MSN on February 28, 2012, 07:31:40 PM
KTAMเปิดขายอิควิตี้ลิงค์คอมเพล็กซ์ ลุ้นดัชนี1,250จุดรับผลตอบแทนกว่า8%

  นายสมชัย   บุญนำศิริ  กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า   ในสัปดาห์นี้  บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดเคแทม  อิควิตี้  ลิงค์  คอมเพล็กซ์  รีเทิร์น  1 ปี  ( KTEL 1Y )  ในวันที่  28  กุมภาพันธ์  - 5 มีนาคม 2555  อายุโครงการ 1 ปี  มูลค่า   1,000 ล้านบาท    เป็นกองทุนที่ลงทุนในOption  ที่อ้างอิงผลตอบแทนของตราสารทุนไทย   ออกโดยสถาบันการเงินไทย  ในสัดส่วน 3-5%    ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากประจำ  Abu  Dhabi  Commercial  Bank  (ADCB)  25%    เงินฝากประจำ  Unoin  National Bank (UNB )  20%  MTN  ของ Banco    Itau  BBA   S.A. (ITAUBBA )   25%    และ เงินฝาก /ตั๋วแลกเงิน / หุ้นกู้สถาบันการเงิน หรือบริษัทเอกชนในประเทศ  25 -27%  ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนโดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนดังตารางต่อไปนี้ 

  ดัชนี SET 50 Index       
     ณ  วันลงทุน    ดัชนีสูงสุด  ณ สิ้น
      วันทำการ
 ตลอดอายุโครงการ   ดัชนี ณ สิ้นอายุโครงการ   ผลตอบแทนกองทุนที่จะได้รับเมื่อครบอายุ
1,150 จุด   น้อยกว่า 1,380 จุด   1,000 จุด   ได้รับเฉพาะเงินต้นคืน
1,150 จุด   น้อยกว่า1,380 จุด   1,250 จุด   8.69%
1,150  จุด   มากกว่า 1,380จุด   1,400จุด   2.00%
1,150 จุด   มากกว่า1,380จุด   1,000จุด   2.00%

          ทั้งนี้  จากความเข้มแข็งของเศรษฐกิจไทยและการเติบโตของผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนทำให้   บลจ. กรุงไทย  ประมาณการเป้าหมาย SET Index ในปี 2555 นั้นอยู่ที่ระดับ 1,234 จุด และให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ 3.6% โดยใช้วิธีประเมินมูลค่าของ SET ด้วยวิธี Fair Forward PER 12.5x โดยมีสมมติฐานว่าเศรษฐกิจโลกจะไม่เกิด double dip recession และกำไรของบริษัทจดทะเบียนมีการเติบโตประมาณ 14%

           นอกจากนี้   บริษัทยังเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 3 เดือน คุ้มครองเงินต้น 3  (KTFIX3M3 )  ประเภท Roll  Over   เสนอขาย  27 กุมภาพันธ์ –  2 มีนาคม 2555    อายุโครงการ 3  เดือน    เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ  และเงินฝากธนาคารพาณิชย์  ทั้ง 100%   ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน  ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.70%  ต่อปี   

สำหรับอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศในรูปเงินฝาก หรือตราสารการเงินระยะสั้น มีแนวโน้มปรับลดลง หลังจากการมีความต้องการลงทุนในตราสารหนี้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตราสารหนี้ของตลาดเอเชีย และตลาดกำลังพัฒนาอื่นๆ  หลังจากนักลงทุนเริ่มคลายความกังวลจากวิกฤตหนี้ในยุโรป และคาดว่า การเจรจาเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซจะไม่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดการเงิน  โดยในส่วนของค่าเงินบาทเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐฯ มีการแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนมาแกว่งตัวในช่วง 30.40 – 30.80 บาท/ดอลล่าร์สหรัฐฯ ขณะที่ค่าดอลล่าร์พรีเมี่ยมจากการสวอปสกุลเงินบาทและดอลล่าร์สหรัฐฯ ล่วงหน้าเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน  จึงช่วยชดเชยการปรับลดของอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศได้บ้าง