happy on May 17, 2012, 01:53:29 PM
การสับรางความรับผิดชอบ ความสำเร็จระดับโลกของ Madagascar ในปี 2005 และซีเควลที่มีชีวิตชีวาของมันในปี 2008 Madagascar: Escape 2 Africa พิสูจน์ให้เห็นว่าแม้ว่าพวกมันจะเป็นคอเมดีฮาเฮที่มีแอ็กชันมากมาย แต่มันก็เป็นเรื่องราวที่ผ่านการบอกเล่าอย่างดี ที่มีธีมสากลที่ผู้ชมเข้าถึงได้ สำหรับทีมผู้สร้างแล้ว การเรียกเสียงหัวเราะเพียงอย่างเดียวไม่พอหรอก
อย่างทีมือเขียนบท/ผู้กำกับ ทอม แม็คกราธพูดว่า “การมีโครงสร้างอารมณ์เป็นฐานให้กับเรื่องราวเป็นสิ่งที่ดึงดูดคุณครับ เพราะถ้าคุณแค่รวมมุขตลกต่างๆ ไว้ด้วยกัน มันก็ไม่มีอะไรที่จะยึดเหนี่ยวคุณไว้ได้” ผู้กำกับ/มือเขียนบทอีริค ดาร์เนลตั้งข้อสังเกตว่า “ในฐานะผู้ชม คุณอยากจะรู้สึกเชื่อมโยงและเห็นใจไปกับความต้องการและความปรารถนาของตัวละคร การดึงเอามิติเหล่านั้นออกมาให้ได้เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งครับ”
ความปรารถนาของทีมผู้สร้างที่จะนำตัวละครไปสู่สถานที่ใหม่ ทั้งแบบตรงตัวและเชิงเปรียบเทียบ ยังคงเดินหน้าต่อไปใน Madagascar 3 ในการใช้คำพูดที่สร้างแรงบันดาลใจของราล์ฟ วัลโด อีเมอร์สันที่บอกว่า “ชีวิตคือการเดินทาง มิใช่จุดหมายปลายทาง” เป็นคติของพวกเขา ทีมผู้สร้างเลือกที่จะสำรวจธีมเกี่ยวกับความหมายของการกลับบ้าน การมีความมั่นใจและการค้นพบสิ่งที่ตัวเองรัก ผลก็คืออเล็กซ์, มาร์ตี้, เมลแมนและกลอเรียต่างก็เข้าใจตัวเองดีขึ้น ระหว่างที่ต้องยื้อยุดฉุดกระชากกับบรรดาสิงสาราสัตว์ในมาดากัสการ์และแอฟริกา
อย่างที่ดาร์เนลอธิบายว่า “สิ่งที่เป็นความปรารถนาของพวกเขามาตั้งแต่ต้นคือการหาที่ทางของตัวเองในโลกใบนี้ครับ”
และโลกสำหรับพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก การเดินทางนำพาพวกเขาจากนิวยอร์ก ไปยังเกาะมาดากัสการ์ และป่าแอฟริกา ส่วนในภาคล่าสุดนี้ การผจญภัยได้เกิดขึ้นทั่วภูมิภาคยุโรป ซึ่งเป็นเหตุให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีสเกลใหญ่กว่าทั้งเชิงภาพและการเล่าเรื่อง
ผู้กำกับคอนราด เวอร์นอนกล่าวว่า “สโคปของภาคนี้ใหญ่กว่าเยอะครับ เราได้ไปในสถานที่ต่างๆ มากมายและได้พบกับตัวละครใหม่ๆ อีกเยอะแยะด้วย เราได้ไปทั้งโรม เทือกเขาแอลป์ในสวิตฯ ลอนดอน มอนติคาร์โลและนิวยอร์กครับ”
ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นครั้งแรกที่ Madagascar ถูกสร้างขึ้นในรูปแบบ 3D เป็นเรื่องบังเอิญที่ว่าในตอนที่พวกเขามองย้อนกลับไปที่ Madagascar ภาคแรกๆ เพื่อมองหาสิ่งที่พวกเขาจะสร้างความแตกต่างในครั้งนี้ ทีมงานก็ได้พบว่า 3D เป็นกระบวนการที่เหมาะกับแฟรนไชส์ของพวกเขาเหลือเกิน
ดาร์เนลกล่าวว่า “เราตระหนักได้ว่าถ้าพูดกันถึงสไตล์แล้ว เรากำลังสร้างหนัง 3D กันอยู่แล้วครับ โทนคอเมดีของหนังทำให้เรามักจะทำในสิ่งที่ทำให้สิ่งต่างๆ อยู่ตรงหน้ากล้อง พอเราตระหนักได้ว่าการถ่ายภาพและคอเมดีของเราสามารถโลดแล่นบนโลก 3D ได้อย่างงดงามแล้ว เรก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงสิ่งที่เราทำมากนัก และการนำตัวละครของเราเข้าไปในละครสัตว์ก็เป็นโอกาสที่วิเศษสุดให้กับเรา เราไม่เพียงแต่เคลื่อนไหวตามแนวพื้นดินเท่านั้น แต่เรายังลอยตัวขึ้นไปกลางอากาศ กระโดดม้วนตัว กลิ้งและเหินเวหา เพื่อทำงานในรูปแบบ 3D ด้วยครับ”
แม็คกราธกล่าวเสริมว่า “3D ทำให้คุณมีเครื่องมือมากมายในการทำงาน มันช่วยดึงดูดผู้ชม คุณสามารถใช้มันขับเน้นซีนอารมณ์ได้มากพอๆ กับซีนแอ็กชันครับ”
สิ่งที่น่าพอใจไม่แพ้กันคือการที่ดาร์เนล, แม็คกราธและเวอร์นอน ผู้เป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ ที่ทำงานให้กับดรีมเวิร์คส์ อนิเมชันมานาน ได้มาร่มงานกันในตำแหน่งเดียวกัน แม้ว่าดาร์เนลและแม็คกราธจะเป็นผู้กำกับสองภาคแรก เวอร์นอนก็ทำหน้าที่ที่ปรึกษาฝ่ายครีเอทีฟและเคยพากย์เสียงลิงเมสันมาแล้ว และเขาก็เคยกำกับ Shrek 2 และ Monsters vs. Aliens มาแล้วด้วย การใช้ผู้กำกับสามคนไม่ใช่การทำงานตามแบบฉบับแน่ๆ แต่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ มันเป็นฝันที่เป็นจริงสำหรับทีมผู้สร้างที่พวกเขาจะได้ร่วมงานกันและร่วมแบ่งปันกระบวนการสร้างสรรค์ด้วยกัน
ดาร์เนลกล่าวว่า “สำหรับเราแล้ว รวมกันดีกว่าครับ เพราะเราทุกคนต่างก็ซึมซับแฟรนไชส์นี้และโทนของหนังเรื่องนี้อย่างดี และ (การมีผู้กำกับสามคนทำงานกันเป็นทีม) มันก็เป็นประโยชน์จริงๆ เพราะผมสามารถไปนิวยอร์กเพื่อบันทึกเสียงเบน สติลเลอร์ ในขณะที่ทอมทำงานกับผู้ออกแบงานสร้างและแผนกแสง และคอนราดก็กำกับงานอนิเมเตอร์ได้ แล้วเราก็กลับมาเจอกันและรู้ว่าเราต่างก็ผลักดันเรื่องราวและหนังเรื่องนี้ไปในทิศทางเดียวกันเพราะเรามีความคิดอ่านเหมือนกันน่ะครับ”
แม็คกราธกล่าวเสริมว่า “มันมีกฎสำคัญข้อหนึ่งสำหรับคณะอิมโพรไวส์ นั่นคือ 'ห้ามเปลี่ยนหัวข้อในการอิมโพรไวส์ คุณจะต้องตอบว่าใช่เสมอ' เมื่อพวกเราคนใดคนหนึ่งมีไอเดียเรื่องอะไรขึ้นมา เราจะร่วมมือและช่วยกันต่อยอดจากไอเดียพวกนั้น มันเป็นการทำงานเป็นกลุ่มครับ ท้ายที่สุดแล้ว เราก็มีวิสัยทัศน์สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ร่วมกัน”
วิสัยทัศน์ที่เป็นหนึ่งเดียวกันนั้นหมายถึงการบอกเล่าเรื่องราวที่มีทั้งหัวใจและอารมณ์ขัน ของบรรดาสัตว์ที่มารวมตัวกันเพื่อสร้างความยิ่งใหญ่ที่เกินกว่าพวกเขาจะคาดคิดไว้ใครจะไม่รักละครสัตว์บ้างล่ะ? เนื่องด้วยความเฉลียวฉลาดของฝูงลิงและนิ้วมือที่พลิ้วไหวของพวกเขา ในตอนจบของ Madagascar 2 แอร์ เพนกวิน ที่พังยับเยิน ก็ฟื้นสภาพกลับมาบินได้อีกครั้ง และก็นำพวกเขาและกลุ่มเพนกวินไปสู่มอนติ คาร์โล คาสิโน ที่ซึ่งพวกเขาวางแผนที่จะใช้เวลาช่วงวันหยุดนี้ไปกับการพนัน ในตอนที่ Madagascar 3 เริ่มต้นขึ้น ดูเหมือนว่าพวกเขาจะสนุกเกินไปซักหน่อย แก็งค์สวนสัตว์ที่เบื่อที่จะรอพวกเขากลับมา ตัดสินใจเดินทางจากแอฟริกาและโผล่ขึ้นจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตามสไตล์สายลับ เพื่อปฏิบัติ “ภารกิจชิงตัวเพนกวิน” ขั้นที่หนึ่ง แผนการของพวกเขาก็ง่ายๆ ตรงดิ่งไปคาสิโน คว้าตัวเพนกวินและอย่างที่อเล็กซ์พูดไว้ว่า “บังคับพวกเขาให้พาเรากลับนิวยอร์กด้วยเครื่องบินพลังลิง” แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้นน่ะสิ
พออยู่ในคาสิโนแล้ว อเล็กซ์, เมลแมน, มาร์ตี้และกลอเรียก็ดันไปทำตัวเป็นจุดสนใจซะงั้นและก่อนที่พวกเขาจะทันรู้ตัว พวกเขาก็ต้องวิ่งหนีเจ้าหน้าที่ศูนย์กักกันสัตว์จอมเพี้ยนแบบหัวซุกหัวซุน
สารวัตรฌองทัล ดูบัวส์ วายร้ายนัยน์ตาเย็นชา อาจเป็นตัวละครใหม่ที่น่าทึ่งที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้ ดูบัวส์ ผู้ถูกเรียกตัวมาจับตัวแก็งค์สวนสัตว์หลังจากที่พวกเขาทำงานเลี้ยงที่มอนติ คาร์โล คาสิโนล่ม ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ธรรมดาๆ เธอเป็นเหมือนลูกครึ่งสุนัขล่าเนื้อและครูเอลลา เดวิล (ผสมอีดิธ เพียฟนิดๆ) เธอไม่ได้ตั้งใจจะจับแก็งค์สวนสัตว์เพียงเท่านั้น แต่เธอวางแผนที่จะกวาดล้างพวกเขา และเมื่อเธอเสร็จภารกิจแล้ว เธอก็ตั้งใจจะแขวนหัวสิงโตของอเล็กซ์ไว้บนผนังที่เต็มไปด้วยสัตว์ที่เธอล่ามาได้
แม็คกราธกล่าวว่า “ดูบัวส์เป็นตัวร้ายที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ตัวละครของเราต้องเผชิญ ในสองภาคแรก ผู้ร้ายไม่ได้เป็นตัวขับเคลื่อนแอ็กชันในเรื่อง ดังนั้น การเพิ่มความกดดันให้กับตัวละครและการสร้างความขัดแย้งแบบนั้นขึ้นมาก็ทำให้เรื่องราวดีขึ้นเยอะครับ”
ผู้กำกับคอนราด เวอร์นอนกล่าวว่า “เธอมีความสามารถในการสะกดรอยสัตว์โดยธรรมชาติ เธอมีประสาทสัมผัสที่ไวต่อกลิ่นและเธอก็คล่องแคล่วมากๆ เธอสามารถเดินพลางสูดกลิ่นได้เหมือนสุนัข เธอสามารถกระโดดได้เหมือนละมั่ง เธอมีพรสวรรค์ที่เหมือนสัตว์มากๆ ไม่ต้องบอกเลยว่าเธอเชี่ยวชาญการเป็นพรานสะกดรอยสัตว์มากแค่ไหน” แถมเธอยังไร้เทียมทานอีกด้วย เธอทะยานผ่านตึกต่างๆ และกระโดดสูงราวกับไม่ใช่มนุษย์ระหว่างที่เธอไล่ล่าเหยื่อของเธอไปทั่วยุโรป เรียกได้ว่าเธอไล่ล่าเหยื่อของเธออย่างไม่ลดละเลย
เขากล่าวต่ออีกว่า “เธอต้องการความท้าทายจริงๆ พอเธอรู้ว่ามีสิงโตหลุดเพ่นพ่าน นี่เป็นโอกาสที่เธอรอคอยอยู่ เธออยากจะพิสูจน์ตัวเองว่าเธอเป็นมากกว่าคนที่ไล่ล่าสัตว์เล็กๆ ว่าเธฮสามารถล่าสิงโตและเย่อกับสัตว์ใหญ่ได้ เธอมีความสุขกับการได้ล่าสัตว์และเธอก็จะตามล่ามันจนกว่าจะได้ตัวครับ”
สำหรับผู้ที่จะแสดงบทบาทนี้ได้ ทีมผู้สร้างรู้ว่าพวกเขาต้องหานักแสดงหญิงผู้สามารถถ่ายทอดความไร้ปรานีและความแน่วแน่เช่นนั้นได้ และพวกเขาก็พบคุณสมบัติเหล่านั้นในตัวของนักแสดงหญิงเจ้าของรางวัลอคาเดมี อวอร์ด ฟรานซิส แม็คดอร์มานด์
เวอร์นอนกล่าวว่า “ฟรานซิสเก่งเรื่องการสร้างลักษณะนิสัยตัวละครขึ้นมาจากสิ่งที่เธอเห็นบนหน้ากระดาษ สำหรับทุกบรรทัดที่เธออ่าน เธอจะมีไอเดียผุดขึ้นมา 50 อย่างว่าตัวละครตัวนี้เป็นยังไง เธอพูด เดินและคิดอย่างไร เธอเข้าใจกรอบความคิดนั้นจริงๆ ครับ คุณจะเห็นได้จากใบหน้าของเธอตอนที่เธอแสดง มันมักให้ความรู้สึกของนักล่าที่กำลังสะกดรอยอยู่ทุกครั้งที่เธอพูดอะไรออกไป เธอไม่เคยสลัดความคิดนั้นออกไปเลยครับ”
สำหรับแม็คดอร์มานด์ การรับบทนี้เป็นเรื่องน่าตื่นเต้น “ดูบัวส์เป็นตัวละครที่สนุกสนานและจี๊ดมากค่ะ ฉันอยากจะสวมบทนี้ในหลายๆ ทิศทางมาก ท้ายที่สุด ฉันมองเธอว่าเป็นมือสังหารที่พิลึกนิดๆ แต่ก็มุ่งมั่นและมั่นใจในตัวเองค่ะ เธอไม่เคยนึกถึงความล้มเหลวเลย”
“ฉันรักการทำงานในหนังอนิเมชันค่ะ” เธอกล่าวเสริม “มันทำให้ฉันมีโอกาสได้ใช้ทักษะการแสดงที่แตกต่างจากที่ฉันใช้ในหนังไลฟ์แอ็กชันน่ะค่ะ”
« Last Edit: May 17, 2012, 01:59:02 PM by happy »
Logged