happy on March 23, 2012, 03:37:08 PM

จัดจำหน่ายโดย      เอ็ม พิคเจอร์ส  
ภาพยนตร์เรื่อง        SAFE
ชื่อภาษาไทย      “โครตระห่ำ ทะลุรหัส”
   
ภาพยนตร์แนว      แอ๊คชั่น-ทริลเลอร์  
จากประเทศ      สหรัฐอเมริกา
กำหนดฉาย      26 เมษายน 2555 (ฉายพร้อมสหรัฐอเมริกา)
ณ โรงภาพยนตร์      ในโรงภาพยนตร์

ผู้กำกับ          Boaz Yakin (โบแอซ ยากิน)

อำนวยการสร้าง   Lawrence Bender (ลอว์เรนซ์ เบนเดอร์)

นักแสดง   Jason Statham (เจสัน สเตแธม) จากภายนตร์เรื่อง Killer Elite, Gnomeo &Juliet, The Mechanic, Blitz, The Expendables
Catherine Chan (แคทเธอรีน ชาน)จากภายนตร์เรื่อง After Shock
    Chris Sarandon (คริส ซาแรนดอน) จากภายนตร์เรื่อง Fright, God in America, The Good Wife
James Hong (เจมส์ ฮอง) จากภายนตร์เรื่อง Archer, A.N.T. Farm, Pair of Kings, Trinity Goodheart
Robert John Burke (โรเบิร์ต จอห์น เบิร์ค)จากภายนตร์เรื่อง Person of Interest, Rescue Me, White Collar, Blue Bloods, Gossip Girl

จุดเด่น   SAFE เป็นภาพยนตร์แอ็กชั่นที่มีความรู้สึกสะเทือนใจที่เข้มข้นและแปลกใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการสูญเสียทุกอย่างในชีวิตและการพบกันโดยบังเอิญ ครั้งนี้ก็ทำให้เขามีเหตุผลที่จะมีชีวิตอีกครั้ง







เรื่องย่อ

               Mei (แคทเธอรีน ชาน) เป็นอัจฉริยะคณิตศาสตร์ชาวจีนวัย 10 ขวบ ผู้ถูกลักพาตัวจากบ้านของเธอในนานกิง จากพวกองค์กรมืด เธอถูก Han Jiao (เจมส์ ฮอง) หัวหน้าองค์กรมืดส่งตัวไปอเมริกา ที่ซึ่งเธอจะทำหน้าที่เป็น "เคาน์เตอร์" สำหรับกิจการขู่กรรโชกของพวกเขา ไม่มีทั้งคอมพิวเตอร์ และร่องรอยเอกสาร เธอเก็บตัวเลขทั้งหมดนั้นไว้ในหัวของเธอ หนึ่งปีให้หลัง Chang (เร็จจี้ ลี) “พ่อ" บุญธรรมคนใหม่ของเธอก็พาเธอมาด้วยเพื่อนับตัวเลข ขณะที่เขาจัดการเรื่องธุรกิจของตัวเอง Luke Wright (เจสัน สเตแธม) เป็นนักสู้ชั้นสอง ในแวดวงศิลปะการต่อสู้ผสมในนิวเจอร์ซีย์ เมื่อเขาทำให้แผนการล้มมวยพังพินาศ กลุ่มมาเฟียรัสเซียก็จัดการเชือดไก่ให้ลิงดู ด้วยการสังหารภรรยาของเขาและขู่จะฆ่าทุกคนที่เขาผูกมิตรหรือมีความสัมพันธ์ด้วย ตอนนี้ Luke ที่เป็นคนบ้านแตกสาแหรกขาด ยากแค้นและแปลกแยกจากคนในสังคม ได้ร่อนเร่ไปตามท้องถนนในนิวยอร์กราวกับวิญญาณ ที่ก้าวสู่ขอบเหวของการฆ่าตัวตาย
« Last Edit: March 25, 2012, 07:19:27 PM by happy »

happy on March 23, 2012, 03:39:18 PM





ข้อมูลงานสร้าง

               ลอว์เรนซ์ เบนเดอร์ ได้อำนวยการสร้างภาพยนตร์แอ็คชั่นที่ประสบความสำเร็จสูงสุดและแปลกใหม่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งรวมถึง Pulp Fiction, Reservoir Dogs, From Dusk Till Dawn, Kill Bill, Vol. 1 and 2 and Inglorious Bastards ดังนั้น เมื่อโบแอซ ยากิน ผู้กำกับ Remember the Titans ตัดสินใจจะสร้างภาพยนตร์แอ็คชั่น ก็ไม่มีผู้อำนวยการสร้างคนไหนที่เขาต้องการมากไปกว่าเบนเดอร์อีกแล้ว
   “ผมกับลอว์เรนซ์สร้าง Fresh และ A Price Above Rubies มาด้วยกันครับ" ยากิน ผู้เขียนบทภาพยนตร์เรื่อง Safe เล่า "เราไม่ได้ทำงานด้วยกันมาเกือบ 10 ปีแล้ว ผมกำลังมองหาผู้อำนวยการสร้าง แล้วลอว์เรนซ์ก็สนใจ เราก็เลยตัดสินใจร่วมงานกันอีกครั้งครับ"
   เบนเดอร์เองก็กระตือรือร้นกับบทของยากินด้วยเช่นกัน "โบแอซมีสไตล์ยอดเยี่ยมในฐานะมือเขียนบทและเขาก็เป็นผู้กำกับที่วิเศษสุดด้วย ดังนั้น พอเขาบอกผมว่าเขาอยากจะสร้างหนังแอ็คชั่นที่มีความรู้สึกสะเทือนใจเข้มข้น ผมก็รออ่านบทไม่ไหวเลยล่ะครับ"
   ยากิน ที่เป็นมือเขียนบทแอ็คชั่นชื่อดังอยู่แล้ว ได้เขียนบทภาพยนตร์ให้กับ The Punisher และภาพยนตร์โดยคลินท์ อีสต์วู้ดเรื่อง The Rookie แต่เขาก็ไม่เคยกำกับภาพยนตร์แอ็คชั่นมาก่อน หลังจากที่เขาได้สร้างภาพยนตร์ที่อารมณ์เคร่งเครียด Death In Love ในปี 2008 เขาก็พร้อมแล้วที่จะกระโจนใส่ภาพยนตร์แอ็คชั่น "ผมอยากจะสร้างหนังที่มีเสน่ห์ในวงกว้าง ผมก็เลยคิดว่า ลองดูดีกว่าว่าผมจะเขียนบทพวกนี้อย่างที่ผมเคยเขียนตอนที่ผมเริ่มต้นทำงานใหม่ๆ ได้รึเปล่า ขณะที่เรื่องราวพัฒนาขึ้น ผมก็เริ่มเข้าถึงตัวละครหลักมากขึ้น กระบวนการในการดึงตัวเองออกจากความมืดมิด การก้าวไปข้างหน้าทีละก้าวๆ และพบเหตุผลของการมีชีวิตและผูกพันกับชีวิตอีกครั้งหนึ่งน่ะครับ"
   สำหรับยากิน หัวใจที่สะเทือนอารมณ์ของเรื่องเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ "ไอเดียของการกำกับหนังแอ็คชั่นเป็นเรื่องน่าสนใจก็จริง แต่ถ้ามันไม่มีแรงจูงใจด้านอารมณ์ที่ชัดเจนสำหรับแอ็คชั่น มันก็เหมือนกับการกำกับการจราจรนั่นแหละครับ" ยากินกล่าวยิ้มๆ "แอ็คชั่นจะเป็นเรื่องทางด้านเทคนิคและรายละเอียด ในหนังแอ็คชั่นหลายเรื่อง คุณได้แต่คอยให้เกิดประกายไฟวูบวาบ แต่ผมอยากให้ฉากแอ็คชั่นทุกฉากในหนังเรื่องนี้เกิดขึ้นจากความต้องการทางอารมณ์ของตัวละครครับ"
   “นี่เป็นหนังเกี่ยวกับคนที่สูญเสียทุกอย่างในชีวิต และการพบกันโดยบังเอิญครั้งนี้ก็ทำให้เขามีเหตุผลที่จะมีชีวิตอีกครั้ง" ยากินบอก "เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้ต้องการความช่วยเหลือและตัวละครที่บอบช้ำทางจิตใจคนนี้ก็หาวิธีที่จะช่วยเหลือเธอครับ"
   เมื่อถึงเวลาคัดเลือกนักแสดง เบนเดอร์และยากินก็สนใจในตัวเจสัน สเตแธม "ผมเคยพบกับเจสันแล้ว เขาเป็นคนดีมากๆ และผมก็อยากจะร่วมงานกับเขาครับ" เบนเดอร์บอก "ผมประทับใจว่าเขามีพลังมากแค่ไหน ตั้งแต่ที่ผมได้พบเขาครั้งแรกแล้ว เขามีบารมีที่ยิ่งใหญ่บนหน้าจอ และเขาก็ใส่เอาความหนักแน่นที่ไม่สั่นคลอนเข้าไปให้กับตัวละครของเขาด้วยครับ" เบนเดอร์นำบทไปเสนอสเตแธม ผู้อ่านบทและก็ชอบมัน
   “ลอว์เรนซ์มีส่วนสำคัญในการทำให้เจสันตอบตกลงและช่วยทำให้หนัเงรื่องนี้เป็นรูปเป็นร่างครับ" ยากินยอมรับ "นี่เป็นหนังที่เจสันเป็นตัวเด่น" เขากล่าวต่อ "มันเป็นหนังแอ็คชั่น เขารับบทเป็นผู้ชายแข็งแกร่ง แต่ตัวละครตัวนี้เปราะบางและอ่อนไหวกว่าตัวละครอื่นๆ ตามปกติของเขา นั่นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ผมได้คุยกับเจสันตอนที่เราเริ่มทำงาน ผมอยากจะรู้ว่าเขาตื่นเต้นและเปิดกว้างต่อการรับบทคนที่ถูกทำร้ายและเปราะบางน่ะครับ"
   การต่อสู้ที่ลุค ไรท์จะต้องแกล้งแพ้กลับผิดพลาดอย่างร้ายแรง และผู้ที่ต้องเสียเงินพนันคือกลุ่มมาเฟียรัสเซีย ที่โหดเหี้ยม ไร้ปรานี ลุค ที่ตื่นกลัว เร่งรุดกลับบ้านเพื่อพาแอนนี ภรรยาของเขาหนีไปยังที่ปลอดภัย แต่ก็สายเกินไป แอนนีตายแล้ว และเขาก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ไปเพื่ออะไร
   ยากินพูดถึงฉากนั้นว่า "เขายอมแพ้ครับ เขานั่งอยู่ท่ามกลางมาเฟียรัสเซียพวกนี้ พวกเขาบอกเขาว่าพวกเขาจะทำอะไรกับเขาบ้าง กล้องจับไปที่เจสัน...มันเป็นลองช็อตหนึ่งนาทีครับ แล้วกล้องก็จับใบหน้าของเขาใกล้กว่าเดิม ในดวงตาของเขามีความหนักแน่นและความจริงจังมาก มีนักแสดงไม่กี่คนหรอกครับที่สามารถทำอย่างที่เจสันทำในฉากนั้นได้" ยากินคาดหวังว่าสเตแธมจะแสดงฉากแอ็คชั่นได้อย่างดี "เขาเป็นคนละเอียดละออเป็นบ้าเลยครับ" เขากล่าว และเขาก็ประทับใจไม่แพ้กันกับช่วงเวลาดราม่าสะเทือนอารมณ์ของนักแสดงหนุ่ม "เขาทุ่มเทให้กับการเผยแง่มุมสะเทือนอารมณ์ของตัวละครตัวนี้ออกมาจริงๆ ผมคิดว่ามันจะทำให้หลายคนประหลาดใจว่าเขาเป็นนักแสดงที่ดีแค่ไหนน่ะครับ"
   “เจสันเป็นนักแสดงที่จริงจังครับ" เบนเดอร์บอก "เขามีสมาธิ และทุ่มเทให้กับสิ่งที่เขาทำมาก ตัวละครของเขาในช่วงเวลานี้ของเรื่องจะรู้สึกโหวงเหวงภายใน เป็นเหมือนหลุมดำที่ว่างเปล่า ความเจ็บปวดของเขาสาหัสจนเขาไม่สามารถจะรับความรู้สึกนั้นได้ และเจสันก็ถ่ายทอดความว่างเปล่านั้นออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมครับ"
   ลุคเป็นคนที่หลงทาง ขณะที่เขาร่อนเร่ไปตามท้องถนนในเมืองโดยไร้จุดมุ่งหมาย เขาก็เริ่มนึกถึงการฆ่าตัวตาย
   “เราได้แนะนำเมย์ในหนังเรื่องนี้ก่อนที่เราจะได้พบกับลุคอีก" เบนเดอร์บอก "ดังนั้น พอเธอกับลุคได้พบกันโดยบังเอิญ เราก็รู้แล้วว่าเธอเจออะไรมาแล้วบ้าง" เมย์ อัจฉริยะทางคณิตศาสตร์วัย 10 ขวบ ใช้ชีวิตอยู่ในจีนในตอนที่ความสามารถด้านคณิตศาสตร์และความทรงจำที่ไร้ที่ติของเธอเป็นที่สนใจของฮัน เจียว (เจมส์ ฮอง) หัวหน้าองค์กรมืด เธอถูกลักพาตัวไปยังอเมริกาและ "ได้รับการอุปการะ" โดยเหยา ชาง (เร็จจี้ ลี) ลูกน้องระดับกลางในองค์กรมืด เธอถูกดูดกลืนเข้าสู่ครอบครัวอาชญากรรมนี้ในฐานะ "บัญชีมนุษย์" ของพวกเขา ซึ่งทำให้พวกเขาไม่จำเป็นต้องมีบันทึกด้านการเงินประเภทใดๆ ก็ตามทิ้งไว้เป็นหลักฐาน
   ฮัน เจียว มาทำธุรกิจที่นิวยอร์ก และเขาก็มีคำขอพิเศษสำหรับเมย์ มีตัวเลขชุดหนึ่งที่เธอต้องจำให้ได้ ซึ่งตัวเลขชุดนี้เป็นรหัสเซฟในไชนาทาวน์ ที่ซ่อนเงินสด 30 ล้านเหรียญเอาไว้ องค์กรมืดได้สะสมเงินจำนวนนี้มาเป็นเวลาหลายปีและวางแผนที่จะใช้เงินจำนวนนี้ซื้อข้อมูลสำคัญ เมย์จะต้องไม่เปิดเผยตัวเลขชุดนี้ให้กับใครทั้งนั้น และเธอก็จะต้องเปิดเซฟให้พวกเขา แต่กลุ่มมาเฟียรัสเซียดมกลิ่นเงินได้ และพวกเขาก็พยายามจะครอบครองเงินจำนวนนี้มานานแล้ว เมย์ฉลาดพอที่จะรู้ว่าไม่ว่าองค์กรมืดหรือพวกรัสเซียจะไปถึงเซฟก่อน เธอก็ไม่รอดอยู่ดี
   นักแสดงผู้คร่ำหวอดในวงการ เจมส์ ฮองรับบทฮัน เจียว "เป็นเรื่องสำคัญมากต่อหนังเรื่องนี้ที่คุณจะรู้สึกว่าตัวร้ายมีลักษณะลึกลับเกือบเหมือนเทพเจ้าน่ะครับ" ยากินบอก "ผมต้องการคนที่ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่ และเจมส์ก็สามารถถ่ายทอดความรู้สึกนั้นออกมาได้"
   “ผมดีใจมากๆ ที่โบแอซเลือกผมสำหรับบทนี้" ฮองบอก "มันเป็นความท้าทายครับเพราะจีนกลางไม่ใช่ภาษาแม่ของผม แต่หลังจากที่ได้ดูฟุตเทจของหนังเรื่องนี้ ผมก็แฮปปี้กับการแสดงของผมมากๆ ฮัน เจียวเป็นบอสจอมโฉดขององค์กรมืด แต่เขาก็มีอารมณ์ขันที่จริงจังมากๆ ผมรอที่จะได้ดูหนังฉบับเต็มอย่างใจจดใจจ่อ การถ่ายทำในฟิลาเดลเฟียทำให้ผมมีความสุขมากครับ"
   การหานักแสดงหญิงวัย 10 ขวบที่เหมาะกับบทเมย์เป็นหน้าที่ของผู้กำกับฝ่ายคัดเลือกนักแสดง ดั๊ก เอบีล ยากินและเอบีลเคยร่วมงานกันมาก่อนใน Fresh และเอบีลก็มีพรสวรรค์พิเศษสุดในการคัดเลือกนักแสดงเด็ก อย่างที่ Signs, The Royal Tennebaums และ The Squid and the Whale ได้พิสูจน์มาแล้ว
   “แคทเธอรีนอยู่ตรงนั้นในวันแรกของการคัดเลือกนักแสดง" ยากินเล่า "เธอมีคุณสมบัติบางอย่างที่อ่อนไหวและซื่อสัตย์มากๆ ครับ"
   “มันน่าตื่นเต้นมากค่ะ เพราะมันเป็นการออดิชันสำหรับหนังจริงๆ ของฉันเป็นครั้งแรก" นักแสดงหญิงวัยสิบสองปี ผู้เพิ่งมีผลงานภาพยนตร์เป็นเรื่องแรก กล่าว "ฉันประหม่าหน่อยๆ ฉันบอกแม่ฉันว่าถ้าฉันไม่ได้แสดงหนังเรื่องนี้ ฉันจะซ่อนตัวอยู่ในตู้เสื้อผ้าจนกว่าหนังเรื่องนี้จะออกจากโรงไปแล้วน่ะค่ะ"
   “เราออดิชันเด็กผู้หญิงหลายคนมาก" เบนเดอร์เล่า "แคทเธอรีนมีความเปราะบางในระดับที่เหมาะสม แต่ก็มีความจริงจังในระดับที่เหมาะสมด้วยครับ ตัวละครของเธอเปลี่ยนจากเด็กหญิงไร้เดียงสา ไปเป็นหดหู่ และ 'มาลงมือกันเถอะ!' ซึ่งนั่นเป็นอารมณ์ที่หลากหลายมากสำหรับเด็กหญิงวัย 11 ขวบครับ"
   “เธอแสดงได้ดีมากครับ” ยากินบอก “แต่เธอไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนเป็น ‘นักแสดง’ เธอให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเด็กจริงๆ เธอเก่งมากๆ ในความนิ่งของเธอ สำหรับผมแล้ว นั่นเป็นหนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุด การตามหาเด็กที่สามารถแสดงได้ในตอนที่เธอไม่แสดงน่ะครับ การฟังเป็นเรื่องที่ยากที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ในฐานะนักแสดง แคทเธอรีนมาพร้อมกับลักษณะที่น่าสงสารจริงๆ และเธอก็เก่งมากๆ ด้วย”
   “เจมส์พบวิธีที่จะดึงคุณสมบัติบางอย่างออกจากตัวแคทเธอรีน ในแบบที่ไม่มีใครคนอื่นทำได้” เขากล่าวต่อ “เมื่อเธอเข้าฉากกับเขา เธอก็ยกระดับการแสดงของเธอขึ้นมา”
   การทำงานกับดาราอย่างเจสัน สเตแธม เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับนักแสดงรุ่นเยาว์ “เจสันเป็นดาราใหญ่ค่ะ” แคทเธอรีนบอก “แต่เมื่อคุณร่วมงานกับเขา คุณก็จะรู้สึกว่าเขาเป็นคนขยัน เขาดีกับฉันมากและเขาก็หัวเราะบ่อยด้วยค่ะ”
   มาเฟียรัสเซียค้นพบว่าเมย์จดจำรหัสเซฟไว้ในหัวของเธอ พวกเขาจึงได้เพิ่มความกดดันที่จะตามหาตัวเธอให้พบ พวกองค์กรมืดพยายามซ่อนตัวเธอไว้ แต่พวกรัสเซียอยู่ทุกหนทุกแห่ง และพวกเขาก็ซุ่มโจมตีเหยา ชางและเมย์บนถนนที่เงียบงัน เหยา ชางชักปืนออกมาและเอาปืนจี้ที่หัวของเมย์ “พวกเขาจะเอาตัวเธอไปไม่ได้” เขาบอก และเอาปืนจี้ขมับเธอขณะที่พวกคนร้ายรุกคืบเข้าใกล้รถของเขา
   “มันเป็นช่วงเวลาที่น่าสะพรึงกลัว” เบนเดอร์บอก “และแคทเธอรีนก็แสดงได้อย่างวิเศษสุด มันเป็นการหักหลังเมย์อย่างที่สุด และแม้ว่าเขาจะไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของเธอ เขาก็เป็นผู้พิทักษ์เธอ และเธอก็ต้องเผชิญกับความจริงที่ว่าเขายินดีจะให้เธอตายมากกว่าจะเสี่ยงสูญเสียรหัสไปให้พวกรัสเซีย”
   บทเหยา ชาง แก๊งสเตอร์ยุคใหม่ รับบทโดยเร็จจี้ ลี “เร็จจี้เป็นนักแสดงคนโปรดของผมในเรื่องครับ” ยากินพูดอย่างกระตือรือร้น “เขาเป็นแก๊งสเตอร์ธรรมดาๆ ที่ดูแลเธอ เขาเป็นคนเลวก็จริงแต่เขาก็มองตัวเองว่าเป็นคนที่ทำงานตามหน้าที่ที่ต้องทำ แม้ว่าเขาจะเป็นตัวละครที่เข้มแข็ง แต่การรับอุปการะเด็กหญิงคนนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากจะทำซักเท่าไหร่ เขาแคร์เธอและเคารพเธอจริงๆ ค่ะ เร็จจี้สามารถเดินเข้าไปในกองถ่าย แล้วเริ่มแสดงฉากของเขา แล้วทุกคนก็จะหยุดทำสิ่งที่พวกเขาทำอยู่เพื่อดูเขา เขาเป็นนักแสดงที่น่าประหลาดใจที่สุด เป็นคนเก่งที่สุดครับ” ลีมีประสบการณ์แง่บวกพอๆ กัน “ผมเคยแสดงหนังแอ็กชันมาก่อน แต่ผมไม่เคยแสดงตัวละครที่มีมิติและรายละเอียดพิถีพิถันมากเท่าชางมาก่อน ผมต้องยกย่องโบแอซ ยากินในการทำให้ตัวละครในหนังแอ็กชันเรื่องนี้มีสีสันและความท้าทายทางอารมณ์มากเหลือเกิน” ลีบอก “ผมพูดภาษาจีนกวางตุ้งและจีนกลางก็จริง แต่ผมก็อยากจะพูดด้วยสำเนียงที่ถูกต้องสำหรับหนังเรื่องนี้ ผมก็เลยฝึกซ้อมมาก่อนเพื่อให้ได้สำเนียงเฉพาะที่ใช่และพูดได้อย่างคล่องแคล่วเป็นธรรมชาติน่ะครับ”
   “ตัวละครของผมเป็นรองหัวหน้าภายใต้บังคับบัญชาของฮัน เจียว” ลีบอก “เราใช้งานเมย์ เด็กหญิงจากจีน เพราะความชำนาญของเธอในการจดจำตัวเลขช่วยเหลือเราในการทำงานของเราในอเมริกาครับ ท้ายที่สุด ผมก็รับอุปการะเธอเพื่อทำให้เธออยู่ในอเมริกาได้อย่างถูกกฎหมาย มันเป็นความสัมพันธ์ที่ดีจริงๆ เพราะหลังจากดูแลเธอมาหนึ่งปีในอเมริกา ตัวละครของผมก็เริ่มรู้สึกถึงสัญชาตญาณความเป็นพ่อสำหรับเธอ ในขณะเดียวกัน ผมก็ยังต้องทำงานของตัวเอง ซึ่งคือการใช้เธอในสถานการณ์อันตรายเพื่อให้ได้สิ่งที่ฮัน เจียวต้องการ นี่เป็นหนึ่งในบทที่สนุกที่สุดเท่าที่ผมเคยเล่นมาจนถึงปัจจุบันครับ” ลีเล่าว่าแคทเธอรีนรู้สึกเขินๆ ในตอนที่พวกเขาได้พบกันครั้งแรก เพราะเธอเคยดูซีรีส์ Prison Break ของเขามาก่อน
   ลีมีความเคารพและความชื่นชมอย่างสุดซึ้งสำหรับโบแอซ ยากิน “ผมพูดได้ไม่หยุดเลยครับ โบแอซเป็นหนึ่งในผู้กำกับที่โอบอ้อมอารีและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ที่สุดเท่าที่ผมเคยร่วมงานด้วย เขาคอยระมัดระวังในการดูแลงานของคุณและชีวิตของตัวละครที่คุณสร้างขึ้นมา มันเป็นการทำงานที่ยาวนานมาก แต่เขาก็ยังคงคอยดูแลเอาใจใส่พวกเราตลอดเวลา ผมคงบอกได้ไม่มากพอหรอกนะครับว่าผมอยากจะร่วมงานกับเขาอีกครั้งมากแค่ไหน….ผมคิดว่านักแสดงคนไหนๆ ก็จะคิดแบบนี้ครับ”
   พวกวายร้ายมาถึงรถและกระชากประตูออก คว้าตัวเมย์มาและเริ่มยิง ท่ามกลางความโกลาหล เมย์เห็นโอกาสและแอบเปิดประตูรถหนีไปทางสถานีรถไฟใต้ดินที่อยู่ใกล้ๆ ผู้ที่ยืนอยู่บนสถานีตามลำพัง และจ้องไปที่ทางรถไฟคือลุค เขาจมอยู่ในความทุกข์ของตัวเองจนกระทั่งเขาเห็นแสงไฟวูบวาบ และหันไปเจอเมย์ ที่กำลังตื่นกลัว วิ่งเร็วที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ผ่านสถานีไป ด้วยความพยายามจะหนีจากวายร้ายถือปืนสี่คน ที่กำลังไล่ตามเธอมาติดๆ บางสิ่งบนใบหน้าของเด็กหญิงตัวน้อยขจัดเมฆหมอกในใจเขา บีบให้เขาต้องลงมือ และวายร้ายพวกนั้นก็หมดโอกาสสู้
   ขณะที่เมย์เล่าเรื่องของเธอให้ลุคฟัง ลุคก็เริ่มมองเห็นแบบแผนเกิดขึ้น หนึ่งในผู้ร้ายพวกนั้นอาจจะเป็นหนึ่งในแก๊งรัสเซียที่ฆ่าภรรยาของเขาก็เป็นได้ และก็ชัดเจนว่าหากไม่ได้เขาช่วยเหลือ เมย์ก็ไม่มีโอกาสรอดชีวิตอย่างแน่นอน ลุคจะต้องพาเมย์หนีออกนอกเมือง ให้ไกลจากพวกคนที่อยากจะสังหารเธอ
   “ในตอนที่เราได้พบลุคครั้งแรก” เบนเดอร์บอก “เขาเป็นคนเข้มแข็งที่กำลังตกต่ำ เราไม่รู้อะไรอย่างอื่นเกี่ยวกับเขาเลย เว้นแต่ว่าเขาพยายามที่จะหาเลี้ยงชีพด้วยการสู้ในสถานที่ในมุมมืดพวกนี้” แต่ขณะที่เรื่องราวถูกเปิดเผยออกมา เราก็ได้เรียนรู้ว่า เบื้องหลังนักมวยผู้สิ้นหวังผู้นี้คืออดีตตำรวจ NYPD และเจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษ ลุคถูกวอชิงตันส่งตัวไปนิวยอร์ก ซิตี้ หลังจากเหตุการณ์ 9/11 เพื่อช่วยนายกเทศมนตรีทราเมลโล (คริส ซาแรนดอน) ปราบอาชญากรร้ายที่อาจหาญมากขึ้นเรื่อยๆ และตลาดมืดที่เติบโตขึ้น เขาได้ร่วมกับกองกำลังในหน่วย NYPD และไม่นานนัก บอสใหญ่คนแล้วคนเล่าก็ถูกพบเป็นศพ โดยไร้เงื่อนงำ และไม่มีหลักฐานใดๆ “วิญญาณอันตราย” ทราเมลโลพูดถึงไรท์
   แต่ลุคมีจุดอ่อน นั่นคือเขาเป็นคนซื่อสัตย์ และเมื่อเงินนอกกฎหมายที่พรั่งพรูเข้ามาในเมืองนี้เริ่มไหลไปเข้ากระเป๋าของตำรวจในหน่วยของเขา เขาก็ทนไม่ได้ “ลุคขู่ที่จะเปิดโปงพวกเขาและหน่วยของพวกเขาก็ถูกปิดตัวลง” ยากินบอก “เขาไม่ได้เปิดโปงพวกเขาก็จริง แต่เขาก็จากมา และรู้สึกผิดกับเรื่องนี้ ดังนั้น เขาก็เลยกลายมาเป็นนักมวยครับ”
   ลุคตัดสินใจไปเยือนเพื่อนและคู่ปรับเก่าของเขา สารวัตรวูลฟ์ (โรเบิร์ต จอห์น เบิร์ค) แห่ง NYPD ผู้เป็นผู้บังคับบัญชาของเขาในหน่วยรบพิเศษ “เขาเป็นเหมือนสารวัตรเนฟาเรียสเลยครับ” เบิร์คกล่าวกลั้วหัวเราะ “วูลฟ์รู้สึกว่าเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม เช็คเงินเดือนตำรวจของเขาไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว เขาก็เลยจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อกอบโกยเงินครับ”
   “วูลฟ์เป็นคนที่ทะเยอทะยานกว่าที่เขาจะสามารถทำตามความทะเยอทะยานนั้นได้ครับ” ยากินกล่าวเสริม “เขาเป็นคนที่เป็นมือโปรด้านการควบคุมอาณาเขตของเขา แต่ก็ไม่กล้าจริงน่ะครับ”
   วูลฟ์ควบคุมการพนันและการค้าของเถื่อนในหลายเขตทั่วเมือง และเขาก็จัดการจับให้แก๊งต่างๆ ประหัตประหารกันเองเพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงสุดสำหรับตัวเอง แต่หน้าที่การงานของเขาก็แปดเปื้อนด้วยพฤติกรรมของเขาเองและเขาก็เชื่อใจนายกเทศมนตรีทราเมลโลทั้งๆ ที่ไม่ควรทำ
   “มันเป็นตัวอย่างที่คลาสสิกของผู้ชายที่เต็มใจจะเป็นเบอร์สองมานาน ผู้ที่ “ถูกสัญญา” ว่าจะได้เลื่อนตำแหน่ง แต่มันไม่เคยเป็นความจริงเลย” เบนเดอร์บอก “เขาโกรธทราเมลโล เขาถูกหักหลังครับ”
   “วูลฟ์รู้สึกว่านายกเทศมนตรีทราเมลโลเป็นหนี้เขาครับ” เบิร์คบอก “สิ่งที่วูลฟ์เข้าใจคืองานตำรวจที่มีประสิทธิภาพ แม้จะผิดกฎหมายของเขาคือสิ่งที่ช่วยส่งให้ทราเมลโลได้ครองตำแหน่งนายกเทศมนตรี แต่ดูเหมือนเขาจะเคารพลุคอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจนัก การที่เขาอาจจะถูกขัดขวางไม่ให้เป็นผู้บัญชาการตำรวจผลักดันให้เขาช่วยเหลือลุคเพื่อดูว่าเขาจะสามารถกอบโกยผลประโยชน์จากเงินนอกกฎหมายได้อีก          รึเปล่า” เบิร์คกล่าวต่อ “เขาไม่โง่นะครับ เขาจับฝ่ายหนึ่งชนกับอีกฝ่ายหนึ่งจนกระทั่งลุคมีโอกาสถือไพ่เหนือกว่าครับ”
   เบิร์คเล่าถึงประสบการณ์การทำงานร่วมกับสเตแธมว่า “เขาเป็นมืออาชีพเต็มตัว ทั้งฉลาด ตลก เฉียบคม สร้างสรรค์ ทำงานหนัก และไม่ยอมทำอะไรแค่ครึ่งๆ กลางๆ เขามีพรสวรรค์และเป็นคนเอื้อเฟื้อมากๆ เขานำพลังงานมาสู่การแสดงแต่ละฉากได้มากกว่านักแสดงสิบคนรวมกันซะอีก”
   นอกจากนี้ ทราเมลโล (คริส ซาแรนดอน) ยังเกี่ยวพันกับเรื่องนี้อย่างลึกซึ้งด้วย เขามีทั้งไฟล์ ข้อมูลที่องค์กรมืดต้องการและพอเขาส่งดิสก์นี้ไป เขาก็จะสามารถเดินจากไปพร้อมกับเงิน 30 ล้านเหรียญ “คริสเป็นนักแสดงละครเวทีและจอเงิน” ยากินบอก “เขาเคยมีผลงานเยี่ยมๆ มามากมาย สิ่งที่ยอดเยี่ยมคือแม้ว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นเรื่องร่วมสมัย มันก็ทำให้นึกถึงหนังอาชญากรรมแอ็กชันดิบเถื่อนจากยุค 70s แรงบันดาลใจของมันมาจาก The Seven-Ups และ The French Connection รวมทั้งหนังเรื่องอื่นในแนวนี้ด้วย คริสมีผลงานเป็นหนังแนวนั้นหลายเรื่อง และผมก็ชื่นชอบการนำพลังงานของเขามาสู่หนังเรื่องนี้ครับ”
   ด้วยสมองของเมย์และการฝึกฝนของลุค รวมทั้งความเสี่ยงตายเพื่อเอาชีวิตรอด ทั้งคู่ก็ได้คิดแผนที่จะล้มทั้งองค์กรมืดและมาเฟียรัสเซีย และเข้าถึงเงินจำนวนนั้น เมย์ทำให้ลุคมีเหตุผลที่จะมีชีวิตต่อไป และภายในตัวเขาก็มีไฟลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง เขารอมานานเกินพอแล้ว เขามีเรื่องให้ต้องแก้มือ
« Last Edit: March 25, 2012, 07:20:44 PM by happy »

happy on March 23, 2012, 03:42:05 PM







เกี่ยวกับงานสร้าง

               “ลอว์เรนซ์มักพบตัวเองอยู่ในตำแหน่งที่เขาพยายามจะสร้างหนังด้วยทุนหนึ่งในสามของที่ควรจะเป็น” ยากินบอก “และเขาก็พยายามสนับสนุนผู้กำกับและสร้างหนังที่ดีที่สุดพร้อมๆ กับการคอยระวังเรื่องงบประมาณไปด้วย มันเป็นงานที่จุกจิกมากครับ ผมคิดว่าลอว์เรนซ์มักจะอยู่ในตำแหน่งนั้นของหนัง ที่เขาจะทำให้สิ่งที่มีอยู่น้อยดูเหมือนมากกว่านั้น และเขาก็ทำได้ดีจริงๆ ผมคิดว่าเราคงไม่อาจสร้างหนังเรื่องนี้ขึ้นมาได้ถ้าไม่มีลอว์เรนซ์หรอกครับ”
   “ผมรู้จักโบแอซมายี่สิบปีแล้ว แต่เราก็ไม่ได้ร่วมงานกันมา 10 ปีแล้ว ผมก็เลยตื่นเต้นเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก” เบนเดอร์บอก “พอเราเริ่มทำงานร่วมกัน มันก็ชัดเจนว่าโบแอซมีไอเดียที่แปลกใหม่จริงๆ เกี่ยวกับแอ็คชั่น สตอรีบอร์ดของเขาน่าทึ่งมากครับ”
   การสร้างลุคของภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องอาศัยการพูดคุยกันหลายชั่วโมงระหว่างยากิน, เบนเดอร์, ผู้กำกับภาพสเตฟาน ซาปสกี้และผู้ออกแบบงานสร้างโจเซฟ นีเม็คด้วย
   “สเตฟานได้ถ่ายทำหนังฟอร์มยักษ์จริงๆ กับทิม เบอร์ตันและเขาก็ถ่ายทำหนังเยี่ยมๆ หลายเรื่องในนิวยอร์กด้วย” ยากินบอก “ผมคิดว่าเขากระตือรือร้นที่จะกลับไปสู่การเป็นช่างภาพนิวยอร์กจริงๆ เขาทำงานเร็ว มีประสิทธิภาพและเขาก็เป็นนักแก้ปัญหาด้วย เขาเชื่อมโยงกับเราจริงๆ ในแง่ที่ว่าหนังเรื่องนี้ควรจะมีลุคอย่างไรน่ะครับ”
   ยากินอธิบายถึงกระบวนการในการสร้างลุคสำหรับ Safe “เราดูหนังนิวยอร์กยุค 70s ด้วยกัน ผมชอบใช้เลนส์ลองและเลนส์ไวด์เพื่อที่หนังเรื่องนี้จะได้กลับไปกลับมาระหว่างลุคที่สนิทแนบแน่นและลุคที่เปิดเผยมากกว่า โดยไม่มีพื้นที่สบายๆ ตรงกลางน่ะครับ”
   “บ่อยครั้งที่เราจะทำงานกับกล้องมากกว่าหนึ่งตัว” ยากินเล่าต่อ “และสเตฟานก็มีวิธีในการทำให้กล้องตัวที่สองเล่าเรื่องราวได้ดีพอๆ กับกล้องตัวแรก ผมทำงานกับช็อตลิสต์ที่เฉพาะเจาะจงมากๆ ที่ผมรวบรวมก่อนหน้าการถ่ายทำ และสเตฟานก็สามารถนำไอเดียจากช็อตลิสต์นั้นมาต่อยอดเพิ่มเติมได้ ซึ่งทำให้มันมีมุมมองหรือลุคที่ต่างไปจากเดิม มันใช้ได้ผลมากๆ เขาเป็นคนเก่งจริงๆ จริงๆ และหนังเรื่องนี้ก็ดูเยี่ยมมากครับ”
   ผู้ออกแบบงานสร้างโจเซฟ นีเม็ค มีความท้าทายที่ไม่จบสิ้นของทุนสร้างที่จำกัดจำเขี่ย แต่เบนเดอร์และยานิคก็เห็นพ้องต้องกันว่าสิ่งที่เขาสามารถสร้างขึ้นมาได้เป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจ “โจเซฟมีพรสวรรค์อย่างเหลือเชื่อ” ยากินกล่าว “เรามีทุนสร้างที่จำกัดแต่มันก็ยากเพราะความทะเยอทะยานของเราสูงเกินกว่าที่ทุนสร้างเท่านี้จะทำได้ เราโชคดีที่เรามีคนที่เต็มใจจะทำงานอย่างดีที่สุดและให้ในสิ่งที่เราต้องการภายใต้จำนวนเงินน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จริงๆ แล้ว ผมกับโจเซฟอยากจะนำเสนอสิ่งที่ดิบเถื่อน ให้ความรู้สึกแข็งกระด้าง และนำนิวยอร์กกลับสู่หนังของยุค 70s และต้นยุค 80s เราตั้งใจที่จะกำจัดแง่มุมบางอย่างของเมืองนี้ออกไปน่ะครับ”
   นีเม็คเตรียมสไลด์โชว์สำหรับสีสันและพื้นผิวของไอเดียต่างๆ และส่งมันไปให้ทั้งลอว์เรนซ์และยากินดู “ผมรู้สึกว่าเขาเข้าใจจริงๆว่าเราพยายามจะทำอะไร” เบนเดอร์กล่าว “เขารอบคอบมากๆ ในวิธีที่เขาทำงานและความใส่ใจในรายละเอียดของเขาก็ปรากฏในฉากและงานออกแบบของเขาครับ”
   แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเกิดขึ้นในนิวยอร์ก แต่การถ่ายทำก็เกิดขึ้นทั้งในนิวยอร์กและฟิลาเดลเฟีย “เราถ่ายทำภายนอกทั้งหมดของเราในนิวยอร์ก” ผู้กำกับยากินบอก “ไม่มีสถานที่ไหนที่สามารถใช้แทนนิวยอร์กได้จริงๆ หรอกครับ ไม่มีเลย เราอยากจะถ่ายทำทุกอย่างในนิวยอร์ก แต่มันก็เป็นเรื่องยาก การควบคุมถนนเป็นเรื่องยากและคนก็ชาชินกับการมีทีมงานถ่ายทำอยู่ตรงนั้นด้วย แต่เราก็ได้ฟุตเทจเยี่ยมๆ มาครับ”
   ในขณะที่ทีมงานถ่ายทำในนิวยอร์ก ฉากภายในก็ถูกเตรียมพร้อมในฟิลาเดลเฟีย หนึ่งในฉากที่ใหญ่ที่สุดคือคาสิโนขององค์กรมืด ซึ่งถูกสร้างขึ้นภายในจิราร์ด คอลเลจ “เราใช้อาคารหลังหนึ่งและโครงสร้างบางอย่างที่ยังมีอยู่ตรงนั้น แล้วสร้างฉากขนาดใหญ่ขึ้นมาภายในนั้นครับ” นีเม็คอธิบาย “มันเป็นฉากคาสิโนผิดกฎหมายใต้ดิน ดังนั้น ตอนแรกมันก็ถูกสร้างขึ้นมาอย่างหยาบๆ ซึ่งดูไม่ค่อยเหมาะกับคนพวกนี้ ที่ได้หยิบจับเงิน 30 ล้านเหรียญซักเท่าไหร่ เราก็เลยกลับไปทำให้มันเหมือนคลับมากขึ้น กลับไปในสมัยที่มีการห้าม พวกเขาจะมีคลับลับๆ ที่คุณจะต้องผ่านเข้าไปในทางเข้าที่ดูไม่มีอะไร แต่พอเข้าไปแล้ว มันก็เป็นสถานที่ที่ดีจริงๆ ครับ”
   แหล่งพักพิงสำหรับคนร่อนเร่ ที่ซึ่งลุคใช้ชีวิตอยู่ ในตอนที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดตัว จะต้องมีพื้นที่กว้างขวางพอที่จะรองรับเตียง 500 เตียงได้ “เดิมที เราจะต้องถ่ายทำในฟิลาเดลเฟีย ในห้องอาหารที่ว่างเปล่าของโรงเรียนเก่า เราจะทาสีใหม่และวาดภาพฝาผนัง ทั้งหมดที่เหมือนกับแหล่งพักพิงสำหรับคนร่อนเร่ แต่แล้วเราก็อยากจะประหยัดเงินและเราก็ดูแหล่งพักพิงจริงๆ แต่มันก็ไม่เวิร์ค ผมลืมชื่อมันไปแล้ว ผมคิดว่าน่าจะเป็นเซนต์โธมัส คือเกิดไฟไหม้ในโบสถ์แห่งนี้เมื่อประมาณห้าปีก่อน และพวกเขาก็มีโบสถ์คาธอลิคหนึ่งชั้น พวกเขารักษาส่วนหนึ่งของแท่นบูชาและทางเดินยาวเอาไว้ แล้วเอาผนังคอนกรีตใหม่เสริมเข้าไป แล้วทิ้งที่เหลือให้เป็นแบบเดิม ดังนั้น สองในสามของพื้นที่ในโบสถ์ก็จะกลายเป็นพื้นที่ว่างโล่ง พอผมได้เห็นมันเป็นครั้งแรก มันก็เป็นภาพที่น่าทึ่งจริงๆ”
   “นายกเทศมนตรีและเมืองฟิลาเดลเฟียได้ให้ความช่วยเหลือเราอย่างดีครับ” ยากินบอก “พวกเขายอมให้เราปิดถนนและคอยถามเราอยู่เรื่อยว่าพวกเขาจะช่วยเหลืออะไรเราได้บ้าง แทนที่จะทำให้เรารู้สึกเหมือนเราเป็นภาระ การถ่ายทำที่นั่นเยี่ยมมากและผมก็ซาบซึ้งกับความช่วยเหลือของพวกเขาครับ”
   โลเคชั่นอื่นๆ ได้แก่บ้านของลุค ไรท์ ซึ่งถ่ายทำในโฮล์มส์, เพนซิลวาเนีย, คาสิโนในเบนซาเลม, เพนซิลวาเนียและเบลเลวิว โฮเต็ลในย่านดาวน์ทาวน์ของฟิลาเดลเฟีย บลูมฟิลด์ เอสเตทในวิลลาโนวาถูกใช้แทนเกรซี แมนชัน ซึ่งเป็นที่พักประจำตำแหน่งของนายกเทศมนตรีนิวยอร์ก
   “มีคุณสมบัติบางอย่างจากหนังเรื่อง The French Connection ที่โบแอซชื่นชอบและเราก็คำนึงถึงเรื่องนั้นเสมอครับ” นีเม็คกล่าว “เราดึงเอาสีเขียว สีฟ้าทิ้งไป แล้วทำให้สีออกมาในโทนของสีน้ำตาล สีแทน และสีครีมครับ เราดึงตัวเองออกมาในตอนที่เราอยู่ในย่านไชนาทาวน์ตั้งแต่เริ่มต้นเรื่องแล้วล่ะครับ”
   นีเม็คไม่ได้ตัดสินใจในเรื่องงานสร้างสรรค์ของเขาจากแนวภาพยนตร์ แต่เขาตัดสินใจจากสไตล์และวิธีการถ่ายทำของผู้กำกับมากกว่า “คุณพยายามจะสร้างสิ่งแวดล้อมที่น่าสนใจที่สุดเท่าที่ทำได้ด้วยสิ่งที่คุณมี และผมก็คิดว่านั่นคือความท้าทายชิ้นใหญ่ที่สุดในหนังเรื่องนี้ครับ”


ฉากผาดโผน

               “เจสันเป็นคนที่ให้ความร่วมมือในการแสดงฉากผาดโผนด้วยดีครับ” ยากินบอก “สิ่งที่เขาทำในหนังเรื่องนี้…มันน่าทึ่งมากครับ แชด สตาเฮลสกี้, แบรด มาร์ตินและเจ.เจ.เพอร์รีจากบริษัท 8711 ของพวกเขาเป็นคนดูแลทุกอย่าง พวกเขาทำงานมากมายเหลือเกิน พวกเขารู้ดีว่าต้องทำอะไร แต่พวกเขาก็คิดหาวิธีใหม่ๆ ที่แตกต่างในการทำงานที่เวิร์คจริงๆ และคาดไม่ถึง พวกเขาจะไปทดสอบถ่ายฉากมาและทำการจำลองภาพพรีวิชวลไลเซชัน แล้วยกระดับไอเดียของพวกเราให้ไปอีกระดับหนึ่ง การร่วมงานกันระหว่างเราวิเศษสุดเลย แอ็กชันเยี่ยมจริงๆ ซึ่งผมคิดว่าไม่มีใครทำงานนี้ได้ดีไปกว่าพวกเขาอีกแล้วครับ”
« Last Edit: March 25, 2012, 07:22:10 PM by happy »

happy on March 23, 2012, 03:50:33 PM
ประวัตินักแสดง

เจสัน สเตแธม (ลุค ไรท์)

               เจสัน สเตแธมถูกดึงตัวออกจากความเป็นนักแสดงโนเนมโดยกาย ริทชี ผู้ต้องการจะเลือกนักแสดงหน้าใหม่มาแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Lock, Stock and Two Smoking Barrels หลังจากนั้น เขาก็ได้ร่วมงานกับริทชีอีกครั้งใน Snatch ที่เขาแสดงประกบแบรด พิตต์และเบนิซิโอ เดล โทโรและ Revolver กับมาร์ค สตรอง ในปี 2002 ลุค เบซงได้เลือกสเตแธมให้มารับบทแฟรงค์ มาร์ติน พระเอกใน The Transporter ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จทั่วโลก และมันก็ยังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยซีเควล Transporter 2 และ Transporter 3 ในปี 2009 ในปี 2003 สเตแธมได้แสดงในภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ช่วงซัมเมอร์เรื่อง The Italian Job ประกบชาร์ลิซ เธอรอนและมาร์ค วอห์ลเบิร์ก หลังจากนั้น เขาก็ได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในฐานะนักแสดงบู๊ในภาพยนตร์คัลท์ใต้ดิน Crank ที่เขารับบทพระเอกนักบู๊ที่ต้องอาศัยอะดรีนาลิน สเตแธมได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมในภาพยนตร์ปี 2008 โดยโรเจอร์ โดนัลด์สันเรื่อง The Bank Job เรื่องจริงของการปล้นธนาคารที่ถนนเบเกอร์ปี 1971 ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเขาได้แก่ The One, Cellular, WAR, London, รีเมก Death Race ที่กำกับโดยพอล ดับบลิวเอส แอนเดอร์สันและ Crank 2

แคทเธอรีน ชาน (เมย์)

               แคทเธอรีน ชาน เปิดตัวในโลกภาพยนตร์ด้วย Safe แคทเธอรีนวัย 12 ปีเริ่มเรียนการแสดงตั้งแต่ตอนที่เธออายุ 8 ขวบเธอได้แสดงในภาพยนตร์ขนาดสั้นเรื่อง Hannah and Henry, Underachievers, After Shock และมิวสิค วิดีโอเพลง Trolls นอกจากนี้ เธอยังได้แสดงในละครของโรงเรียนที่จีน ในตอนที่เธอไปเยี่ยมปู่และย่าของเธอที่จีนระหว่างปี 2005-2007 เธอเกิดในชิคาโก เธอย้ายไปอยู่นิวเจอร์ซีย์ตอนอายุได้ 1 ขวบ ปัจจุบัน เธออาศัยอยู่ในลอสแองเจลิส

โรเบิร์ต จอห์น เบิร์ค (สารวัตรวูลฟ์)

               เบิร์คสำเร็จการศึกษาจากเพอร์เชส, เอสยูเอ็นวาย (มหาวิทยาลัยรัฐนิวยอร์ก) มีประสบการณ์ในการแสดงมายาวนานเริ่มตั้งแต่ปลายยุค 70s เขาเกิดในนิวยอร์ก ก่อนที่จะเริ่มแสดงในตอนที่เขาฝึกงานที่เพอร์ฟอร์มิง อาร์ตส์ ฟาวน์เดชัน เพลย์เฮาส์ ระหว่างที่ยังเรียนไฮสคูลอยู่ เขาเริ่มต้นแสดงในจอแก้ว ในซีรีส์ As the World Turns และ Happy Days ก่อนที่จะเปิดตัวในโลกภาพยนตร์ด้วยผลงานเรื่อง Looking for Mr. Goodbar
   เบิร์คอุทิศพลังงานของเขาในช่วงยุค 80s ให้กับโปรแกรมการสอนทดลองที่ออกแบบมาให้เชื่อมโยงนักศึกษากับงานศิลปะโดยตรง ในยุค 90s เขาได้กลับมาทำงานภาพยนตร์เต็มตัวและได้แสดงในภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น Rambling Rose, Heaven & Earth Tombstone และ RoboCop 3 ในบทไซบอร์กแห่งโลกอนาคต ผลงานล่าสุดของเขาได้แก่ Limitless, Brooklyn’s Finest, Miracle at St. Anna, Munich, Good Night and Good Luck และ Hide & Seek
   หลังจากได้ร่วมงานกับผู้กำกับฮัล ฮาร์ทลีย์ในภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา The Unbelievable Truth (1990) ทั้งคู่ก็ได้พัฒนามิตรภาพที่ทำให้พวกเขาได้ร่วมงานกันอีกเป็นเวลากว่าทศวรรษ ในปี 1992 พวกเขาได้ร่วมงานกันอีกครั้งในภาพยนตร์เรื่อง Simple Men ตามด้วยภาพยนตร์รักสามเส้าซับซ้อนโดยฮารท์ลีย์เรื่อง Flirt (1995) และภาพยนตร์แฟนตาซีเรื่อง No Such Thing (2002)
   นอกจากนี้ เขายังมีผลงานจอแก้วที่โด่งดังมากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงบทดารารับเชิญใน White Collar Blue Bloods, Rescue Me, Gossip Girls, Oz, Law & Order, ภาพยนตร์ที่แพร่ภาพทางโทรทัศน์เรื่อง Crazy for a Kiss และมินิซีรีส์รางวัลเอ็มมีเรื่อง From the Earth to the Moon


เร็จจี้ ลี (เหยา ชาง)

               ในฤดูใบไม้ร่วงนี้ ลีจะกลับคืนสู่จอแก้วอีกครั้งในบทนักสืบวูในซีรีส์ดรามาตำรวจไซไฟทางเอ็นบีซีเรื่อง Grimm เร็จจี้เป็นที่รู้จักดีที่สุดจากบทเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับ บิล คิมในซีรีส์ฮิตทางฟ็อกซ์เรื่อง Prison Break และบทไทหวง มือขวาผู้โฉดชั่วของโจวเหวินฟะใน Pirates of the Caribbean: At World's End ล่าสุด เขาได้แสดงในภาพยนตร์โดยแซม ไรมีเรื่อง Drag Me To Hell, Life As We Know It กับแคทเธอรีน ไฮเกลและเขาก็เพิ่งเสร็จจากการถ่ายทำาภาพยนตร์เรื่อง Here Comes the Boom กับเควิน เจมส์และซัลมา ฮาเย็ค
   นับตั้งแต่รับบทแลนซ์ นิวเยน นักฆ่าเลือดเย็นสิงห์มอเตอร์ไซค์ในชุดหนังงูในภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ไฮอ็อคเทนของยูนิเวอร์แซลเรื่อง The Fast and the Furious ในปี 2001 เขายังได้แสดงใน Masked and Anonymous กับบ็อบ ดีแลน, ทริลเลอร์โดยไซไฟ แชนแนลเรื่อง Frankenfish, Net Games, X.C.U. และล่าสุด ภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง Dimples
   เร็จจี้ได้แสดงบทที่น่าจดจำประกบอลิสัน โลห์แมนและจัสติน ลองในทริลเลอร์โดยแซม ไรมีสำหรับยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์สเรื่อง Drag Me to Hell นอกจากนี้ เขายังได้แสดงในผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของเบน สติลเลอร์เรื่อง Tropic Thunder ประกบเบน สติลเลอร์, แจ็ค แบล็คและโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์อีกด้วย
   ด้านจอแก้ว เขารับบทซิง จางในคอเมดีโดยฟ็อกซ์เรื่อง Luis นอกจากนี้ เขายังได้รับบทเจ้าหน้าที่จิม ชางในซีรีส์ไลฟ์ไทม์เรื่อง The Division, บทดร.โอลิเวอร์ ลีใน Judging Amy และผู้ช่วยอัยการเขต ไบรอัน ชินใน Philly ล่าสุด เร็จจี้มีบทประจำในซีรีส์เอ็นบีซีเรื่อง Persons Unknown และซีรีส์เอบีซีเรื่อง No Ordinary Family
   นอกเหนือจากนั้น เขายังได้รับบทดารารับเชิญในซีรีส์โทรทัศน์กว่า 20 เรื่อง ซึ่งรวมถึง ER, Ellen Again, Strong Medicine, Mad About You, Walker, Texas Ranger, Diagnosis Murder, Chicago Hope, Beverly Hills 90210, Babylon 5, Party of Five และ The Magic Pearl อนิเมชันออลเอเชียนเรื่องแรกสำหรับจอแก้ว
   ลีเกิดในเมืองเคซอน ซิตี้ ประเทศฟิลิปปินส์ เขาเป็นลูกชายคนโตจากบรรดาลูกชายสามคน และนอกเหนือจากภาษาอังกฤษแล้ว เขายังพูดภาษาตากาล็อก จีนกลางและจีนกวางตุ้งได้ สมัยเด็ก ครอบครัวของเขาได้ย้ายไปคลีฟแลนด์, โอไฮโอ ที่ซึ่งลีได้สำเร็จการศึกษาจากฟรานซิสกัน ไฮสคูล ในยุค 90s เขาได้ย้ายไปลอสแองเจลิส ที่ซึ่งเขาได้งานในจอแก้วและละครเวที หลังจากนั้น เขาก็ออกเดินทางทั่วประเทศเพื่อแสดงในมิวสิคัล Heartstrings และ Miss Saigon ก่อนที่ท้ายที่สุด เขาจะได้รับเลือกให้แสดงในละครที่นำละครบรอดเวย์ที่ได้รับรางวัลโทนีปี 1994 ของร็อดเจอร์สและแฮมม์สเตอร์สไตน์เรื่อง Carousel ในปี 1997 ลีได้รับรางวัลดรามาล็อก คริติกส์ อวอร์ดจากการแสดงของเขาใน F.O.B. ที่อีสต์ เวสต์ เพลเยอร์ส และยังคงมีส่วนร่วมในโรงละครเอเชีย อเมริกันระดับแนวหน้าของประเทศอย่างต่อเนื่อง


แอนสัน เมาท์ (อเล็กซ์ โรเซน)

               แอนสัน เมาท์จะได้รับบทนำในซีรีส์ใหม่ทางเอเอ็มซีเรื่อง Hell on Wheels ล่าสุด เขาได้แสดงในภาพยนตร์เรื่อง Burning Palms ประกบโซอี้ ซัลดานาและ Cook County ซึ่งเขารับหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างด้วย เมื่อเร็วๆ นี้ เขาเพิ่งเสร็จสิ้นจากการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Straw Dogs ประกบเจมส์ วู้ดส์ เขาเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจากบทรองอัยการเขต จิม สตีลในดรามาทางเอ็นบีซีปี 2006 เรื่อง Conviction จากผู้อำนวยการสร้างดิค วูลฟ์
   เมาท์เปิดตัวในโลกภาพยนตร์ด้วยการแสดงนำในบททัลลี โค้ทส์ในภาพยนตร์อินดีเรื่อง Tully เขาได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมจากการแสดงของเขาและภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้รับรางวัลจากเทศกาลภาพยนตร์มากมาย รวมทั้งได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอินดีเพนเดนท์ สปิริต อวอร์ดหลายครั้ง เดลี วาไรตี้ได้กล่าวว่า “ด้วยความมั่นใจและเสน่ห์ที่คล้ายกับพระเอกที่เก่งกาจที่สุดของฮอลลีวูด เมาท์แสดงได้อย่างโดดเด่นในบทหนุ่มระทมทุกข์…” และฮอลลีวูด รีพอร์ตเตอร์ก็บอกว่า “เมาท์น่าประทับใจในบทที่เต็มไปด้วยแก่นสาร และถ่ายทอดความเข้มแข็งและความมั่นใจที่น่าะจะทำให้เขาเอาชนะใจแฟนๆ ได้ไม่ยาก”
   หลังจากการเปิดตัว เมาท์ก็ได้แสดงประกบบริทนีย์ สเปียร์ในภาพยนตร์โดยพาราเมาท์ พิคเจอร์สเรื่อง Crossroads ที่กำกับโดยทามารา เดวิส นอกจากนี้ เขายังได้แสดงประกบโรเบิร์ต เดอนีโรในภาพยนตร์วอร์เนอร์ บรอส.เรื่อง City By the Sea ที่กำกับโดยไมเคิล เคตัน-โจนส์
   ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเขาได้แก่ภาพยนตร์อินดีปี 2007 เรื่อง Poolhall Junkies ประกบคริสโตเฟอร์ วอลเคนและ Urban Legends: Final Cut สำหรับโคลัมเบีย พิคเจอร์ส เขาได้แสดงใน In her Shoes ประกบคาเมรอนน ดิแอซและได้ถ่ายทำบทแสดงนำใน Warrior Class, Walk the Talk และ All the Boys Love Mandy Lane นอกจากนี้ เขายังได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์โดยมิราแมกซ์เรื่อง Battle of Shaker Heights และได้แสดงในซีรีส์เอชบีโอเรื่อง Project Greenlight
   แอนสันได้แสดงในซีรีส์เอบีซีเรื่อง Line of Fire ที่ได้รับการยกย่องจากไมอามี เฮรัลด์ว่าเป็น “ดรามาใหม่ยอดเยี่ยมแห่งปี” ก่อนหน้านั้น เขาได้รับความสนใจจากบทประจำในซีรีส์เอ็นบีซีเรื่อง Third Watch รวมทั้งบทรับเชิญในซีรีส์ดังอย่างซีรีส์เอชบีโอ Sex in the City, ซีรีส์ซีบีเอสเรื่อง CSI:Miami, ซีรีส์ฟ็อกซ์เรื่อง Dollhouse และ AllyMcBeal และซีรีส์วอร์เนอร์ บรอส. เรื่อง Smallville
   แม้ว่าเมาท์จะเป็นที่รู้จักดีที่สุดจากผลงานภาพยนตร์ แต่เขาก็ยังเดินหน้าสร้างผลงานละครอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด เขาได้แสดงใน Three Sisters ให้กับคลาสสิก สเตจประกบปีเตอร์ ซาร์สการ์ดและแม็กกี้ จิลเลนฮาล ที่กำกับโดยออสติน เพนเดิลตัน ผลงานละครเรื่องอื่นๆ เมื่อเร็วๆ นี้ของเขาได้แก่ละครโดยแลนฟอร์ด วิลสันเรื่อง Fifth of July ที่เบย์ สตรีท เธียเตอร์ และกกับโดยเทอร์รี คินนีย์และละครโดยยูจีน โอ’ นีลล์เรื่อง Mourning Becomes Electra สำหรับเดอะ นิว กรุ๊ป นอกจากนี้ เขายังได้แสดงประกบอลัน คัมมิงและสตีเวน สปิเนลลาในละครพูดภาษาอังกฤษโปรดักชันแรกของ Elle โดยฌอง เจเน็ต ซึ่งได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมจากนิวยอร์ก ไทม์และไทม์ เอาท์ เมาท์ได้รับรางวัลดรามา ลีก อวอร์ดปี 1998 จากการคิดและนำแสดงในบท ‘โจชัว’ ในละครออฟบรอดเวย์อื้อฉาวโดยเทอร์เรนซ์ แม็คแนลลีเรื่อง Corpus Christi นอกจากนี้ เขายังได้แสดงในละครเรื่อง   Cymbeline โปรดักชันของพับลิค เธียเตอร์และ The Caucasian Chalk Circle ที่ลา มามา/อีทีซี ซึ่งทั้งสองเรื่องกำกับโดยอังเดร เซอร์บาน
   เมาท์เกิดในไวท์ บลัฟฟ์, เทนเนสซี เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทสาขาการแสดงจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ปัจจุบัน เขาใช้ชีวิตอยู่ในนิวยอร์กและซานตา มอนิกา


เจมส์ ฮอง (ฮัน เจียว)

               ด้วยผลงานตลอดระยะเวลาเกือบ 60 ปี เจมส์ ฮองได้แสดงในภาพยนตร์และซีรีส์โทรทัศน์กว่า 500 เรื่อง ในการแสดงในภาพยนตร์ดังอย่าง Blade Runner, Chinatown และภาพยนตร์คัลท์คลาสสิกเรื่อง Big Trouble in Little China เจมส์ได้สร้างบทบาทไอคอนนับครั้งไม่ถ้วนตลอดอาชีพนักแสดงของเขา
   ล่าสุด นักแสดงงานชุมผู้นี้ได้มีผลงานในภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์เรื่อง Kung Fu Panda 2 และ The Day The Earth Stood Still
   ในฐานะนักแสดงผู้คร่ำหวอดในทั้งจอแก้วและจอเงิน เจมส์ ฮองได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นหนึ่งในนักแสดงที่มากความสามารถที่สุดในโลก เจมส์ได้แสดงในภาพยนตร์ที่น่าจดจำหลายเรื่องเช่น Balls of Fury, The Golden Child, Black Widow, Wayne’s World 2, The In-Laws, Red Corner, Mulan, Airplane!, The Two Jakes, Revenge of the Nerds 2 และ Breathless
   นอกจากนี้ เขายังสร้างชื่อเสียงในซีรีส์โทรทัศน์ยอดฮิตทั้งในปัจจุบันและที่เป็นคลาสสิกด้วยเช่น The West Wing, The Big Bang Theory, Chuck, Bones, The X-Files, Law & Order, Malcolm in the Middle, Friends, Seinfeld, The Rockford Files, Charlie's Angels, Taxi, Dynasty, The New Adventures of Wonder Woman, Starsky & Hutch,  All in the Family, Hawaii Five-O และ Mission Impossible
   เจมส์ ที่เป็นตำนานมีชีวิตในชุมชนเอเชียอเมริกันไปแล้ว เป็นชาวมินนิโซตาและสำเร็จการศึกษาจากยูเอสซี เขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งอีสต์ เวสต์ เพลเยอร์ส คณะละครเอเชียอเมริกันกลุ่มแรกที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดของลอสแองเจลิส


คริส ซาแรนดอน (นายกเทศมนตรีทราเมลโล)

               ซาแรนดอนเกิดในเวสต์ เวอร์จิเนีย จากพ่อแม่ผู้มีเชื้อสายกรีก เขามีประสบการณ์การแสดงครั้งสำคัญเป็นครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยคาธอลิค ตอนที่เขาเรียนปีสุดท้าย “ผมเข้าคลาสละครเพราะนึกว่ามันน่าจะได้หน่วยกิตมาง่ายๆ น่ะครับ โดยมากแล้วผมจะถนัดในเรื่องการทำตัวเป็นที่นิยมและเรื่องการเมืองของโรงเรียนมากกว่า” เขาเล่า ซาแรนดอนได้กลายเป็นสมาชิกของเนชันแนล เพลเยอร์ส ของมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นกลุ่มที่เดินทางไปทั่วอเมริกานานหนึ่งปี เพื่อนำเสนอละครโดยเชคสเปียร์และโมลิเยร์
   หลังจากผลงานกับคณะละครอิมโพรไวเซชันในวอชิงตัน ดี.ซี. ซาแรนดอนก็ย้ายไปนิวยอร์ก ที่ซึ่งเขาทำงานในจอแก้ว จอเงินและละครเวที ด้านบรอดเวย์ เขาได้แสดงในมิวสิคัลเรื่อง The Rothschilds, Two Gentlemen of Verona ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง และที่เขารับบทโปรเทอุสและ Censored Scenes from King Kong ที่เขาแสดงประกบแคร์รีย์ ฟิชเชอร์ ระหว่างการแสดงละครเรื่องนี้ในลอนดอน เขาก็ได้ใช้สำเนียงอังกฤษเป็นครั้งแรก
   นอกจากนี้ เขายังได้แสดงในชอว์ เฟสติวัลและสแตรทฟอร์ด เฟสติวัลในแคนาดา ในบทลาเออร์เทสใน Hamlet และเจ้าชายฮัลใน Henry IV, Part I เขาได้รับการเสนอชื่อชิงออสการ์จากภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา Dog Day Afternoon นับตั้งแต่นั้นมา ผลงานโด่งดังของเขาก็รวมถึง Lipstick, The Sentinel, Cuba, Fright Night, The Princess Bride และ The Nightmare Before Christmas
   ด้านจอแก้ว เขาได้นำแสดงใน You Can't Go Home Again, บทพระเยซูใน The Day Christ Died และเป็นหนึ่งในตัวเอกของมินิซีรีส์เรื่อง Liberty นอกจากนี้ เขายังมีบทประจำในดรามาเรื่อง The Guiding Light และล่าสุดใน Felicity ในบทดร.แม็คกราธอีกด้วย

happy on March 23, 2012, 03:59:47 PM
ประวัติทีมสร้าง

โบแอซ ยากิน (ผู้กำกับ)

               โบแอซ ยากิน เป็นมือเขียนบทและผู้กำกับที่มีพรสวรรค์ในการรับมือกับประเด็นอื้อฉาวในแง่ที่เป็นส่วนตัวและมีความเป็นมนุษย์ เขาเกิดในนิวยอร์ก ซิตี้ พ่อแม่ของยากินทำงานในแวดวงความคิดสร้างสรรค์ โดยพวกเขาได้เจอกันในปารีสระหว่างที่กำลังศึกษาละครใบ้กับเอเตียง เดอโครซ์ และหลังจากสำเร็จการศึกษาระดับไฮสคูล ยากินก็เลือกศึกษาการสร้างภาพยนตร์ที่นิวยอร์ก ซิตี้ คอลเลจ ไม่นานนัก เขาก็ย้ายไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์กและได้ทำข้อตกลงครั้งแรกของเขาสำหรับบทภาพยนตร์ตอนอายุได้ 19 ปี ยากินได้ทำงานในแวดวงภาพยนตร์และได้พัฒนาโปรเจ็กต์ต่างๆ ให้หลายๆ บริษัท และได้เห็นบทภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ด้วย The Punisher ที่ทำให้ดอล์ฟ ลันด์เกรนโด่งดัง หนึ่งปีถัดมา บทภาพยนตร์เรื่องถัดไปของเขา The Rookie ก็เข้าฉาย ภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดยคลินท์ อีสต์วู้ดและชาร์ลีย์ ชีน
   ด้วยความต้องการจะเลือกใช้เนื้อหาที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ยากินเลยได้กำกับบทภาพยนตร์ของตัวเอง Fresh ที่ดึงดูดให้นักแสดงระดับแนวหน้าอย่างซามวล แอล. แจ็คสันและจิอันคาร์โล เอสโพซิโตให้มาแสดง ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมล้นหลาม และได้รับรางวัลฟิล์มเมคเกอร์ส โทรฟีในงานเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ปี 1994 รวมถึงรางวัลจากเทศกาลภาพยนตร์โตเกียวและเทศกาลภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ทั่วยุโรป ยากินได้กลับไปมองช่วงวัยรุ่นของเขาเพื่อหาแรงบันดาลใจสำหรับโปรเจ็กต์ต่อไป และประสบการณ์กับชุมชนแชสซิดิคก็ได้ช่วยเขาในผลงานกำกับเรื่องต่อไป A Price Above Rubies ที่จัดจำหน่ายโดยมิราแมกซ์ ฟิล์มส์
   หลังจากนั้น เขาก็มีผลงานเป็นภาพยนตร์สตูดิโอเรื่องแรกของเขา Remember the Titans ที่นำแสดงโดยเดนเซล วอชิงตัน สำหรับผู้อำนวยการสร้างเจอร์รี บรั๊คไฮเมอร์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูงในบ็อกซ์ออฟฟิศและเป็นที่ชื่นชอบของผู้ชมรุ่นใหญ่ หลังจากนั้น เขาก็ก้าวเข้าสู่แวดวงคอเมดีด้วย Uptown Girls ที่นำแสดงโดยบริทนีย์ เมอร์ฟีย์และดาโกตา แฟนนิง ในฐานะผู้อำนวยการสร้าง ยากินได้ก่อตั้งบริษัท รอว์ เนิร์ฟ ขึ้นร่วมกับอีไล ร็อธและสก็อต สปีเกล ที่ซึ่งพวกเขาได้มีผลงานเรื่อง Hostel เข้าฉาย ล่าสุด เขาได้เขียนบท อำนวยการสร้างและกำกับ Death in Love ภาพยนตร์อื้อฉาวที่เปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ปี 2009


ลอว์เรนซ์ เบนเดอร์ (ผู้อำนวยการสร้าง)

               ลอว์เรนซ์ เบนเดอร์ ผู้อำนวยการสร้างและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง มีผลงานที่ครอบคลุมช่วงเวลาสองทศวรรษของการอำนวยการสร้างภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ผลงานภาพยนตร์ของเขาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งรวมถึงภาพยนตร์ฮิตอย่าง Inglourious Basterds, Pulp Fiction และ Good Will Hunting ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี อวอร์ด 29 รางวัล ซึ่งรวมถึงสามรางวัลในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคว้ารางวัลมาได้ 6 ครั้ง ภาพยนตร์เรื่อง An Inconvenient Truth ของเขา ที่ได้กระตุ้นให้เกิดการรับรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ได้รับรางวัลอคาเดมี อวอร์ดสาขาภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยม สารคดีเรื่องใหม่ของเขา Countdown To Zero ซึ่งนำเสนอโทนี แบลร์, ประธานาธิบดีคนอื่นๆ, มุชาเรฟ, กอร์บาชอฟ, เดอ เคลิร์ค และคาร์เตอร์ ได้บอกเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการเพิ่มจำนวนประชากร การก่อการร้ายและการใช้อาวุธนิวเคลียร์โดยไม่ตั้งใจ ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเขาได้แก่ From Dusk Till Dawn (1996), Anna and the King (1999), The Mexican (2001), Innocent Voices (2004) และภาพยนตร์โดยเควนติน ทารันติโนเรื่อง Reservoir Dogs (1992), Jackie Brown (1997), Kill Bill: Vol. 1 และ Vol. 2 (2004) นอกจากนั้นแล้ว เขายังได้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง Havana Nights:  Dirty Dancing 2, Knockaround Guys, A Price Above Rubies, White Man’s Burden, Killing Zoe และ Fresh
   นอกจากนี้ เขายังเป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อสังคมและการเมืองที่มีความรู้สึกรุนแรงอีกด้วย ในปี 2003 เขาได้ร่วมก่อตั้งดีทรอยท์ โปรเจ็กต์ ที่มีเป้าหมายโจมตีรถเอสยูวีที่ปล่อยก๊าซพิษ นอกจากนี้ เขายังเดินทางไปยังตะวันออกกลางกับอิสราเอล โพไลซี ฟอรัม นอกเหนือจากนั้น เขายังได้นั่งบอร์ดที่ปรึกษาของอธิการบดีของจอห์น เอฟ. เคนเนดี้ สคูล ออฟ โกเวิร์นเมนท์แห่งฮาร์วาร์ด และเป็นหนึ่งในบอร์ดบริหารเดอะ ครีเอทีฟ โคอัลลิชันอีกด้วย เขาเป็นสมาชิกสภาของสภาความสัมพันธ์ต่างประเทศในมหาสมุทรแปซิฟิค เขาได้รับรางวับทอร์ช ออฟ ลิเบอร์ตี้ อวอร์ดจากเอซีแอลยู และใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการจัดงานระดมทุนให้กับโครงการเพื่อการเมืองและสังคมในลอสแองเจลิส ที่ซึ่งเขาเรียกมันว่าเป็นบ้าน