happy on March 01, 2012, 02:24:55 PM

จัดจำหน่ายโดย      เอ็ม พิคเจอร์ส 
ภาพยนตร์เรื่อง      G O N E
ชื่อภาษาไทย      “ขีดระทึกเส้นตาย”
เว็ปไซด์ตัวอย่างภาพยนตร์   
 ภาพยนตร์แนว      ดราม่า–ทริลเลอร์
จากประเทศ      สหรัฐอเมริกา
กำหนดฉาย      22 มีนาคม 2555
ณ โรงภาพยนตร์      ในโรงภาพยนตร์

ผู้กำกับ          Heiter Dhalia (เฮเตอร์ ดาเลีย)

อำนวยการสร้าง   TOM ROSENBERG (ทอม โรเซนเบิร์ก)

นักแสดง   AMANDA SEYFRIED (อแมนดา เซย์ฟรี้ด) , JENNIFER CARPENTER (เจนนิเฟอร์ คาร์เพนเตอร์), WES BENTLEY (เวส เบนท์ลีย์)

จุดเด่น   Gone เป็นทริลเลอร์ลุ้นระทึก ซึ่งเป็นเรื่องเล่าที่น่าสะพรึงกลัว เป็นภาพยนตร์ทริลเลอร์ ที่มีองค์ประกอบจิตวิทยาอย่างชัดเจนและเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง ในภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นความน่ากลัวที่แทบไม่มีความรุนแรงใดๆ เกิดขึ้นเลยในเนื้อเรื่องเลย แต่มันกลับมีความน่าสะพรึงกลัวได้อย่างแท้จริง


เรื่องย่อ   Gone เป็นเรื่องราวของเด็กสาวที่เคยถูกลักพาตัวไปและพยายามที่จะสร้างชีวิตใหม่ของตัวเองอีกครั้ง แม้ว่าการทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอจะเป็นเรื่องยาก แต่เธอก็เริ่มปะติดปะต่อโลกของตัวเองขึ้นมาได้ใหม่ทีละน้อยๆ เธอเริ่มทำงาน และชวนน้องสาวของเธอมาอยู่กับเธอ เมื่อจิล พาร์ริช (อแมนดา เซย์ฟรี้ด) กลับบ้านหลังจากทำงานกะกลางคืน เพื่อค้นพบว่ามอลลี (เอมิลี วิคเกอร์แชม) น้องสาวของเธอ ถูกลักพาตัวไป จิล ที่หนีรอดจากการถูกลักพาตัวเมื่อปีก่อนมาได้ เชื่อว่าฆาตกรต่อเนื่องคนเดิมได้กลับมาลักพาตัวมอลลีไป ตำรวจคิดว่าจิลเป็นบ้าและไม่ยอมที่จะใช้กำลังช่วยเหลือเธอ ด้วยความกลัวว่ามอลลีจะถูกฆ่าตายเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน เธอก็เลยออกเดินทางตามลำพังเพื่อไล่ล่าตามหาตัวฆาตกร เปิดโปงความลับของเขาและช่วยน้องสาวเธอออกมาให้ได้





happy on March 01, 2012, 02:36:29 PM



G O N E

เลคชอร์ เอนเตอร์เทนเมนต์, ซัมมิท เอนเตอร์เทนเมนต์และซิดนีย์ คิมเมล เอนเตอร์เทนเมนต์
ภูมิใจเสนอ
ผลงานสร้างโดยเลคชอร์ เอนเตอร์เทนเมนต์/ซิดนีย์ คิมเมล เอนเตอร์เทนเมนต์

นำแสดงโดย อแมนดา เซย์ฟรี้ด, แดเนียล ซันจาตา, เจนนิเฟอร์ คาร์เพนเตอร์, เซบาสเตียน สแตนและเวส เบนท์ลีย์
กำกับโดย เฮเตอร์ ดาเลีย
เขียนบทโดยอัลลิสัน เบอร์เน็ตต์
ความยาว: 95 นาที
เรต: PG-13

ข้อมูลงานสร้าง

               มือเขียนบทมากความสามารถ อัลลิสัน เบอร์เน็ตต์ (Fame, Feast of Love) ได้เขียนบทภาพยนตร์ออริจินอล Gone ขึ้นจากไอเดียหนึ่ง เขาเล่าว่า วันหนึ่ง ผู้อำนวยการสร้าง คริส ซัลวาเทอร์รา  (The Visitor, Fast Food Nation) ได้มาหาเขาพร้อมกับเสี้ยวหนึ่งของไอเดียสำหรับสร้างภาพยนตร์ "เขาบอกว่าเขามีภาพในหัวเป็นเด็กหญิงคนหนึ่งในป่า ถูกฝังอยู่ในหลุม" เบอร์เน็ตต์บอก "เขาอธิบายว่าเขาไม่รู้หรอกว่าจะมีอะไรตามมา แต่เขาสลัดภาพนั้นออกจากความคิดไม่ได้เลย"
   เมื่อเวลาผ่านไป เบอร์เน็ตต์ก็พบว่าเขาเองก็ไม่สามารถสลัดภาพหลอนนั้นจากความคิดได้เช่นกัน เขาจึงเริ่มลงมือเขียนบทสำหรับ Gone ขึ้นมา
   ขณะที่เบอร์เน็ตต์เริ่มพิจารณาถึงขอบเขตความเป็นไปได้ของเรื่อง ชิ้นส่วนปริศนาก็เริ่มเข้าที่เข้าทางและเขาก็ตัดสินใจที่จะเขียนบทขึ้นมาจากการคาดเดา โดยไม่มีอะไรรับประกันเลยว่า มันจะถูกสร้างเป็นภาพยนตร์หรือไม่ "ผมเขียนด้วยความคิดสร้างสรรค์ที่บรรเจิดมากๆ ครับ" เขาพูดถึงกระบวนการนี้ "ในตอนแรก ผมไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นในเร่องบาก ผมหลงทางและไม่รู้อะไรเลยเหมือนกับจิล ตัวละครเอกในเรื่อง ผมต้องค้นหาเงื่อนงำต่างๆ ตามทาง แต่ผมก็รู้ว่า ถ้ามันเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับผม ถ้าผมไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ผู้ชมก็ไม่น่าจะรู้เหมือนกัน"
   “ตอนที่ผมเขียนบทเสร็จ ด้วยความที่ผมทำงานที่เลคชอร์ เอนเตอร์เทนเมนต์บ่อยๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และเคาระในตัวของคู่หูอำนวยการสร้างทอม โรเซนเบิร์กและแกรี ลุชเชซีอย่างมาก ผมก็เลยรู้สึกว่าจะต้องเสนอบทนี้ให้พวกเขาดูก่อน ผมให้เวลา '24 ชั่วโมงล่วงหน้า' กับพวกเขา ซึ่งก็คือการที่คุณจะให้เวลาคนอื่นอ่านบทของคุณหนึ่งวันล่วงหน้าก่อนที่คนอื่นจะมีโอกาสได้เห็นมันน่ะครับ"
   บทภาพยนตร์ของเบอร์เน็ตต์ถูกส่งผ่านทางเมสเซนเจอร์ไปยังเลคชอร์ เอนเตอร์เทนเมนต์ มันมาถึงตอนเก้าโมงเช้า ไม่ถึงสองชั่วโมงหลังจากนั้น ทอม โรเซนเบิร์กก็โทรหาเบอร์เน็ตต์บอกว่าเลคชอร์ เอนเตอร์เทนเมนต์อยากจะสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้
   “สิ่งที่ผมพบว่าน่าพอใจอย่างมากเกี่ยวกับ Gone คือมันมีพื้นฐานอยู่บนความจริงครับ" โรเซนเบิร์กพูดถึงบทภาพยนตร์ของเบอร์เน็ตต์ "มันเกิดขึ้นในช่วงเวลาวันเดียว และมันก็ทำให้ผมนึกถึงหนังคลาสสิกของฮิทช์ค็อก มันเป็นทริลเลอร์ ที่มีองค์ประกอบจิตวิทยาอย่างชัดเจนและเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงครับ"
   แกรี ลุชเชซี คู่หูของเขาที่เลคชอร์ เอนเตอร์เทนเมนต์จำได้ว่า เขาและโรเซนเบิร์กอ่านบทภาพยนตร์ของเบอร์เน็ตต์อย่างเร็วมากๆ "และเราก็กระโจนใส่มัน เราทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้นมา" ลุชเชซีบอก "อัลลิสัน เบอร์เน็ตต์ได้เขียนบทภาพยนตร์หลายเรื่องให้เรา ซึ่งรวมถึง  Untraceable, Feast of Love และ Autumn In New York ซึ่งหนังเรื่องอื่นๆ ก็เป็นรูปเป็นร่างได้เร็วมาก โชคดีสำหรับเราที่ Gone เป็นหนึ่งในโปรเจ็กต์ที่เกิดขึ้นเร็วมากๆ น่ะครับ" ลุชเชซีบอก
   เรื่องราวตราตรึงใจเกี่ยวกับเด็กสาวที่อยู่ในอันตราย ผู้มีความกล้าหาญที่จะเอาคืนคนที่เคยทำร้ายเธอในอดีต Gone เป็นเรื่องเล่าที่น่าสะพรึงกลัว มือเขียนบทเบอร์เน็ตต์กล่าวว่า "หนึ่งในสิ่งที่ผมภูมิใจมากที่สุดเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้คือการที่มันน่ากลัวมากๆ แต่ก็แทบไม่มีความรุนแรงใดๆ เกิดขึ้นเลยในภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่มันกลับน่าสะพรึงกลัวได้อย่างแท้จริงครับ"
   เมื่อบทภาพยนนตร์พร้อม ทีมงานก็เริ่มนึกถึงคนที่จะกำกับภาพยนตร์ของเขา เฮเตอร์ ดาเลีย (Adrifted, Drained) เป็นผู้กำกับชื่อดังชาวบราซิล ผู้ซึ่งโรเซนเบิร์กและลุชเชซีได้พบและชื่นชมมานานหลายปี พวกเขายกย่องให้เขาเป็น "ปีเตอร์ เวียร์แห่งบราซิล" เพื่ออ้างถึงความสนใจของผู้กำกับชาวออสเตรเลีย ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงอคาเดมี อวอร์ด ในตัวละครที่พบตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่โดดเดี่ยว พวกเขาไม่เพียงแต่ประทับใจกับฝีมือการกำกับของดาเลียเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความนิ่งและความมั่นใจของเขาด้วย "เขามีความมั่นใจมากในตอนที่เขาคุยกับนักแสดงและพวกเขาก็ตอบสนองกับท่าทีของเขาครับ" ผู้อำนวยการสร้างลุชเชซีบอก "ดังนั้น เมื่อเรานึกถึงผู้กำกับหลายคนที่น่าจะเหมาะกับบทนี้ และแม้ว่าเฮเตอร์จะไม่เคยแสดงภาพนยตร์ทริลเลอร์แบบนี้มาก่อน พวกเราก็ตื่นเต้นที่จะให้เขามาร่วมงานกับเราครับ"
“ผมตกหลุมรักบทเรื่องนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้อ่านแล้วครับ" ผู้กำกับดาเลียพูดถึงความรู้สึกที่เขามีต่อ Gone “ผมสนใจบทเรื่องนี้เป็นพิเศษเพราะมันทำให้ผมนึกถึงทริลเลอร์ยุค 70s ที่ตัวละครมักจะเข้าไปเกี่ยวพันกับสถานการณ์ที่มีแรงขับชัดเจนมากๆ" ดาเลียบอก "นอกจากนั้น ความกดดันในยุคสมัยในเรื่องก็ทำให้ผมนึกถึงโครงสร้างโศกนาฏกรรมกรีกที่คลาสสิกด้วย บทเรื่องนี้รัดกุมมากและพล็อตเรื่องก็ชัดเจนและเฉพาะเจาะจงมากจนมันมาเป็นเรื่องของตัวละครเอกและการเดินทางของเธอในทันทีครับ"
นอกจากนี้ ดาเลียยังมองว่านางเอกผู้เข้มแข็งเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้เขาอยากกำกับ Gone ด้วย เขากล่าวว่า บ่อยครั้งในภาพยนตร์ ตัวเอกที่ทรงพลังจะเป็นผู้ชาย "ตัวละครเอกที่เป็นผู้หญิงจะนำเสนอความสดใหม่และความสามารถในการมองสิ่งต่างๆ จากมุมมองของผู้หญิงครับ" เขากล่าว "กระบวนการตัดสินใจของเธออาศัยสัญชาตญาณเยอะ นอกจากนั้น เธอยังเป็นตัวละครที่คลุมเครือและคุณก็จะสงสัยในสภาพจิตใจของเธอ ซึ่งทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ซับซ้อน เต็มไปด้วยรายละเอียดและน่าสนใจยิ่งขึ้น"
Gone เป็นเรื่องราวของเด็กสาวที่เคยถูกลักพาตัวไปและพยายามที่จะสร้างชีวิตใหม่ของตัวเองอีกครั้ง แม้ว่าการทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอจะเป็นเรื่องยาก แต่เธอก็เริ่มปะติดปะต่อโลกของตัวเองขึ้นมาได้ใหม่ทีละน้อยๆ เธอเริ่มทำงาน และช่วยน้องสาวของเธอมาอยู่กับเธอ แต่แล้วเช้าวันหนึ่ง เมื่อเธอกลับมาบ้านจากการทำงานเป็นสาวเสิร์ฟ เธอก็พบว่าน้องสาวเธอหายตัวไป และเธอก็มั่นใจว่าผู้ชายคนเดิมที่เคยลักพาตัวเธอไปได้กลับมาเพื่อแก้แค้น
อย่างไรก็ดี ในตอนเริ่มแรก พวกตำรวจกลับตั้งข้อสงสัยกับสภาพจิตใจของจิล เธออ่านคดีเกี่ยวกับคนหายบ่อยๆ และมักจะมาหาพวกเขาพร้อมกับไอเดียที่เธอมีเกี่ยวกับการลักพาตัวและการสังหารเหยื่อเหล่านั้น และคนที่เธอเชื่อว่าเกี่ยวกับคดีอาชญากรรมเหล่านั้น ในความเป็นจริง พวกตำรวจเบื่อหน่ายเธอ พวกเขารู้สึกเหมือนเธอทำให้พวกเขาเสียเวลา และผู้ชมเองก็ไม่รู้จนกว่าจะท้ายเรื่องว่าสิ่งที่จิลเชื่อเป็นความจริง หรือเป็นเพียงเรื่องที่จินตนาการของเธอสรรค์สร้างขึ้น เธอไม่ใช่ตัวละครที่มีสภาพจิตใจเชื่อถือได้ เว้นแต่สำหรับนักสืบปีเตอร์ ฮ็อดด์ ตำรวจใหม่ที่สถานี
จิลไม่ได้ถูกนักสืบฮู้ดมองว่าเป็นคนที่สูญเสียการมองโลกด้วยความเป็นจริง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนคิดกับเธอ เขาหลงใหลในตัวเธอแทบจะทันทีและเชื่อในความปกติของเธอ เขาเห็นใจกับเรื่องราวของเธอ ในขณะที่คนอื่นๆ เห็นความบ้าในตัวเธอ เขากลับสนใจพยายามจะช่วยเธอหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอในอดีต และตอนนี้ เกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวของเธอ แน่นอนว่ามันเกิดขึ้นส่วนหนึ่งเพราะเขาหลงเสน่ห์จิล และเขาก็สนใจในความทุกข์ร้อนของเธอทันที แต่ความรักทำให้คนตาบอดรึเปล่านะ?
ทีมผู้สร้างได้พิจารณานักแสดงหญิงหลายคนสำหรับบทจิล และตรวจดูรายชื่อของคนที่จะเหมาะสมมากมาย "ชื่อของอแมนดา เซย์ฟรี้ดถูกพูดถึงหลายต่อหลายครั้ง และผมก็เพิ่งเห็นเธอใน Letters to Juliet และคิดว่าเธอเยี่ยมมาก" ผู้อำนวยการสร้างลุชเชซีบอก "เราไปหาเธอและเธอก็ตอบสนองกับบทนี้ด้วยดี มันเป็นเรื่องวิเศษสุดสำหรับเราเพราะเธอเหมาะกับบทนี้มากครับ"
ความซับซ้อนของเรื่องราวนี้และจุดหักมุมที่น่าประหลาดใจมากมายในพล็อตของ Gone รวมถึงความคลุมเครือในตัวจิล ทำให้อแมนดา เซย์ฟรี้ดกระตือรือร้นที่จะรับบทนี้ เธอกล่าวว่า "บทนี้มีแรงดึงดูดอย่างมากและเรื่องราวก็แข็งแกร่งมากด้วย ฉันรู้ทันทีหลังจากอ่านบทว่าฉันจะต้องแสดงหนังเรื่องนี้ ตัวละครผู้หญิงแกร่งเป็นของหายากและนั่นก็เป็นแรงดึงดูดใจพิเศษสำหรับฉันค่ะ" เซย์ฟรี้ดกล่าวต่ออีกว่า "ฉันชื่นชอบมิติด้านอารมณ์ของจิล และการที่เธอแกร่งพอที่จะจัดการเรื่องต่างๆ ด้วยตัวเองและต่อสู้เพื่อชีวิตของน้องสาวเธอในตอนที่ตำรวจไม่สนใจเธอน่ะค่ะ"
ผู้อำนวยการสร้างโรเซนเบิร์กเห็นด้วยกับการประเมินตัวละครตัวนี้ของเซย์ฟรี้ด พร้อมกล่าวว่า เธอได้ใส่เอาความคิดสร้างสรรค์มากมายเข้าไปสู่ตัวละครที่ซับซ้อนมากๆ "ที่เลคชอร์ ทุกบทสำคัญสำหรับเรา และเราก็อยากจะร่วมงานกับนักแสดงที่เก่งจริงๆ อแมนดาเหลือเชื่อเลยครับ" โรเซนเบิร์กกล่าว "ผมรู้ว่าเธอเก่ง แต่สิ่งที่เราเจอมันเยี่ยมมาก! หนังทั้งเรื่องอยู่บนบ่าของเธอและเธอก็แบกรับมันได้ดีมากๆ นอกจากนี้ นิสัยของเธอ วิธีที่เธอปฏิบัติต่อทีมงานและนักแสดงคนอื่นๆ ก็เยี่ยมมาก คุณมักจะไม่ค่อยได้เจอคนที่อายุเท่าเธอ ที่มีสไตล์ รสนิยมและความเห็นอกเห็นใจคนอื่น เท่ากับอแมนดาหรอกครับ"
มือเขียนบทอัลลิสัน เบอร์เน็ตต์กล่าวชมเชยอแมนดา เซย์ฟรี้ดเพิ่มเติมว่า "ผมเชื่ออย่างลับๆ ว่า อแมนดาเป็นนักแสดงสมทบที่ติดอยู่ในใบหน้าและร่างกายที่งดงามครับ อแมนดามีหลายสิ่งหลายอย่างเก็บอยู่ภายใน เธอเป็นคนซับซ้อนมากๆ และก็มีความรู้สึกที่ว่าเธอมีความลับซ่อนอยู่ ซึ่งนั่นก็ช่วยในการสร้างตัวละครจิลขึ้นมา ความจริงจังของอแมนดา ทั้งแสงและเงาที่เธอนำมาสู่ตัวละครของเธอนำไปสู่ความคิดที่ว่า บางที จิลอาจเสียสติไปแล้วก็ได้ ผมคิดว่า ความเก่งกาจของเธอคือในฐานะนักแสดงสมทบ และยิ่งเธออายุมากขึ้น ผมคิดว่ามันจะยิ่งชัดเจนขึ้นและฮอลลีวูดก็จะไม่ได้นึกถึงเธอเพียงเพราะว่าเธอสวย ผมก็เลยตื่นเต้นมากๆ ที่เธอยอมรับบทนี้เพราะเธอเก่งสุดๆ เลยครับ"
แกรี ลุชเชซีกล่าวชื่นชมเซย์ฟรี้ดเพิ่มเติมจากเบอร์เน็ตต์ด้วยว่า "กล้องรักเธอครับ คุณจะจับภาพไปที่หน้าเธออย่างเดียว และรู้สึกถึงพลังงาน ความโศกเศร้า ความกังวลและอารมณ์ของเธอได้ อแมนดาจะทำให้ผู้ชมลุ้นระทึกไม่ติดที่ด้วยความสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่และเธอจะรอดผ่านจากฝันร้ายในยามตื่นนี้ได้หรือไม่"
“อแมนดาเป็นนักแสดงหญิงที่มหัศจรรย์ครับ" ผู้กำกับดาเลียบอก "ผมรักเธอตั้งแต่ผมได้เห็นเธอใน Mamma Mia แล้วครับ เธอทั้งสดใสและมีเสน่ห์เหลือเกิน อแมนดาเป็นคนที่สว่างไสวมากและเหมาะกับบทจิลอย่างเพอร์เฟ็กต์เพราะคุณจะชอบเธอทันที เรารู้สึกเยี่ยมมากที่ได้นักแสดงหญิงที่มีพรสวรรค์ด้านดรามา แต่ก็มีเสน่ห์และบุคลิกที่ยอดเยี่ยมด้วยครับ"
เลคชอร์ เอนเตอร์เทนเมนต์เป็นที่รู้จักดีในวงการจากการเป็นหนึ่งในบริษัทโปรดักชันที่ดีที่สุดในเรื่องการคัดเลือกนักแสดง "เราต้องการนักแสดงที่ดีที่สุด และเมื่อเรามีโปรเจ็กต์ เราก็ปล่อยข่าวออกไป และคนที่อยากจะเล่นหนังเรื่องนี้ก็จะติดต่อเรามา" ผู้อำนวยการสร้างโรเซนเบิร์กพูดถึงวิธีการคัดเลือกนักแสดงในภาพยนตร์ของเลคชอร์ "เวส เบนท์ลีย์ (Rites of Passage, American Beauty) อยากจะรับบทนักสืบปีเตอร์ ฮู้ด และนั่นก็เพอร์เฟ็กต์เพราะเขาเป็นนักแสดงที่วิเศษสุดครับ"
เบนท์ลีย์ ผู้ยอมรับว่าเขาอยากจะร่วมงานกับผู้อำนวยการสร้างทอม โรเซนเบร์กและแกรี ลุชเชซีมาโดยตลอด เผยอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขากระตือรือร้นกับการรับบทนี้ว่า "บทครับ" เขากล่าว "ไดอะล็อคในทริลเลอร์แบบนี้มีเสน่ห์อย่างมาก มันจะต้องเฉียบคม ชาญฉลาดและบางครั้งก็ขบขัน และอัลลิสัน เบอร์เน็ตต์ก็ใส่ทั้งหมดนั้นในบทภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมเรื่องนี้ครับ"
เราพบกับนักสืบฮู้ดตอนที่จิลมาสถานีตำรวจเพื่อแจ้งความว่าน้องสาวของเธอถูกลักพาตัวไป นักสืบคนอื่นๆ ทุกคนต่างก็เคยเจอกับเธอมาแล้ว และรู้เรื่องราวเบื้องหลังของเธอดี แต่นักสืบฮู้ดเป็นตำรวจใหม่ เขาเพิ่งทำงานนี้ได้ไม่กี่วัน ดังนั้น เขาก็เลยเป็นคนใหม่ที่ได้ฟังเรื่องราวของเธอเป็นครั้งแรก
“นักสืบฮู้ดเห็นใจกับเรื่องราวของจิลครับ" เบนท์ลีย์บอก "ในขณะที่คนอื่นๆ เห็นความบ้าในตัวเธอ แต่เขาสนใจที่จะช่วยเธอตามหาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ ผมคิดว่าเขายังคิดด้วยว่าถ้าเขาได้ใกล้ชิดกับเธอ มันจะนำเขาไปสู่ความจริงได้ มันอาจเป็นวิธีที่เขาใช้บ่อยๆ และทำให้เขามายืนอยู่ตรงนี้ได้ แต่เขาก็หลงเสน่ห์เธอด้วยเหมือนกัน เขาก็เลยสนใจเรื่องของเธอในทันทีครับ"
ผู้กำกับดาเลียกล่าวว่า "ผมเป็นแฟนของเวสตั้งแต่ผมได้เห็นเขาใน American Beauty แล้วครับ เขาเป็นนักแสดงที่เก่งและเป็นคนดีจริงๆ เรามีประสบการณ์ที่วิเศษสุดในการทำงานร่วมกันครับ"
สำหรับบทสำคัญมอลลี น้องสาวของจิลที่หายตัวไป ผู้อำนวยการสร้างยินดีที่ได้เลือกเอมิลี วิคเกอร์แชม ผู้ได้แสดงในภาพยนตร์หลายเรื่อง รวมถึง  I Am Number Four และ Remember Me รวมทั้งซีรีส์โทรทัศน์ยอดนิยมเรื่อง Gossip Girl มารับบทนี้
“มอลลี ตัวละครของฉันอาศัยอยู่กับจิล เพื่อคุ้มครองเธอเพราะทุกคนคิดว่าจิลบ้านิดๆ น่ะค่ะ" วิคเกอร์แชมพูดถึงบทของเธอ "คืนหนึ่งตัวละครของฉันหายตัวไป และก็เป็นแบบนั้นเกือบตลอดทั้งเรื่อง จิลเดินทางไปทั่วเพื่อตามหาเธอ มันเข้มข้นมากๆ และผู้ชมก็จะรักหนังเรื่องนี้ค่ะ"
นอกจากนี้ วิคเกอร์แชมยังชื่นชอบการร่วมงานกับผู้กำกับเฮเตอร์ ดาเลียด้วย เธอกล่าวถึงประสบการณ์นั้นว่า "มันเป็นการถ่ายทำที่วิเศษสุด ฉันรู้สึกว่าเฮเตอร์มีวิสัยทัศน์ที่งดงามสำหรับสิ่งต่างๆ เขาคอยให้การสนับสนุนและการร่วมงานกับเขาก็สนุกมากๆ ด้วยค่ะ"
ขณะที่ผู้อำนวยการสร้างโรเซนเบิร์กได้ลิสต์นักแสดงสำหรับ Gone ของเขา บางคนอาจเห็นว่าสิ่งหนึ่งที่คล้ายคลึงกันในนักแสดงส่วนใหญ่...สิ่งที่พวกเขามีเหมือนกันคือพวกเขาต่างก็มีความสัมพันธ์กับเลคชอร์ เอนเตอร์เทนเมนต์ "ก่อนหน้านี้ เจนนิเฟอร์ คาร์เพนเตอร์เคยทำงานให้เราใน  The Exorcism of Emily Rose ซึ่งประสบความสำเร็จสูง และเธอก็เป็นนักแสดงที่เก่งด้วย" โรเซนเบิร์กบอก "เธอทำได้ทุกอย่าง ดังนั้น ในตอนที่เอเจนท์ของเธอโทรหาผมแล้วบอกว่าเจนนิเฟอร์อยากจะเล่นบทนี้ ผมก็ตื่นเต้น ผมตื่นเต้นสุดๆ กับเรื่องนี้ ตอนนั้นเองที่ผมรู้ว่าเรามีสิ่งที่พิเศษสุดในหนังเรื่องนี้เพราะนักแสดงเก่งๆ จำนวนมากอยากจะเล่นหนังเรื่องนี้ ไม่ว่าจะสอง สามหรือสี่วัน มันช่วยยืนยันทุกอย่างครับ"
“แดเนียล ซันจาตาเป็นนักแสดงที่เก่งและเขาก็เคยร่วมงานกับเราใน One for the Money” โรเซนเบิร์กกล่าวต่อ "เรารู้จักเขาดี และกับไมเคิล ปาเรก็เช่นกัน เขาแสดงใน The Lincoln Lawyer แคทเธอรีน โมนนิก ก็แสดงใน  The Lincoln Lawyer ด้วย และเราก็มีประสบการณ์วิเศษสุดกับเธอ เซบาสเตียน สแตนเคยร่วมงานกับเราใน The Covenant เมื่อหลายปีก่อน ในทางกลับกัน โสเครติส ออตโต้จู่ๆ ก็เข้ามา แล้วแกรี ลุชเชซี คู่หูของผม ก็ได้ดูการออดิชัน เขามาบอกผมว่า 'คุณเข้ามาดูนี่หน่อยดีกว่า' ผมดูเขาแค่สองนาทีแล้วก็บอกว่า 'คุณได้บทนี้แล้ว ใช่เลย คุณไม่ต้องทำอย่างอื่นแล้ว' เขาเก่งขนาดนั้นเลยนะครับ"

happy on March 01, 2012, 02:41:23 PM



การใช้พอร์ทแลนด์, โอเรกอนเป็นโลเกชัน

               พอร์ทแลนด์เป็นสถานที่ถ่ายทำยอดนิยมสำหรับเลคชอร์ เอนเตอร์เทนเมนต์ "นี่เป็นหนังเรื่องที่สามของเราในพอร์ทแลนด์หลังจาก  Feast of Love และ Untraceable” ผู้อำนวยการสร้างโรเซนเบิร์กบอก "มันเป็นเมืองยอดเยี่ยมสำหรับการสร้างภาพยนตร์และบทเรื่องนี้ก็ถูกเขียนขึ้นสำหรับพอร์ทแลนด์ด้วยเพราะป่าปาร์คมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในเรื่อง ทุกอย่างเกี่ยวกับเมืองแห่งนี้เพอร์เฟ็กต์ ทั้งภาพจากมุมบน ป่า ฝน ซึ่งเราเจอทุกวัน เวิร์คสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ ดังนั้น มันก็เลยเป็นสถานที่ที่เพอร์เฟ็กต์จริงๆ ผมดีใจที่อัลลิสัน เบอร์เน็ตต์กำหนดเรื่องราวเอาไว้ที่นั่นและเมื่อไหร่ก็ตามที่เราไปพอร์ทแลนด์ได้ เราก็จะไปครับ"
   “มันเป็นเมืองที่เพอร์เฟ็กต์สำหรับทริลเลอร์ครับ" ผู้กำกับดาเลียกล่าวเสริม "พอร์ทแลนด์มักมีเมฆปกคลุมและมีแสงอ่อนๆ เสมอ มันเป็นเมืองที่มีสภาพบรรยากาศหมองหม่น ดังนั้นมันก็เป็นเรื่องเยี่ยมสำหรับเรา แล้วเมืองนี้ก็น่าทึ่งมาก ผมพบว่ามันเป็นเมืองที่น่าสนใจที่สุดในอเมริกา มันมีสิ่งแวดล้อมที่เจ๋งมากๆ และทุกสิ่งที่เราต้องการก็อยู่ใกล้ๆ ฉากแต่ละฉากอยู่ในระยะที่เราเดินถึง ซึ่งบางครั้งก็ห่างออกไปไม่เกินห้าหรือสิบนาที และมันก็เป็นมิตรกับการถ่ายทำหนังมากๆ ป่าของเมืองนี้เหลือเชื่อเลยและแม้ว่ามันจะหนาวเย็นและฝนตกบ่อย มันก็ช่วยเรื่องราวได้ บรรยากาศทั้งหมดของเมืองนี้เยี่ยมจริงๆ ครับ"


ลุคของภาพยนตร์

               ผู้กำกับภาพชื่อดัง ไมเคิล เกรดี้  (Friends With Benefits, Easy A) เคยร่วมงานกับเลคชอร์ เอนเตอร์เทนเมนต์มาแล้วใน Dead Girl “เขาเป็นศิลปินที่วิเศษสุดครับ" ทอม โรเซนเบิร์กพูดถึงพรสวรรค์ของเกรดี้ และเขาก็เข้ากันได้ดีกับเฮเตอร์ ดาเลียและทำให้ลุคของหนังเรื่องนี้ออกมาเหลือเชื่อ คนจะต้องอึ้งกับมันครับ งานกล้องก็วิเศษสุดและนั่นคือการผสมผสานกันระหว่างผู้กำกับและผู้กำกับภาพ ผู้กำกับภาพเป็นคนถ่ายทำก็จริง แต่พวกเขาทั้งคู่เป็นคนออกแบบลุคของหนังเรื่องนี้ ซึ่งพวกเขาก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม"
   ผู้คนในวงการรู้ดีอยู่แล้วว่าที่เลคชอร์ ถ้าพวกเขาได้พบคนที่พวกเขาชอบ พวกเขาก็จะทำงานกับคนพวกนั้นอีกครั้ง แกรี ลุชเชซีบอกว่า "ไมเคิล เกรดี้เคยถ่ายหนังให้เราเมื่อสองสามปีก่อนที่มีชื่อว่า Dead Girl ซึ่งเป็นหนังที่ดิบเถื่อนน่าสนใจ ที่กำกับโดยคาเรน มอนครีฟ เขาชื่นชอบการทำงานในหนังเรื่องนั้นและเราก็ชอบงานของเขาด้วย Gone ต้องอาศัยกลิ่นไอเดียวกันและไมเคิลก็เป็นตัวเลือกแรกของเราสำหรับ Gone และเราก็ไปหาเขา ซึ่งโชคดีที่เขาตอบตกลง ผมคิดว่าเขาสนุกกับการทำงานในหนังเรื่องนี้ด้วยเหมือนกันครับ"