดอล แล้วอยากก้าวขึ้นไปสู่แบบนั้นบ้าง เป็นช่วงที่ตัวพี่จ๊อด พี่แดง วัยที่โตแล้ว มองเห็นถึงการเป็นอันธพาล จากที่เคยเดินไปเอามีดเสียบเขา เจอใครไม่พอใจยิงโป้ง แต่พอเวลาผ่านไป กล่อมเขาขัดเกลา แล้วเขาตกผลึก กลับมีมุมความคิดว่าจริงๆแล้วไม่ใช่ความเป็นผู้ชาย มันไม่ใช่สุภาพบุรุษ แต่ว่าพอถึงรุ่นของธงกับเปี๊ยกก็อยากจะเป็นอย่างนั้น อยากเดินไปไหนแล้วมีแต่คนไหว้ อำนาจแหละครับ เรื่องของบารมี ความเท่ เป็นเรื่องความฝันของวัยเด็ก ซึ่ง 2 เจนเนอเรชั่นนี้ จะมีความคิดสู้กันอยู่ ขัดแย้งกันอยู่ แล้วมันก็จะเป็นเรื่องของการหักหลัง ความผูกพันของเพื่อน ฆ่าฟันแย้งชิง การเป็นนักเลง คำว่าผู้ชายอะไรต่างๆนานา สุดท้ายแล้วมันก็คือ อันธพาล นักเลง จบด้วย ควันปืน และกลิ่นเลือด
          ตัวตนของ “ธง” กับ “คริน” มีความเหมือน หรือแตกต่างกันบ้างไหม
          ไม่เหมือน และไม่ต่างกันซะทีเดียว อย่างธงเขาจะกระโตกกระตาก เขาจะค่อนข้างปล่อยพลังไปตลอดเวลา โกรธก็ระเบิดออกมาเลย มีความสุขก็หัวเราะ หัวเราะเสียงดัง ทุกอย่างเขาจะระเบิดออกมาเลย เขาจะไม่เก็บ ซึ่งมันเป็นพาร์ทนึงในตัวผมนะ ส่วนตัวผมจริงๆจะเป็นคนนิ่งๆ ผมขี้อาย(หัวเราะ) ผมเป็นคนขี้อายมากๆ อาจจะดูขรึมๆนิ่งๆแต่จริงๆแล้วอายครับ แต่บางจังหวะที่มาแสดงหนัง หรือขึ้นเวทีคอนเสิร์ต มันเหมือนความอายตรงนี้หายไป ตรงนี้ผมว่าเหมือนธงที่เราสามารถระเบิดพลังงานอะไรออกมาได้เต็มไปหมดเลยโดยไม่รู้ตัวครับ
          อันธพาลเป็นภาพยนตร์ที่ย้อนไปยุคปี 2500 ต้องมีการปรับลุค ตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไรบ้าง
          (มือจับผม)นี่ละครับเป็นมารุโกะ (หัวเราะ) เขาแซวกันว่าเป็นทรงมารุโกะ ผมไม่ได้เกิดยุคนั้น จึงไม่ค่อยรู้เรื่องของแฟชั่นยุคนั้น อย่างทรงผม เสื้อผ้า จะเป็นยุคพีเรียด ก็ไปศึกษาครับยุคนั้น เราก็พยายามหาข้อมูล พยายามปรับตัวเข้าไป แม้แต่การพูดจา การแต่งตัว กางเกงขาบาน เสื้อผ้ายุคนั้น พับปก เสยผมตั้ง ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาคิดว่ามันเท่ สำหรับเรานะ แต่เราก็พยายามไปทำความเข้าใจ
          การได้ร่วมงานกับนักแสดงมืออาชีพทั้ง “เต๋า-สมชาย เข็มกลัด” และ “น้อย-กฤษดา สุโกศล แคลลป์” เป็นอย่างไรบ้าง
          สำหรับพี่เต๋าเขาเป็นมืออาชีพมากๆ มากๆเลยนะครับ อยู่ในวงการมานานแล้ว เล่นหนังมาเยอะ หนังที่เขาเล่นย้อนกลับไปสมัยนู้นหลายเรื่องมากๆ พี่เขาก็ช่วยแนะนำนะ อย่างในฉากตอนที่ต้องไว้ผมยาวในเรื่อง แล้วเส้นผมมันก็จะทิ่มตา จึงต้องใช้นิ้วคอยปัดผมบ่อยๆ พอคัทปุ๊ป พี่เต๋าก็เดินมาสะกิดบอกว่า ปล่อยมันไปเลย เข้าใจว่ามันทิ่มตาแต่มันจะเป็นธรรมชาติ เขาจะมีเทคนิคต่างๆที่เขามานั่งคุยอยู่ตลอดเวลา พี่เต๋าเป็นคนน่ารักมากเป็นคนชอบพูด ผมก็ชอบไปนั่งฟัง พูดไปคำนึงขอสักประเด็นนึงแกก็จะพูดมาล่ะ ผมก็เออเหมือนเราได้ศึกษาชิวิตเขาไปในตัว พี่เขาแนะนำเรื่องงาน ชีวิตเขาอะไรหลายๆอย่างได้มุมมองจากเขารู้สึกดีที่เขาเรียกเราว่าน้อง ไม่ได้ง่ายกับการที่จะมาได้เจอกับนักแสดงระดับนี้
          ส่วนพี่น้อย ผมชื่นชอบในฐานะศิลปินวงพรูอยู่แล้ว ตั้งแต่ผมเรียนมหาวิทยาลัยละ ชอบในความ Unique (เป็นเอกลักษณ์) ของเขามาก เขาเป็นคนที่เรียกว่าอะไร One and Only ไม่เหมือนใครมากๆ ตอนที่ได้รู้ว่าร่วมกันมันเหมือนกับ ว๊าว!อ่ะ(หัวเราะ) ว๊าว!พี่น้อย โอเค แล้วก็มาคุยกับแกก็คุยเลยว่าพี่ ผมชอบพี่มากตั้งแต่ในบทบาทศิลปิน อาร์ตติส การเป็นโซโลอาร์ตติส รวมถึงการแสดงด้วยบอกแกแบบนี้ ผมดีใจมากพี่ที่มีโอกาสร่วมงานกัน บอกแบบนี้โต้งๆเลย(หัวเราะ) พี่เขาก็งงๆนะตอนแรก เวลาพี่น้อยแสดง เวลาพูดทั้งนอกจอในจอ เขาเป็นคนมีเสน่ห์มากๆ คาแร็คเตอร์ที่พี่น้อยสร้างให้กับจ๊อด เป็นอะไรที่มันยูนีค เขาจะมีการตีความของเขา และเราก็อยากไปได้ถึงระดับนั้นบ้างในเรื่องของการแสดง หรือแม้แต่การเป็นศิลปินของเขาก็ตาม
          แสดงหนังเรื่องแรกก็ต้องเล่นแอ็คชั่น พี่เต๋าแนะนำหรือสอนอะไรครินบ้าง
          พี่เต๋าจะสอนเรื่องรวมๆมากกว่า จะแนะนำในเรื่องของการแสดงมากกว่า รวมถึงเรื่องที่ว่าวงการนี้คืออะไร และเล่าให้ฟังวงการนี้มันคืออะไร อยู่ยังไง แอดติจูดเป็นยังไง เราก็ฟังแกเล่าชีวิตของแก ถามทุกคนได้เลยเวลาไปนั่งคุยกับพี่เต๋า พี่เต๋าจะเล่าแล้วทุกคนจะฟัง ผมฟังแล้วสนุก แกพูดเป็นชั่วโมงๆเลย เออสนุกเนอะ แต่ชีวิตแกเยอะ เรื่องการทำงานทั้งชีวิตของแกเลย สนุกคุยกันสนุกมาก เรื่องลูกแก แม้แต่เก้าอี้ผ้าใบที่ แกนอนอยู่ ผมก็เอ้ย!เก้าอี้สบายดีนะ แกบอกมาหมดเลยร้านไหน ซื้อเท่าไหร่ ต้องซื้อนะมันมีประโยชน์อย่างไง แล้วผมไปถอยมาครับ(หัวเราะ) พี่เต๋าน่ารัก น่ารักกว่าที่ผมคิดไว้อ่ะผมพูดแบบนี้ดีกว่า นึกว่าจะขรึมๆนิ่งๆมาดแบบว่าพี่เต๋าหน่อย แต่ว่าพี่เต๋าน่ารัก นิสัยน่ารักมากครับ
          ฉากแอ็คชั่นประทับใจ และอยากให้ติดตามชมจนห้ามกระพริบตา
          ฉากแอ็คชั่น ผมชอบฉากที่บุกมายิงในงานเลี้ยง โลเกชั่นจ.กาญนบุรี ส่วนตัวแล้วผมชอบความมันส์เหมือนเป็นหนัง Gangsters ในสมัยก่อนที่มันมีประชาชนอยู่ตรงกลางและมีแก๊ง 2 แก๊งมาบวกกัน เราเห็นในภาพยนตร์ไม่ว่าจะของจีน ของอเมริกา เขาจะเป็นอย่างนี้มันเป็นฉากที่ผมรู้สึกว่ามัน Epic (มหากาพย์) ในความรู้สึก ผมว่ามันเจ๋งดี เราได้เป็นพาร์ทนึงในนั้น เราได้ยิงปืนสวนกันไปมา ซึ่งฉากแอ็คชั่นอันนั้นมันอลังการมัน Epicในความรู้สึกผม ก็อยากให้ติดตามครับกับฉากแอ็คชั่นนี้ ทุกคนมีอาวุธ มันเป็นอาวุธโบราณที่สวยมาก กระบอกมันสวยมากจริงๆนะครับ การยิงกัน การไล่ล่ากัน มันสนุกมาก มันส์มาก เสียงปืนอะไรต่างๆการปะทะเข้าหากัน ห้ามพลาดเลย
          นอกจากพี่น้อย พี่เต๋า ยังมีหลากหลายนักแสดงคุณภาพและมืออาชีพในเรื่องนี้ ร่วมงานกันเป็นอย่างไรบ้าง
การได้ร่วมงานกับอาจารย์สืบ (บุญส่ง นาคภู่)ผมเรียกเขาว่าอาจารย์สืบ ก็ถามเขาในเรื่องที่ผมอยากรู้และในเรื่องที่ผมไม่รู้ ซึ่งเขาก็จะมีเทคนิคของเขาเราก็จะได้ความรู้ เขาก็ชมมาในบางฉากที่เขาบอก เอ้ย!เล่นดีนะฉากนี้ เราก็รู้สึกว่ามันเป็นกำลังใจที่ดี ได้นักแสดงอาวุโสมากๆเลยอย่างอาจารย์สืบ แล้วเขาก็สอนแนะนำเรา ก็ขอขอบคุณอาจารย์สืบไว้ตรงนี้ด้วย ได้ความรู้มาก หรืออย่าง พี่แฟรงค์(แฟรงค์ ภคชนก์) เป็นคนพิเศษครับ(หัวเราะ) คุยกับพี่โขมเขาก็บอกว่าพี่แฟรงค์เล่นเป็นอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่คนปกติ(หัวเราะ) ซึ่งผมก็เออจริง จริงว่ะพี่ แกเป็นคนที่มีคาแร็คเตอร์พิเศษ เป็นคนที่มี Energy สูงมาก จริงๆแล้วแกเป็นคนที่เจ๋ง เจ๋งมาก ตัวจริงแกก็เจ๋ง และก็ไม่ธรรมดา ซึ่งการได้นั่งดูแกเล่น หรือแอ็คติ้ง เรายังรู้สึกถึงการได้รับพลังงานบางอย่างจากแกด้วย โดยไม่รู้ตัวครับ อย่างไปนั่งหน้ามอนิเตอร์เราเห็น เราก็ซึมมาล่ะเรารู้สึกอิน ซึ่งผมว่าในนักแสดงไม่ได้ง่ายที่จะมี Energy เยอะขนาดนั้น
          การได้มีโอกาสร่วมงานครั้งแรกกับผู้กำกับที่ชื่อ โขม ก้องเกียรติเป็นอย่างไรบ้าง
          เออ...แกตบหัวแล้วลูบหลัง(หัวเราะ) แกตบก่อน ตบผั๊วะเลย แล้วแกก็ลูบหลัง จะเป็นลักษณะนั้น พี่โขมเป็นคนทำหนังละเอียด และก็เป็นโปรเฟสชั่นนิสคนนึงในการทำหนัง เคยคุยกับพี่โขมซึ่งผมชอบมาก...ผมถามว่า พี่ทำไมมันไม่ได้สักที ทำไมพี่ไม่ปล่อยผ่านสักที พี่โขมบอกว่ามันไม่มีที่ว่างให้กับคำว่าไม่ได้ในการทำหนัง เพราะฉะนั้นเป็นสาเหตุนึงที่หนังพี่โขมออกมาดี หนังจะออกมาสมบูรณ์แบบในตัวของมัน ในแบบที่พี่โขมต้องการ
          และพี่โขมจะมีการสอน และแนะนำในสไตล์ของพี่โขมเอง เขาจะมีสไตล์ก้องเกียรติ โขมศิริ ของเขาอยู่(หัวเราะ) พูดออกอากาศไม่ได้ครับ มันค่อนข้างต้องมีเซนเซอร์สักนิดนึง ในสไตล์พี่โขมค่อนข้างจะตรงเลย เวลาสอนไรจะตรงใส่ผั๊วะเข้ามา เราก็จะไปคิดได้เอง นั่นล่ะครับ ผมก็จะคอยถามพี่โขมตลอด หรืออะไรไม่โอเคพี่โขมจะบอก โอเค ไม่โอเคต้องทำให้ได้ ซึ่งมันเป็นการท้าทายอย่างนึงในกองถ่าย เออพี่ เอาดิ พี่บอกมาได้เลย ผมจะทำให้ได้
          ในเรื่องต้องรับบทเพื่อนสนิทคู่กับ “บิ๊ก กฤษฎา” ร่วมงานกันแล้วเป็นอย่างไรบ้าง
          เล่าย้อนไปตอนแคสติ้งเลยแล้วกันนะ ในตอนนั้นเดินเข้าไปออดิชั่นก็เจอมันนี่แหละ และมันถูกชะตาบางอย่าง เหมือนเคมีคอลบางอย่างมันตรงกัน เราเลยคุยกันรู้เรื่อง ซึ่งบิ๊กเป็นคนเฟรนด์ลี่อยู่แล้ว คุยกับใครก็เฮฮา ผมจะเป็นคนนิ่งๆ อยู่นอกจอเราก็เฮฮา อยู่ในกองก็เฮฮา ไปไหนไปด้วยกัน จนเขาแซวเป็นสามีภรรยา(หัวเราะ)ในกอง อย่างผมซื้อขนมมาก็มายื่นให้กินไหม พี่แฟรงค์เขาก็แซวเลย สามีดูแลภรรยาดีๆนะ (หัวเราะ) ในเรื่องบางทีเล่นๆกันอยู่มันต้องเป็นเพื่อนรักกัน แต่บางช็อตเล่นไปเล่นมามันจะดูเป็นเพื่อนกูรักมึงว่ะ(หัวเราะ) พี่โขมก็ตะโกนมาแล้ว คัทททททท!!!...ไม่ได้ สวยไป สวยไปทั้งคู่เลย(หัวเราะ) เป็นอย่างงั้นไป
          มีอะไรจะเม้าท์ถึงน้องชายสุดสนิท “บิ๊ก กฤษฎา” บ้างไหม
          เยอะไอ้บิ๊กนี่เยอะ เยอะแยะ ไม่เม้าท์ดีกว่าเดี๋ยวมันร้องไห้(หัวเราะ) มันเป็นคนสนุก เป็นคนดี นิสัยดี น่ารัก เน๊อะ(หัวเราะ) นั่นแหละๆดีเป็นคนดี(กัดฟันพูด)
          “อันธพาล” ในความหมายของครินเป็นอย่างไร
          ผมว่า นักเลงจริงกว่าอันธพาลในความรู้สึกผมนะ นักเลงคือคนจริง ใจนักเลง ที่เราจะได้ยินกันบ่อยๆใจนักเลงมากเลย แต่อันธพาลมันจะอีกแบบ เป็นพวกก่อกวนมากว่าแต่อยู่ในรูปแบบเดียวกัน ซึ่งผมว่ามันนิดเดียวเหมือนกัน 2 คำนี้พลิกกัน ก็กลับกันได้ในความรู้สึกผม
          ถ้าหากต้องก้าวสู่วงการ อันธพาล จะเลือกเป็นอันธพาลแบบไหน เพราะอะไร
          เลือกเป็นอันธพาลใช่ไหมครับ เหนื่อยครับ(หัวเราะ) อย่าเป็นเลย อย่าเป็นเล้ยย...อันธพาล(หัวเราะ) ทั้งปืน ทั้งอบายมุข ครบทุกอย่างเลย แต่สมมุติต้องเลือกนะ จะเป็นในทิศทางที่มีความเป็นสุภาพบุรุษด้วย เป็นอันธพาลที่มีความเป็นสุภาพบุรุษครับ
          เสน่ห์ของภาพยนตร์ “อันธพาล”
          ผมว่าลายเซ็นต์พี่โขม และก็ด้วย Mood รวมๆบางอย่างที่ผมรู้สึกว่า มันเป็นหนังอีกรูปแบบนึงนะครับ โดยฝีมือคนไทย ที่มีคาแร็คเตอร์ มีลายเซ็นต์ของผู้กำกับอย่างชัดเจน เสน่ห์ของมันคือตัวละครที่มีความสัมพันธ์กันทั้งหมด และแต่ละคนจะมีรูปแบบของแต่ละคนที่ชัดเจนเมื่อมารวมตัวกัน แล้วก็เดินไปในทิศทางเดียวกัน เกิดความสัมพันธ์กัน เกิดความขัดแย้งกัน มันเป็นโลกอีกใบนึง ที่ผมว่าถ้าใครได้เข้ามาชม เข้ามาดู คุณจะได้หลุดไปอยู่ในยุคนั้นจริงๆ ที่ผมว่ามันเป็นยุคของอันธพาลครับ
          สิ่งที่คนดูจะได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้
          สิ่งที่คนดูจะได้คือ หนึ่งความสนุก แล้วก็มุมมองอีกรูปแบบนึงของการตีความคำว่า อันธพาล ของผู้กำกับ ทีมนักแสดง และทีมงานทั้งหมด ทุกคนร่วมตีความรูปแบบที่ ผมเชื่อว่า ภาพยนตร์ไทยยังไม่มีการตีความที่ใกล้เคียงแบบนี้นะ ใกล้เคียงความเป็นอันธพาล ทุกคนจะได้รับมุมมองอีกแบบนึง มันคงไม่ใช่การยืนชักปืนเท่ๆอย่างแน่นอน มันคืออันธพาลครับ มันคือลูกปืน มันคือเลือด มันคือความตาย มันคือ เซ็กส์ รัก ร็อคแอนด์โรล อย่างแท้จริงครับ
          ฝากผลงาน
          ภาพยนตร์เรื่องอันธพาล กำกับโดย พี่โขม ก้องเกียรติ โขมศิริ ชักชวนทุกคนเข้ามาชมครับ มาดูรูปแบบ อันธพาล อีกแบบนึงที่เรียกได้ว่าคุณจะต้องหลงรักและหลงใหลมันอย่างแน่นอนครับ
« Last Edit: June 15, 2012, 07:09:16 AM by FB »

FB on June 14, 2012, 05:01:07 PM
บทสัมภาษณ์ “บิ๊ก-กฤษฎา สุภาพพร้อม” รับบท “เปี๊ยก” ในภาพยนตร์เรื่อง “อันธพาล”

 





          แนะนำอันธพาลหน้าใหม่
          สวัสดีครับ บิ๊ก กฤษฎา สุภาพพร้อม รับบทเป็น เปี๊ยก ในเรื่องอันธพาล
          ก้าวสู่วงการอันธพาลได้อย่างไร
          เริ่มจากทราบมาว่ามีโครงการเฟ้นหานักแสดงหน้าใหม่ เพื่อมาแสดงเป็นอันธพาลรุ่นใหม่ และตอนนั้นบทที่เขาต้องการก็คือบทของ เปี๊ยก กับธง ครับ ในบทของธง จะเป็นคาแร็คเตอร์ที่ค่อนข้างแรงๆไปหน่อย ส่วนเปี๊ยกคาแร็คเตอร์จะเบาๆลงมาก็เลยตัดสินใจลองดูกับบทนี้ คิดว่าเราเองน่าจะเหมาะ และคล้ายกับเปี๊ยกครับ ซึ่งวันที่ไปแคสติ้งก็แสดงตามบทโดยจะเป็นบทสนทนายืนคุยกับธง เป็นการต่อบทกันด้วยครับ วันนั้นมีพี่โขม ก้องเกียรติกับ พี่อุ๋ย นนทรีย์ ที่เขาก็มาดูแคสติ้งด้วย
          พอทราบว่าถูกคัดเลือกเป็นอันธพาลหน้าใหม่ รู้สึกอย่างไรบ้าง
ดีใจมากครับแค่ได้เวิร์คช็อปเราก็ดีใจแล้วมีโอกาสได้เจอคนใหม่ๆมีเพื่อนใหม่ ทำให้ได้รู้จักกับพี่ คริน ซึ่งตอนนั้นก็จะสนิทกับพี่ครินค่อนข้างมากเหมือนเราถูกชะตากัน เป็นรุ่นพี่ที่สนิทกันเลยครับ
          ก่อนหน้านี้เคยมีผลงานทางโฆษณามาด้วยใช่ไหม
          ตอนอยู่ม.5 เคยถ่ายโฆษณาครับ MK สุกี้ เป็นผู้ชายที่ตะโกนใส่เพื่อนผู้หญิง แว่น...เธอมาสายอีกแล้วนะ แล้วก็โฆษณาประมาณ 2 ชิ้นครับ จากนั้นหยุดไปเพราะว่าไปทำฟันใส่เหล็กดัดฟัน ตอนที่มาแคสติ้งอันธพาลผมก็ยังใส่เหล็กอยู่นะตอนนั้น ยังคิดเลยว่าไม่ได้แน่ๆแต่พอเราได้คัดเลือกทีมงานก็ถามว่าเอาเหล็กออกได้ไหม ก็ปรึกษาคุณหมอแล้วก็ถอดออกได้ครับ
          มีโอกาสเรียนการแสดงกับ หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล รู้สึกอย่างไรบ้าง
          มีไปเรียนกับหม่อมน้อยด้วยกัน 3 คนครับ ผม พี่คริน และน้องตรี โดยหม่อมน้อยจะสอนและเน้นเรื่องสมาธิมากกว่า มีนั่งสมาธิ เรียนรู้ตัวเอง โดยวิธีศึกษาร่างกายตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากครับ ได้มีโอกาสเรียนการแสดงกับหม่อมน้อยซึ่งท่านเป็นระดับอาจารย์ ลูกศิษย์ของท่านแต่ละคนเก่งๆทั้งนั้นเลยครับ
          เตรียมตัวและความพร้อมเพื่อรับหน้าที่อันธพาลอย่างไร
          ตอนได้บทมาก็นั่งอ่านบท ศึกษาว่าคาแร็คเตอร์ของเปี๊ยกเป็นอย่างไร เตรียมพร้อมร่างกาย โดยการออกกำลังกาย เพราะมีพี่ๆเตือนมาว่าถ่ายหนังเหนื่อยนะ ผมก็โอเคเดี๋ยวผมออกกำลังกายเยอะๆเลย ช่วงนั้นตื่นเต้นด้วยที่ได้ทำอะไรใหม่ๆจึงมีกำลังใจและแรงกระตุ้นที่ให้เราต้องมั่นออกกำลังกายครับ
          บทบาทและคาแร็คเตอร์ของ “เปี๊ยก” เป็นอย่างไร
          เปี๊ยกเป็นเด็กผู้ชายที่ชอบวาดรูป แล้วก็โตมาในโรงหนัง ถูกเลี้ยงมาแบบกินนอนในโรงหนัง มีเพื่อนสนิทชื่อ ธง ที่มีนิสัยแตกต่างกัน แต่ว่าก็อยู่ด้วยกันได้ และโตมาในโรงหนังด้วยกัน เปี๊ยกเป็นคนใจเย็น ตามใจเพื่อนมาก เพื่อนชวนไปไหนก็ไปเพราะมีกันอยู่ 2 คน ธงกับเปี๊ยกมีไอดอลคนเดียวกันนั่นก็คือ แดงและจ๊อด แก๊งอันธพาลรุ่นใหญ่ที่ใครๆก็นับถือและเกรงขาม เป็นที่รู้จักกันทั่ว ในความรู้สึกของธงกับเปี๊ยกจะคิดว่าเท่มาก และเมื่อโตขึ้นก็อยากกลายเป็นแบบไอดอลของตัวเอง แล้วก็เป็นคนที่รักใครแล้วรักจริงครับ

          เรื่องย่อ อันธพาล
          เปี๊ยกกับธง เติบโตมาด้วยกันในโรงหนังและมีไอดอลคนเดียวกันคือ จ๊อด กับ แดง ซึ่งก็ฝันว่าสักวันเราจะโตเป็นอันธพาลแบบพวกพี่เขา จนเมื่อวันนึงจากชีวิตเด็กวัยรุ่นธรรมดาทั่วไป ได้มีโอกาสเข้ามาทำงานในแก๊งอันธพาลของแดง และจ๊อด เริ่มจากลูกกระจ๊อก ค่อยๆเติบโตมาเป็นหัวหน้า จนเมื่อมีความขัดแย้งในด้านมุมมองของความคิดระหว่างอันธพาลรุ่นเก่า กับอันธพาลรุ่นใหม่ ธงกับเปี๊ยกจะใช้ชีวิตอย่างไร ความเป็นตัวตนของพวกเขาจะสามารถอยู่รอดบนเส้นทางที่ถูกเรียกว่า อันธพาลได้หรือไม่ ต้องติดตามครับ
          เปี๊ยก มีความเหมือนหรือแตกต่างจากตัวจริงของบิ๊ก ไหม
          เปี๊ยกกับบิ๊กจะคล้ายกันเลย คือเป็นคนใจเย็นไม่คิดอะไร นิสัยตามใจเพื่อนเนี่ย...ใช่เลยใช่มาก เปี๊ยกจะมีนิสัยใจเย็น อะไรก็ได้ตามใจเพื่อน ผมก็เป็นแบบนั้นเลยครับ ถ้าเรื่องลักษณะนิสัยคือตัวเราเลย แต่ถ้าจะต่างก็เรื่องลุคที่ต้องทำทุกอย่างให้ดูย้อนกลับไปเมื่อ 50 ปีครับ สมัยรุ่นคุณพ่อ คุณปู่ ซึ่งผมก็มีไปแอบถามจากพวกเขาแหละครับว่าสมัยก่อนเขาเป็นกันยังไง แล้วตอนที่เรียนแอ็คติ้งกับครูเงาะ ก็มีการรีเสิร์ทเกี่ยวกับยุคนั้น เพื่อนำมาประกอบให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นครับ แม้กระทั่งเรื่องภาษา การพูดจา บุคลิกภาพ เหล่านักเลงต้องทำตัวอย่างไรครับ
          ประทับใจการแสดงในฉากไหนมากที่สุด
          ฉากประทับใจคือ ฉากหั่นหอม มันเหมือนเกิดการขัดแย้งกันระหว่างซีนด้วยครับ ตั้งแต่เข้าฉากมาทั้งเรื่อง ฉากนี้จะเป็นฉากที่เป็นตัวเองที่สุดเลยครับ(หัวเราะ) คือเปี๊ยกกับธงถูกส่งมาทำงานในบ่อน แต่ด้วยความที่เป็นเด็กเลยถูกให้ไปอยู่ในครัว และถูกใช้งานให้หั่นหัวหอม มันเป็นภาระกิจที่กระจอกมากๆ แต่ว่าเปี๊ยกกับธงเนี่ย หั่นหอมไปก็คุยถึงเรื่องอนาคตกัน สักวันนะจะต้องเป็นใหญ่จะต้องเป็นหัวหน้ามีแก๊งของตัวเอง ฟุ้งไปเรื่อย แต่เราทั้งคู่กำลังหั่นหอมกันอยู่ ผมเลยรู้สึกว่ามันเป็นฉากที่ขัดแย้งกันมากเลยประทับใจครับ
          แล้วอย่างฉากแอ็คชั่นล่ะ สนุก มันส์ หรือว่าทั้งเหนื่อยและยาก
          ตอนแรกผมคิดว่าไม่น่าจะยาก แต่จริงๆแล้วยากมาก จังหวะครับ จังหวะต้องดี ต้องแม่นยำ เราจะต้องตั้งใจและมีสมาธิอย่างมากนะ เพราะหากเราพลาดคนเดียว แต่ทุกคนก็ต้องเริ่มใหม่หมดเลยครับ ไม่ใช่แค่นักแสดง ทีมงานด้วยที่ต้องเติมกระสุนใหม่ ทำเอฟเฟคกันใหม่ กดดันนิดหน่อยครับ แต่ถ้ายากเนี่ยผมจะมีฉากดราม่าด้วยครับ ซึ่งเราก็ต้องใช้จินตนาการมากเหมือนกันนะ ดราม่าเรื่องเพื่อน เรื่องคนรักค่อนข้างต้องสื่ออารมณ์ออกมาให้ได้ เราต้องรู้สึกจากข้างในจริงๆด้วยครับ ก็สำหรับฉากดราม่าเนี่ยเล่นเอาผมปวดหัวทั้งวันเลยครับ กลับบ้านไปต้องนี่ต้องกินยาเลย
          ได้ร่วมงานกับนักแสดงชายคุณภาพทั้ง “เต๋า สมชาย” และ “น้อย วงพรู” รู้สึกอย่างไรบ้าง
          ตื่นเต้นมากครับ วันแรกมาต้องเข้าฉากกับพี่น้อย คือเราเห็นพี่น้อยอยู่แต่บนเวทีเราไม่เคยร่วมงานด้วยกัน คือผมก็ชอบพี่น้อยด้วย พี่เต๋าเราก็ชอบและชื่นชมเขา ไม่คิดว่าวันนึงเราจะได้มาร่วมงานกัน รู้สึกกดดันนิดหน่อยแรกๆ แต่หลังๆได้คุยกับกับพวกพี่ๆ พวกเขาเป็นคนน่ารักครับ ก็เริ่มผ่อนคลาย พอได้คุยมากขึ้นการทำงานมันก็ง่ายขึ้นครับ ก็ดีใจที่ร่วมงานกับพี่ๆเขาครับ
          ทั้งพี่เต๋า และพี่น้อย แนะนำเทคนิคการแสดงอย่างไรบ้าง
          ผมก็ชอบคุยชอบถามพวกพี่เข้าทั้ง 2 คนนะ แต่กับพี่น้อยผมจะเข้าฉากด้วยกันเป็นส่วนใหญ่ พี่น้อยก็จะแนะนำว่าแสดงตามความรู้สึก ก็ได้คำแนะนำเยอะจากพวกพี่เขาครับ และก็อยากจะเป็นนักแสดงมืออาชีพเหมือนพี่เต๋า พี่น้อย คือผมเนี่ยต้องบอกก่อนว่าเกือบทุกคิวโดนพี่โขม ผู้กำกับว่าตลอด แต่จริงๆแล้วเขาพยายามกระตุ้นครับ
          ร่วมงานกับพี่โขม ผู้กำกับ เป็นอย่างไรบ้าง
          ก่อนหน้านี้ผมเคยได้ยินชื่อพี่โขม เคยดูหนังเรื่องลองชอง, ไชยา ผมชอบ แต่ตอนนั้นไม่รู้ว่าก้องเกียรติ โขมศิริเป็นคนกำกับ พอได้มาร่วมงานกันรู้สึกดีใจที่ทำงานกับพี่โขม ประทับใจอะไรหลายๆอย่างของพี่โขม เขาเป็นคนเอ็นดูน้องๆ โดยเฉพาะผมกับนักแสดงใหม่อีก 2 คน คือเขาจะแนะนำตลอดว่าอย่างนี้นะ อย่างนี้นะ อย่างที่บอกโดนพี่โขมว่าเกือบทุกคิว แต่ดีใจนะครับที่พี่โขมเขาเตือนเรา ถ้าพี่โขมไม่เตือนนี่สิน่าคิดนะครับ(หัวเราะ) ผมเองก็พยายามทำเต็มที่ตามที่พี่โขมบอกและต้องการ ยิ่งเราได้เห็นฝีมือการแสดงของพวกรุ่นพี่พวกเขาแสดงดีกันทุกคน ผมก็ยิ่งอยากจะพัฒนาฝีมือตัวเองมากขึ้นครับ
          การร่วมงานกับ “คริน” ในเรื่องเป็นเพื่อนสนิทกันเลย แล้วนอกเรื่องทั้งคู่สนิทกันขนาดไหน
          ดีใจมากที่ได้รู้จักกับพี่ชายคนนี้ ผมก็ไม่คิดว่าผมจะได้สนิทกับเขาได้มากขนาดนี้มันเหมือนกับพี่น้องกันจริงๆ นอกจากจะอยู่ในกอง เวลาไปข้างนอกไม่ได้เจอกันนาน ก็มีนัดไปทานข้าวกันครับ ก็ดีใจที่ได้รู้จักพี่คริน เขาดูแลเหมือนผมเป็นน้องชายของเขาคนนึงเลย ประทับใจมากเลยครับ นอกจากพี่ครินก็มีน้องตรีครับ พวกเรา 3 คนก็จะสนิทกัน กับน้องตรีนี่ต้องมีฉากกุ๊กกิ๊กกันด้วยในเรื่อง ก็เขินนะแต่ต้องรู้สึกว่าเฮ้ย!เราชอบผู้หญิงคนนี้ แอบปรึกษาครูเบล(แอ็คติ้งโค้ช) ต้องทำยังไงดี เราก็ต้องรู้สึกว่าชอบเขาจริงๆการแสดงก็จะออกมาดีครับ
          “อันธพาล” ในความหมายของบิ๊กคืออะไร
          อันธพาลจะแตกต่างกับนักเลงในความคิดผมตั้งแต่เด็กนะครับ คือ อันธพาลมันเหมือนเป็นคนชอบหาเรื่องชาวบ้าน แต่นักเลงจะแมนกว่า ผมว่านักเลงดูดีกว่าอันธพาล อันธพาลจะชอบท้าตียกพวกตี แต่ถ้านักเลงจะแบบใจใจมากกว่าครับ
          สมมุติว่าอยู่ในวงการอันธพาล จะเลือกเป็นอันธพาลแบบไหน
          ถ้าเลือกได้ขอเป็นอันธพาลแบบพี่จ๊อดดีกว่าครับ หล่อเหลือเกิน หล่อทุกซีน โอ้ย!อยากเล่นเป็น จ๊อดบ้าง(หัวเราะ) เท่ครับ แล้วยิ่งเป็นพี่น้อยมารับบทยิ่งรู้สึกว่าเหมาะกับเขามากเป็นคนใจดี แต่ก็ไม่ยอมใครไม่กลัวใครแล้วให้โอกาสคนตลอด เป็นนักเลงที่น่านับถือคนนึงครับ
          ความน่าสนใจของ อันธพาล
          ในแง่ความเป็นเพื่อน ความเป็นพี่เป็นน้องเสมือนคนในครอบครัว มีความรักและการเคารพให้กันตั้งแต่รุ่นเด็กสุดจนรุ่นผู้ใหญ่อาวุโสสุด มีความชัดเจนมากในเรื่องนี้ ผมว่าเรื่องความเคารพมันสำคัญมากนะครับ ยิ่งเราเคารพเขามากเท่าไหร่ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีครับ หรือแม้แต่เรื่องเพื่อนที่สนิทกัน เติบโตมาด้วยกันจนเมื่อต้องทะเลาะกัน หรือมีจุดที่ต้องแตกหักกันอย่างรุนแรง ผมเชื่อว่าคนที่มาชมภาพยนตร์เรื่องนี้ได้แง่คิดกลับไปอย่างแน่นอน
          ฝากผลงาน
          ฝากผลงานด้วยนะครับเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของบิ๊กเลย อันธพาลเป็นผลงานกำกับของพี่โขม ผมเชื่อว่าพี่โขมทำภาพยนตร์ออกมาได้ดีแน่นอน และมีนักแสดงมืออาชีพ อย่างพี่น้อย พี่เต๋า พี่แฟรงค์ หรือนักแสดงท่านอื่นๆอย่าง น้าสืบ ยกให้เป็นอาจารย์เลยทีเดียวครับ ยังไงก็ฝากด้วยนะครับ มาดูหนังไทยกันเยอะๆ
« Last Edit: June 15, 2012, 07:08:31 AM by FB »

FB on June 14, 2012, 05:03:31 PM
สหฯ-ภาพฯ-เด็กฟิล์มฯ ครั้งที่ 2 ระดมพล “เด็กหนัง” บุกตรอก “อันธพาล” จับเข่าคุยรุ่นพี่เจ้าถิ่น “โขม-ก้องเกียรติ”


          หลังจากประสบความสำเร็จ ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมากจากบรรดาเหล่านักศึกษา เด็กรุ่นใหม่ที่เข้าร่วมโครงการ “สหฯ-ภาพฯ-เด็กฟิล์ม” ครั้งที่ 1 ตอน Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ ที่ผ่านมา ทางบริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนลฯ พร้อมขยายผลโครงการชวนเด็กหนัง ดูหนัง คุยหนัง กับค่ายหนังให้ต่อเนื่อง ล่าสุดกับ สหฯ-ภาพฯ-เด็กฟิล์ม ครั้งที่ 2 ตอน บุกตรอก “อันธพาล” เปิดรับสมัครเหล่านักศึกษาคณะนิเทศฯหรือใกล้เคียง เด็กฟิล์มไฟแรง ว่าที่คนทำหนังในอนาคต จากทุกสถาบัน 200 คน มาชมภาพยนตร์ “อันธพาล” และพูดคุยประสบการณ์ทำหนังในชีวิตจริง นอกห้องเรียน กับรุ่นพี่ผู้กำกับภาพยนตร์ “โขม-ก้องเกียรติ โขมศิริ” ในวันอังคารที่ 19 มิถุนายน 2555 เวลา 17:00 น. เป็นต้นไป ณ โรงภาพยนตร์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ สุขุมวิท (เอกมัย)

          ผู้ที่สนใจกิจกรรม สามารถสมัครสำรองรองที่นั่งเข้าร่วมกิจกรรมได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดใด เพียงอีเมล์ชื่อ-นามสกุล, รหัสประจำตัวนักศึกษา, ชั้นปี, คณะฯ, ชื่อสถาบัน และเบอร์ติดต่อ สำรองที่นั่งได้ที่ saha.freshfilmmakers@gmail.com (1 รหัสประจำตัว / 1 ที่นั่งเท่านั้น) หรือสอบถามเพิ่มเติม 02-2730930 ต่อ 167

          เด็กรุ่นใหม่ที่สนใจประกอบอาชีพสาขาภาพยนตร์ มองหาพื้นที่ติดต่อสื่อสารกับคนในวงการตัวจริง มองหาโอกาสสำหรับคนรุ่นใหม่ แสวงหาเกร็ดความรู้ในสายอาชีพเพื่อพัฒนามุมมอง พลาดไม่ได้ กับกิจกรรมดีดีอย่างนี้ สำรองที่นั่งก่อน มีสิทธิ์ก่อน!!

FB on June 14, 2012, 05:04:34 PM
“เต๋า-น้อย” โชว์กร่าง เปิดฟลอร์ส่ายเอวไม่ยั้ง ดึง “คริน-บิ๊ก” ร่วมแก๊ง ณ ตรอกอันธพาล









           สหมงคลฟิล์มฯ ร่วมกับภาพยนตร์เรื่อง “อันธพาล” จัดกิจกรรมย้อนรอยตรอกอันธพาล นำทีมโดย เต๋า- สมชาย เข็มกลัด, น้อย-กฤษดา สุโกศล แคลปป์, คริน-สาครินทร์ สุธรรมสมัย, บิ๊ก-กฤษฎา สุภาพพร้อม, แฟงค์-ภคชนก์ โวอ่อนศรี และ ก้องเกียรติ โขมศิริ ผู้กำกับภาพยนตร์ ท่ามกลางบรรยากาศย้อนยุค โชว์รถโบราณ จอหนังกลางแปลง ร้านกาแฟโบราณ พร้อมด้วยวงดนตรี Trix “o” Treat กับแนวเพลง Rock & Roll ที่ชวนให้ทุกคนที่มาร่วมงานครึกครื้น ออกฤทธิ์ส่ายเอวกันอย่างไม่ยอมแพ้กัน ณ ตลาดนัดรถไฟ เมื่อวันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน 2555 ที่ผ่านมา

          เป็นอีกกิจกรรมสนุกๆที่ชวนให้วัยรุ่นเด็กแนวบริเวณตลาดนัดรถไฟ ร่วมย้อนรอยตะลุยไปกับบรรยากาศยุคสไตล์ อันธพาล ด้วยการเนรมิตตรอกอันธพาลขึ้นมา ชวนให้ทุกคนได้สัมผัสบรรยากาศเก่าๆ สุดเท่ พร้อมยังได้ใกล้ชิดกับนักแสดงและผู้กำกับจากภาพยนตร์เรื่อง อันธพาล “ก้องเกียรติ โขมศิริ” กับ “แฟรงค์ ภคชนก์” ที่มาสร้างเสียงหัวเราะ พร้อมพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวของเหล่าอันธพาลท่ามกลางสายฝน จากนั้น “เต๋า สมชาย” ก็ขอยกแก๊งนักแสดงจากภาพยนตร์ ได้แก่ “น้อย กฤษดา”, “คริน สาครินทร์” และ “บิ๊ก กฤษฎา” เปิดฟลอร์ส่ายเอวด้วยท่าเต้นสไตล์ Rock & Roll อย่างเมามัน กับวงดนตรี Trix “o” Treat โดยเฉพาะขาใหญ่ระดับเต๋า สมชาย ที่เรียกเสียงกรี๊ด และเสียงปรบมือดังลั่น ด้วยท่าเต้นสุดจี๊ด ด้านน้อย ก็ขอประยุกต์ลีลาบัลเล่ต์ผสมผสานกับแนวเพลง ทำให้เหล่าแฟนคลับต่างรุมถ่ายรูปกันอย่างไม่หยุด แม้กระทั่งรุ่นน้องบิ๊ก ก็โชว์ลีลาส่ายเอวไม่ยอมแพ้รุ่นพี่ ส่วนหนุ่มครินที่เพิ่งจะหายป่วยแต่ด้วยสปิริตนักแสดงแล้วก็ขอออกแรงขยับเอวเบาๆ หล่อๆ ร่วมสร้างความสนุกให้กิจกรรมมันๆ ย้อนยุคตะลุย ตรอกอันธพาล ในครั้งนี้

          ปิดท้ายด้วยเหล่านักแสดงเชิญชวนทุกคนไปชมภาพยนตร์อันธพาล โดยเฉพาะ น้อย กฤษดา กับเสียงอ้อนนิ่มๆ “น้อยขอบคุณทุกคนที่มาร่วมสนุกกับกิจกรรมในคืนนี้ แม้ฝนจะตกแต่ทุกคนก็มากันด้วยใจ และขอฝากผลงานภาพยนตร์ อันธพาล ผลงานของโขม ก้องเกียรติ และนักแสดงทุกคนตั้งใจ เต็มที่กับภาพยนตร์เรื่องนี้กันมากครับ ฝากติดตามผลงานด้วยนะครับ”

          ชีวิตแลกตำนาน “อันธพาล” คะนองด้วยศักดิ์ศรี พร้อมกันทุกโรงภาพยนตร์ 14 มิถุนายนนี้
« Last Edit: June 15, 2012, 07:07:17 AM by FB »

FB on June 17, 2012, 02:12:37 PM
“อันธพาล” เปิดตัวสุดมันส์ เหล่านักแสดงเซอร์ไพรส์ ร้อง-เต้น Rock & Roll









           สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วมกับภาพยนตร์เรื่อง อันธพาล จัดรอบปฐมทัศน์ฉายภาพยนตร์อย่างเป็นทางการ นำทีมโดยผู้กำกับ โขม ก้องเกียรติ และเหล่านักแสดงนำ เต๋า สมชาย, น้อย กฤษดา, คริน สาครินทร์, บิ๊ก กฤษฎา, จิ๊บ วสุ, แฟรงค์ ภคชนก์ และตรี นันทรัตน์ ร่วมด้วยผู้บริหารจากสหมงคลฟิล์มฯ, บาแรมยู และพันธมิตรทางภาพยนตร์ ร่วมงานพร้อมหน้า ณ ลานอินฟินิซิตี้ ชั้น 5 โรงภาพยนตร์พารากอน ซีนีเพล็กซ์ เมื่อวันอังคารที่ 12 มิ.ย.55 ที่ผ่านมา

          เริ่มเปิดงานอย่างเป็นทางการกับเจ้าพ่อตำนานเพลงเอลวิส เพรสลีย์ เวอร์ชั่นเมืองไทย พี่จิ๊บ วสุ ที่ออกมาควงไมค์เขย่าเวที ร้องเพลงสร้างความสนุกให้กับสื่อมวลชนและแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงาน แถมเซอร์ไพรส์จากเหล่านักแสดงนำ เต๋า สมชาย, น้อย กฤษดา, คริน สาครินทร์, บิ๊ก กฤษฎา, แฟรงค์ ภคชนก์, ตรี นันทรัตน์ และนักแสดงสมทบ แม็กกี้ ศุทธสิทธิ์, ต๊อบ อธิวัฒน์ และดนู ชุตินาวี จากภาพยนตร์อันธพาล ออกมาขยับแข้ง ขยับขา ด้วยการโชว์ลีลาท่าเต้นร๊อกแอนด์โรล ก่อนที่จะเบรคพูดคุยทั้งนักแสดง และผู้กำกับร่วมกันบนเวทีเกี่ยวกับเบื้องหน้า เบื้องหลังของการสร้างภาพยนตร์ไทยแก๊งสเตอร์ และนอกจากนี้สื่อมวลชนและแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานยังได้ร่วมตื่นเต้นลุ้นโหวตให้เป็น ขวัญใจนักเลง พร้อมรับรางวัลกล้องดิจิตอลฟูจิ 1 รางวัล ในงานครั้งนี้

          ปิดท้ายด้วยการได้รับเกียรติจาก คุณเตือนใจ เตชะรัตนประเสริฐ รองประธานกรรมการ บ.สหมงคลฟิล์ม, คุณศิตา วอสเบียน บ.บาแรมยู และพันธมิตรทางภาพยนตร์ ร่วมถ่ายภาพหมู่กับผู้กำกับ นักแสดง และทีมงานสร้างภาพยนตร์ เป็นที่ระลึกก่อนชมภาพยนตร์ “อันธพาล”
« Last Edit: June 23, 2012, 08:23:27 AM by FB »