happy on April 16, 2012, 02:20:03 PM
ผู้รู้คนหนึ่งเคยพูดเอาไว้ว่า ถ้ามีทางแยกบนถนนล่ะก็ ให้เลือกทางแยกนั้น
แต่เขากลับไม่บอกว่าจะต้องหันไปทางไหน


               หญิงสาวสวยชาวสโลวาเกียกำลังอยู่ในสตูดิโอถ่ายภาพด้วยความวิตกกังวลในงานใหม่ของเธอ เมียร์ก้า (ลูเซีย ซิโปโซวา) กำลังถูกถ่ายภาพโดยแมงดาจอมเจ้าเล่ห์ชาวออสเตรีย ร็อกโก้ (โยฮันส์ คริสช์) สำหรับโปรไฟล์ออนไลน์การเป็นเอสคอร์ทสาวของเธอ แอนนา น้องสาวเธอ (กาเบรียลลา มาร์ซินโควา) ผู้สนใจแต่การอ่านหนังสือ นั่งสังเกตการณ์เงียบๆ เป็นฉากหลัง
   ไมเคิล เดลี (จู๊ด ลอว์) นักธุรกิจชาวอังกฤษ จะได้เป็นลูกค้าคนแรกของเมียร์ก้า แต่ระหว่างที่พวกเขากำลังจะได้พบกันในบาร์ของโรงแรม เขาก็ถูกรบกวนโดยเซลส์แมนชาวเยอรมัน (มอริทซ์ เบลบโทร) ผู้อยากจะคุยเรื่องธุรกิจกับเขา เซลส์แมนหนุ่มสังเกตเห็นเมียร์ก้านั่งอยู่ที่บาร์ตามลำพังและเล็งเห็นว่าเธอเป็นโสเภณี ไมเคิล ที่รู้สึกอึดอัดกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและรู้ตัวว่า การใช้ค่ำคืนนี้กับเธอไม่ใช่เส้นทางที่เขาอยากจะเลือก เขาจึงตัดสินใจเดินจากบาร์ไปตามลำพัง เซลส์แมนชาวเยอรมันรู้ว่าไมเคิลได้เรียกใช้บริการของเมียร์ก้าและแบล็คเมล์เขาให้เซ็นสัญญากับบริษัทของเขา
   ไมเคิลกลับไปลอนดอน สู่ภรรยาของเขา โรส (ราเชล ไวซ์) และลูกสาวตัวน้อย โรสมีสัมพันธ์สวาทกับช่างภาพหนุ่มชาวบราซิล รุย (จูเลียโน คาซาร์เร) แต่เธอก็ตัดสินใจว่าเธอจะต้องยุติความสัมพันธ์นี้ ในขณะเดียวกัน ลอรา (มาเรีย ฟลอร์) แฟนสาวชาวบราซิลของรุย ได้พบว่าเขานอกใจและเมื่อเขากลับไปที่แฟลทที่เขาใช้ชีวิตร่วมกับเธอ เธอก็จากเขาและกลับไปบราซิลแล้ว
   ในปารีส พ่อหม่ายผู้อ้างว้างชาวอัลจีเรีย (จาเมล เด็บบูซ) ต้องสู้กับความปรารถนาที่เขามีต่อลูกจ้างที่แต่งงานแล้วของเขา หญิงชาวรัสเซียที่มีชื่อว่าวาเลนตินา (ไดนารา ดรูคาโรวา) และความศรัทธาที่เขามีต่อศาสนาอิสลาม เขาขอคำปรึกษาและคำแนะนำจากอิหม่ามของเขาและนักบำบัด ขณะที่เขาดิ้นรนกับความขัดแย้งภายในใจ
   ลอรา ที่หัวใจสลาย ตัดสินใจที่จะดื่มเหล้าจนเมาระหว่างไฟลท์บินกลับบ้านและได้คุยกับชายชราชาวอังกฤษ (แอนโธนี ฮ็อปกินส์) ที่นั่งข้างเธอ เขาอธิบายว่าลูกสาวของเขาหายตัวไปหลายปีแล้วและเขาก็กำลังเดินทางไปฟินิกซ์เพราะมีการค้นพบศพที่มีลักษณะตรงกับเธอ พวกเขาไปถึงในเดนเวอร์แต่พายุหิมะรุนแรงทำให้พวกเขาต้องติดอยู่ที่นั่นและเที่ยวบินทุกเที่ยวในคืนนั้นก็ต้องถูกเลื่อนออกไป
   ท่ามกลางผู้โดยสารคนอื่นๆ คือชายหนุ่มชาวอเมริกัน ไทเลอร์ (เบน ฟอสเตอร์) นักโทษคดีทางเพศที่เพิ่งถูกปล่อยตัวจากคุกและอยู่ระหว่างทางกลับบ้าน เขารู้สึกวิตกจริตในที่สาธารณะชนและโทรหาฟราน (มารีแอนน์ ฌอน-แบ็บติสท์) นักจิตวิทยาจากคุกของเขา เพื่อขอความช่วยเหลือ ขณะที่เขากลับไปที่ร้านอาหารในสนามบิน เขาก็พบลอรานั่งรอชายชราอยู่ที่โต๊ะของเขา
   สิ่งที่ชายชาวอัลจีเรียไม่รู้คือวาเลนตินาไร้ความสุขในชีวิตคู่ของเธอและเธอก็มีความรู้สึกที่รุนแรงกับเขา เช่นเดียวกับที่เขารู้สึกกับเธอ เมื่อเธอกลับสู่ปารีสจากการไปเยี่ยมน้องสาวในฟินิกซ์ เธอก็พบว่าเซอร์เจ สามีชาวรัสเซียของเธอ (วลาดิเมียร์ วโดวิเชนคอฟ) กำลังจัดทริปธุรกิจไปเวียนนาสำหรับหัวหน้าผู้ร่ำรวยของเขา (มาร์ค อิวาเนียร์) ซึ่งรวมถึงการไปรับเขาจากสนามบินในรถคันหรู ถือปืนให้เขาและจองตัวโสเภณีให้เขา ระหว่างรออยู่ในรถด้านนอกโรงแรมในเวียนนา เขาได้พบหญิงสาวคนหนึ่งกำลังอ่านหนังสืออยู่ และพวกเขาก็พูดคุยกันในทันที


พวกเขาทุกคนต่างก็มีสายสัมพันธ์กัน




               360 เป็นภาพรวมที่ทันสมัยและมีสไตล์ของความรักและสายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงตัวละครจากเมืองและประเทศต่างๆ ในเรื่องราวที่น่าประทับใจอย่างลึกซึ้ง ตื่นเต้นและเจิดจ้าของชีวิตที่โรแมนติกในศตวรรษที่ 21 ภาพยนตร์เรื่องนี้ที่เริ่มต้นในเวียนนา ได้ร้อยเรียงผ่านปารีส ลอนดอน บราทิสลาวา ริโอ เดนเวอร์และฟินิกซ์จนกลายเป็นเรื่องราวหนึ่งเดียวที่ตราตรึงใจได้อย่างงดงาม

             360 กำกับโดย เฟอร์นันโด เมอเรลเลส ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงออสการ์ (City of God, The Constant Gardener, Blindness) บทภาพยนตร์โดย ปีเตอร์ มอร์แกน ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล   ออสการ์ (Frost/Nixon, The Queen, The Last King of Scotland) นำแสดงโดยทีมนักแสดงจากทั่วโลก ซึ่งประกอบไปด้วยนักแสดงชื่อดังของโลกและนักแสดงดาวรุ่งจากประเทศของพวกเขา

             ทีมนักแสดงได้แก่นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ แอนโธนี ฮ็อปกินส์ (Thor, The Rite, Silence of the Lambs), ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์ จู๊ด ลอว์ (Sherlock Holmes, Cold Mountain, The Talented Mr. Ripley) และ เมอเรลเลส ก็ได้กลับมาร่วมงานกับนักแสดงหญิง ราเชล ไวส์ (Dream House, The Whistleblower, Agora) อีกครั้ง หลังจากการร่วมงานกันใน The Constant Gardener ซึ่งเธอได้รับรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม นอกจากนั้น นักแสดงของเรื่องนี้ยังรวมถึง เบน ฟอสเตอร์ (The Mechanic, The Messenger, 3.10 to Yuma), จาเมล เด็บบูซ (Out of Law, Asterix and Obelix meet Cleopatra, Amelie), มารีแอนน์ ฌอน-แบ็บติสท์ (ซีรีส์ Without a Trace, Takers, Secrets and Lies), มอริทซ์ เบลบโทร (The Baader Meinhof Complex, Run Lola Run), ไดนารา ดรูคาโรวา (Gainsbourg), วลาดิเมียร์ วโดวิเชนคอฟ ดาราเจ้าของผลงานภาพยนตร์กว่า 40 เรื่องในรัสเซีย ประเทศบ้านเกิดของเขา, มาเรีย ฟลอร์, มาร์ค อิวาเนียร์, โยฮันส์ คริสช์, จูเลียโน คาซาร์เร, ลูเซีย ซิโปโซวา และ กาเบรียลลา มาร์ซินโควา

              360 อำนวยการสร้างโดยแอนดรูว์ อีตันและเดวิด ลินด์ ร่วมด้วยเอ็มมานูเอล ไมเคิล, แดนนี ครอยซ์, คริส แฮนลีย์, มาร์ค มิสซอนเนียร์และโอลิเวียร์ เดลบอสช์ และมีทีมงานเบื้องหลังจากทั่วโลก ซึ่งรวมถึงผู้กำกับเอเดรียโน โกลด์แมน (Jane Eyre, Sin Nombre), ผู้ออกแบบงานสร้าง จอห์น พอล เคลลี (The Guard, The Other Boleyn Girl) และมือลำดับภาพ แดเนียล เรเซนเด้ (Tree of Life, City of God) และดนตรีที่แต่งโดยเซอร์แอนโธนี ฮ็อปกินส์


ยูไนเต็ด โฮมเอนเตอร์เทนเมนท์ ขอเชิญคุณมาร่วมค้นหาคำตอบของเรื่องราวเหล่านี้ได้ 19 เมษายนนี้ ที่โรงภาพยนตร์ Apex Siam Square และ SF World Cinema
« Last Edit: April 16, 2012, 02:38:28 PM by happy »

happy on April 16, 2012, 02:37:49 PM

เรื่องย่อ

               360 เป็นภาพรวมที่ทันสมัยและมีสไตล์ของความรักและสายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงตัวละครจากเมืองและประเทศต่างๆ ในเรื่องราวที่น่าประทับใจอย่างลึกซึ้ง ตื่นเต้นและเจิดจ้าของชีวิตที่โรแมนติกในศตวรรษที่ 21 ภาพยนตร์เรื่องนี้ที่เริ่มต้นในเวียนนา ได้ร้อยเรียงผ่านปารีส ลอนดอน บราทิสลาวา ริโอ เดนเวอร์และฟินิกซ์จนกลายเป็นเรื่องราวหนึ่งเดียวที่ตราตรึงใจได้อย่างงดงาม
    จากการตัดสินใจที่เรียบง่ายของชายคนหนึ่ง ที่จะซื่อตรงต่อภรรยาของเขา ได้ก่อให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย ซึ่งสั่นสะเทือนไปทั่วโลกด้วยผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ และท้ายที่สุดก็นำ 360 กลับมาสู่สถานที่แห่งการตัดสินใจครั้งแรกของเขา
   360 ถูกคิดและเขียนขึ้นท่ามกลางฉากหลังของวิกฤตการณ์ธนาคารของโลก โดมิโนเอฟเฟ็กต์ของการประท้วงของชาวอาหรับ ภัยคุกคามของไข้หวัดนกและการไร้เสถียรภาพของยูโรโซน พูดง่ายก็คือ ไม่เคยมีช่วงเวลาไหนที่ชัดเจนไปกว่านี้อีกแล้วว่าโลกเราเชื่อมโยงสัมพันธ์กัน
   จากช่วงเวลาโรแมนติก งดงาม ยกระดับจิตใจไปสู่ช่วงเวลาขัดแย้ง สับสน ไร้ซึ่งความหวัง ตัวละครแต่ละตัวใน 360 ต่างก็มีช่วงเวลาที่โศกเศร้า ตลก บันเทิง และเจิดจ้าของตัวเองขณะที่เรื่องราวของพวกเขาร้อยเรียงและสอดประสานกันไปทั่วโลก
   ด้วยการแสดงความคารวะต่ออาร์เธอร์ ชนิทซ์เลอร์ นักเขียนบทละครชาวเวียนนาและ Der Reigen ผลงานคลาสสิกเมื่อเกือบ 100 ปีก่อนของเขา 360 ได้พาผู้ชมไปสู่การเดินทางที่บรรจบที่จุดเริ่มต้นของความเชื่อมโยงที่โรแมนติก ข้ามพรมแดนแปดประเทศ และแสดงในเจ็ดภาษา


พวกเราทุกคนต่างก็มีสายสัมพันธ์กัน

จากหน้ากระดาษสู่หน้าจอ

ฉันคิดว่าฉันกำลังถามว่า
ฉันจะอยู่ที่นี่ตลอด
เพื่อถามคำถามเหล่านี้หรือ

               ใจกลางของ 360 คือธีมของความรัก พวกเราทุกคนต่างก็มีทางเลือกและพวกเราทุกคนต่างก็ตัดสินใจ แต่เราจะมีโอกาสซักกี่ครั้ง เราจะเลือกเส้นทางไหนกัน จะหันขวา แล้วมาหักซ้ายในวินาทีสุดท้าย แล้วถ้าสิ่งที่เราตัดสินใจไปถูกเปลี่ยนแปลงด้วยการกระทำของอีกคนหนึ่งล่ะ การกระทำของเราซักกี่ครั้งที่มาจากความปรารถนาดีเพื่อคนอื่น หรือในระดับที่ลึกลงไป มันเป็นการกระทำตามความต้องการและความปรารถนาลับๆ ของเรากันแน่ เรามาถึงจุดที่เรายืนอยู่ในทุกวันนี้ได้อย่างไร ชีวิตของเราเป็นเครือข่ายสายใยของความบังเอิญ หรือทั้งหมดถูกกำหนดมาสำหรับเราแล้ว
   360 เป็นการบอกเล่าถึงความเชื่อมโยงสัมพันธ์ของโลกและการพึ่งพาอาศัยกัน ไม่ใช่เพียงผ่านอินเทอร์เน็ตมหัศจรรย์ที่เชื่อมโยงกับทั้งโลกเท่านั้น ไอเดียของปีเตอร์ มอร์แกนสำหรับบทภาพยนตร์ดั้งเดิมเกิดขึ้นขณะที่วิกฤติการณ์ทางการเงินแพร่กระจายจากประเทศหนึ่งไปสู่ประเทศหนึ่ง ทิ้งให้ธนาคารและรัฐบาลต้องล้มระเนระนาดราวกับโดมิโน และไข้หวัดนกที่คุกคามไปทั่วในแบบที่ทำให้แต่ละมุมโลกเชื่อมโยงสัมพันธ์กับอีกมุมโลก
   มอร์แกน มือเขียนบทหลายรางวัล ด้วยบทภาพยนตร์ที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นและถ่ายทำในโลเกชันต่างๆ ทั่วโลก ได้ใช้เวลาจำนวนมากอยู่กับการเดินทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางระหว่างเวียนนา ลอนดอน นิวยอร์กและลอสแองเจลิส ขณะที่เขาอธิบาย ชีวิตของเขาท่ามกลางเหตุการณ์ทั่วโลกที่เขาเฝ้ามองได้ส่งอิทธิพลต่อรากฐานของบทภาพยนตร์เรื่องนี้ “ในหลายๆ แง่มุม 360 เป็นภาพสะท้อนวิธีการใช้ชีวิตและการที่ผมใช้เวลานานเกินไปในสนามบินและในการเดินทาง ถ้าคุณปล่อยให้ตัวเองอยู่ในความมึนงงของอาการเจ็ทแล็กและจินตนาการชีวิตในเมืองทั้งสี่เมืองที่เป็นศูนย์กลางเมืองหลวง ที่เต็มไปด้วยชุมชนหลากเชื้อชาติ แล้วผสมผสานมันเข้ากับผลของอินเทอร์เน็ต คุณจะอดไม่ได้ที่จะสังเกตเห็นถึงการที่พรมแดนถูกทำลายและชีวิตในศตวรรษที่ 21 กลายเป็นชุมชนหนึ่งเดียวทั่วโลก ผมอยากจะเขียนสิ่งที่จะสะท้อนเรื่องนั้นและความจริงที่ว่าการกระทำทุกอย่างจะมีผลลัพธ์ตามมา ความจริงที่ว่าการกระทำด้านเศรษฐกิจของประเทศหนึ่ง หรือธนาคารหนึ่งหรือรัฐบาลประเทศหนึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อคนอื่นอย่างมาก ความจริงที่ว่าคนๆ หนึ่งที่มีไวรัสในนิวยอร์กได้ขึ้นเครื่องบินแล้วนำไวรัสนั้นไปติดคนอีกคนในมองโกเลียอีก 24 ชั่วโมงให้หลัง ความจริงที่ว่าราคาหุ้นตกในโตเกียวทำให้คนตกงานในสต็อคโฮล์ม การที่คนเล่นโป๊กเกอร์ออนไลน์กับคนที่อยู่ในคนละไทม์โซนและคนละประเทศ ถึงขั้นที่พวกเราจะกลายเป็น หรือกลายเป็นชุมชนเดียวกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมอยากจะเขียนเรื่องราวที่สะท้อนเรื่องนั้น แต่ผมไม่อยากเขียนมันตรงๆ ผมอยากจะเขียนให้มันในเชิงเปรียบเทียบ และอะไรจะเป็นหัวเรื่องที่จะถ่ายทอดเรื่องราวนี้ได้ดีไปกว่าความรัก โรแมนซ์ เซ็กส์และความสัมพันธ์ล่ะครับ”
   เดวิด ลินด์ ผู้อำนวยการสร้างและผู้บริหารที่ได้รับการยกย่องทั่วโลก ผู้รับผิดชอบภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จเชิงรายได้ และได้รับรางวัลมากมาย ที่เกี่ยวข้องกับทีมผู้สร้างที่มีพรสวรรค์ที่สุดของโลก รู้ว่าเขาจะต้องส่งบทเรื่องนี้ไปให้ใครในตอนที่บท 360 มาถึงมือเขา ลินด์อธิบายว่า “ผมก็เหมือนกับอีกหลายๆ คนที่ประทับใจกับ City of God ของเฟอร์นันโด เมอเรลเลส ตอนนั้น ผมกำลังบริหารโฟกัส ฟีเจอร์สและพยายามทำทุกทางเพื่อหาวิธีที่จะได้ทำงานกับผู้กำกับที่ดูเหมือนจะเข้ากันได้กับสิ่งที่เราพยายามจะทำที่โฟกัส ซึ่งก็คือการให้ความสำคัญกับผู้กำกับ ผู้ซึ่งมุมมองที่มีต่อเนื้อหา เป็นตัวกำหนดเรื่อง The Constant Gardener พิสูจน์ถึงโอกาสนั้นและมันก็เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมที่ได้เห็นหนังเรื่องนั้นมีชีวิตชีวาในมือของเขา เมื่อผมได้อำนวยการสร้าง 360 ผมก็ส่งบทนี้ไปให้เขาเพราะความสนใจที่เขามีต่อมนุษย์และวัฒนธรรมทั่วโลกและวิธีที่พวกเขาปฏิบัติต่อกัน ผมคิดถึงเฟอร์นันโดว่าเป็นผู้กำกับที่แคร์ตัวละครของเขาและเขาก็มีความสามารถที่เหลือเชื่อที่ทำให้พวกเขาให้ความรู้สึกที่เป็นส่วนตัวสำหรับความสนใจ ความกลัวและอารมณ์ของเรา ใน 360 เราเข้าถึงประสบการณ์ของตัวละครแต่ละตัวจริงๆ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใคร และนั่นก็คือสิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้พิเศษสุดเหลือเกิน”
   360 ภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ครอบคลุมหลายทวีปและภาษาพูดเจ็ดภาษา ขณะที่เรื่องราวได้ร้อยเรียงและสอดประสานกัน ได้พบผู้กำกับที่เพอร์เฟ็กต์ในตัวของเฟอร์นันโด เมอเรลเลส เขาได้รับเสียงวิจารณ์ยกย่อง รางวัลมากมายและการยอมรับไปทั่วโลกจากสไตล์การถ่ายทำที่เน้นภาพของเขานับตั้งแต่ที่ภาพยนตร์เรื่อง City of God ของเขาเข้าฉายและทำให้ทั่วโลกได้ตระหนักถึงความเจ็บปวดและความงดงามของชีวิตในสลัมของประเทศบราซิล ที่บอกเล่าผ่านชีวิตของเด็กหนุ่มสองคน นี่เองที่ทำให้เขาเป็นตัวเลือกที่เพอร์เฟ็กต์ที่จะกำกับ 360 ด้วยความเฉลียวฉลาด พลังงานและความกระตือรือร้น และความเข้าใจที่เขามีต่อความเป็นมนุษย์ ซึ่งหมายความว่าเขาสามารถนำความสมจริงมาสู่ชีวิตร่วมสมัยของตัวละครหลักเหล่านี้ได้
   สิ่งที่ทำให้เมอเรลเลสสนใจคือบทภาพยนตร์ที่มอร์แกนได้เขียนขึ้นและความจริงที่ว่า ในสายตาของเขา มีธีมสำคัญที่เชื่อมโยงตัวละครเหล่านี้เข้าด้วยกัน อย่างที่เขาอธิบายว่า “ผมคิดว่าสิ่งที่เชื่อมโยงเรื่องราวต่างๆ เข้าด้วยกันสำหรับผม และสิ่งที่ผมชื่นชอบเกี่ยวกับพวกเขาคือพวกเขาเป็นคนที่พยายามทำอย่างดีที่สุด พยายามทำในสิ่งที่ดีและเป็นคนดี แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำแบบนั้นได้เสมอไป มันหมายความว่านี่เป็นเรื่องราวที่มีความเป็นมนุษย์มากๆ เพราะมันเป็นเรื่องของแรงกระตุ้นและความปรารถนา และความจริงที่ว่าบางครั้ง สิ่งที่อยู่ข้างในตัวคุณสามารถนำพาคุณไปยังอีกทิศทางหนึ่งได้ ผมคิดว่านั่นเป็นเรื่องน่าทึ่งและผมก็อยากจะสำรวจมันครับ”
   สำหรับแอนดรูว์ อีตัน ผู้อำนวยการสร้างอิสระเจ้าของรางวัลต่างๆ ผู้ได้รับการยกย่องและยอมรับจากการหาโปรเจ็กต์ท้าทายมาสู่จอแก้วและจอเงิน อธิบายว่า มันเป็นเรื่องราวที่เชื่อมโยงกันที่ซิกแซกไปทั่วโลก และตัวละครและสถานการณ์ที่แตกต่างสำหรับแต่ละคนเป็นโอกาสที่ทำให้ผู้ชมได้เชื่อมโยงกับตัวละครอย่างน้อยหนึ่งคนในทางใดทางหนึ่ง “ผมคิดว่าคนจะได้เห็นส่วนหนึ่งของตัวเองในตอนที่พวกเขาได้ดูหนังเรื่องนี้ ส่วนหนึ่งของประสบการณ์ที่พวกเขาเคยเจอในชีวิต และผมคิดว่าความปกตินั้น ที่ถูกบอกเล่าในลักษณะที่ยิ่งใหญ่ คือสิ่งที่มีเสน่ห์ ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของความหวัง ว่าไม่ว่าเราจะเคยทำผิดพลาดอะไรมาในความสัมพันธ์ของเรา ชีวิตก็ดำเนินต่อไปครับ”
   กระบวนการเขียนบทจากไอเดียเริ่มแรกไปจนถึงผลสุดท้ายเป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจตามสัญชาตญาณและมอร์แกนก็ได้อธิบายว่าตัวบทเองก็กลายเป็นการเดินทางสำหรับเขาขณะที่เขาพัฒนาความสัมพันธ์หลายคู่ที่นำเค้าโครงจากสังคมยุคใหม่ “การเดินทางของคุณในตอนที่คุณเขียนบทและการเปลี่ยนแปลงทิศทางและถนนที่มีทางแยก ผมชอบเรื่องแบบนั้นครับ ผมมักจะไปในเส้นทางที่ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อน”
   อีตันสังเกตการร่วมงานกันระหว่างเมอเรลเลสและมอร์แกนและเขาก็พูดถึงมันว่าเป็นกระบวนการเติบโต ซึ่งนำไปสู่ช่วงเวลาที่ละเอียดอ่อน ที่ปรากฏบนหน้าจอขณะที่เรื่องราวค่อยๆ มีชีวิตขึ้นมา “การดูกระบวนการระหว่างเฟอร์นันโดและปีเตอร์เป็นเรื่องน่าทึ่งสำหรับผมเพราะปีเตอร์เป็นนักเขียนอัจฉริยะและด้วยเรื่องราวที่เชื่อมโยงกันแบบนี้ ผมก็คิดว่าเฟอร์นันโดได้ยกระดับมันขึ้นไปอีก ถ้าคุณดูผลงานของเขา อย่าง City of God และ Constant Gardener คุณจะเห็นได้ว่าพวกมันมีโครงสร้างที่ค่อนข้างจะซับซ้อน ที่กลับไปกลับมา และสำหรับ 360 เฟอร์นันโดก็ได้ทำอย่างเดียวกันด้วยความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ เช่นการคุณจะไม่ได้รู้ว่าโรสแต่งงานแล้วก่อนที่คุณจะได้เห็นเธอมีเซ็กส์กับผู้ชายอีกคนหนึ่ง ดังนั้น เขาจะเน้นย้ำถึงความแปลกใจ ซึ่งผมคิดว่าเป็นเรื่องดีครับ”
   สำหรับเมอเรลเลส การตัดสินใจที่จะกำกับภาพยนตร์ซับซ้อน เปราะบางเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ซึ่งนำพาผู้ชมไปในหลายทิศทางเกิดขึ้นจากความแตกต่างมากมายระหว่างเรื่องราวเหล่านี้ ซึ่งทำให้เขาตื่นเต้น รวมถึงมันยังเป็นโอกาสพิเศษที่จะได้เล่นกับแนวและฉากต่างๆ ภายในภาพยนตร์เรื่องเดียวด้วย เขาอธิบายว่า “มีโทนที่หลากหลายในเรื่อง และผมก็คิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ผมชื่นชอบเพราะเรื่องราวของราเชล ไวซ์และจู๊ด ลอว์เป็นเรื่องของสามีภรรยาที่มีการนอกใจ มันไม่ได้เป็นโรแมนซ์แต่เป็นโศกนาฏกรรมที่โรแมนติกมากกว่าน่ะครับ แล้วเราก็มีความรักเล็กๆ ระหว่างจาเมล เด็บบูซและไดนารา ดรูคาโรวาในปารีส มันเป็นหนังโรแมนติกที่เศร้ามากๆ แล้วเราก็มีทริลเลอร์นิดๆ ในเวียนนากับพวกรัสเซียและปืน ที่มีคนไล่ล่ากัน มีคอเมดีนิดๆ กับมอริทซ์ เบลบโทร สิ่งที่ผมชื่นชอบเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้คือทุกเรื่องราวใหม่ ทุกครั้งที่ผมเริ่มต้นเรื่องราวใหม่ มันก็ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นหนังอีกเรื่อง หรือเป็นความรู้สึกที่ต่างออกไป ตอนที่ผมถ่ายทำที่ปารีส ผมบอกเล่าเรื่องเศร้า และในเวียนนา มันก็มีแอ็กชันมากมาย ดังนั้นมันก็เลยเป็นฐานที่ต่างกันออกไป ซึ่งผมก็มีความสุขกับมันมากครับ”
   มอร์แกนอธิบายว่า สิ่งที่เขาหวังคือการตระหนักถึงประสบการณ์ร่วมกันของมนุษย์ชาติจะเกิดขึ้นระหว่างการดูภาพยนตร์เรื่องนี้ “ผมสนับสนุนตัวเองให้ทำการเสี่ยงเวลาเขียนงานเสมอเพราะผมเชื่อว่าการดิ้นรนและอารมณ์ของมนุษย์ มันเป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนมีร่วมกัน และผมก็คิดว่าความรู้สึกที่ผมมี การดิ้นรนที่ผมเคยเจอก็เป็นสิ่งที่คุณรู้สึกเหมือนกัน ผมมักจะตกใจว่าผมจะนึกถึงสถานการณ์ยากลำบากของตัวเองหรือสถานการณ์ลำบากใจว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมเท่านั้น แต่มันไม่ใช่เลยและคุณก็รู้ว่าเราทุกคนต่างก็เคยเจอเรื่องต่างๆ มาเหมือนๆ กัน เราต่างก็เจอกับสถานการณ์ยากลำบากมาเหมือนๆ กันครับ”
   สำหรับลินด์ 360 แสดงให้เห็นว่าคนเรามองหาวิธีที่จะเชื่อมโยงกันในโลกสมัยใหม่ยุคปัจจุบันอย่างไร โดยเขาอธิบายว่า “มันค่อนข้างจะชัดเจนว่าเราสนใจกันและกันมากกว่าแต่ก่อน Facebook เป็นตัวอย่างสำคัญ หนังเรื่องนี้พูดถึงเรื่องนั้นได้อย่างงดงาม การค้นพบและการมีประสบการณ์ และตัวละครเหล่านี้ก็กล้าหาญและสร้างแรงบันดาลใจอย่างแท้จริง ในการค้นหาหนทางที่จะรักกันและกันและรักตัวเองในโลกที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ โลกของเราน่ะครับ”

happy on April 16, 2012, 02:43:50 PM



เกี่ยวกับนักแสดง

               360 ภาพยนตร์ที่ครอบคลุมทั่วโลก ที่มีการพูดทั้งภาษาอังกฤษ เยอรมันเวียนนา ฝรั่งเศส รัสเซีย อราบิค สโลวาเกีย และโปรตุเกสบราซิล จำเป็นต้องอาศัยนักแสดงจากทั่วโลกเพื่อเนรมิตชีวิตให้กับตัวละครหลักของเรื่อง การเดินเรื่องของ 360 ถูกขับดันด้วยตัวละครและสถานการณ์ของพวกเขา และแต่ละเรื่องราวก็มีความเป็นตัวของตัวเอง สายสัมพันธ์สากลที่เชื่อมโยงแต่ละเรื่องและธีมที่ร้อยเรียงในเรื่องราวเหล่านั้น คือสิ่งที่เราได้เห็นช่วงเวลาเศษเสี้ยวหนึ่งในชีวิตของพวกเขาและเราก็ไม่รู้จักคนเหล่านี้ก่อนที่จะถึงช่วงเวลาในเรื่องเลย การตัดสินใจของพวกเขา อาจจะหรืออาจจะไม่เป็นไปเพื่อส่วนรวม นำพวกเขาไปสู่การไถ่โทษในทางใดทางหนึ่งในเรื่องราวของพวกเขาเอง
   เสน่ห์ของการพัฒนาตัวละครที่มีมิติรอบด้านภายในเรื่องราวของพวกเขาเอง ที่สามารถแบกรับภาพยนตร์ได้ทั้งเรื่อง ทั้งๆ ที่ในความจริง มันเป็นแค่ส่วนเล็กๆ ของทั้งหมด สำหรับนักแสดงแล้วได้รับอิทธิพลจากโอกาสในการได้ร่วมงานกับเมอเรลเลส โอกาสในการได้ร่วมงานกับเขาและการได้รู้ว่าเขาเป็นผู้กำกับบทภาพยนตร์ชาญฉลาดที่เขียนบทโดยมอร์แกน เป็นส่วนผสมที่ท้าทายและน่าตื่นเต้น
   เมอเรลเลสเป็นคนที่สงบนิ่งและช่างวิเคราะห์ และเขาก็เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการร่วมมือกันด้วย ในลักษณะที่เขาทำงานร่วมกับนักแสดงของเขา ที่เปิดโอกาสให้พวกเขาอิมโพรไวส์ภายในโครงสร้างของบทและการทดสอบ วิธีการทำงานที่อบอุ่นนี้นำไปสู่บรรยากาศที่ผ่อนคลายในกองถ่าย ที่ซึ่งทีมนักแสดงรู้สึกว่าพวกเขามีโอกาสที่จะสำรวจและพัฒนาตัวละครของตัวเองได้อย่างเต็มที่ สิ่งนี้บวกกับบทของมอร์แกนที่มีตัวละครที่เต็มไปด้วยรายละเอียด ซึ่งแต่ละตัวถูกเขียนขึ้นในลักษณะที่มีเอกลักษณ์มากๆ และโครงสร้างโดยรวมเป็นสิ่งที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจอย่างมากสำหรับนักแสดง พวกเขาได้พบกับเมอเรลเลสและสำหรับบางคน พวกเขาก็ต้องใช้เวลาในการค้นคว้าแบ็คกราวน์ของตัวละครของพวกเขา และนักแสดงแต่ละคนก็ได้สร้างเรื่องราวเบื้องหลังขึ้นมาในความคิดเพื่อเนรมิตชีวิตให้กับตัวละครเหล่านี้ พอกล้องเริ่มเดิน ด้วยนักแสดงส่วนใหญ่มีเวลาบนหน้าจอเพียงไม่กี่วัน พวกเขาก็มีโอกาสที่สั้นๆ แต่สำคัญในการรับบทตัวละครที่ทั้งสมจริงและมีเลือดเนื้อ ชีวิตจิตใจขึ้นมา และเพื่อถ่ายทอดอารมณ์ที่แท้จริงในช่วงเวลานั้นของตัวละครของพวกเขาภายในวงจรของ 360
   ตัวกระตุ้นให้เกิดเรื่องราวและเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งเกิดขึ้นตามมานั้นคือช่วงเวลาที่ไมเคิล เดลี ตัวละครของจู๊ด ลอว์ ตัดสินใจที่จะไม่นอกใจกับเมียร์ก้า โสเภณีสาว อย่างไรก็ดี จากจุดนี้เป็นต้นไป ผลของการตัดสินใจของเขาก็ได้สั่นสะเทือนในเรื่องราวทั้งหมด ซึ่งเชื่อมโยงหรือผูกสัมพันธ์ระหว่างเรื่องราวเหล่านั้นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
   จู๊ด ลอว์และราเชล ไวซ์รับบทคู่สามีภรรยา ไมเคิลและโรส เดลี เมื่อมองผิวเผิน พวกเขาดูเหมือนเป็นหนุ่มสาวหน้าตาดี ผู้ทำงานหนักเพื่อสร้างบ้านที่เพอร์เฟ็กต์ให้กับลูกสาวตัวน้อย แต่คุณก็จะมีความรู้สึกว่าพวกเขาไม่สื่อสารกันอีกต่อไปแล้ว และความรักและความสนิทสนมได้จืดจางหายไปจากความสัมพันธ์ของพวกเขา
   จู๊ด ลอว์พูดถึงตัวละครของเขาว่า “มีบางสิ่งที่เฟอร์นันโดพูดกับผมก่อนที่ผมจะเริ่มงานนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ผมเข้าถึงโปรเจ็กต์นี้คือทุกคนในเรื่องต่างพยายามทำในสิ่งที่ถูก ไมเคิลเป็นมนุษย์ปกติ ธรรมดา ที่มีข้อบกพร่อง เขาเป็นพ่อที่บางทีอาจรู้ว่า เขาควรจะอยู่บ้านมากกว่านี้ เพื่อเฝ้ามองลูกสาวเขาโตขึ้น เขาทำงานหนัก แต่ในขณะเดียวกัน ก็คิดถึงชีวิตของตัวเอง และเขาก็อยากจะทำเพื่อครอบครัวของเขาและทำเพื่อตัวเอง แต่มันไม่มีอะไรที่พิเศษหรือน่าตื่นตาตื่นใจเกี่ยวกับตัวเขา เขาเป็นแค่คนธรรมดา มันเป็นเรื่องที่ว่าชีวิตของคุณสามารถส่งผลกระทบต่อคนอื่นๆ ได้อย่างไรน่ะครับ”   สำหรับราเชล ไวซ์ ผู้ได้รับเสียงชื่นชมและรางวัลมากมายจากการแสดงของเธอในภาพยนตร์โดยเมอเรลเลสเรื่อง The Constant Gardener สิ่งที่ทำให้เธอสนใจเรื่องนี้คือโอกาสที่จะได้ร่วมงานกับเขาอีกครั้งและบทภาพยนตร์ อย่างที่เธออธิบายว่า “ฉันชอบบทหนังเรื่องนี้และไอเดียที่ว่ามันเป็นหนังรวมเรื่องราว ทุกคนต่างก็มีเรื่องราวเล็กๆ ของตัวเองและพวกเขาก็ส่งไม้คทาต่อไปให้นักแสดงคนถัดไปที่เข้ามา โอกาสที่จะได้ใช้เวลาห้าวันอยู่กับเฟอร์นันโด คนที่ฉันชื่นชมอย่างมาก และและบทของปีเตอร์ มอร์แกนก็เป็นสิ่งที่วิเศษสุดและไม่ธรรมดาเลย ในหลายแง่มุม มันเบาๆ ง่ายๆ แต่ในบางแง่มุม มันก็ท้าทายเพราะคุณไม่มีเวลาที่จะเรียนรู้ตัวละครของคุณ คุณก็แค่ต้องดำดิ่งลงไปเลยน่ะค่ะ”
   ตัวละครของแอนโธนี ฮ็อปกินส์คือจอห์น ชายชราผู้อยู่ระหว่างการเดินทางไปฟินิกซ์เพื่อตรวจสอบว่า ศพหญิงสาวนิรนามที่ถูกพบจะใช่ลูกสาวที่หายตัวไปของเขารึเปล่า เธอหนีจากบ้านเมื่อหลายปีก่อนหลังจากที่เธอได้รู้ถึงการนอกใจของพ่อเธอและมีปากเสียงกัน ฮ็อปกินส์อธิบายถึงมุมมองที่เขามีต่อตัวละครตัวนี้ว่า “เราทุกคนต่างก็พัวพันอยู่ในความสัมพันธ์และสิ่งต่างๆ ที่เราไม่คาดฝันในชีวิต เราเป็นแค่มนุษย์ปุถุชนครับ เราสามารถทำผิดพลาดได้ และผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้ เขาเป็นอดีตขี้เมาและเขาก็เคยทำหลายอย่างผิดพลาดมาในชีวิต และเขาก็ยังเดินหน้าทำผิดพลาดต่อไป แต่เขาได้เรียนรู้บางอย่างเกี่ยวกับตัวเอง เขาได้เรียนรู้บางอย่างเกี่ยวกับชีวิตครับ”   
   มาเรีย ฟลอร์ รับบทลอรา หญิงสาวโดดเดี่ยวหัวใจสลาย ผู้จับเครื่องบินกลับบ้านที่บราซิลและได้นั่งข้างชายชรา พวกเขาทั้งคู่มีความผูกพันกันที่ช่วยทำให้พวกเขาก้าวต่อไปข้างหน้าในรูปแบบที่สำคัญแม้ว่าพวกเขาในเวลานั้นจะไม่รู้ตัวก็ตาม ฟลอร์ตีความตัวละครและสถานการณ์ของเธอว่า “ฉันคิดว่าลอราดูไร้เดียงสาและเปราะบาง แต่เธอก็เข้มแข็งและมีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเองด้วย เธอทั้งเศร้าและไม่สบายใจ เธอรู้สึกโดดเดี่ยวมากในเวลานั้น ดังนั้น เมื่อเธอพบชายชรา มันก็เป็นเรื่องดีเพราะเขาให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนพ่อ เขาเป็นคนที่เธอสามารถไว้วางใจได้ และฉันก็คิดว่าเขาเป็นคนสำคัญสำหรับเธอในช่วงเวลานั้นในชีวิตของเธอครับ”
   ฟลอร์เองได้แสดงฉากที่ทรงพลังหลายฉากกับเบน ฟอสเตอร์ ผู้รับบทนักโทษข้อหาทางเพศ ผู้ติดคุกหกปีและกำลังจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเขา สำหรับฟอสเตอร์ โอกาสในการได้ร่วมงานกับเมอเรลเลสเป็นโอกาสที่เขารู้ทันทีว่าเขาอยากจะเป็นส่วนหนึ่งของมันก่อนที่เขาจะได้เปิดบทอ่านดูเสียอีก “คุณเริ่มต้นจากบทและมันก็เยี่ยมมากที่เรามีเรื่องราวที่ใส่ใจและสนใจในตัวมนุษย์มากกว่าการนำเรื่องราวเคลื่อนไปข้างหน้า แม้ว่ามันจะถูกจัดการได้อย่างงดงามก็ตาม มันเป็นเรื่องของคนที่พยายามตัดสินใจ ซึ่งก็ไม่ใช่การตัดสินใจที่ถูกเสมอไป และบางครั้ง มันก็มีสถานการณ์ที่มืดหม่นมากๆ แต่ผมเชื่อว่าทุกตัวละครในหนังเรื่องนี้ต่างก็พยายามจะตัดสินใจให้ถูกครับ”
   มารีแอนน์ ฌอน-แบ็บติสท์ รับบทฟราน นักจิตวิทยา ผู้รักษาไทเลอร์และคอยบำบัดเขามาจนถึงตอนนี้ ที่เขาจะได้กลับไปสู่โลกภายนอกอีกครั้ง ผ่านทางโปรแกรมบำบัด ฌอน-แบ็บติสท์อธิบายว่า สำหรับเธอ เสน่ห์ของ 360 คือ “สำหรับฉัน สิ่งที่น่าทึ่งคือคุณจะได้เห็นเศษเสี้ยวชีวิตของคนเหล่านี้ ในช่วงเวลานี้ของชีวิตพวกเขา ที่พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับทางเลือก คุณอาจจะคิดว่า ‘พวกเขาจะทำอะไรนะ เขาจะทำแบบนี้ หรือแบบนั้น’ ซึ่งฉันคิดว่ามันเป็นสิ่งที่งดงามจริงๆ และฉันก็ชื่นชอบองค์ประกอบแบบนั้นจริงๆ คุณเริ่มต้นจากสิ่งที่เรียบง่าย ไร้การปรุงแต่ง และพวกมันก็จะกลับไปสู่ที่ที่ทุกอย่างเรียบง่ายและไร้การปรุงแต่งค่ะ”
   มอริทซ์ เบลบโทร รับบทเซลส์แมนที่พบการนัดหมายระหว่างไมเคิล เดลีกับโสเภณี เขายินดีที่มีโอกาสได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมนักแสดงเรื่องนี้และอธิบายถึงการตีความบทภาพยนตร์เรื่องนี้ของเขาว่า “มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับความหวังและการรักษาความหวังให้ดำรงไว้ มันเป็นเรื่องของคนบางคนที่ยอมทิ้งความหวังแล้วบอกว่า ‘มันไม่มีหวังหรอก’ และมีบางคนที่บอกว่า ‘ไม่ ความหวังยังอยู่ แม้ว่าทุกอย่างจะเลวร้ายและชีวิตฉันจะพังพินาศ แต่ความหวังยังคงอยู่’ ซึ่งผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่หนังเรื่องนี้ทำ คุณจะได้ดูหนังที่คุณจะเดินออกมาแล้วบอกว่า แม้ว่ามนุษย์เราจะมีด้านมืด มีแง่มุมร้ายๆ ที่หนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นและสะท้อนออกมา มันยังมีความหวังและความรักก็จะยังคงอยู่ครับ”
   ความปรารถนาและความรัก ร่วมด้วยความเยาว์วัยและความทะเยอทะยาน คือสิ่งที่ผลักดัน ช่างภาพ รุย ตัวละครของจูเลียโน คาซาร์เร ให้สานสายสัมพันธ์กับโรส เขาไม่ได้อยู่ในประเทศของตัวเองและเขาก็พบว่าตัวเองหลงใหลในตัวโรส ผู้ซึ่งรู้จักอาชีพของเขาและมีอิทธิพลในแวดวงนี้ และเธอก็อาจจะเป็นกุญแจที่นำไปสู่ทุกอย่างที่เขาปรารถนา แม้ว่ามันจะหมายถึงการนำความสัมพันธ์ระหว่างเขากับลอราเข้าเสี่ยงเมื่อความรู้สึกที่เขามีต่อโรสลึกซึ้งขึ้น คาซาร์เรอธิบายถึงมุมมองที่เขามีต่อตัวละครของเขาว่า “ผมคิดว่านี่เป็นสถานการณ์ที่เป็นไปได้มากๆ ว่ามันอาจเกิดขึ้นได้ คุณมีแฟนสาวจากประเทศตัวเอง คุณยังหนุ่ม มีอะไรหลายๆ อย่างเกิดขึ้นในชีวิต มีคนใหม่ๆ เข้ามาในชีวิต ผมคิดว่ารุยจะอยู่กับโรส แต่เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับลอราดีเพราะเขารู้สึกรับผิดชอบต่อเธอ เขาเกลี้ยกล่อมให้เธอมาลอนดอน ผมก็เลยคิดว่านี่เป็นปัญหาหนักใจของเขาและเขาก็เหมือนผู้ชายหลายคน ที่ผลักเรื่องต่างๆ ให้ไกลตัว โดยที่ไม่ตัดสินใจน่ะครับ เขายังไม่ตัดสินใจ และพยายามที่จะใช้ชีวิตทั้งสองด้านอย่างดีที่สุด”
   ไดนารา ดรูคาโรวา รับบทวาเลนตินา ตัวละครที่ดูเปราะบางด้วยอดีตที่ซับซ้อน เธอมีชีวิตคู่ที่ไร้สุขและกำลังคิดจะตัดสินใจอะไรบางอย่างที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตเธอเมื่อเธอเดินทางกลับไปยังปารีส ที่เป็นเหมือนบ้านของเธอ เธอพูดถึง 360 ว่า “เป็นมุมมองร่วมสมัยต่อโลกของเรา ที่มีคนทั้งหมดนี้มาเจอกัน ทั้งศาสนาและสัญชาติของพวกเขา มันเป็นกระจกที่สะท้อนสังคมปัจจุบันจริงๆ และนั่นคือสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ค่ะ”
   โยฮันส์ คริสช์ ผู้รับบทร็อกโก้ แมงดาหนุ่ม ใช้เทคโนโลยีในการเข้าถึงนักธุรกิจต่างชาติ ผู้ต้องการเพื่อนคู่ใจ เว็บไซต์ของเขาที่มีโปรไฟล์ออนไลน์และรีวิวสำหรับเด็กสาวแต่ละคนและโทรศัพท์มือถือของเขาเป็นเครื่องมือที่เขาใช้ในการจัดแจ้งนัดหมายและคอยติดตามสาวๆ และลูกค้า เขามอง 360 ว่าแสดงให้เห็นว่าโลกของเราเล็กแค่ไหน “เราพูดกันถึงเรื่องของโลกาภิวัฒน์และประชาคมโลกมาโดยตลอด โลกเราเล็กลงๆ เรื่อยๆ ด้วยการสื่อสารที่เรามี ดังนั้น นี่ก็เป็นโอกาสสำคัญที่จะแสดงให้เห็นว่าชีวิตทั้งเล็กและใหญ่แค่ไหนในขณะเดียวกันครับ”
   เมียร์ก้าและแอนนา พี่น้องชาวสโลวาเกีย เป็นทั้งเพื่อนรักและพี่น้องกัน พวกเธอให้กำลังใจและไว้ใจกัน ลูเซีย ซิโปโซวา ผู้รับบทเมียร์ก้า ตีความตัวละครของเธอว่า “สิ่งที่ฉันชอบเกี่ยวกับเมียร์ก้าคือเธอไม่ใช่โสเภณีที่อยากจะเป็นโสเภณี เธอคิดว่า ‘เอาล่ะ ฉันจะทำอย่างนี้เพื่อที่ฝันของฉันจะได้เป็นจริง’ เพราะเธอใจดีในแบบไร้เดียงสาน่ะค่ะ เธอคิดว่าบางทีเธออาจจะหาเงินได้มากพอที่จะทำให้ชีวิตเธอเป็นอย่างที่เธอต้องการในภายหลัง ฉันคิดว่าเธอฉลาดในเรื่องการเอาตัวรอดและกล้าหาญ และเธอก็กล้าเสี่ยง เธอไม่ได้อ่อนไหวเกี่ยวกับมันมากเกินไป แต่มันก็ไม่ใช่ว่าเธออยากจะทำแบบนี้ เธอแค่มองเห็นความจริงค่ะ”
   แอนนา รับบทโดยนักแสดงหน้าใหม่ กาเบรียลลา มาร์ซินโควา พูดถึงความสำคัญของ 360 และเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในนั้นว่า “360 เป็นวงกลมค่ะ วงกลมเป็นสิ่งที่ไร้ที่สิ้นสุด เหมือนกับชีวิตที่ไม่จบสิ้น ดังนั้นภายใน 360 ก็เลยมีเรื่องราวมากมาย ตัวละครหลากหลาย ประเทศต่างๆ ที่เหมือนกับในชีวิตจริง และมันก็ก่อให้เกิดวงจรชีวิตที่หมุนไปเรื่อยๆ และตัวพวกเราแต่ละคนก็ไม่สำคัญหรอกค่ะ แต่เมื่อรวมกันแล้ว พวกเราก็น่าสนใจมากๆ เลยล่ะค่ะ”


เกี่ยวกับงานออกแบบ

               ลุคโดยรวมของ 360 ค่อนข้างเรียบง่ายด้วยความที่มันมาจากไอเดียของการเล่าเรื่องที่เราจะไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับตัวละคร และในฐานะวิธีหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวและการสร้างความรู้สึกของความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มันเมคเซนส์ที่ว่าสิ่งแวดล้อมทั้งหมดจะสมจริงและเป็นธรรมชาติมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในลักษณะที่เชื่อมโยงกับชีวิตของตัวละครขณะที่พวกเขาเดินทางในทั่วโลก
   เมอเรลเลสโด่งดังจากการเป็นผู้กำกับที่ให้ความสำคัญกับภาพ ในแง่ของไอเดียและสไตล์ ซึ่งเขาถ่ายทำ รวมกับอารมณ์และความรู้สึกที่ชัดเจน ซึ่งเขาดึงออกมาสู่หน้าจอ เขาเปิดกว้างต่ออิทธิพลในแต่ละช่วงเวลาและสิ่งแวดล้อมที่เขาถ่ายทำด้วย เช่นเดียวกับเรื่องราวของ 360 ซึ่งในแง่ของการถ่ายทำแล้ว สามารถนำไปสู่การตัดสินใจตามสัญชาตญาณของเขาและทีมงานของเขา
   ในแง่ของสไตล์งานกล้อง เมอเรลเลสและเอเดรียโน โกลด์แมน ผู้กำกับภาพของเขา พูดคุยกันอย่างต่อเนื่องขณะที่พวกเขาทำงานร่วมกัน และทั้งคู่ที่เป็นคนช่างสังเกตตามธรรมชาติอยู่แล้วก็ตระหนักดีถึงสิ่งแวดล้อมของพวกเขา และพวกเขาก็คอยมองหาเฟรมที่น่าสนใจที่จะถ่ายทอดตัวละครและอารมณ์ของพวกเขาออกมาเสมอๆ อย่างที่เมอเรลเลสอธิบาย “เราเล่นกับโฟกัสบ่อยๆ เพราะเราคุยถึงเรื่องจิตใจของเรา เกือบจะเป็นการมองเรื่องราวจากภายในหัวของตัวละคร เราก็เลยไม่อยากได้ภาพที่คมชัดและไม่อยากให้ทุกอย่างชัดเจน เราก็เลยเล่นกับโฟกัสและเงา มันเหมือนกับว่าเราสับสน งุนงงเล็กๆ ในบางครั้ง ซึ่งก็สะท้อนให้เห็นถึงสภาพจิตใจของตัวละครครับ”
   โลกของ 360 เป็นโลกของการเคลื่อนไหว ที่เรื่องราวซิกแซกไปทั่วโลกในแท็กซี รถ รถเมล์ เครื่องบินและด้วยการเดินเท้า โมทีฟเครื่องบินถูกร้อยโยงตลอดทั้งเรื่อง ขณะที่เรื่องราวเกิดขึ้นในบาร์ ร้านอาหาร สนามบินที่กว้างใหญ่ และห้องโรงแรมที่ไม่มีอะไรโดดเด่น อพาร์ทเมนต์และบ้านแคบๆ จุดท่องเที่ยวและข้างถนนที่มืดมิด ตัวละคร และกล้อง ซึ่งบางครั้งก็เคลื่อนไหวในมุม 180 หรือ 360 ไปกับพวกเขา จะเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลาเมื่อเส้นทางของพวกเขาได้มาเจอกันและสอดประสานกันทั้งเรื่อง
   สำหรับจอห์น พอล เคลลี ผู้ออกแบบงานสร้างของ 360 การร่วมงานกับเมอเรลเลสเป็นโอกาสที่เขายินดีอย่างยิ่ง เพราะงานออกแบบของภาพยนตร์เรื่องนี้ ตั้งแต่ฉาก ไปจนถึงคอสตูมและงานกล้องกลายเป็นการเดินทางในตัวของมันเองเมื่อมันเคลื่อนไหวระหว่างโลเกชันและประเทศต่างๆ และพัฒนาตามสัญชาตญาณขณะที่กล้องหมุนไป ภายใต้การนำของเมอเรลเลส
   เคลลีอธิบายว่า “เฟอร์นันโดชื่นชอบคำเสนอแนะ และเราทุกคนต่างก็พัฒนาลุคของหนังและโลกที่คนใช้ชีวิตอยู่ในฐานะทีมเดียวกัน โมนิก้า (ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย) และผมมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากกับการใช้สีสันในเรื่อง ร่วมกับเอเดรียโน และเราก็พบบางสิ่งที่สอดคล้องไปด้วยกันเพื่อนำเสนอไอเดียอย่างที่เราต้องการ เฟอร์นันโดเป็นเพื่อนร่วมงานที่วิเศษสุดเพราะเขาตรื่นเต้นกับสิ่งแวดล้อมที่เขาอยู่ เขาไม่ได้เริ่มต้นไอเดียด้วยความคิดที่ว่า ‘ผมคิดว่ามันควรจะเป็นแบบนี้’ แต่เขาอาจจะมีความคิดที่ชัดเจนว่ามันจะเริ่มต้นอย่างไร แล้วมันค่อยๆ พัฒนาไปเป็นอย่างอื่น และผลลัพธ์ที่ได้ก็เป็นประโยชน์มากกว่าข้อเสียอื่นๆ ของการที่อยู่ดีๆ เราจะพูดว่า ‘เราดูถนนเส้นนั้นดีกว่า’ เพราะมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนา การใส่ชีวิตลงไปให้กับโลกที่เราสร้างขึ้น บางที เขาอาจจะบอกว่า ‘บางที คุณน่าจะเดินออกไปนอกประตูนั้น หรือผ่านบันไดตรงนั้น’ และมันก็จะช่วยสร้างเสริมสิ่งที่เรากำลังสร้างขึ้นมาจริงๆ ครับ”
   สีสันที่ถูกเลือกใช้สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้สะท้อนถึงฤดูกาลที่ผันผ่านและมันก็ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ในแต่ละเมือง เริ่มต้นจากลุคและความรู้สึกของฤดูหนาว ก่อนที่จะขยับไปสู่ฤดูใบไม้ผลิขณะที่ภาพยนตร์เดินหน้ากลับมายังจุดเริ่มต้น เมื่อตัวละครผ่านสถานที่ต่างๆ ที่มีสีสันบางอย่างถูกเลือกเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นในเครื่องแต่งกายหรือสิ่งแวดล้อม ยกตัวอย่างเช่นวาเลนตินากับหมวกเบเรต์สีแดงสดของเธอ


เกี่ยวกับโลเกชัน

               การถ่ายทำ 360 เกิดขึ้นระหว่างฤดูใบไม้ผลิปี 2011 ในโลเกชันที่ลอนดอน ปารีสและเวียนนา
   เป้าหมายของเมอเรลเลส ในการมองโลกจากมุมมองที่สมจริงแทนที่จะเป็นเวอร์ชันอุดมคติ คือเขาอยากจะนำเสนอเมืองที่ตัวละครเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของมันในสภาพตามธรรมชาติ ว่าเป็นสถานที่ที่คนจริงๆ ใช้ชีวิตอยู่ ไม่ได้แค่โฟกัสไปที่สถานที่ท่องเที่ยว เขาไม่อยากจะถ่ายช็อตไวด์สวยๆ ของภาพเมืองดังๆ แบบโปสการ์ดที่หลายคนคุ้นเคยกันดี ในการทำให้เรื่องราวดูเป็นธรรมชาติที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้บนหน้าจอ เขาอยากจะถ่ายทำในสิ่งแวดล้อมจริงๆ ด้วยการแสวงหาความจริงไม่ใช่ความหรูหรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การถ่ายทำบนถนนกลางแจ้งเพื่อทำให้การเดินทางของตัวละครน่าเชื่อที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
   การถ่ายทำเกิดขึ้นในโลเกชันที่โดดเด่นและครอบคลุมไปถึงถนนด้านหลังและหลืบมุมที่ซ่อนเร้น โลกที่เรามักไม่ค่อยได้เห็นในภาพยนตร์และมันก็เชื่อมโยงเมืองทั้งหมดนี้ในรูปแบบที่น่าสนใจ ผู้กำกับเอเดรียโน โกลด์แมนอธิบายว่า “เรามองหาการจัดเฟรมพิเศษเพื่อนำเสนอภาพเวียนนา มันไม่ได้เป็นเรื่องของคนรวยในเวียนนา หรือปารีส หรือลอนดอน มันเป็นเรื่องของคนธรรมดา มันน่าจะเป็นเรื่องของสถานที่จริงๆ ยกตัวอย่างเช่นในปารีส เฟอร์นันโดเห็นตลาดข้างถนนที่วายแล้ว และมีขยะเต็มถนนไปหมด และเขาก็บอกว่า ‘ผมอยากจะถ่ายทำที่นี่ เดี๋ยวนี้! ขอกล้องให้ผม เรียกจาเมลมา ให้จาเมลเดินบนถนนที่สกปรกเส้นนี้’ และผลที่ออกมาก็สวยจริงๆ คุณจะไม่เคยเห็นปารีสแบบนี้มาก่อนครับ”
   โลเกชันลอนดอนรวมถึงชอร์ดิทช์และดัลสตัน ซึ่งเป็นส่วนที่คนรู้จักน้อยกว่าของเมือง, ไตรตัน สแควร์ มอล ซึ่งถูกใช้แทนเบอร์ลินและจูเลียน โอพาย ได้สร้างงานวอลอาร์ตผู้หญิงเดินขึ้นมา, ทางตอนเหนือและตอนใต้ของลอนดอน และใต้ดินของลอนดอน รวมถึงสนามแข่งแอสคอท ซึ่งใช้แทนสนามบินเดนเวอร์
   การถ่ายทำเกิดขึ้นในโลเกชันที่หลายคนจดจำได้บนท้องถนนของเวียนนา ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่น่าทึ่งที่สุด และในย่านตลาดยอดนิยม นาชมาร์ค รวมถึงโรงแรมตามเมืองต่างๆ ซึ่งรวมถึงสไตนเกนเบอร์เกอร์, ซาวอยเยนและเลอ เมอริเดียน ไปจนถึงสนามบินนานาชาติ ท่ารถและถนนที่ไม่เป็นที่รู้จักนัก ถนน ‘วงแหวน’ ที่โด่งดัง ซึ่งล้อมรอบเมือง และส่งอิทธิพลต่อชื่อของภาพยนตร์เรื่องนี้ ปรากฏขึ้นในตอนที่เซอร์เจและแอนนาขับรถวนรอบเมือง
   โลเกชันในปารีสรวมถึงถนนที่คราคร่ำไปด้วยผู้คน ซึ่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวาและสีสัน รวมถึงสนามบินชาร์ลส์ เดอ โกล, พาเลส บรองเนียต อดีตตลาดหุ้นของปารีส ซึ่งภายในถูกแผนกศิลป์เปลี่ยนให้เป็นมัสยิด รวมถึงอพาร์ทเมนต์ส่วนตัวและคลินิคหมอฟัน
   ชายหาดของบราซิลถูกใช้ในช่วงเวลาสั้นๆ ขณะที่ลอราเดินไปตามชายหาด