MSN on February 13, 2012, 01:40:17 PM
ยอดขายตราสารหนี้ตปท.ล้นถล่มทลาย KTAMเดินหน้าเปิดKTFF22 ชู 4.00%ต่อปี

               นายสมชัย  บุญนำศิริ  กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า  ในสัปดาห์ที่ผ่านมา    บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 21 ( KTFF21 )  ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน  ส่งผลให้กองทุนมียอดขายสูงกว่ามูลค่าโครงการที่กำหนดไว้ 5,000 ล้านบาท   โดยมียอดขายทั้งสิ้น  5,430 ล้านบาท   ในโอกาสนี้ บริษัทจึงเดินหน้าเปิดจำหน่าย กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 22 ( KTFF22 )   เพื่อรองรับความต้องการลงทุนของลูกค้า เสนอขายในวันที่ 13 -17 กุมภาพันธ์  2555     อายุโครงการ 12 เดือน  มูลค่า 5,000 ล้านบาท   เป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ทั้ง 100%    ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ  4.00%ต่อปี   โดยไม่เสียภาษี หัก ณ ที่จ่าย  และเงินลงทุนจะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน   

                  กองทุนนี้จะลงทุนในเงินฝากประจำของ  Abu Dhabi Commercial  Bank   , Union  National   Bank  ,  Bank of China   ,  ECD  ของ  Banco   do  Brasil  S.A.  และตราสารหนี้ระยะกลางของ  ICIC   Bank   , Banco  ltau BBA   S.A.  และ  ICBC Asia  Ltd. 
   
                   นอกจากนี้ บริษัทยังเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท  อินเวส 6 เดือน 5  ( KTSIV6M5 ) อายุโครงการ 6  เดือน  เป็นกองทุนประเภท Roll  Over   โดยลงทุนในเงินฝาก  บัตรเงินฝาก  ตั๋วแลกเงิน   ของธนาคารออมสิน  ธนาคารแลนด์  แอนด์เฮ้าส์   และภาคเอกชนที่มีอันดับเครดิตตั้งแต่ BBB + ขึ้นไป    ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.00% ต่อปี     

                สำหรับอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศในรูปเงินฝาก หรือตราสารการเงินระยะสั้น มีแนวโน้มปรับลดลงหลังจากการมีความต้องการลงทุนในตราสารหนี้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตราสารหนี้ของตลาดเอเชีย และตลาดกำลังพัฒนาอื่นๆ  หลังจากนักลงทุนเริ่มคลายความกังวลจากวิกฤตหนี้ในยุโรป และมีการความคาดหวังว่าการเจรจาเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซจะไม่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดการเงิน  โดยในส่วนของค่าเงินบาทเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐฯ มีการแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนมาแกว่งตัวในช่วง 30.70 – 30.90 บาท/ดอลล่าร์สหรัฐฯ ขณะที่ค่าดอลล่าร์พรีเมี่ยมจากการสวอปสกุลเงินบาทและดอลล่าร์สหรัฐฯ ล่วงหน้าเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน  จึงช่วยชดเชยการปรับลดของอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศ