เรื่องย่อ: บ่วง
บทประพันธ์โดย : จุลลดา ภักดีภูมินทร์
บทโทรทัศน์โดย : นันทวรรณ รุ่งวงศ์พาณิชย์
กำกับการแสดงโดย : ภวัต พนังคศิริ
ผลิตโดย : บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด
ควบคุมการผลิตโดย : อรุโณชา ภาณุพันธุ์
ออกอากาศทุกวันพุธ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3 เริ่มตอนแรกวันพุุธที่ 11 เมษายน 2555
เรื่องย่อ
ศามน หนุ่มวัยทำงาน ตำแหน่งหน้าที่การงานดี เป็นถึงหัวหน้าฝ่ายบริษัทคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกาทั้ง ๆ ที่ยังอายุไม่มาก เขาเกิดที่เมืองไทยแต่ไปเติบโตที่อเมริกา เพราะต้องติดตามพ่อที่ทำงานเป็นทูตอยู่ที่นั่น ศามนเกิดมาพร้อมด้วยรูปสมบัติ คุณสมบัติ และทรัพย์สมบัติอย่างที่สาว ๆ หลายคนพึงพอใจ แต่เขาเลือกแต่งงานกับ รัมภา สาวสวยที่เคยเป็นเด็กกำพร้ามาก่อน แต่มีคนใจบุญรับเธอมาอุปการะเลี้ยงดูเป็นอย่างดี รัมภาเป็นคนเพียบพร้อมทั้งกิริยามารยาทคู่ควรกับศามน สองคนพบรักกันที่อเมริกา และตัดสินใจแต่งงานกันจนมีลูกฝาแฝดชาย-หญิงที่น่ารักวัย 4 ขวบชื่อ ศรุท (รัตตี้) และ ศรัย (ไลล่า) ครอบครัวนี้ถือว่าเป็นครอบครัวรุ่นใหม่ที่อบอุ่นและคอยเติมเต็มให้กันอย่างมีความสุข
วันหนึ่งศามนได้รับการติดต่อจากญาติให้เดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยด่วน เพื่อมาร่วมงานศพคุณยายทวด และมารับมรดกตกทอดของตระกูลที่บ้านสวนเก่าหลังใหญ่แถบชานเมือง ซึ่งมีเนื้อที่เกือบห้าไร่ เขาตัดสินใจย้ายครอบครัวกลับมาตั้งรกรากที่นี่ และทำเรื่องย้ายงานจากบริษัทแม่ที่อเมริกามาประจำสาขาในไทย เพื่อมาอยู่ที่บ้านสวนหลังนี้กับครอบครัว โดยให้รัมภาเป็นแม่บ้านอยู่บ้านคอยดูแลลูก ๆ
ที่บ้านสวนแห่งนี้คนภายนอกมองว่าบรรยากาศน่ากลัวเพราะต้นไม้รกครึ้ม ไม่มีใครพักอาศัยอยู่เลย นอกจาก ตาหล้า , ยายคำ และ บุญสืบ ลูกชายจอมทะเล้น ข้าเก่าของคุณทวดที่คอยดูแลทำความสะอาดบ้าน ศามนไม่รู้สึกกลัวที่นี่เหมือนคนอื่น เพราะเขาเคยวิ่งเล่นมาตั้งแต่เล็ก ๆ แต่สำหรับรัมภาความรู้สึกแวบแรกตั้งแต่เธอก้าวเข้ามาที่บ้านสวนแห่งนี้ เธอรู้สึกว่าที่นี่ดูวังเวงและชวนขนลุกอย่างบอกไม่ถูก ที่เพิ่มความน่ากลัวเข้าไปอีกคือ หลังจากที่คุณทวดเสียชีวิตลง ศพของท่านยังคงบรรจุใส่โลงตั้งเอาไว้บนเรือนหลังใหญ่เพื่อรอการเผา รัมภามองรูปหน้าศพรู้สึกว่าคุณทวดมีแววตาแข็งกร้าว ดุดัน แต่เมื่อมองนาน ๆ เหมือนอุปทานว่าเห็นรอยยิ้มผุดขึ้นจากมุมปากของท่าน
เมื่อมาถึงที่นี่ในคืนแรก มีเหตุการณ์ลึกลับที่ทำให้รัมภาต้องอกสั่นขวัญหายเกิดขึ้น ลูกแฝดของเธอหายตัวไปจากห้องนอนที่เรือนใหญ่อย่างไร้เงื่อนงำ คนทั้งบ้านช่วยกันตามหาตัวเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ยายคำคนดูแลบ้านบอกศามนและรัมภาว่า เด็ก ๆ คงถูกผีลักซ่อน ยายคำเลยให้ทั้งคู่ไปทำพิธีจุดธูปกำใหญ่หน้าโลงศพคุณทวด เพื่อให้ท่านช่วยดลใจให้เจอเด็ก ๆ ยายคำเชื่อว่าเด็กแฝดทั้งสองเป็นหลานแท้ ๆ ของท่าน ท่านคงไม่น่ามาหยอกล้อแบบนี้ เมื่อปักธูปเสร็จ ทุกคนจึงได้ยินเสียงเด็ก ๆ และเจอตัวเด็ก ๆ เมื่อตอนใกล้เช้าในที่สุด
ไม่เพียงเท่านั้น รัมภามักหูแว่วได้ยินเสียงเพลงกล่อมเด็กอันเยือกเย็น ในขณะที่ศามนกลับหูแว่วได้ยินเสียงท่องมนต์ดำ ขลังและศักดิ์สิทธิ์ของหญิงคนหนึ่งที่คุ้นหู ทั้งสองต่างเก็บนิมิตเสียงอันแตกต่างเหล่านี้ไว้ไม่บอกกันและกัน
รัตตี้และไลล่าเล่าให้พ่อกับแม่ฟังว่า ทั้งสองคนออกไปหาขุมทรัพย์มา ซึ่งจริง ๆ แล้วพวกเขาถูกใครคนหนึ่งปลุกให้ตื่นขึ้นกลางดึก และสะกดให้เดินออกจากห้องนอนไปที่เรือนหลังเล็กท้ายสวน ระหว่างทางได้พบกับลูกหมาสีดำตัวหนึ่ง เด็ก ๆ เหมือนถูกสะกดให้เดินตามลูกหมาตัวนั้นไป มันนำทางให้ทั้งคู่เดินออกมาที่ศาลาท่าน้ำ ลูกหมาตัวนั้นค่อย ๆ ตะกายลงไปในน้ำและจมหายไปต่อหน้าต่อตาทั้งสองคน ในตอนนั้นเด็กแฝดได้ยินเสียงหญิงชราคนหนึ่งกระซิบข้างหูให้ลงไปในน้ำเพื่อช่วยลูกหมา แต่ที่ริมน้ำฝั่งตรงข้ามพวกเขากลับเห็นหญิงชราหน้าตาใจดีอีกคนโบกมือห้ามไม่ให้ลงไป เด็ก ๆ เล่าว่าในตอนนั้น พวกเขาได้ยินเสียงที่ผู้ใหญ่ตะโกนตามหา จึงไม่คิดลงน้ำตามลูกหมาตัวนั้นไป แต่ไม่รู้ทำไมพวกเขาถึงไม่สามารถขานตอบได้
ตาหล้าและยายคำบอกศามนและรัมภาว่า คุณทวดคงคิดพาโหลนออกไปเที่ยวจึงดลใจให้ผู้ใหญ่มองไม่เห็นตัวเด็ก ๆ หลังจากที่คุณทวดเสียชีวิตลง ตาหล้าและยายคำเคยเห็นร่างคุณทวดมานั่งเล่นที่ชานบ้านบ่อย ๆ แต่ท่านมาดีเหมือนมาช่วยปกปักรักษาที่นี่ เมื่อทุกคนคุยเรื่องคุณทวดทีไรมักได้กลิ่นธูปหอมลอยมาเสมอ หลังจากที่ศามนและรัมภาพบลูกแฝดแล้ว รัมภาเหมือนหูแว่วได้ยินเสียงหญิงชราหัวเราะเย้ยหยันเรื่องที่ลูก ๆ ของเธอหายตัวไปจนเกือบจะจมน้ำตาย เธอรู้สึกกลัวมากแต่ไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง
ศามนไปทำงานรับตำแหน่งผู้จัดการในบริษัทคอมพิวเตอร์ข้ามชาติ โดยมี อนุกูล เป็นรองผู้จัดการ มี วรรณศิกา เป็นเลขา และมี พัชนี พนักงานใหม่เข้ามาเป็นผู้ช่วยวรรณศิกา อนุกูลเป็นเพลย์บอยหนุ่มรูปงาม ท่าทางกรุ้มกริ่มกับสาว ๆ จนถูกพัชนีเตือนให้รู้โทษของการผิดศีลห้า นั่นทำให้อนุกูลรู้สึกขำขันกับพนักงานใหม่ สาวสวยแต่ชอบทำตัวเป็นแม่ชีอย่างพัชนี จนต้องคอยยั่วโมโหและแกล้งพัชนีอยู่บ่อย ๆ
วันนั้น อนุกูล วรรณศิกา และพัชนี ติดตามศามนเข้ามาเยี่ยมรัมภาที่บ้านเพื่อช่วยเหลือในฐานะเพื่อนร่วมงานที่ดี พัชนีมีกล้องติดมือมาด้วยจึงถ่ายภาพบ้านของศามนตามมุมต่าง ๆ ไว้ เมื่อพัชนีกลับบ้านเอาให้ ลุงช่วง ดู ลุงช่วงนั่งทางในพบว่าบ้านหลังใหญ่นั้นมีบ้านหลังเล็กแทรกตัวอยู่ ห่างกันแค่คลองเล็ก ๆ คั่น ลุงช่วงรีบบอกให้พัชนีติดต่อศามน อย่าให้ใครไปเปิดบ้านหลังเล็ก มิฉะนั้นมนต์ดำของวิญญาณร้ายจะออกมา
แต่ไม่ทันกาลเสียแล้ว ศามนออกไปสำรวจท้ายสวนตามทางที่เด็ก ๆ บอก จนไปเจอเรือนหลังเล็กสกปรกรกร้างริมน้ำและถูกล็อกกุญแจแน่นหนา ศามนงัดกุญแจที่มีผ้ายันต์ปิดอยู่ออก ศามนเข้าไปข้างใน เสียงมนต์ดำ เสียงโซ่ที่ถูกลากไปตามพื้น และเสียงกรีดร้องอย่างทรมานดังไปทั่วจนศามนเป็นลมล้มลง ก่อนจะตื่นขึ้นมากลายเป็นศามนคนใหม่ที่เฉยชาและขี้หงุดหงิด
ศามนสงสัยว่าทำไมห้องที่เรือนหลังเล็กต้องมีลูกกรงแน่นหนา จนมารู้ทีหลังว่าที่นี่เป็นเรือนที่คุณทวดหวงมากไม่อยากให้ใครเข้าไปยุ่ง ศามนชอบบรรยากาศที่เรือนหลังเล็กมาก ขณะที่รัมภารู้สึกอึดอัดเมื่ออยู่ที่นี่ ศามนไม่คิดนอนที่เรือนใหญ่ที่ตั้งศพคุณทวดอยู่ตั้งแต่แรก เขาจึงสั่งตาหล้าให้ซ่อมแซมและปรับปรุงเรือนหลังนี้เสียใหม่ เพื่อทำเป็นที่พักแทน จากเรือนรกร้างเมื่อตกแต่งใหม่ก็กลายเป็นเรือนหลังเล็กสีขาวน่าอยู่ รัมภาลงทุนทำสระว่ายน้ำเล็ก ๆ เพื่อให้เด็ก ๆ ว่ายน้ำเล่นกัน เพราะไม่อยากให้เด็ก ๆ ลงไปเล่นน้ำที่บึงน้ำหลังบ้าน
เมื่อครอบครัวของศามนย้ายมาอยู่เรือนหลังเล็ก รัมภาไม่เคยนอนหลับสนิทสักคืน เธอได้ยินแต่เสียงหัวเราะเย้ยหยันของหญิงคนหนึ่งแว่วเข้าหูตลอดคืน อีกทั้งมักฝันเห็นผู้หญิงนุ่งโจงกระเบนสีดำ สวมเสื้อคอกว้างแขนกุดเสมอไหล่ ผมยาวระต้นคอรุ่มร่าม ดูเหมือนผู้หญิงในฝันจะยิ้ม แต่รอยยิ้มแฝงไว้ด้วยความน่ากลัว ความฝันซ้ำ ๆ ซาก ๆ ถึงหญิงชราคนนี้ทำให้เธอผวาตื่นยามดึกอยู่บ่อย ๆ เธอตัดสินใจบอกเรื่องนี้กับศามนและขอย้ายบ้านไปอยู่ที่อื่น แต่ศามนกลับคิดว่าเธอหูฝาดและคิดมากไปเอง รัมภาจึงนำความฝันประหลาดนี้ไปเล่าให้ยายคำฟัง เพราะเธอนึกว่าผู้หญิงที่ฝันเห็นเป็นคุณทวด ยายคำกลับบอกว่าลักษณะแบบนั้นตามที่เธอเล่าให้ฟังไม่ใช่คุณทวดอย่างแน่นอน เพราะคุณทวดไม่เคยไว้ผมยาวรุ่มร่าม ท่านจะตัดผมทรงพุ่ม ๆ และเกล้ามวยเท่านั้น กลายเป็นความสงสัยของรัมภาว่าคนที่เธอฝันเจอคือใคร
จริง ๆ แล้วทั้งเรือนหลังใหญ่และหลังเล็กแห่งนี้ต่างมีความหลัง แต่ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปเพราะคนเก่าแก่ของที่นี่เสียชีวิตไปหมดแล้ว คนที่พอจะรู้ข้อมูลของบ้านสวนแห่งนี้เห็นจะมีเพียง ยายเพ็ญ หญิงชราวัยเก้าสิบกว่า ๆ เพื่อนบ้านที่หลง ๆ ลืม ๆ เลอะเลือน ยายเพ็ญอาศัยอยู่ละแวกนี้มานาน เคยเข้ามาที่เรือนหลังใหญ่เพื่อคอยรับใช้คุณทวดบ่อย ๆ ยายเพ็ญมีหลานสาวเปรี้ยวจี๊ดแต่งตัวจัด หน้าตาคมขำชื่อ เดือนแรม หรือ คุณนายเดือน ตามที่คนละแวกนี้นิยมเรียก เธออายุมากกว่ารัมภา 2 ปี แต่มีนิสัยแตกต่างจากรัมภาโดยสิ้นเชิง คุณนายเดือนนับเป็นเศรษฐีนีในละแวกนี้ เพราะเธอได้รับมรดกมากมายจากการขายตึกแถวหลังจากที่แม่ของเธอเสียชีวิตลง เดือนแรมเป็นหญิงหม้ายสามีทิ้ง ผู้ชายที่เข้ามาในชีวิตเธอรักเงินมากกว่าตัวเธอ คบกันได้ไม่นานก็ทิ้งเธอไปหมด ปัจจุบันจึงมีแต่สาวใช้จอมกระแดะปัญญาน้อยนิดชื่อ ทองดี เป็นผู้ติดตาม
ด้วยความเป็นคนอยากรู้อยากเห็นของเดือนแรม เมื่อมีเพื่อนบ้านมาอยู่ใหม่อย่างครอบครัวของศามนและรัมภา เธอก็อดไม่ได้ที่จะแวะมาเยี่ยมเยียนเพื่อทำความรู้จัก และเล่าเรื่องราวต่าง ๆ นานาตามที่เคยได้ยินมาจากยายเพ็ญเกี่ยวกับบ้านสวนแห่งนี้ให้รัมภาฟัง แรก ๆ รัมภาก็รู้สึกดีที่มีเพื่อนคุย แต่บ่อย ๆ เข้าเธอก็เริ่มรำคาญ เพราะเดือนแรมเป็นคนพูดมากและไม่มีกาลเทศะ เดือนแรมเล่าให้รัมภาฟังว่าเคยได้ยินมาว่า ในอดีตเรือนหลังเล็กแห่งนี้เคยมีคนบ้าถูกขังอยู่ รัมภาจึงให้เดือนแรมพาไปหายายเพ็ญ เพราะอยากรู้ที่มาที่ไปของบ้านหลังนี้
เดือนแรมเข้ามาพัวพันกับครอบครัวนี้บ่อย ๆ จนเริ่มคุ้นเคย วันหนึ่งรัมภาฝากให้เดือนแรมเฝ้าบ้านให้ เดือนแรมเผลอนอนกลางวันและเคลิ้มเห็นผู้หญิงคนเดียวกับที่รัมภาเคยฝันเห็น คือหญิงสาวคมขำ ผมประบ่าเหน็บหูเรียบร้อย สวมเสื้อคอกลมแขนกุด นุ่งผ้าโจงสีสวยงาม ผู้หญิงคนนั้นยิ้มให้เดือนแรม และกระซิบข้างหูเธอซ้ำ ๆ ว่า "จำเอาไว้ ฉันจะช่วยแก" ในฝันจากภาพหญิงคมขำ ผมประบ่าที่เห็นตอนแรก ค่อย ๆ กลายเป็นผู้หญิงผมรุ่ยร่าย ผ้าโจงกลายเป็นสีดำ แววตาน่ากลัวเหมือนคนบ้า เธอจึงสะดุ้งตื่นเพราะนึกว่าโดนผีอำ และเล่าเรื่องนี้ให้รัมภาฟัง รัมภาตกใจที่เดือนแรมฝันเห็นผู้หญิงคนเดียวกับที่เธอเคยฝัน เธอเล่าเรื่องนี้ให้ศามนฟังอีกครั้ง เขายังคงเชื่อว่าเธอคิดมากไปเองเหมือนเดิม