MSN on March 18, 2012, 07:14:22 PM
KTAMเพิ่มทางเลือกการลงทุน เปิดขาย3กองทุนตราสารหนี้ชูยิลด์4%

            นายสมชัย   บุญนำศิริ   กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย  จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า  ในสัปดาห์นี้  บริษัทบริษัทเปิดจำหน่าย 3 กงอทุนตราสารหนี้  เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกลงทุนตามความเหมาะสม  ซึ่งประกอบไปด้วยกองทุนที่มีอายุโครงการ 3 เดือน 6 เดือน   และ 1  ปี  โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้   

          กองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 30 ( KTSUPB30)   เสนอขาย วันที่ 14 - 20 มีนาคม 2555    อายุ  6 เดือน   มูลค่าโครงการ 5,000  ล้านบาท เป็นกองทุนที่ลงทุนตราสารในประเทศ  ประกอบด้วย เงินฝาก   ตั๋วแลกเงินบริษัทเอกชนไทย  ในสัดส่วน 23% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน  ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ  ประกอบด้วย เงินฝากประจำ  Union  National   Bank   (UNB )  เงินฝากประจำ  Abu  Dhabi  Commercial  Bank  ( ADCB )  MTN    ของ  Banco  itau  BBA  S.A.  ( ITAUBBA )    MTN   ของ  Banco   itau BBA  S.A  ( ITAUBBA )   MTN  ของ  Banco  Do Brasil ( BANBRA )  ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.35%  ต่อปี 

            กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 3 เดือน 3 ( KTSIV3M3 )   เสนอขายรอบใหม่ ( Roll  Over )   12 -16 มีนาคม 2555    อายุโครงการ  3 เดือน   เป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน   เงินฝาก  และ ตราสารหนี้สถาบันการเงินในประเทศ   ซึ่งประกอบด้วย  พันธบัตรภาครัฐในประเทศ   ธนาคารเกียรตินาคิน   ธนาคารไอซีบีซี  ธนาคารกรุงศรีอยุธยา   ธนาคารกรุงไทย  และตั๋วแลกเงินของภาคเอกชน    ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.90%   ต่อปี 

                 กองทุนเปิดกรุงไทยเอฟไอเอฟ เพิ่มค่า 2 ( KTFP2 )  เสนอขาย   9 - 16 มีนาคม 2555  อายุ 12 เดือน  มูลค่าโครงการ  6,000  ล้านบาท   มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ   เงินฝากประจำ    Abu  Dhabi Commercial  Bank  (ADCB )  ,  เงินฝากประจำ  Union   Nation   Bank  ( UNB ) , เงินฝากประจำ  Bank  of China  (BOC ) ,  MTN ของ Banco   itau  BBA  S.A.  ( ITAUBBA )  ,  MTN  ของ  Barclays   Bank   และ CLN  ออก โดย   Deutche  Bank  AG  (DB )   ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 4.00%   ต่อปี     ทั้งนี้  กองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ  จะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน   

                   นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า     ตลาดตราสารหนี้ของไทยยังคงมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา  (Bear Steepening) จากแรงขายทำกำไรของนักลงทุน เพื่อปรับพอร์ตการลงทุนไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น ประกอบกับ การคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะคงตัวอยู่ที่ระดับ 3.00% ต่อปี ไปจนถึงครึ่งหลังของปี 2555  ทำให้การลงทุนในตราสารอายุที่ยาวขึ้นเริ่มน่าสนใจเมื่อพิจารณาจากส่วนต่างอัตราผลตอบแทนเทียบกับตราสารระยะสั้น   

ในส่วนของผลตอบแทนของเงินฝากและตราสารการเงินระยะสั้นของสถาบันการเงินไทย  ยังมีการทยอยปรับลดลงหลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ส่วนหนึ่งเกิดจากการรับรู้ต้นทุนการเงินที่เพิ่มขึ้น หลังจากรัฐบาลมีนโยบายจะให้สถาบันการเงินต้องนำส่งเงินสมทบแก่กองทุนฟื้นฟูสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น  และมีแนวโน้มว่าธนาคารพาณิชย์จะหันมาออกตราสารประเภทหุ้นกู้ระยะสั้นเพิ่มขึ้น ทดแทนการออกตั๋วแลกเงินซึ่งมีข้อจำกัดและต้นทุนการเงินเพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้
สำหรับแนวโน้มผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมา ยังมีการปรับลดลงจากกระแสเงินทุนไหลเข้าลงทุนในตราสารหนี้ในภูมิภาคเอเชีย และตลาดเกิดใหม่ต่างๆ ทั่วโลก  ทำให้อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ลดลง รวมถึงการกลับมาแข็งค่าของเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ทำให้ดอลล่าร์พรีเมี่ยมมีโอกาสปรับลดลง  อย่างไรก็ตาม โดยภาพรวม อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ต่างประเทศยังให้ผลตอบแทนในรูปสกุลเงินบาทภายหลังการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับการลงทุนในประเทศ