happy on January 31, 2012, 03:20:47 PM


ปิดเทอมนี้!! คลายร้อนป่วนซ่า...พร้อมเพื่อนสหายมาติดเกาะให้สุดหรรษา
1 มีนาคมนี้...ป่วนซ่าที่
SF MOVIE EXCLUSIVE เท่านั้น

               ในปี 2007 Alvin and the Chipmunks สร้างปรากฏการณ์เป็นภาพยนตร์เบาสมองที่ครองใจผู้ชมทุกเพศทุกวัย และทำรายได้รวมกันทั่วโลกเป็นเงินมากกว่า 350 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ด้วยเรื่องราวสนุกสนานของนักแต่งเพลงหนุ่มชื่อเดฟ ซีวิลล์ ผู้ทำให้กระรอกหนุ่มสามหน่อ ได้แก่ อัลวิน, ไซม่อน และธีโอดอร์ กลายเป็นกลุ่มนักร้องประสานเสียงสุดฮิพ ทว่างานนี้เดฟต้องยอมให้บ้านแสนสงบของเขา เผชิญกับความโกลาหลครั้งใหญ่
            เหตุการณ์ยุ่งเหยิงวุ่นวายยังไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะอีกสองปีถัดมา ผลงานภาคต่อในชื่อ Alvin and the Chipmunks: The Squeakquel ก็นำสามสหายชิพมังส์กลับมาสร้างความปั่นป่วนกวนอารมณ์อีกระลอก เมื่ออัลวิน, ไซม่อน และธีโอดอร์ ต้องพบกับคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อ หรืออาจเหนือกว่าพวกเขาด้วยซ้ำ เพราะพวกเธอคือสามสาวนักร้องเสียงทองในนาม “เดอะ ชิพเพ็ทส์” ที่ประกอบด้วยบริททานีย์, จีนเน็ทท์ และเอเลียนอร์
            และแล้วปีนี้ ทั้งชิพมังส์และชิพเพ็ทส์ก็โคจรกลับมาพบกันอีกครั้งใน  Alvin and the Chipmunks: Chipwrecked ที่เหล่ากระรอกจอมซนได้เปลี่ยนเรือสำราญสุดหรู ให้กลายเป็นสวนสนุกส่วนตัว แต่เพราะเที่ยวเล่นกันจนเลยเถิด ทั้งหมดจึงต้องระหกระเหินไปติดอยู่บนเกาะอันไกลโพ้นแห่งหนึ่ง ซึ่งตอนแรกก็ตื่นเต้นดี แต่เมื่อความตื่นตาตื่นใจจางหาย กระรอกน้อยทั้งหกก็คิดถึงบ้านอย่างสุดหัวใจ พวกเขาจึงร่วมมือกันค้นหาหนทางกลับบ้าน แล้วก็พบว่าภารกิจที่คิดว่าหมูๆ นี้ ไม่ได้หมูอย่างที่คิดเลย



ประวัติศาสตร์ฉบับย่อของชิพมังส์

               Alvin and the Chipmunks สร้างความหรรษาแก่คนทั่วโลกมาเป็นเวลานานกว่า 50 ปี นับตั้งแต่ที่พวกเขานำเพลง The Chipmunk Song ทะยานขึ้นแท่นเพลงฮิตอันดับหนึ่งของเทศกาลคริสต์มาส โดยการสร้างสรรค์ของนักร้อง/นักแต่งเพลง รอส แบ็กดาซาเรียน ซีเนียร์ จากนั้นเสียงอันไพเราะของเหล่ากระรอกน้อย ก็เข้าไปติดหูผู้ฟังทั้งเด็กและผู้ใหญ่ในทุกครอบครัวตลอดมา
            ในปี 1958 นักดนตรีอับโชค รอส แบ็กดาซาเรียน ซีเนียร์ มีภาระต้องเลี้ยงดูครอบครัว เขาเซ็นสัญญากับลิเบอร์ตี้ เร็คคอร์ด บริษัทแผ่นเสียงที่กำลังต้องการเพลงดังสักเพลงอย่างที่สุด ด้วยวิญญาณศิลปินที่แท้จริง แบ็กดาซาเรียนตัดสินใจเสี่ยงโชคเดิมพันอีกครั้ง ด้วยการทุบกระปุกนำเงินออมของครอบครัวไปซื้อเครื่องบันทึกเทป แล้วกลับมานั่งคิดว่าจะทำอะไรต่อไป เมื่อมองไปรอบๆ โต๊ะทำงาน เขาเห็นหนังสือชื่อ Duel with the Witch Doctor นั่นเองคือจุดกำเนิดของเพลงฮิตเพลงแรก Witch Doctor ที่ทุกคนจดจำมันได้จากท่อนเอื้อนประหลาดๆ “อูอี อูอาอา ทิงแทง วัลลา วัลลา บิงแบง”  แบ็กดาซาเรียนใช้เทคนิคพิเศษในการสร้างเสียงหมอผีในเพลง ด้วยการลดระดับความเร็วของการอัดเสียง และใช้เสียงร้องที่ทุ้มต่ำยานคาง จากนั้นก็นำเพลงที่อัดมาเปิดในระดับความเร็วปกติ เทคนิคนี้เองที่ต่อมาเขาใช้ในการสร้างเสียงของอัลวิน, ไซม่อน และธีโอดอร์ด้วย เมื่อเพลง Witch Doctor ทำยอดขายเกินกว่าหนึ่งล้านก็อปปี้ ซึ่งสร้างรายได้จำนวนมากให้ลิเบอร์ตี้ เร็คคอร์ด พอที่จะต่อลมหายใจให้บริษัทอยู่รอดต่อไปได้อีกสักพัก จนกว่าจะมีเพลงฮิตลำดับที่สอง ซึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นความรับผิดชอบของแบ็กดาซาเรียนอีกครั้ง
            ช่วงฤดูร้อนปี 1958 จากการซักไซ้ของลูกชายวัยสี่ขวบ ที่คอยถามว่าเมื่อไหร่คริสต์มาสจะมาถึงเสียที กลายเป็นแรงบันดาลใจให้แบ็กดาซาเรียนลงมือเขียนเพลง The Chipmunk Song (Christmas Don’t Be Late) แต่เขาไม่ได้ใช้ชื่อนี้ในตอนแรก เพราะเวลานั้นยังไม่มีใครรู้จักชิพมังส์ และแม้จะยังชอบเสียงที่ตัวเองสร้างขึ้นในเพลง Witch Doctor แต่แบ็กดาซาเรียนก็อยากลองทำอะไรใหม่ๆ ดูบ้าง วันหนึ่งขณะขับรถเข้าไปในสวนสาธารณะแห่งชาติโยเซมิตี้ เขาเห็นกระรอกชิพมังส์ตัวหนึ่งวิ่งมาหยุดตรงหน้า ทำท่าเหมือนท้าทายให้เขาขับรถเหยียบมัน สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือตำนาน ชิพมังส์ตัวจ้อยกลายมาเป็นอัลวิน แล้วแบ็กดาซาเรียนก็สร้างเพื่อนสนิทให้มันอีกสองตัวคือ ไซม่อนเจ้าปัญญา และธีโอดอร์จอมตะกละ ซึ่งทั้งสามชื่อนี้นำมาจากชื่อผู้บริหารลิเบอร์ตี้ เร็คคอร์ด คืออัล เบ็นเนทท์, ไซ แวรอนเกอร์ และธีโอดอร์ คีพ ส่วนชื่อวงนั้น แบ็กดาซาเรียนได้ไอเดียมาจากการที่เขาเคยใช้ชื่อในการแสดงว่าเดวิด ซีวิลล์เมื่อหลายปีก่อน ดังนั้นเขาจึงตั้งชื่อวงดนตรีใหม่วงนี้ว่า “เดวิด ซีวิลล์ แอนด์ เดอะ ชิพมังส์”
            ตอนแรกเป็นเรื่องยากมากที่จะทำให้สถานีวิทยุเปิดเพลง The Chipmunk Song (Christmas Don’t Be Late) จนกระทั่งแบ็กดาซาเรียนพบสถานีเล็กๆ แห่งหนึ่งในเมืองมินนีอาโพลิส ที่ต้องการเปิดเพลงนี้ในช่วงก่อนเทศกาลคริสต์มาส ในไม่ช้าเสียงพูดปากต่อปาก ก็ทำให้สถานีวิทยุอื่นอยู่เฉยไม่ได้ ในที่สุด The Chipmunk Song (Christmas Don’t Be Late) ก็กลายเป็นเพลงฮิตติดลม ที่ทำยอดขายได้มากกว่า 4.5 ล้านก็อปปี้ ในระยะเวลาเพียง 7 สัปดาห์ (สถิตินี้ถูกทำลายในปี 1964 ด้วยเพลง I Want to Hold Your Hand ของเดอะบีเทิลส์) และยังชนะรางวัลแกรมมีอีก 3 สาขาด้วย เดฟ ซีวิลล์ (แบ็กดาซาเรียน) ได้พา The Chipmunks ที่เป็นหุ่นชัก ไปออกโทรทัศน์ครั้งแรกในรายการ The Ed Sullivan Show ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างเหลือเชื่อ ผู้ชมเรียกร้องอยากจะดูกระรอกน้อยกลุ่มนี้อีก มีการนำรูปพวกมันไปผลิตเป็นตุ๊กตาสารพัดแบบ และเมื่อแบ็กดาซาเรียนออกซิงเกิลเพลง Alvin for President หลังปี 1960 เขาก็ได้รับจดหมายจากวุฒิสมาชิกหนุ่ม จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งเขียนมาบอกว่าเขายินดีมากที่มีอัลวินเป็นคู่แข่งในการแย่งตำแน่งผู้นำประเทศสหรัฐอเมริกา
            ในระยะเวลาเพียงสามปี เพลงของ The Chipmunks ทำยอดขายได้ถึง 16 ล้านก็อปปี้ และพิชิตรางวัลแกรมมีหลายรางวัล ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นำพวกมันไปสู่การมีรายการโทรทัศน์เป็นของตัวเองชื่อ The Alvin Show ที่ออกอากาศครั้งแรกในฤดูใบไม้ร่วงปี 1961 และถือเป็นจุดกำเนิดของตัวละครเดฟ ซีวิลล์ ในโลกแอนิเมชั่นด้ว


« Last Edit: February 05, 2012, 04:05:28 PM by happy »

happy on January 31, 2012, 03:50:05 PM

นักแสดง
เจสัน ลี  (เดฟ)


               เกิดและโตที่เมืองฮันทิงตัน บีช รัฐแคลิฟอร์เนีย ในวัยเด็ก ลีพัฒนาการเล่นกีฬาสเก็ตบอร์ดในระดับมือสมัครเล่น ให้กลายเป็นอาชีพได้ จนกระทั่งเขาย้ายไปอยู่ที่ลอส แองเจลิส และเริ่มสนใจการแสดง ในปี 1997 ผลงานเรื่อง Chasing Amy ของผู้กำกับ เควิน สมิธ ทำให้ลีเริ่มเป็นที่จดจำของแฟนภาพยนตร์ จากนั้นเขาก็ได้ร่วมงานกับผู้กำกับฝีมือเยี่ยมอีกหลายคน ในภาพยนตร์เรื่องดังอย่าง Enemy of the State (1998), Dogma (1999), Mumford (1999), Almost Famous (2000), Heartbreakers (2001), Vanilla Sky (2001), Dreamcatcher (2003), The Incredibles (voice 2004), The Ballad of Jack and Rose (2005), Clerks II (2006), Alvin and the Chipmunks (2007), Alvin and the Chipmunks: The Squeakquel (2009) และ Cop Out (2010)

เดวิด ครอสส์  (เอียน)

               เจ้าของรางวัลเอ็มมี่ และได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลแกรมมี่ ผู้มีความสามารถทางการแสดงตลกทั้งบนเวทีละคร ในภาพยนตร์จอแก้วและจอเงิน ครอสส์เป็นที่จดจำของผู้ชมจากการรับบทเป็นดร.โทเบียส ฟังเคอ ในซีรีส์เบาสมองเรื่อง Arrested Development (2003-2006) ที่ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล Screen Actors Guild Awards ครอสส์ยังเป็นผู้สร้าง, ร่วมเขียนบท และนำแสดงในซีรีส์ The Increasingly Poor Decisions of Todd Magaret (2010-2011) ส่วนภาพยนตร์จอใหญ่ เขามีผลงานเรื่องเด่น ดังนี้ Chain of Fools (2000), Ghost World (2001), Scary Movie 2 (2001), Men in Black II (2002), Eternal Sunshine of the Spotless Mind (2004), She’s the Man (2006), School for Scoundrels (2006), I’m Not There (2007), Alvin and the Chipmunks (2007), Kung Fu Panda (voice 2008), Year One (2009), Alvin and the Chipmunks: The Squeakquel (2009), Megamind (2010) และ Kung Fu Panda 2 (voice 2011)

เจนนี่ สเลท  (โซอี้)

               นักแสดงหญิงผู้มีประสบการณ์ล้นเหลือบนเวทีการแสดงตลกเดี่ยว ในปี 2009 สเลทจัดการแสดงชุด Jenny Slate: Dead Millionaire ซึ่งจำหน่ายบัตรได้หมดทุกที่นั่งทั้งในนิวยอร์ค และลอส แองเจลิส ผลงานสร้างชื่อทางโทรทัศน์ของเธอคือ การรับบทเซลส์สาวชื่อ “ทินา ทินา” ในซีรีส์ Saturday Night Light (2009-2010) รวมถึงการแสดงเป็นตัวละคร “สเตลลา” ในซีรีส์ Bored to Death (2009-2010) ภาพยนตร์เรื่อง Alvin and the Chipmunks: Chipwrecked คือผลงานจอใหญ่เรื่องแรกของเธอ

จัสติน ลอง  (พากย์เสียงอัลวิน)

              การเข้าร่วมกับคณะละครตลกสมัยเรียนที่วิทยาลัยวาสซาร์ คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ลองกลายมาเป็นนักแสดงหนุ่มผู้ถนัดบทเบาสมอง ภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาคือ Galaxy Quest (1999) แต่มาเป็นที่จดจำของผู้ชมจากบทเด็กหนุ่มที่ต้องห้ำหั่นกับปิศาจร้าย ใน Jeepers Creepers (2001) ต่อด้วยผลงานเด่นอีกมากมาย ยกตัวอย่างเช่น Ed (TV series 2000-2004), Dodgeball: A True Underdog Story (2004), Waiting (2005), Herbie Fully Loaded (2005), The Break-Up (2006), Accepted (2006), Live Free or Die Hard (2007), Alvin and the Chipmunks (voice 2007), Strange Wilderness (2008), Zack and Miri Make a Porno (2008), He’s Just Not That Into You (2009), Drag Me to Hell (2009), Funny People (2009), Youth in Revolt (2009), After.Life (2009), Taking Chances (2009), Alvin and the Chipmunks: The Squeakquel (voice 2009), Going the Distance (2010) และ The Conspirator (2010)

แมทธิว เกรย์ กู๊บเลอร์  (พากย์เสียงไซม่อน)

              หนุ่มชาวลาสเวกัส ผู้เป็นทั้งนายแบบ, นักแสดง และผู้กำกับภาพยนตร์ดาวรุ่ง กู๊บเลอร์จบการศึกษาเอกภาพยนตร์ จากโรงเรียนศิลปะทิสช์แห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ค เขามีผลงานภาพยนตร์สั้นหลายเรื่อง อาทิ Claude: A Symphony of Horror (2005), The Cactus That Looked Just Like a Man (2005), The Unauthorized Documentary (2006) และเป็นผู้กำกับ, ลำดับภาพ, ร่วมผลิตมิวสิควิดีโอเพลง Don’t Shoot Me Santa ให้วงดนตรีร็อค The Killers ด้วย อีกทั้งยังเป็นจิตรกรสีน้ำฝีมือดี และเป็นเจ้าของบริษัทผลิตงานเพลงภายใต้ชื่อ Cornstalk Recordings
              ภาพยนตร์ที่กู๊บเลอร์แสดงมีดังต่อไปนี้ RV (2006), Alvin and the Chipmunks (voice 2007), The Great Buck Howard (2008), How to Be a Serial Killer (2008), (500) Days of Summer (2009), Alvin and the Chipmunks: The Squeakquel (voice 2009), Pornstar (2010) และ Magic Valley (2011)               


เจสซี่ แมคคาร์ทนีย์  (พากย์เสียงธีโอดอร์)

              นักแสดงและนักดนตรีผู้มีผลงานเป็นที่นิยมอย่างสูง หลังจากที่สร้างเพลงฮิตติดอันดับหนึ่ง แมคคาร์ทนีย์ก็หันมาเอาดีทางการแสดง โดยการปรากฏตัวในภาพยนตร์ และภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่องดังมากมาย อาทิ All My Children (TV series 1998-2000), Alvin and the Chipmunks (voice 2007), Horton Hears a Who! (voice 2008), Tinker Bell and the Lost Treasure (voice 2009), Greek (TV series 2009), Alvin and the Chipmunks: The Squeakquel (voice 2009), Beware the Gonzo (2010) และ Young Justice (TV series 2010-2011)

เอมี่ โพห์เลอร์  (พากย์เสียงเอเลียนอร์)

              นักแสดงหญิงผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลเอ็มมี่ จากผลงานซีรีส์โทรทัศน์เรื่อง Saturday Night Live (2008-2009) และ Parks and Recreation (2009-2012) โพห์เลอร์ยังเป็นผู้อำนวยการสร้าง, เขียนบท และให้เสียงพากย์เป็น “เบสซี่” ในซีรีส์การ์ตูน The Mighty B! (2008-2011) ผลงานภาพยนตร์เด่นเรื่องอื่นของเธอ ได้แก่ Duece Bigalow: Male Gigolo (1999), Mean Girls (2004), Envy (2004), Arrested Development (2004-2005), Southland Tales (2006), Tenacious D in the Pick of Destiny (2006), Blades of Glory (2007), Shrek the Third (voice 2007), Mr. Woodcock (2007), Horton Hears a Who! (voice 2008), Baby Mama (2008), Monsters vs. Aliens (voice 2009), Alvin and the Chipmunks: The Squeakquel (voice 2009) The Secret World of Arrietty (voice 2010)

แอนนา ฟาริส  (พากย์เสียงจีนเน็ทท์)

              สาวสวยจากซีแอทเทิล ผู้เริ่มอาชีพนักแสดงในโรงละครตั้งแต่อายุยังน้อย ฟาริสนำแสดงและเป็นผู้อำนวยการสร้าง The House Bunny ภาพยนตร์โรแมนติกเบาสมองเรื่องดังประจำปี 2008 เช่นเดียวกับผลงานล่าสุด What’s Your Number? ที่เธอรับตำแหน่งผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหารด้วย ภาพยนตร์เด่นเรื่องอื่นของเธอ ได้แก่ Scary Movie (2000), The Hot Chick (2002), Lost in Translation (2003), Friends (TV series 2004), Waiting… (2005), Brokeback Mountain (2005), Just Friends (2005), My Super Ex-Girlfriend (2006), Smiley Face (2007), Entourage (TV series 2007), Mama’s Boy (2007), Observe and Report (2009), Alvin and the Chipmunks: The Squeakquel (voice 2009), Yogi Bear (2010) และ Take Me Home Tonight (2011)

คริสตินา แอพเพิลเกท  (พากย์เสียงบริททานีย์)

              การได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลเอ็มมี่, โทนี่ และลูกโลกทองคำ ทำให้คริสตินาแอพเพิลเกทกลายเป็นหนึ่งในนักแสดงหญิงระดับหัวแถวของฮอลลีวูด ด้วยผลงานโดดเด่นทั้งในวงการโทรทัศน์และภาพยนตร์ ยกตัวอย่างเช่น Wild Bill (1995), Mars Attacks (1996), Married with Children (TV series 1987-1997), Jesse (TV serie 1998-2000), The Sweetest Thing (2002), View from the Top (2003), Wonderland (2003), Employee of the Month (2004), Surviving Christmas (2004), The Rocker (2008), Samantha Who! (TV series 2007-2009), Alvin and the Chipmunks: The Squeakquel (voice 2009), Cats & Dogs: The Revenge of Kitty Galore (voice 2010), Going the Distance (2010), Hall Pass (2011) และ Up All Night (TV series 2011-2012)


happy on January 31, 2012, 04:01:58 PM



ทีมงาน
ไมค์ มิทเชลล์  (ผู้กำกับภาพยนตร์)


               ไมค์ มิทเชลล์ร่วมงานกับดรีมเวิร์คสมาตั้งแต่ปี 1996 โดยเป็นผู้กำกับ Shrek Forever After (2010) และเป็นที่ปรึกษา พร้อมกับทำสตอรีบอร์ดให้แก่ภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น Antz (1998), Shrek 2 (2004), Kung Fu Panda (2008) และ Monsters vs. Aliens (2009) มิทเชลล์ได้รับรางวัล Spirit of Slamdance Award ประจำปี 1999 จากภาพยนตร์สั้นเรื่อง Herd ผลงานกำกับเรื่องอื่นของเขาคือ Frannie’s Christmas (short 1993), The Itsy Bitsy Spider (TV series 1994), Duece Bigalow: Male Gigolo (1999), Greg the Bunny (TV series 2002), Surviving Christmas (2004), Sky High (2005) และ The Loop (TV series 2007) 

โจนาธาน ไอเบิล และเกลน เบอร์เจอร์  (ผู้เขียนบทภาพยนตร์)

               คู่หูนักเขียนบทผู้ร่วมงานกันมายาวนานกว่าสิบปี ไอเบลเกิดและโตในนิวเจอร์ซีย์ จบการศึกษาด้านจิตวิทยาและการดนตรีจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ส่วนเบอร์เจอร์เติบโตที่เมืองสมิธทาวน์ รัฐนิวยอร์ค สำเร็จการศึกษาสาขาเศรษฐศาสตร์และภาษาญี่ปุ่น จากมหาวิทยาลัยบราวน์ ทั้งคู่พบกันขณะทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุนที่บอสตัน แล้วจึงชวนกันลาออกจากงาน เพื่อไปตามหาความฝันที่ลอส แองเจลิส ด้วยการเป็นนักเขียนบทภาพยนตร์ ผลงานเด่นของพวกเขา ได้แก่ MADtv (TV series 1995-1997), King of the Hill (TV series 1997-2000), Kung Fu Panda (2008) และ Monsters vs. Aliens (2009), Alvin and the Chipmunks: The Squeakquel (2009) และ Kung Fu Panda 2 (2011)

แจนิส คาร์มาน และรอส แบ็กดาซาเรียน  (ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์)

               คู่สามีภรรยาผู้ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทผลิตภาพยนตร์ Bagdasarian Productions ทั้งสองพบกันหลังจากที่พ่อของฝ่ายชาย รอส แบ็กดาซาเรียน ซีเนียร์ ผู้ให้กำเนิด Alvin and the Chipmunks เสียชีวิตได้ไม่นาน ภายหลังการแต่งงาน คาร์มานและแบ็กดาซาเรียนร่วมกันสร้างสรรค์อัลบั้มเพลงฮิตเงินล้านหลายชิ้น เช่น Chipmunk Punk (1980), Urban Chipmunk (1981) และ A Chipmunk Christmas (1981) ซึ่งนำไปสู่การผลิตซีรีส์โทรทัศน์ Alvin and the Chipmunks ที่ฮิตไม่แพ้กัน โดยตลอดระยะเวลาที่ซีรีส์ชุดนี้ออกอากาศ (1983-1990) มันได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลเอ็มมี่ถึง 5 ครั้ง และมียอดผู้ชมเฉลี่ยสัปดาห์ละเกินกว่า 10 ล้านคน ผลงานที่ตามมาของครอบครัวแบ็กดาซาเรียน ได้แก่ I Love the Chipmunks Valentine Special (TV movie 1984), A Chipmunk Reunion (TV movie 1985), The Chipmunk Adventure (TV movie 1987), The Chipmunks: Rockin’ Through the Decades (TV movie 1990), Alvin and the Chipmunks: Trick or Treason (TV movie 1994), A Chipmunk Celebration (TV movie 1994), The Easter Chipmunk (TV movie 1995), Alvin and the Chipmunks Meet Frankenstein (Video 1999), Alvin and the Chipmunks Meet the Wolfman (Video 2000), Alvin and the Chipmunks (2007) และ Alvin and the Chipmunks: The Squeakquel (2009)      

คาเรน รอสเซนเฟลท์  (ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร)

               คาเรน รอสเซนเฟลท์ทำงานเป็นผู้บริหารฝ่ายผลิตที่พาราเมาท์ พิคเจอร์ส นานถึง 16 ปี โดยดูแลงานสร้างภาพยนตร์เรื่องดังอย่าง Indecent Proposal (1993), The First Wives Club (1996), Runaway Bride (1999), Save the Last Dance (2001), Mean Girls (2004) และ Coach Carter (2005) นอกจากนี้เธอยังทำงานร่วมกับทเวนตี้ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ และซัมมิท เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ในการสร้างภาพยนตร์เรื่องดังอย่าง The Devil Wears Prada (2006), Alvin and the Chipmunks (2007), Twilight (2008), Marley & Me (2008), New Moon (2009), Alvin and the Chipmunks: The Squeakquel (2009), Percy Jackson and the Olympians: The Lightning Thief (), The Twilight Saga: Eclipse (2010), Yogi Bear (2010), The Big Year (2011) และ The Twilight Saga: Breaking Dawn - Part 1 (2011)        

อาร์นอน มิลแชน  (ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร)

               เกิดที่อิสราเอล และสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเจนีวา เขาเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะนักสร้างภาพยนตร์อิสระผู้โดดเด่นที่สุดในรอบ 25 ปี ด้วยผลงานโด่งดังนับไม่ถ้วน อาทิ The King of Comedy (1982), Once Upon a Time in America (1984), Brazil (1985), Pretty Woman (1990), JFK (1991), Sommersby (1993), Free Willy (1993), The Client (1994), Natural Born Killers (1994), Heat (1995), A Time to Kill (1996), L.A. Confidential (1997), The Devil’s Advocate (1997), City of Angels (1998), Fight Club (1999), Big Momma’s House (2000), Unfaithful (2002), Man on Fire (2004), Mr. & Mrs. Smith (2005), The Fountain (2006), Epic Movie (2007), Street Kings (2008), Fantastic Mr. Fox (2009), Knight and Day (2010) และ Love and Other Drugs (2010)

นีล แมชลิส  (ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร)

               หนึ่งในผู้อำนวยการสร้างที่ทำงานมากที่สุดในอุตสาหกรรมบันเทิงยุคปัจจุบัน แมชลิสเกิดและใช้ชีวิตวัยเด็กที่เมืองเบลล์ ฮาร์เบอร์ รัฐนิวยอร์ค สำเร็จการศึกษาสาขาอักษรศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอเมริกัน และเริ่มต้นทำงานที่บริษัทแอสทรา ฟิล์มในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในวงการนานกว่า 30 ปี เขาได้ร่วมงานกับผู้กำกับภาพยนตร์ชั้นยอดหลายคน อาทิ ไมค์ นิโคลส์, บ๊อบ ฟอสซี่, รอน เฮาเวิร์ด และโจเอล ชูมัคเกอร์ โดยมีเครดิตภาพยนตร์โดดเด่นดังต่อไปนี้ Grease (1978), Mommie Dearest (1981), 2010 (1984), Planes, Trains & Automobiles (1987), Chances Are (1989), An Innocent Man (1989), Postcard from the Edge (1990), 3 Men and a Little Lady (1990), Bill & Ted’s Bogus Journey (1991), Honeymoon in Vegas (1992), Wolf (1994), The Birdcage (1996), Primary Colors (1998), Flawless (1999), What Planet Are You From? (2000), Bedazzled (2000), Dr. Dolittle 2 (2001), Garfield (2004), The Ring Two (2005) และ Zoom (2006)

สตีฟ วอเตอร์แมน  (ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร)

               ประธานบริษัทวอเตอร์แมน เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1989 เพื่อสร้างภาพยนตร์เรื่อง The Adventure of Black Stallion วอเตอร์แมนเริ่มอาชีพในวงการบันเทิงด้วยการทำงานที่บริษัทเอเจนซี ซาย ฟิชเชอร์ และย้ายไปดำรงตำแหน่งรองประธานฝ่ายโทรทัศน์ที่ International Creative Management เขามีประสบการณ์ในการบริหาร, สร้างสรรค์พัฒนา, ผลิตและจัดจำหน่ายภาพยนตร์ มาอย่างยาวนานกว่า 20 ปี ด้วยผลงานที่โดดเด่นอย่าง Casper (1995), Kull the Conqueror (1997), Jungle Book: Lost Treasure (1998), Mike Hammer, Private Eye (TV series 1997-1998), Stuart Little (1999), Stuart Little 2 (2002), Alvin and the Chipmunks (2007), Puppy Plays the Classics (TV series 2008) และ Alvin and the Chipmunks: The Squeakquel (2009)  

โทมัส แอคเคอร์แมน  (ผู้กำกับภาพ)

               ผู้กำกับภาพชื่อดังที่สร้างผลงานในภาพยนตร์, ภาพยนตร์สั้น และสารคดีโทรทัศน์ เป็นจำนวนมากกว่า 40 เรื่อง ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในวงการเกือบ 40 ปี โดยมีผลงานซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ดังนี้ Beetle Juice (1988), Moonwalker 1988), Christmas Vacation (1989), Journey to America (documentary 1989), Dennis the Menace (1993), Baby’s Day Out (1994), Jumanji (1995), George of the Jungle (1996), My Favorite Martian (1999), The Adventures of Rocky & Bullwinkle (2000), Rat Race (2001), Snow Dogs (2002), Are We There Yet? (2005), The Benchwarmers (2006), Scary Movie 4 (2006), Balls of Fury (2007) และ Superhero Movie (2008)    

ริชาร์ด ฮอลแลนด์  (ผู้ออกแบบงานสร้าง)

               ผู้ออกแบบงานสร้างที่ได้รับการยอมรับนับถืออย่างสูงทั้งในวงการโทรทัศน์, ภาพยนตร์ และงานโฆษณา ด้วยผลงานที่ผ่านมาอย่าง End of Days (1999), CSI: Crime Scene Investigation (TV series 2000), Agent Cody Banks 2: Destination London (2004), A Sound of Thunder (2005), The Santa Clause 3: The Escape Clause (2006),  Alvin and the Chipmunks (2007) และ Hop (2011)

ปีเตอร์ แอมุนด์สัน  (ผู้ลำดับภาพ)

               หนึ่งในผู้ลำดับภาพฝีมือดีแห่งฮอลลีวูด เจ้าของเครดิตในภาพยนตร์เรื่องดังอย่าง Dragon: The Bruce Lee Story (1993), Dragonheart (1996), Daylight (1996), Godzilla (1998), The Skulls (2000), Blade II (2002), The Butterfly Effect (2004), Hellboy (2004), Sky High (2005), Shoot ‘Em Up (2007), Underworld: Rise of the Lycans (2009), Gamer (2009) และ Ironclad (2011)

มาร์ค มาเธอร์สบอช  (ผู้แต่งดนตรีประกอบ)

               เกิดที่โอไฮโอ และจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเคนท์ สเตท ก่อนที่จะสร้างชื่อขึ้นมาด้วยการเป็นนักร้องนำและมือคีย์บอร์ดของ DEVO วงโปรเกรสซีฟร็อคชื่อดังแห่งยุค 70 ภายหลังทำงานดนตรีประกอบภาพยนตร์มาได้สักระยะ ในปี 1996 ชื่อของมาเธอร์สบอชเริ่มเป็นจุดสนใจของบรรดาผู้สร้างอย่างจริงจัง เมื่อเขาทำดนตรีให้ผลงานของผู้กำกับ เวส แอนเดอร์สัน เรื่อง Bottle Rocket จากนั้นเขาก็สร้างดนตรีประกอบชั้นดีให้ภาพยนตร์เรื่องดังอีกมากมาย เช่น Rushmore (1998), The Rugrats Movie (1998), 2000 Cigarettes (1999), Drop Dead Gorgeous (1999), The Adventures of Rocky & Bullwinkle (2000), Sugar & Spice (2001), The Royal Tenenbaums (2001), Sorority Boys (2002), Thirteen (2003), Rugrats (TV series 1991-2003), Confessions of a Teenage Drama Queen (2004), Envy (2004), The Life Aquatic with Steve Zissou (2004), The Big White (2005), Lords of Dogtown (2005), Herbie Fully Loaded (2005), All Grown Up (TV series 2003-2007), Fanboys (2008), Nick and Norah’s Infinite Playlist (2008), New York, I Love You (2009), Cloudy with a Chance of Meatballs (2009), Catfish (documentary 2010), Ramona and Beezus (2010), Glory Daze (TV series 2010-2011), Blue Mountain State (TV series 2010-2011) และ Enlightened (TV series 2011)      

จูเลีย มิเชลส์  (ผู้อำนวยการเพลง)

               จูเลีย มิเชลส์คือผู้อำนวยการเพลงฝีมือเยี่ยม ที่มีผลงานอยู่ในภาพยนตร์โด่งดังมากมาย อาทิ The Devil Wears Prada (2006), August Rush (2007), The Sisterhood of the Traveling Pants 2 (2008), Marley & Me (2008), A Single Man (2009), The Blind Side (2009), It’s Complicated (2009), Diary of a Wimpy Kid (2010), Sex and the City 2 (2010), Ramona and Beezus (2010), What’s Your Number? (2011) และ The Big Year (2011)  

อาลี ดี ธีโอดอร์  (ผู้อำนวยการเพลงฝ่ายบริหาร)

               ธีโอดอร์เริ่มต้นอาชีพแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ โดยการเข้าสังกัดของผู้อำนวยการสร้าง บอมบ์ สควอด และทำเพลงให้ภาพยนตร์เรื่อง Juice (1992) จากนั้นเขาก็สร้างผลงานเพลงในภาพยนตร์เรื่องดังอีกนับไม่ถ้วน อาทิ เพลง Faraway และ  Stay Up ใน Daredevil (2003), เพลง Now You Know ใน Fantastic Four (2005), เพลง Get Down ใน John Tucker Must Die (2006), เพลง Rollin’ ใน 4: Rise of the Silver Surfer (2007), เพลง Damn Kid ใน Iron Man (2008), เพลง Let’s Do This ใน Hannah Montana: The Movie (2009), เพลง Go G Force ใน G-Force (2009), เพลง Feels Like the First Time และ I Am Woman ใน Sex and the City 2 (2010), เพลง Pick It Up และ Close Call ใน Going the Distance (2010), เพลง Get Your Hands Up ใน Little Fockers (2010) และอีกหลายเพลงใน Alvin and the Chipmunks ทั้งสองภาคที่ผ่านมา