happy on January 31, 2012, 03:20:47 PM
ปิดเทอมนี้!! คลายร้อนป่วนซ่า...พร้อมเพื่อนสหายมาติดเกาะให้สุดหรรษา
1 มีนาคมนี้...ป่วนซ่าที่ SF MOVIE EXCLUSIVE เท่านั้น
ในปี 2007 Alvin and the Chipmunks สร้างปรากฏการณ์เป็นภาพยนตร์เบาสมองที่ครองใจผู้ชมทุกเพศทุกวัย และทำรายได้รวมกันทั่วโลกเป็นเงินมากกว่า 350 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ด้วยเรื่องราวสนุกสนานของนักแต่งเพลงหนุ่มชื่อเดฟ ซีวิลล์ ผู้ทำให้กระรอกหนุ่มสามหน่อ ได้แก่ อัลวิน, ไซม่อน และธีโอดอร์ กลายเป็นกลุ่มนักร้องประสานเสียงสุดฮิพ ทว่างานนี้เดฟต้องยอมให้บ้านแสนสงบของเขา เผชิญกับความโกลาหลครั้งใหญ่
เหตุการณ์ยุ่งเหยิงวุ่นวายยังไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะอีกสองปีถัดมา ผลงานภาคต่อในชื่อ Alvin and the Chipmunks: The Squeakquel ก็นำสามสหายชิพมังส์กลับมาสร้างความปั่นป่วนกวนอารมณ์อีกระลอก เมื่ออัลวิน, ไซม่อน และธีโอดอร์ ต้องพบกับคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อ หรืออาจเหนือกว่าพวกเขาด้วยซ้ำ เพราะพวกเธอคือสามสาวนักร้องเสียงทองในนาม “เดอะ ชิพเพ็ทส์” ที่ประกอบด้วยบริททานีย์, จีนเน็ทท์ และเอเลียนอร์
และแล้วปีนี้ ทั้งชิพมังส์และชิพเพ็ทส์ก็โคจรกลับมาพบกันอีกครั้งใน Alvin and the Chipmunks: Chipwrecked ที่เหล่ากระรอกจอมซนได้เปลี่ยนเรือสำราญสุดหรู ให้กลายเป็นสวนสนุกส่วนตัว แต่เพราะเที่ยวเล่นกันจนเลยเถิด ทั้งหมดจึงต้องระหกระเหินไปติดอยู่บนเกาะอันไกลโพ้นแห่งหนึ่ง ซึ่งตอนแรกก็ตื่นเต้นดี แต่เมื่อความตื่นตาตื่นใจจางหาย กระรอกน้อยทั้งหกก็คิดถึงบ้านอย่างสุดหัวใจ พวกเขาจึงร่วมมือกันค้นหาหนทางกลับบ้าน แล้วก็พบว่าภารกิจที่คิดว่าหมูๆ นี้ ไม่ได้หมูอย่างที่คิดเลยประวัติศาสตร์ฉบับย่อของชิพมังส์ Alvin and the Chipmunks สร้างความหรรษาแก่คนทั่วโลกมาเป็นเวลานานกว่า 50 ปี นับตั้งแต่ที่พวกเขานำเพลง The Chipmunk Song ทะยานขึ้นแท่นเพลงฮิตอันดับหนึ่งของเทศกาลคริสต์มาส โดยการสร้างสรรค์ของนักร้อง/นักแต่งเพลง รอส แบ็กดาซาเรียน ซีเนียร์ จากนั้นเสียงอันไพเราะของเหล่ากระรอกน้อย ก็เข้าไปติดหูผู้ฟังทั้งเด็กและผู้ใหญ่ในทุกครอบครัวตลอดมา
ในปี 1958 นักดนตรีอับโชค รอส แบ็กดาซาเรียน ซีเนียร์ มีภาระต้องเลี้ยงดูครอบครัว เขาเซ็นสัญญากับลิเบอร์ตี้ เร็คคอร์ด บริษัทแผ่นเสียงที่กำลังต้องการเพลงดังสักเพลงอย่างที่สุด ด้วยวิญญาณศิลปินที่แท้จริง แบ็กดาซาเรียนตัดสินใจเสี่ยงโชคเดิมพันอีกครั้ง ด้วยการทุบกระปุกนำเงินออมของครอบครัวไปซื้อเครื่องบันทึกเทป แล้วกลับมานั่งคิดว่าจะทำอะไรต่อไป เมื่อมองไปรอบๆ โต๊ะทำงาน เขาเห็นหนังสือชื่อ Duel with the Witch Doctor นั่นเองคือจุดกำเนิดของเพลงฮิตเพลงแรก Witch Doctor ที่ทุกคนจดจำมันได้จากท่อนเอื้อนประหลาดๆ “อูอี อูอาอา ทิงแทง วัลลา วัลลา บิงแบง” แบ็กดาซาเรียนใช้เทคนิคพิเศษในการสร้างเสียงหมอผีในเพลง ด้วยการลดระดับความเร็วของการอัดเสียง และใช้เสียงร้องที่ทุ้มต่ำยานคาง จากนั้นก็นำเพลงที่อัดมาเปิดในระดับความเร็วปกติ เทคนิคนี้เองที่ต่อมาเขาใช้ในการสร้างเสียงของอัลวิน, ไซม่อน และธีโอดอร์ด้วย เมื่อเพลง Witch Doctor ทำยอดขายเกินกว่าหนึ่งล้านก็อปปี้ ซึ่งสร้างรายได้จำนวนมากให้ลิเบอร์ตี้ เร็คคอร์ด พอที่จะต่อลมหายใจให้บริษัทอยู่รอดต่อไปได้อีกสักพัก จนกว่าจะมีเพลงฮิตลำดับที่สอง ซึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นความรับผิดชอบของแบ็กดาซาเรียนอีกครั้ง
ช่วงฤดูร้อนปี 1958 จากการซักไซ้ของลูกชายวัยสี่ขวบ ที่คอยถามว่าเมื่อไหร่คริสต์มาสจะมาถึงเสียที กลายเป็นแรงบันดาลใจให้แบ็กดาซาเรียนลงมือเขียนเพลง The Chipmunk Song (Christmas Don’t Be Late) แต่เขาไม่ได้ใช้ชื่อนี้ในตอนแรก เพราะเวลานั้นยังไม่มีใครรู้จักชิพมังส์ และแม้จะยังชอบเสียงที่ตัวเองสร้างขึ้นในเพลง Witch Doctor แต่แบ็กดาซาเรียนก็อยากลองทำอะไรใหม่ๆ ดูบ้าง วันหนึ่งขณะขับรถเข้าไปในสวนสาธารณะแห่งชาติโยเซมิตี้ เขาเห็นกระรอกชิพมังส์ตัวหนึ่งวิ่งมาหยุดตรงหน้า ทำท่าเหมือนท้าทายให้เขาขับรถเหยียบมัน สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือตำนาน ชิพมังส์ตัวจ้อยกลายมาเป็นอัลวิน แล้วแบ็กดาซาเรียนก็สร้างเพื่อนสนิทให้มันอีกสองตัวคือ ไซม่อนเจ้าปัญญา และธีโอดอร์จอมตะกละ ซึ่งทั้งสามชื่อนี้นำมาจากชื่อผู้บริหารลิเบอร์ตี้ เร็คคอร์ด คืออัล เบ็นเนทท์, ไซ แวรอนเกอร์ และธีโอดอร์ คีพ ส่วนชื่อวงนั้น แบ็กดาซาเรียนได้ไอเดียมาจากการที่เขาเคยใช้ชื่อในการแสดงว่าเดวิด ซีวิลล์เมื่อหลายปีก่อน ดังนั้นเขาจึงตั้งชื่อวงดนตรีใหม่วงนี้ว่า “เดวิด ซีวิลล์ แอนด์ เดอะ ชิพมังส์”
ตอนแรกเป็นเรื่องยากมากที่จะทำให้สถานีวิทยุเปิดเพลง The Chipmunk Song (Christmas Don’t Be Late) จนกระทั่งแบ็กดาซาเรียนพบสถานีเล็กๆ แห่งหนึ่งในเมืองมินนีอาโพลิส ที่ต้องการเปิดเพลงนี้ในช่วงก่อนเทศกาลคริสต์มาส ในไม่ช้าเสียงพูดปากต่อปาก ก็ทำให้สถานีวิทยุอื่นอยู่เฉยไม่ได้ ในที่สุด The Chipmunk Song (Christmas Don’t Be Late) ก็กลายเป็นเพลงฮิตติดลม ที่ทำยอดขายได้มากกว่า 4.5 ล้านก็อปปี้ ในระยะเวลาเพียง 7 สัปดาห์ (สถิตินี้ถูกทำลายในปี 1964 ด้วยเพลง I Want to Hold Your Hand ของเดอะบีเทิลส์) และยังชนะรางวัลแกรมมีอีก 3 สาขาด้วย เดฟ ซีวิลล์ (แบ็กดาซาเรียน) ได้พา The Chipmunks ที่เป็นหุ่นชัก ไปออกโทรทัศน์ครั้งแรกในรายการ The Ed Sullivan Show ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างเหลือเชื่อ ผู้ชมเรียกร้องอยากจะดูกระรอกน้อยกลุ่มนี้อีก มีการนำรูปพวกมันไปผลิตเป็นตุ๊กตาสารพัดแบบ และเมื่อแบ็กดาซาเรียนออกซิงเกิลเพลง Alvin for President หลังปี 1960 เขาก็ได้รับจดหมายจากวุฒิสมาชิกหนุ่ม จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งเขียนมาบอกว่าเขายินดีมากที่มีอัลวินเป็นคู่แข่งในการแย่งตำแน่งผู้นำประเทศสหรัฐอเมริกา
ในระยะเวลาเพียงสามปี เพลงของ The Chipmunks ทำยอดขายได้ถึง 16 ล้านก็อปปี้ และพิชิตรางวัลแกรมมีหลายรางวัล ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นำพวกมันไปสู่การมีรายการโทรทัศน์เป็นของตัวเองชื่อ The Alvin Show ที่ออกอากาศครั้งแรกในฤดูใบไม้ร่วงปี 1961 และถือเป็นจุดกำเนิดของตัวละครเดฟ ซีวิลล์ ในโลกแอนิเมชั่นด้ว
« Last Edit: February 05, 2012, 04:05:28 PM by happy »
Logged