KTAMเปิดขายอิควิตี้ลิงค์คอมเพล็กซ์ ลุ้นดัชนี1,250จุดรับผลตอบแทนกว่า8%
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดเคแทม อิควิตี้ ลิงค์ คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น 1 ปี ( KTEL 1Y ) ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 5 มีนาคม 2555 อายุโครงการ 1 ปี มูลค่า 1,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่ลงทุนในOption ที่อ้างอิงผลตอบแทนของตราสารทุนไทย ออกโดยสถาบันการเงินไทย ในสัดส่วน 3-5% ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากประจำ Abu Dhabi Commercial Bank (ADCB) 25% เงินฝากประจำ Unoin National Bank (UNB ) 20% MTN ของ Banco Itau BBA S.A. (ITAUBBA ) 25% และ เงินฝาก /ตั๋วแลกเงิน / หุ้นกู้สถาบันการเงิน หรือบริษัทเอกชนในประเทศ 25 -27% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนโดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนดังตารางต่อไปนี้
ดัชนี SET 50 Index
ณ วันลงทุน ดัชนีสูงสุด ณ สิ้น
วันทำการ
ตลอดอายุโครงการ ดัชนี ณ สิ้นอายุโครงการ ผลตอบแทนกองทุนที่จะได้รับเมื่อครบอายุ
1,150 จุด น้อยกว่า 1,380 จุด 1,000 จุด ได้รับเฉพาะเงินต้นคืน
1,150 จุด น้อยกว่า1,380 จุด 1,250 จุด 8.69%
1,150 จุด มากกว่า 1,380จุด 1,400จุด 2.00%
1,150 จุด มากกว่า1,380จุด 1,000จุด 2.00%
ทั้งนี้ จากความเข้มแข็งของเศรษฐกิจไทยและการเติบโตของผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนทำให้ บลจ. กรุงไทย ประมาณการเป้าหมาย SET Index ในปี 2555 นั้นอยู่ที่ระดับ 1,234 จุด และให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ 3.6% โดยใช้วิธีประเมินมูลค่าของ SET ด้วยวิธี Fair Forward PER 12.5x โดยมีสมมติฐานว่าเศรษฐกิจโลกจะไม่เกิด double dip recession และกำไรของบริษัทจดทะเบียนมีการเติบโตประมาณ 14%
นอกจากนี้ บริษัทยังเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 3 เดือน คุ้มครองเงินต้น 3 (KTFIX3M3 ) ประเภท Roll Over เสนอขาย 27 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคม 2555 อายุโครงการ 3 เดือน เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ และเงินฝากธนาคารพาณิชย์ ทั้ง 100% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.70% ต่อปี
สำหรับอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศในรูปเงินฝาก หรือตราสารการเงินระยะสั้น มีแนวโน้มปรับลดลง หลังจากการมีความต้องการลงทุนในตราสารหนี้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตราสารหนี้ของตลาดเอเชีย และตลาดกำลังพัฒนาอื่นๆ หลังจากนักลงทุนเริ่มคลายความกังวลจากวิกฤตหนี้ในยุโรป และคาดว่า การเจรจาเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซจะไม่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดการเงิน โดยในส่วนของค่าเงินบาทเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐฯ มีการแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนมาแกว่งตัวในช่วง 30.40 – 30.80 บาท/ดอลล่าร์สหรัฐฯ ขณะที่ค่าดอลล่าร์พรีเมี่ยมจากการสวอปสกุลเงินบาทและดอลล่าร์สหรัฐฯ ล่วงหน้าเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน จึงช่วยชดเชยการปรับลดของอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศได้บ้าง