happy on February 16, 2012, 08:20:07 PM
มร. พอล วิลเลียมส์ ผู้จัดการทั่วไป พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซ กรุงเทพฯ และนายอนิล วาธวา เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทยและประชาสัมพันธ์ของประเทศอินเดียประจำคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมสำหรับเอเชียและแปซิฟิกแห่งสหประชาชาติ พร้อมด้วยคุณวารินทร์ สัจเดวร่วมเปิดตัวหุ่นขี้ผึ้ง 5 ซุปเปอร์สตาร์บอลลีวูด จากดินแดนภารตะ 1.คารีน่า คาปูร์ 2.อิชวารยา ราย3.อมิตาภ พัจจัน 4.ชาฮ์ รุค ข่าน 5.หริติค โรชาน ณ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซ กรุงเทพฯ ชั้น 6 ศูนย์การค้าสยามดิฟคัฟเวอรี่ เมื่อเร็วๆนี้
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.02-658-0060 หรือwww.madametussauds.com /bangkok พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซ กรุงเทพฯ สุดยอดพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งที่ผู้คนทั่วโลกชื่นชอบ แห่งแรกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชวนทุกคู่รักร่วมฉลองเทศกาลวาเลนไทน์กับคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดของ 5 ซูเปอร์สตาร์บอลลีวูดจากดินแดนภารตะ ได้แก่ 1.อมิตาภ พัจจัน 2.อิชวารยา ราย 3.คารีน่า คาปูร์ 4.ชาฮ์ รุค ข่าน และ 5.หริติค โรชาน ที่มาพร้อมกับโปรโมชั่นสุดพิเศษ ซื้อ 1 แถม 1 ทุกวันอาทิตย์ตลอดเดือนแห่งความรัก บรรยากาศในงานเปิดตัวเนืองแน่นไปด้วยเหล่าแฟนพันธุ์แท้ที่หลงใหลในเสน่ห์และจังหวะการร้องเต้นของภาพยนตร์บอลลีวูด ต่างมารอชื่นชมหุ่นจำลองเหมือนจริงของดาราขวัญใจตลอดกาลแห่งวงการภาพยนตร์อินเดียอย่างใกล้ชิด โดยมีนายอนิล วาธวา เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย ให้เกียรติร่วมเปิดหุ่นขี้ผึ้งซูเปอร์สตาร์บอลลีวูดในครั้งนี้ด้วย เซตหุ่นขี้ผึ้งคนดังของบอลลีวูดใหม่ล่าสุดจากมาดามทุสโซรวบรวมสุดยอดซูเปอร์สตาร์ระดับแถวหน้าของอินเดียที่คอหนังรู้จักกันดี ตั้งแต่อมิตาภ พัจจัน พระเอกตลอดกาลที่มีค่าตัวแพงที่สุดของวงการภาพยนตร์บอลลีวูด และยังเป็นนักแสดงชาวอินเดียคนแรกที่ได้รับเกียรติเป็นแบบให้สร้างหุ่นขี้ผึ้งเพื่อนำออกจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์มาดามทุสโซ อมิตาภ พัจจัน เป็นทั้งนักแสดง โปรดิวเซอร์ และพรีเซนเตอร์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในวงการบอลลีวูดยุค 70 โด่งดังมาจากภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น Anand (2514) Zanjeer (2516) และ Deewar (2518) เคยได้รับรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ 3 ครั้ง และรางวัล Filmfare อีก 12 ครั้ง ระหว่างปี พ.ศ. 2515-2529 หนังที่มีเขาร่วมแสดงจะฮิตติดลมบนอย่างน้อย 1 เรื่องทุกปีเป็นเวลา 15 ปีติดต่อกัน น้ำเสียงทุ้มนุ่มเป็นเอกลักษณ์เด่นที่ทำให้เขาเป็นที่จดจำของผู้คน เขายังมีผลงานให้เสียงพากย์ภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง และนำแสดงในหนังมากกว่า 100 เรื่อง ในปี พ.ศ. 2550 The Last Lear ผลงานภาพยนตร์ภาษาอังกฤษเรื่องแรกของพัจจันได้ถูกนำไปฉายที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโทรอนโต และได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็นผลงานการแสดงที่ดีที่สุดตลอดกาลเรื่องหนึ่งของเขา อิชวารยา รายดาราสาวสวยยอดนิยมระดับแถวหน้าที่มีชื่อติดอันดับทั้งในและต่างประเทศ หลังจากคว้าตำแหน่งมิสเวิลด์มาครองได้เป็นผลสำเร็จในปี พ.ศ. 2537 เธอจึงเลิกเรียนแล้วก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัว ในปีพ.ศ. 2542 เธอนำแสดงในหนังเรื่อง Hum Dil De Chuke Sanam ของผู้กำกับสันเจย์ ลีลา บันสาลี ร่วมกับซัลมาน ข่าน และอะเจย์ เดฟกัน ซึ่งเป็นผลงานที่สร้างรายได้สูงสุดเรื่องแรกของเธอและทำให้เธอได้รับรางวัล Filmfare Award สาขานักแสดงหญิงยอดเยี่ยมเป็นครั้งแรก ก่อนที่จะได้รับรางวัลนี้อีกถึง 5 ครั้งในภายหลัง ในฐานะดาราหญิงที่ฉายแสงเจิดจ้ามากที่สุดคนหนึ่งของบอลลีวูด เธอได้รับคำชื่นชมอย่างมากสำหรับบทบาทการแสดงในหนังเรื่อง Taal (2542) Devdas (2545) และ Dhoom 2 (2549) คารีน่า คาปูร์ เกิดในครอบครัวนักแสดง เป็นที่รู้จักจากหนังสงคราม Refugee (2543) ของผู้กำกับเจ พี ดุดตา การแสดงอันไร้ที่ติในหนังเรื่องนี้ส่งให้เธอคว้ารางวัลนักแสดงหญิงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมจากเวที Filmfare Awards ความสามารถอันหลากหลายในฐานะนักแสดงของเธอประจักษ์ในชัดหนังหลายต่อหลายเรื่อง อาทิ Chameli (2547) แสดงร่วมกับราฮุล โบส Dev (2547) คู่กับอมิตาภ พัจจันและฟาร์ดีน ข่าน Omkara (2549) ของผู้กำกับวิชาล ภารัตวาซึ่งเป็นการดัดแปลงเรื่อง Othello ของวิลเลียม เชคสเปียร์มาเป็นภาพยนตร์ภาษาฮินดี จากหนังเรื่อง 3 Idiots (2552) ที่เธอนำแสดงเป็นภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดตลอดกาลของบอลลีวูด เฉพาะแค่ในอินเดียก็สร้างรายได้สูงถึง 45.18 ล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว นอกจากงานแสดงแล้ว คาปูร์ยังเป็นดาราหญิงอินเดียคนแรกที่มีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตนเอง ในชื่อ ‘Globus’ และยังมีส่วนร่วมกับงานระดมทุนเพื่อการกุศลอีกมากมาย ชาฮ์รุค ข่าน ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นราชาแห่งบอลลีวูด ในฐานะนักแสดง โปรดิวเซอร์ และพรีเซนเตอร์มากฝีมือ เขาเคยทำงานโทรทัศน์มาก่อนก้าวสู่โลกจอเงินในหนังเปิดตัวเรื่อง Deewana (2535) และมีผลงานที่ประสบความสำเร็จระดับบ๊อกซ์ออฟฟิศอย่างต่อเนื่องตั้งแต่นั้นมา เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Filmfare Awards ถึง 15 ครั้ง และคว้ารางวัลสาขานักแสดงชายยอดเยี่ยมมาได้ถึง 6 ครั้ง ความดังระดับอินเตอร์ของเขายืนยันได้จากหนังยอดฮิตหลายเรื่อง เช่น Vezz Zaara (2547) และ Kabhi Alvida Naa Kehna (2549) แต่ผลงานที่ทำให้เขาโด่งดังมากที่สุดคือ Dilwale Dulhaniya Le Jayenge (2538) และ Om Shanti Om (2550) นอกจากนี้ เขายังลงมือสร้างหนังเองและเป็นเจ้าของร่วมบริษัทผลิตภาพยนตร์ Dreamz Unlimited และ Red Chillies Entertainment อีกด้วย ซูเปอร์สตาร์บอลลีวูดคนสุดท้าย หริติค โรชานสร้างชื่อให้กับตนเองด้วยการเริ่มต้นจากการเป็นดาราเด็กมาก่อน Aasha (2523) เป็นหนังเรื่องแรกเมื่อเขามีอายุ 6 ขวบ ตลอดชีวิตในฐานะนักแสดง โรชานได้รับรางวัล Filmfare Awards หลายครั้ง อาทิ ในปีพ.ศ. 2550 และ 2552 คว้ารางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง Dhoom 2 (2549) และ Jodhaa Akbar (2551)โรชานรับบทนำเป็นครั้งแรกในหนังเรื่อง Kaho Naa…Pyaar Hai ในปี พ.ศ. 2543 ซึ่งมีราเกซ โรชาน พ่อของเขาเป็นผู้กำกับ และมีราเจช โรชาน ผู้เป็นลุงคอยดูแลเรื่องดนตรี ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการบันทึกโดย Limca Book of Records ว่าเป็นภาพยนตร์บอลลีวูดที่ได้รับรางวัลมากที่สุดเป็นประวัติการณ์
« Last Edit: February 17, 2012, 03:15:50 PM by happy »
Logged