กรุงเทพฯ 27 มีนาคม 2555: บริษัท ทีอี คอนเน็คทิวิตี้ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สายสัญญาณและอุปกรณ์เชื่อมต่อในแบรนด์ AMP Netconnect และ ADC Krone เผยคาดอุปกรณ์เครือข่ายระดับองค์กร โตก้าวกระโดด ในไทยทีอียังคงครองแชมป์อันดับ 1 ในตลาด พร้อมเตรียมออกผลิตภัณฑ์เชื่อมต่อสุดไฮเทครุกตลาดปี 55
โทมัส โพห์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดภูมิภาค เผยว่า ในระดับโลก บริษัทยักษ์ใหญ่ 10 อันดับในโลกใช้ ผลิตภัณฑ์อุปกรณ์เชื่อมต่อของทีอี 100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อรองรับการขยายดาต้าเซ็นเตอร์อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดในทวีปเอเชียดาต้าเซ็นเตอร์มีการเติบโตอย่างไม่หยุดนิ่งเช่นกัน เนื่องจากการเติบโตทางด้านเทคโนโลยีส่วนบุคคล เช่น โน๊ตบุค แทปเล็ต สมาร์ทโฟน มีอัตราก้าวกระโดดอย่างเห็นได้ชัด และส่งผลทำให้การขยายตัวของข้อมูลเพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว อีกทั้งทำให้เหล่าธุรกิจต่างปรับตัวเพื่อรองรับเทคโนโลยีเหล่านี้เพื่อให้เข้าถึงแนวโน้มการใช้งานของผู้บริโภค ในด้านของอุปกรณ์เครือข่ายสำหรับองค์กรจำเป็นอย่างมากที่ต้องสร้างนวัตกรรมเพื่อรองรับการเติบโตของดาต้าเซ็นเตอร์ ที่เพิ่มมากขึ้น ในทีอี มีการลงทุนด้านการวิจัยอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีการลงทุนสำหรับการวิจัยสูงถึง 730 ล้านเหรียญสหรัฐ และได้มีการจดสิทธิบัตรมากว่า 20,000 ผลิตภัณฑ์ และ 1 ในนั้นเรามีแผนจะส่งมาทำตลาดอย่างเป็นทางการ เพื่อเปลี่ยนแปลงดาต้าเซ็นเตอร์ยุคเก่า ไปสู่ดาต้าเซ็นเตอร์ยุคใหม่ ในประเทศไทย
นายรักเกียรติ หงษ์กาญจนพงษ์ ผู้อำนวยการผ่ายขาย ประจำภาคพื้นอาเซียนเหนือ กล่าวว่า ทีอีมีเป้าหมายหลักที่จะทำตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียนซึ่งเรามองเห็นว่าเป็นตลาดที่ใหญ่ มีศักยภาพและยังสามารถเติบโตได้อีกมาก โดยเราตั้งใจจะเป็นผู้ให้บริการอันดับต้นๆ ที่เข้าไปรองรับตลาดนั้นๆ เพราะเรามีความพร้อม มีทีมงาน มีเทคโนโลยี มีผลิตภัณฑ์ที่พร้อมจะตอบสนองความต้องการทุกประเภทในด้านระบบเครือข่ายสายสัญญาณในประเทศไทยในสายผลิตภัณฑ์ด้านเครือข่าย ทีอีครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 โดยในปีนี้ มีอัตราเติบโตแบบก้าวกระโดด ทั้งนี้ปัจจัยมาจากการเติบโตทางด้านไอซีทีขององค์กรต่างๆ โดยเฉพาะ สถาบันการเงินที่เพิ่มศักยภาพด้านไอทีเพื่อรองรับการบริการ และการแข่งขัน หรือจะด้านเทเลคอมก็มีการเติบโตสูงเช่นกัน กระทั่งธุรกิจโรงแรม การศึกษา หันมาขยายดาต้าเซ็นเตอร์กันมากขึ้น
เมื่อตลาดมีการขยายตัว ในแง่ของอุปกรณ์เครือข่ายสำหรับองค์กร ยิ่งต้องมีการปรับตัว สร้างนวัตรกรรมเพื่อรองรับการใช้งานให้ดียิ่งขึ้น อย่างในดาต้าเซ็นเตอร์ที่คาดว่ามีการขยายตัวอย่างเห็นได้ชัด อุปกรณ์เชื่อมต่อในเครือข่ายต่างๆ ต้องทำงานได้มากกว่าแค่การเชื่อมต่อเพื่อโอนถ่ายข้อมูลข่าวสาร แต่ยังต้องช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดภาระให้กับดาต้าเซ็นเตอร์ อีกด้วย
เพื่อเป็นการตอบโจทย์เหล่านี้ ทีอี คิดค้นผลิตภัณฑ์ที่คาดว่าจะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างดี ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในกลางปีนี้ ได้แก่ Managed Connectivity ที่เราเรียกว่า Quareo ซึ่งเป็นเทคโนโลยีในการระบุตัวตนของจุดในการเชื่อมต่อ (Connection Point Identification Technology) ที่ทำหน้าที่จัดการในส่วนของข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับเครือข่ายที่ไม่เคยมีมาก่อน ข้อมูลเหล่านั้นจะรวมไปถึงการบันทึกและรายงานการเปลี่ยนแปลงของระบบที่มีความถูกต้องแม่นยำพร้อมทั้งระบบความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพดีกว่าเดิม สามารถกล่าวได้ว่าเทคโนโลยีของ Quareo เข้ามาช่วยเพิ่มขีดความสามารถ และความพร้อมใช้งานของเน็ตเวิร์กให้สูงขึ้น พร้อมๆ กับสามารถที่จะช่วยลดต้นทุนด้านการปฏิบัติการในส่วนของเครือข่ายได้ทั้งหมด เริ่มตั้งแต่จากดาต้าเซ็นเตอร์ไปจนถึงเครื่องเดสก์ท็อปสำหรับผู้ใช้งานเลยทีเดียว
โซลูชั่นของ Quareo นั้นจะอิงพื้นฐานของไมโครชิป ซึ่งถูกฝังอยู่ในคอนเน็คเตอร์ของระบบสายสัญญาณเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพสูงของ ทีอี ทั้งในสายแบบทองแดงและแบบไฟเบอร์ โดยไมโครชิปเหล่านี้นอกจากจะมีข้อมูลต่างๆ ที่มีความสัมพันธ์กับสายสัญญาณของตัวมันเองแล้ว ยังเป็นอุปกรณ์สำหรับระบุตัวตนสำหรับแต่ละสายสัญญาณด้วย โดยจะมีชุดซอฟต์แวร์ของ Quareo จะทำการติดต่อสื่อสารกับสายเคเบิลและเน็ตเวิร์ก พาแนล ในแต่ละจุดเพื่อดึงเอาข้อมูลเข้ามาได้อย่างเรียลไทม์ ซึ่งข้อมูลนี้ก็จะถูกเก็บอยู่ในฐานข้อมูลของ Quareo และหลังจากนั้นก็จะนำมาเขียนเป็นแผนภูมิโทโพโลยี (Topology maps) รวมถึงนำมาผสมผสานการใช้งานเข้ากับแอพพลิเคชั่นต่างๆ ต่อไปได้อีกด้วย
สำหรับช่องทางการขายทีอี ขยายช่องทางผ่านตัวแทนจำหน่าย (Distributor) 4 รายหลัก ได้แก่ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) , บริษัท จีเน็ต เน็ตเวิร์ค โซลูชั่น จำกัด และ บริษัท เอดับบลิวเอส. ไวร์ เวิร์คส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งจะทำการขายทั้งในรูปแบบขายปลีก และการนำเสนอโครงการต่างๆ ให้แก่ลูกค้า
# # #
เกี่ยวกับทีอี
TE Connectivity เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกที่มีมูลค่า 14,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 420,000 ล้านบาท โดยเป็นบริษัทฯ ที่ออกแบบและผลิตผลิตภัณฑ์กว่า 500,000 ชนิดเพื่อเชื่อมต่อและปกป้องการไหลของพลังงานและข้อมูลภายในผลิตภัณฑ์ที่สัมผัสกับทุกแง่มุมของการใช้ชีวิตของผู้คนในทุกๆ วัน เรามีบุคลากรเกือบ 100,000 คนเพื่อให้บริการลูกค้าในทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภค, พลังงาน, การดูแลสุขภาพ, ยานยนต์, การบิน และเครือข่ายระบบสื่อสาร โดยนำเสนอเทคโนโลยีที่ดีกว่า เร็วกว่า ฉลาดกว่าเพื่อการเชื่อมต่อผลิตภัณฑ์อันนำไปสู่ความเป็นไปได้ในทุกรูปแบบของการดำเนินชีวิตสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
www.te.com