happy on March 07, 2012, 07:23:04 PM
Sean Penn (ฌอน เพนน์) ขอพลิกบทบาทครั้งสำคัญใน This Must Be The Place
ในบทร็อคสตาร์ผู้ตกอับกับภารกิจติสแตก’ สุดขั้ว
เอ็ม พิคเจอร์ส ท้าให้คุณต้องลอง!  และจงอย่าปฏิเสธถ้าคุณจะตกหลุมรักหนังเรื่องนี้



               เอ็ม พิคเจอร์ส ชวนชมภาพยนตร์คอมเมดี้-ดราม่าสุดฮาพิลึกโลก “This Must Be The Place”(ดีส มัส บี เดอะ เพลส)  หรือที่มีชื่อภาษาไทยว่า“คนเซอร์หลุดโลก”ชมการพลิกบทบาทครั้งสำคัญของนัก แสดงฝีมือเก๋าSean Penn(ฌอน เพนน์) ในบทCheyenne(เชเยนน์) อดีตร็อคสตาร์ ผู้  ตกอับกับภารกิจการติสแตกสุดขั้ว   พร้อมด้วยเหล่านักแสดงชื่อดังอีกคับคั่ง อาทิFrances McDormand (ฟรานซิส แม็คดอร์มานด์) , Judd  Hirsch (จั๊ด เฮิร์สช์) , Eve Hewson (อีฟ ฮิวสัน) , Kerry Condon (เคอร์รี คอนดอน)ฯลฯ จากผลงานการกำกับของPaolo Sorrentino(เปาโล ซอร์เรนติโน่)   โดยนักแสดงสุดยอดฝีมือเก๋าอย่างSean Penn(ฌอน เพนน์) ผู้โด่งดังจากภาพยนตร์เรื่องI am Sam(ไอ แอม แซม) และMystic River(มิสติก ริเวอร์) ได้บอกเล่าถึงคาแรกเตอร์Cheyenne (เชเยนน์) ร็อคสตาร์ผู้ตกอับที่ได้แสดงในครั้งนี้ให้ฟังว่า…




               “…ผมสนุกกับบทที่ได้มารับแสดงในเรื่องนี้มาก  เพราะบทของCheyenne(เชเยนน์) เขาเป็นร็อคสตาร์ผู้ตกอับ ขี้เกียจสันหลังยาว   และเขาเบื่อหน่ายกับชีวิตที่แสนวุ่นวาย เลยเลือกที่จะเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่แต่ในโลกของตัวเอง  แล้วจู่ๆ ชีวิตก็ต้องพลิกผันทำให้ เขาต้องมาสานต่อภารกิจลับของพ่อบังเกิดเกล้าคือการตามล่าหาอาชญากรนาซี  ผู้อยู่เบื้องหลังการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว  นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้วของบทภาพยนตร์เรื่องนี้  ซึ่งผมรู้สึกท้าทายและอยากจะสานต่อการแสดงให้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งภายใต้ภารกิจนี้ยังมีปมความขัดแย้งในความสัมพันธ์ของตัวละครระหว่างCheyenne(เชเยนน์) และพ่อของเขาแอบซ่อนอยู่ด้วย  

               ทันทีที่Paolo Sorrentino(เปาโล ซอร์เรนติโน่) ส่งบทมาให้ดู ผมจึงไม่ลังเลเลยที่จะตอบรับเล่นบทนี้ เพราะผมชอบหนังเรื่องนี้จริงๆ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกหนักใจและกังวลคือฉากที่ผมต้องเต้น(หัวเราะ) ที่ว่าจะต้องเต้นยังไงให้เหมือนกับศิลปิน จะทำยังไงให้อินฯ นั่นคือการบ้านที่ผมต้องเตรียมตัวสำหรับหนังเรื่องนี้  อีกอย่างหนึ่งที่ผมชื่นชอบคือคาแรกเตอร์ของ Cheyenne(เชเยนน์) ที่ถึงแม้ว่าเขาจะมีอายุ 50 ปี  แต่ยังดูเป็นหนุ่มวัยรุ่น และต้องเมคอัพหน้า ทาลิปสติก แต่งตัวแบบ “กอธิค” ผมว่ามันดูหลุดโลกที่สุดเท่าที่ผมเคยทำมา   แต่คุณเชื่อไหมว่า หลังจากที่แต่งชุดและเมคอัพเสร็จแล้ว  มันทำให้ผมรู้สึกฮึกเหิมผมกลาย Cheyenne(เชเยนน์) ไปแล้วจริงๆ  อาจเป็นเพราะโชคชะตามักเล่นตลกกับ Cheyenne(เชเยนน์) อยู่บ่อยครั้ง  ทำให้ชีวิตของเขาต้องไปเจอกับเรื่องราวตลกร้ายที่เกิดขึ้นตลอดการเดินทาง




               และหัวใจของภาพยนตร์เรื่องนี้อีกสิ่งหนึ่งคือ เพลงประกอบภาพยนตร์ที่มีชื่อว่า This Must Be The Place ของ David Byrne (เดวิด ไบรน์) ที่แต่งขึ้นให้กับวง Talking Heads ถูกนำมาตั้งเป็นชื่อภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย มันเป็นเพลงรักที่ตรงไปตรงมา David  (เดวิด) สื่อสารความรู้สึกออกมาในเพลงนี้ได้อย่างน่าประทับใจ  ผมชื่อว่าคนดูจะหลงรักหนังเรื่องนี้และเพลงนี้เหมือนผมแน่ๆ  มาช่วยกันลุ้นว่า สุดท้ายแล้ว Cheyenne(เชเยนน์) จะทำภารกิจสำเร็จหรือไม่ และเรื่องราวของเขาและพ่อบังเกิดเกล้าจะจบลงแบบใด    ลองติดตามกันดูผมเล่นเองผมรักรู้สึกหลงรักตัวละครตัวนี้เลย…”  

               This Must Be The Place (ดีส มัส บี เดอะ เพลส) หรือที่มีชื่อภาษาไทยว่า    “คนเซอร์หลุดโลก” ภาพยนตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการล้างแค้นในโศกนาฏกรรมของชาวยิว ที่อยู่ๆ ร็อคสตาร์ผู้ตกอับอย่าง Cheyenne (เชเยนน์)   ที่ต้องจับพลัดจับผลูเข้ามาสานต่อภารกิจสุดติสแตกแทนพ่อบังเกิดเกล้าของเขา   ชมการพลิกบทบาทครั้งสำคัญของ Sean Penn          (ฌอน เพนน์) ที่คุณไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ร่วมด้วยนักแสดงมากฝีมือ อาทิ Frances McDormand ( ฟรานซิส แม็คดอร์มานด์) , Judd  Hirsch (จั๊ด เฮิร์สช์) , Eve Hewson          (อีฟ ฮิวสัน) , Kerry Condon (เคอร์รี คอนดอน) ฯลฯ จากผลงานการกำกับของ Paolo Sorrentino (เปาโล ซอร์เรนติโน่)    เอ็ม พิคเจอร์ส ชวนคนหนังร่วมลุ้นไปกับภาพกิจติสสุดโต่ง 15 มีนาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์เครือเอเพ็กซ์            
« Last Edit: March 07, 2012, 07:32:58 PM by happy »

happy on March 07, 2012, 07:35:51 PM