happy on January 27, 2012, 06:16:59 PM

จัดจำหน่ายโดย      เอ็ม พิคเจอร์ส  
ภาพยนตร์เรื่อง    The Lady
ชื่อภาษาไทย      “อองซานซูจี ผู้หญิงท้าอำนาจ”
เว็ปไซด์ตัวอย่างภาพยนตร์   http://www.youtube.com/watch?v=Xu_NsKipyao&feature=related
 
ภาพยนตร์แนว      Biography-Drama
จากประเทศ      ฝรั่งเศส
กำหนดฉาย      2 กุมภาพันธ์ 2555
ณ โรงภาพยนตร์      ทุกโรงภาพยนตร์
ผู้กำกับ          Luc Besson (ลุค เบซง)

อำนวยการสร้าง   Virginie Besson Silla (เวอร์จินีย์ เบซง ซิลลา)

นักแสดง   Michell Yeoh (มิเชลล์  โหย่ว)  นักแสดงมากฝีมือจากภาพยนตร์เรื่อง  Tomorrow Never Dies , Crouching Tiger Hidden Dragom , The Mummy : Tomb of the Dragon Emperor
David Thewils  (เดวิด ธิวลิส) จากภาพยนตร์ Naked, Harry Potter, Warhorse , Dragon Heart
Jonathan Raggett  (โจนาธาน แร็กเก็ต )  จากซีรี่ส์สุดฮิต Deni’s House
Susan Wooldridge (ซูซาน วู้ลดริด) จากซีรี่ส์ชื่อดัง The Doctors
Benedict Wong (เบเนดิคท์ หว่อง) จากภาพยนตร์เรื่อง Johnny English Reborn,Largo Winch
Naymyo Thant  (หรือ เดย์ ไทยเทเนี่ยม) นักร้องฮิพพ็อพชื่อดังหนึ่งในสมาชิกวง Thaitanium
         
จุดเด่น   ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากชีวประวัติของสตรีผู้นำชาวพม่า อองซาน ซูจี  ในระหว่างที่นางอองซาน ซู จี ยังมีชีวิตอยู่ และเธอเป็นเสมือนตัวแทนผู้นำแห่งจิตวิญญาณของเสรีชนเพื่อเรียกร้องเสรีภาพ  ซึ่งทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความสมจริงในด้านข้อมูล อีกทั้งยังได้นักแสดงคุณภาพมากฝีมืออย่าง Michell Yeoh (มิเชลล์ โหย่ว) มาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของอองซาน ซูจี   ที่หลายๆ คนการันตีว่าเธอคือเงาของอองซาน ซูจี   อีกทั้งยังได้ผู้กำกับชาวฝรั่งเศสชื่อดังก้องโลกอย่าง Luc Besson (ลุค เบซอง) มาสานต่อความสมบูรณ์ของเรื่องราวองซาน จี ในครั้งนี้   นอกจากนี้ยังมีนักร้องฮิพพอพชื่อดังของเมืองไทยอย่าง  Day Thaitanium                    (เดย์ ไทยเทเนี่ยม) ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย

เรื่องย่อ   The Lady  อองซานซูจี ผู้หญิงท้าอำนาจ  เป็นเรื่องราวพิเศษสุดเกี่ยวกับอองซานซูจีและสามีของเธอ ไมเคิล อาริส นอกจากนั้นแล้ว นี่ยังเป็นเรื่องราวการต่อสู้อย่างสงบของอองซาน ซูจี    ผู้เป็นศูนย์กลางการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยของพม่าอีกด้วย แม้ว่าจะถูกขวางกั้นด้วยระยะทาง การพรากจากกันเนิ่นนาน และการกดขี่ที่ทารุณความรักของทั้งคู่ก็ยังคงทอแสงเรืองรองจนกระทั่งท้ายที่สุด  เรื่องราวของความทุ่มเทและความเข้าใจของมนุษย์ ท่ามกลางฉากหลังของความวุ่นวายทางการเมือง ที่ยังคงคุกุร่นอยู่ในปัจจุบันนี้   ภาพยนตร์เรื่องนี้เขียนบทโดย รีเบ็กก้า เฟรย์น ตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมาการได้สัมภาษณ์บุคคลสำคัญในกลุ่มผู้อยู่แวดล้อมอองซานซูจีทำให้เธอสามารถเขียนเรื่องราวที่แท้จริงของวีรสตรีชาวพม่าคนนี้ออกมาได้เป็นครั้งแรก


The Lady อองซานซูจี ผู้หญิงท้าอำนาจ
« Last Edit: January 27, 2012, 06:19:12 PM by happy »

happy on January 27, 2012, 06:40:54 PM
ข้อมูลงานสร้าง
   
The Lady อองซาน ซูจี ผู้หญิงท้าอำนาจ: ต้นกำเนิดเรื่องราวน่าอัศจรรย์ใจ

                อองซาน ซูจี  เป็นหนึ่งในผู้นำกลุ่มต่อต้านผู้นำทหารที่ถือครองอำนาจในพม่า ชีวิตทั้งชีวิตของเธออุทิศให้กับการต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยในประเทศของเธอ หลังจากชนะการเลือกตั้งทั่วไปในปี 1990 และได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพในปีถัดมา เธอก็ถูกกักขังอยู่ในบ้านเป็นเวลากว่าสิบห้าปี แต่เธอก็ไม่เคยล้มเลิกความตั้งใจที่จะต่อสู้ ในปี 1999 เธอไม่เต็มใจที่จะเดินทางไปอังกฤษ เพื่อพบหน้าสามีของเธอ ผู้กำลังป่วยด้วยโรคมะเร็ง ด้วยความกลัวว่าจะถูกปฏิเสธไม่ให้กลับเข้าประเทศ เธอไม่เคยได้พบเขาอีกเลย และในตอนที่อองซานซูจีถูกปล่อยตัวจากการถูกกักขังในเดือนพฤศจิกายน ปี 2010 เธอไม่ได้พบหน้าอเล็กซ์และคิม ลูกๆ ทั้งสองคนของเธอมาสิบปีแล้ว

                ความมุ่งมั่นที่ไม่สั่นคลอนและความกล้าหาญที่พิเศษสุดของผู้หญิงคนนี้ที่ต่อสู้กับรัฐบาลเผด็จการที่โหดเหี้ยมตามลำพังนี้เองที่ทำให้ มิเชลล์ โหย่ว และ ลุค เบซง  อยากจะเปลี่ยนการเดินทางที่พิเศษสุดของเธอให้กลายเป็นภาพยนตร์ตอนที่ฉันได้รับบทหนังของรีเบ็กก้า เฟรย์นในปี 2007 ฉันคิดว่าไม่เพียงแต่มันจะเป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับความรักและการเสียสละ แต่มันยังมีบทบาทที่ฉันไม่อาจตอบปฏิเสธได้ด้วยค่ะ” มิเชลล์ โหย่วอธิบาย “ฉันเชื่อเสมอมาว่าเราขาดตัวละครหญิงแกร่งในโลกภาพยนตร์” ผู้อำนวยการสร้างเวอร์จินีย์ เบซง-ซิลลากล่าวเห็นพ้องด้วย “ฉันใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงในการอ่านบท ฉันรู้ทันทีเลยว่ายูโรปาคอร์ปจะต้องอำนวยการสร้างมันให้ได้ ถ้าคุณจะต้องดิ้นรนนานสองสามปี ก่อนจะมีส่วนร่วมกับโปรเจ็กต์หนึ่งๆ อย่างเต็มตัว คุณก็จะต้องประทับใจกับมันทันที การที่ผู้หญิงคนหนึ่งพิสูจน์ตัวเองว่ามีความกล้าหาญแค่ไหนเป็นเรื่องน่าประทับใจเป็นพิเศษเพราะปกติแล้วมักจะเป็นผู้ชายที่ถูกนำเสนอในฐานะตัวละครวีรบุรุษ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเราจะต้องสร้างหนังเรื่องนี้ให้ได้” เธอกล่าวต่อไปอย่างกระตือรือร้น “สิ่งที่สำคัญคือฉันกับลุคมีวิสัยทัศน์อย่างเดียวกันกับหนังเรื่องนี้ ซึ่งเราอยากจะโชว์บนหน้าจอ สิ่งที่ฉันคิดว่าสำคัญที่สุดคือการให้น้ำหนักไปที่วัตถุประสงค์ของโปรเจ็กต์นี้ แล้วค่อยจัดการกับเรื่องเงินทุนทีหลัง แอนดี้ แฮร์ริสและรีเบ็กก้า เฟรย์นมาพบเราที่ปารีส เราทุกคนต่างก็เห็นหนังเรื่องเดียวกันและเข้าใจถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้ของมันดีค่ะ” ผู้อำนวยการสร้างแอนดี้ แฮร์ริสกล่าวเห็นพ้องด้วยว่า “หลังจากทำงานสามปีโดยไม่มีการสนับสนุนด้านเงินทุน เราก็รู้สึกยินดีมากที่ได้ร่วมงานกับยูโรปาคอร์ปและมีโอกาสได้สร้างหนังเรื่องนี้กับลุค เบซง ผู้กำกับที่ผมชื่นชมอย่างมากมาโดยตลอด ลุคกับเวอร์จินีย์ให้การสนับสนุนเราอย่างเหลือเชื่อตั้งแต่การพบกันครั้งแรกและพวกเขาก็ตอบรับโปรเจ็กต์ที่ท้าทายนี้ร่วมกับเรา มันเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ”

                อย่างไรก็ดี มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำความเข้าใจกับการตัดสินใจของอองซานซูจีที่ยอมสละชีวิตส่วนตัวเพื่ออุดมคติของเธอ“ตอนที่ฉันอ่านบทหนังเรื่องนี้ ฉันอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่า แม่คนหนึ่งตัดสินใจเลือกแบบนั้นได้ยังไง"เวอร์จินีย์ เบซง-ซิลลากล่าวต่อ“และมันก็แตกต่างจากธรรมชาติของฉันอย่างมากจนฉันอยากจะทำความเข้าใจว่าอะไรที่ผลักดันให้เธอยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อประเทศของเธอ แต่หลังจากค้นคว้าและได้พบกับคนที่รู้จักเธอ และเหนือสิ่งอื่นใด หลังจากได้พบเธอหลังจากที่เธอถูกปล่อยตัวได้ไม่นาน ฉันก็เข้าใจว่าเธอทำทุกอย่างนั้นจากความรัก เธอเลือกที่จะไม่ใส่ใจกับความรู้สึกของตัวเองเพื่อช่วยเหลือคนนับล้านๆ ค่ะ”มิเชลล์ โหย่ว กล่าวเห็นพ้องด้วย “ขณะที่สามีเธอป่วยหนักใกล้ตาย เธอกำลังยุ่งอยู่กับการกล่าวสุนทรพจน์และทำหน้าที่ของเธอในฐานะนักเคลื่อนไหว ตอนแรก คุณอาจคิดว่าเธอเย็นชาและห่างเหิน แต่คิดอีกที คุณจะตระหนักได้ว่าเธอมีความเข้มแข็งในแบบที่คุณจะอดชื่นชมไม่ได้” เช่นเดียวกัน เดวิด ธิวลิส ผู้รับบทไมเคิล อาริส และแอนโธนี ฝาแฝดของเขา ก็ต้องบังคับตัวเองให้ทำความเข้าใจกับความคิดที่ว่าคนๆ หนึ่งใช้ชีวิตด้วยการปฏิเสธตัวเอง“บางครั้ง เธอและสามีของเธอก็ไม่ได้เจอหน้ากันหรือพูดคุยกันเป็นปีๆ ซึ่งผมคิดภาพไม่ออกเลย”นักแสดงหนุ่มกล่าว“เขาไม่รู้เลยว่าเธอถูกทรมานหรือทุบตีหรือเปล่า หรือว่าเธอถูกขังคุกเดี่ยว เขาเลี้ยงดูลูกชายสองคนตามลำพังและไม่ได้พบเธอด้วยซ้ำในตอนที่เขารู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็ง ด้วยความที่ผมไม่เคยผ่านอะไรแบบนี้มาก่อน เลยเป็นเรื่องยากสำหรับผมที่จะทำความเข้าใจสถานการณ์นี้ได้อย่างทะลุปรุโปร่งครับ”

ข้อมูลผู้กำกับ

                นักแสดงบางคนแปลกใจกับเนื้อหาที่ไม่ธรรมดาของ The Lady  อองซานซูจี ผู้หญิงท้าอำนาจแต่พวกเขาทุกคนต่างก็กระตือรือร้นที่จะได้ร่วมงานกับลุค เบซง ไม่ว่าพวกเขาจะเคยร่วมงานกับเขามาแล้ว เหมือนอย่างเดวิด ธิวลิส หรือแค่ชื่นชมผลงานภาพยนตร์ของเขา พวกเขาต่างก็ยินดีเมื่อพวกเขาได้ยินชื่อของผู้กำกับ The Fifth Element

                มิเชลล์ โหย่ว  เป็นคนที่ขอให้เขามาทำงานในโปรเจ็กต์นี้ของเธอ “ตอนที่ฉันรู้ว่าเขาจะกำกับหนังเรื่องนี้ มันก็เหมือนฝันที่เป็นจริง”        มิเชลล์ โหย่ว สารภาพสารภาพ “ฉันเป็นแฟนผลงานของเขามานานและเมื่อมีคนแย้งฉันว่า ‘แต่เขาทำหนังแอ็คชั่นนะ’ ฉันก็ตอบไปว่า มันไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ใช่ผู้กำกับที่เก่ง ในการทำให้หนังแอ็คชั่นประสบความสำเร็จได้ คุณจะต้องรู้สึกไปกับตัวละครของคุณ และมีเพียงผู้กำกับที่รู้วิธีที่จะดึงเอาส่วนที่ดีที่สุดออกจากนักแสดงของเขาเท่านั้นถึงจะสร้างหนังแอ็กชันที่ประสบความสำเร็จได้ และลุคก็เป็นแบบนั้นค่ะ ไม่เพียงแต่เขาทุ่มเทจิตวิญญาณเข้าไปในตัวละครของเขา แต่เขายังสนับสนุนตัวละครหญิงแกร่งมาโดยตลอดด้วย”

                เดวิด ธิวลิสเห็นพ้องด้วย ““ลุคเป็นผู้กำกับคนเก่ง ที่ดึงเอาส่วนที่ดีที่สุดของผมออกมาได้ บางครั้งผมก็จะขี้เกียจถ้าไม่มีใครมาคอยกำกับผม แต่ลุคไม่เคยปล่อยให้ผมขี้เกียจและเขาก็ถ่ายทำหลายเทคจนกว่าเขาจะพอใจ ผมชอบวิธีการของเขามากๆ เพราะแต่ละเทคจะไม่เหมือนเดิมและลุคก็คอยให้คำแนะนำผมจากหลังกล้องระหว่างเทค”

                มิเชลล์ โหย่ว  กล่าวเห็นพ้องด้วย“ฉันยอมรับว่าเขาเจ้ากี้เจ้าการมากๆ และเขาก็แตกต่างจากผู้กำกับส่วนใหญ่ตรงที่เขาตรงเวลามากๆ ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่ฉันชอบเกี่ยวกับเขา ถ้าเขาบอกว่าแปดโมงถึงกองถ่าย เขาก็หมายถึงแปดโมงจริงๆ! และนักแสดงทุกคน แม้แต่ตัวประกอบก็ต้องระมัดระวัง และพร้อมจะแสดงอยู่เสมอ ฉันชอบวิธีการทำงานของเขาค่ะ”

                นักแสดงต่างก็เห็นพ้องต้องกันเกี่ยวกับวิธีการทำงานที่ใกล้ชิดของ ลุค เบซง และความทุ่มเทเต็มตัวที่เขามีต่อโปรเจ็กต์ที่เขาทำงานอยู่“เขาอยู่ด้านหลังกล้อง ซึ่งมันช่วยได้มากเลยครับ”เดวิด ธิวลิสกล่าวเห็นพ้องด้วย“เขามีความสามารถเชิงเทคนิคอย่างมากและคอยควบคุมทุกระดับของการถ่ายทำ เขาไม่ได้อยู่หลังมอนิเตอร์ที่อยู่ไกลจากเรายี่สิบฟุต แต่เขาจะมองการแสดงของคุณและคอยแนะแนวทางให้คุณ ซึ่งรวมถึงเรื่องการออกเสียงภาษาอังกฤษด้วย ซึ่งผมว่าเป็นเรื่องน่าทึ่งเพราะภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาแม่ของเขา แต่เขาก็พูดถูก 99% เลยล่ะครับ”โจนาธาน แร็กเก็ตต์กล่าวเสริมว่า“เขาคอยดูแลอย่างใกล้ชิด เขาเข้ากันได้ดีกับนักแสดงและคอยนำทางคุณไปยังทิศทางที่เขาต้องการครับ มันทำให้เขามีคำสั่งที่เฉพาะเจาะจงในการจัดฉากแต่ละซีเควนซ์ขึ้นมา” เบเนดิคท์ หว่องกล่าวเห็นพ้องด้วยผมมองว่าเขาเหมือนกัปตันเรือ คอยควบคุมการถ่ายทำ ทุกคนกำลังถูระเบียง และเขาก็คอยดูแลเราอย่างใกล้ชิดมากๆ ครับ” “เพราะเขารู้ว่าเขาต้องการอะไรและเขาก็มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและโดดเด่นมากๆ สำหรับหนังของเขาค่ะ”มิเชลล์ โหย่ว บอก“ฉันก็เลยไว้วางใจเขา เมื่อเขาบอกว่าฉันต้องแสดงอีกเทค ฉันก็ไว้ใจเขา ความไว้ใจแบบนี้จำเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อต้องรับบทที่สะเทือนใจและเปราะบางอย่างอองซานซูจีน่ะค่ะ”

                อย่างไรก็ดี ผู้กำกับก็ได้ให้อิสระกับนักแสดงบ้าง“ในกองถ่าย ตอนที่เราซ้อมกัน ฉันก็ชอบเสนอไอเดียขึ้นมา แล้วลุคก็สนับสนุนฉันตลอด แม้ว่าท้ายที่สุดแล้ว เขาจะเป็นคนตัดสินใจก็ตาม”มิเชลล์ โหย่ว อธิบาย“มีบางฉากที่เราอิมโพรไวส์ขึ้นทั้งหมด”โจนาธาน วู้ดเฮาส์กล่าวเสริมว่า“เขาให้โอกาสนักแสดงในการตีความฉากนั้นๆ ถ้ามันไม่ได้อยู่ในบท เขาให้คำสั่งผมอย่างเดียว ซึ่งสำหรับผมแล้ว มันมีค่ามากๆ ซึ่งก็คืออย่าคิดมากเกินไป แต่ให้ลงมือทำเลย”โจนาธาน แร็กเก็ต พยักหน้าพลางกล่าวว่า“บางครั้ง คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อไหร่ที่เขาจะพูดว่า ‘แอ็คชั่น!’ หรือ ‘คัท’ คุณก็เลยจะลืมเรื่องกล้อง และอินกับบทบาทของตัวเองมากขึ้น มันน่าสนใจเพราะเขาให้โอกาสนักแสดงที่จะตีความฉากนั้นๆ และทำตามแรงกระตุ้นของตัวเอง แต่เขาก็ดูแลใกล้ชิด และนั่นก็เยี่ยมมากครับ” 
               



happy on January 27, 2012, 06:58:29 PM
สถานที่ในการถ่ายทำ

                  แน่นอนว่าการถ่ายทำภาพยนตร์เกี่ยวกับอองซานซูจีในพม่าเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น ประเทศไทยจึงกลายเป็นฉากสำหรับเรื่องราวแทน เวอร์จินีย์ เบซง-ซิลลาอธิบายว่า“พูดกันในเชิงภูมิประเทศแล้ว พม่ากับไทยคล้ายกันมากๆ และหนังหลายเรื่องก็ถ่ายทำในประเทศไทย เรามีช่างเทคนิคและโครงสร้างพื้นฐานอยู่ในสถานที่ถ่ายทำอยู่แล้ว และเราก็ไม่ต้องนำสิ่งเหล่านั้นมาจากฝรั่งเศสด้วย” ยิ่งไปกว่านั้น ในไทยก็มีชุมชนชาวพม่าขนาดใหญ่ ซึ่งทำให้ทีมงานสามารถจ้างนักแสดงและตัวประกอบได้อย่างง่ายดาย

                  แต่ ลุค เบซง และผู้อำนวยการสร้างของเขาก็ยังรู้สึกว่าการไปพม่าเป็นสิ่งจำเป็นเพราะ“คงจะตลกน่าดูที่จะพูดถึงประเทศที่คุณไม่เคยเข้าไปเลย”เวอร์จินีย์ เบซง-ซิลลาอธิบาย การได้ทำความเข้าใจวัฒนธรรมพม่าเป็นประสบการณ์ที่พิเศษสุดจริงๆและถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่นานอย่างที่เราหวัง เราก็ยังมีเวลาพอที่จะเข้าถึงความรู้สึก พลังงาน รสชาติ ศีลธรรมและอุณหภูมิของที่นี่ค่ะ”เธอกล่าวเสริมเราใช้เวลาอยู่ในย่างกุ้ง เดินไปในตลาด ท่าเรือ เยี่ยมชมเจดีย์ชเวดากอง และทำความเข้าใจกับวิถีชีวิตของชาวบ้าน ลุคถ่ายรูปและใส่มันเข้าไปในหนังด้วย เราค้นพบประเทศที่พิเศษสุด ซึ่งแตกต่างจากสถานที่ทั้งหมดที่ฉันเคยไปมา มันถูกปกป้องจากอิทธิพลโลกตะวันตกและจากความทันสมัยทุกรูปแบบ แน่นอนว่าเราพยายามจะเข้าใกล้บ้านอองซานซูจีแต่ก็ไม่สำเร็จค่ะ”

                   แม้ว่าการถ่ายทำหลักจะเกิดขึ้นในไทย แต่การเก็บเนื้อหาของภาพยนตร์เป็นความลับก็เป็นเรื่องจำเป็น“เราได้รับคำเตือนว่าเราเสี่ยงที่จะโดนเนรเทศออกนอกประเทศถ้าเราทำอะไรโจ่งแจ้งเกิดไปเพราะรัฐบาลกังวลว่าอาจจะเกิดการก่อความไม่สงบได้น่ะค่ะ”เวอร์จินีย์ เบซง-ซิลลาเล่า“ข่าวดีก็คือฉากหลักคือบ้านที่ตัวละครเอกของเราอาศัยอยู่ เราก็เลยสร้างบ้านหลังหนึ่งขึ้นมาภายในสถานที่ปิดส่วนตัว ซึ่งทำให้เรามีอิสระเต็มที่ แต่พอเราออกไปอยู่ตามท้องถนนหรือในสถานที่สาธารณะ เราก็ต้องระวัง ไม่เพียงแต่ทีมงานทุกคนเข้าใจเรื่องนี้ พวกเขายังเต็มใจที่จะทำตามด้วย แล้วพวกชาวบ้านก็ไม่ได้ช่างซักถามเกินไป ไม่เคยมีใครถ่ายรูปเราด้วยโทรศัพท์มือถือหรือโพสต์อะไรในอินเทอร์เน็ตเลย”

                   ทีมงานและนักแสดงต่างก็มีความทรงจำเข้มข้นเกี่ยวกับการถ่ายทำที่ไม่ธรรมดาครั้งนี้ ซึ่งนำพาพวกเขาจากไทยไปอ็อกซ์ฟอร์ด (อังกฤษ) และฝรั่งเศส ภายในช่วงเวลาสามเดือนครึ่ง ฉากที่อองซานซูจีกล่าวสุนทรพจน์ในชเวดากอง ต่อหน้าตัวประกอบเกือบสามพันคน เป็นฉากที่น่าจดจำเป็นพิเศษ“การได้เห็นมิเชลล์กับผู้สนับสนุนมากมายรอบตัวเธอ ขณะพูดเพื่อประชาชน เป็นอะไรที่เหลือเชื่อและน่าตื่นเต้นจริงๆ ครับ” โจนาธาน วู้ดเฮาส์เล่า“มันไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนการแสดงเลย มันให้ความรู้สึกเหมือนของจริงครับ” โจนาธาน แร็กเก็ตพยักหน้า“บางครั้ง เราจะลืมไปเลยว่านี่เป็นหนัง เหมือนฉากตอนที่ซูจีถูกกักขังอยู่ในบ้าน และเราก็กอดกันกลมเหมือนครอบครัวจริงๆ ผมกอดมิเชลล์แน่นเหมือนเธอเป็นแม่จริงๆ ของผม ผมกลัวด้วยซ้ำไปตอนที่กลุ่มคนที่รับบทเป็นทหารแสดงความก้าวร้าวออกมา และพวกเขาก็แสดงได้อย่างยอดเยี่ยม…” สำหรับโจนาธาน วู้ดเฮาส์ ฉากรับรางวัลโนเบลเป็นฉากที่ยากที่สุด“มันถูกถ่ายทำในช่วงท้ายๆ และผมก็เฝ้ารอมันมาเป็นเดือนๆ” เขาบอก“มันเป็นงานที่สาหัสจริงๆ สำหรับผม และผมก็รู้สึกกดดันมาก ผมจำได้ว่าเดวิด (ธิวลิส) ตบบ่าผมแล้วบอกว่า ‘ไม่ต้องกดดัน’ ผมศึกษาสุนทรพจน์นั้นมามากและเมื่อผมได้เห็นว่ามีตัวประกอบหลายร้อยตัว ผมก็รู้สึกเหมือนว่าผมไม่ได้แสดงอยู่ ผมรู้สึกเหมือนผมพูดสุนทรพจน์จริงๆ มันเป็นการยกย่องอเล็กซ์ ซูจีและประชาชนของเธอครับ”เดวิด ธิวลิส เล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับ มิเชลล์ โหยว และนักแสดงสองคนที่รับบทเป็นลูกชายของพวกเขาว่า“มิเชลล์ฉลาดมากๆ และตลกมากๆ ด้วย เธอเป็นนักแสดงคนเก่งครับ ไม่ยากเลยที่จะสานสายสัมพันธ์กับผู้หญิงที่น่ารักแบบนั้น สำหรับโจนาธานทั้งคู่ พวกเขาทำให้ผมหัวเราะบ่อยๆ ในกองถ่าย เราเล่นมุขกันบ่อยครับ ดังนั้น การสานสายสัมพันธ์กับพวกเขาก็ง่ายเหมือนกัน เราเหมือนครอบครัวเดียวกันจริงๆ ครับ”

ประวัตินักแสดง

Michell Yeoh มิเชลล์ โหย่ว  รับบท Aung San Suu Kyi (อองซานซูจี)

               ดาราภาพยนตร์ชาวฮ่องกง มิเชลล์ โหย่ว ผู้ได้รับการยกย่องจากบรรดานักวิจารณ์จากความงามและพรสวรรค์ของเธอ มีชื่อเสียงโด่งดังจากการประชันฝีมือกับพระเอกภาพยนตร์ในภาพยนตร์แอ็กชันและศิลปะการต่อสู้หลายเรื่อง เช่นเดียวกับเฉินหลง พระเอกนักบู๊ มิเชลล์ โหย่วก็ได้รับการยกย่องจากการแสดงสตันท์ที่น่าตื่นตะลึงและแสดงฉากต่อสู้ด้วยตัวเอง ทั้งๆ ที่มีอันตราย ตลอดการทำงาน มิเชลล์สามารถประชันบทบาทกับนักแสดงชายได้โดยไม่สูญเสียเสน่ห์ความเป็นหญิง ทำให้เธอเป็นหนึ่งในนักแสดงหญิงที่มากความสามารถที่สุดจากเอเชียในรอบหลายปีที่ผ่านมา
      โหย่วเกิดในมาเลเซีย เธอแสดงให้เห็นถึงแววความสามารถตั้งแต่เริ่มต้นในทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทักษะทางร่างกาย เธอเคยแข่งสควอชระดับชาติด้วยซ้ำไป และได้เป็นแชมเปียนมาเลเซีย จูเนียร์ด้วย และเธอก็เคยว่ายน้ำและดำน้ำในตอนเป็นวัยรุ่นด้วย แต่สิ่งที่เธอรักจริงๆ คือการเต้นรำ ซึ่งเริ่มต้นหลังจากที่เธอเรียนบัลเลต์เมื่ออายุได้สี่ขวบ หลังจากที่ย้ายไปอังกฤษตอนอายุได้ 16 ปี มิเชลล์ก็เข้าโรงเรียนประจำก่อนที่จะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาศิลปะสร้างสรรค์ เอกเต้นรำ และโทการละคร อาการบาดเจ็บรุนแรงที่หลังดับความฝันที่จะเป็นบัลเลรินาและการได้เรียนเต้นเต็มเวลาของเธอ ทำให้เธอจำต้องเปลี่ยนไปศึกษาศาสตร์การเต้นรำและการออกแบบท่าเต้นแทน หลังจากสำเร็จการศึกษา มิเชลล์ก็กลับมาเลเซีย  เพื่อวางแผนสำหรับอนาคต ว่าเธอจะเรียนโรงเรียนสอนการเต้นหรือไปศึกษาเพิ่มเติมในลอนดอน แต่พอกลับไปบ้าน เธอก็ไม่พอใจเมื่อพบว่าแม่เธอจับเธอประกวดนางงาม   อย่างไรก็ดี เธอก็ยอมทำตามสิ่งที่แม่เธอได้เริ่มต้นเอาไว้ และเธอก็ได้สวมมงกุฏมิสมาเลเซียในปี 1983
      ระหว่างที่ครองมงกุฏ โหย่วได้รับการทาบทามจากดีแอนด์บี ฟิล์มส์ให้ถ่ายทำโฆษณากับเฉินหลง ดาราแอ็กชันคอเมดี ซึ่งหลังจากนั้นก็นำไปสู่การแสดงโฆษณากับโจวเหวินฟะและสัญญากับบริษัทโปรดักชัน เมื่อได้รับการสนับสนุนให้ทดลองงานภาพยนตร์ มิเชลล์ก็เปิดตัวในโลกภาพยนตร์ด้วย Owl vs. Dumbo (1984) แอ็กชันคอเมดี ที่กำกับและนำแสดงโดยหงจินเป่า โดยเธอรับบทหญิงสาวที่รอการช่วยเหลือ ในภาพยนตร์เรื่องที่สองของเธอ Yes Madam (1985) ประสบการณ์การเต้นและการเคลื่อนไหวที่กว้างขวางทำให้เธอมีความแข็งแกร่งและความอ่อนตัวที่จำเป็นต่อการแสดงฉากแอ็กชันได้อย่างน่าเชื่อจนสร้างความประทับใจให้กับผู้ชม ในขณะเดียวกัน ความเต็มใจของเธอที่จะอดทนต่อความเจ็บปวดและอาการบาดเจ็บก็ทำให้เธอได้รับการนับถือจากผู้อำนวยการสร้าง ผู้กำกับและสตันท์แมนชาวฮ่องกง
      โหย่วได้แสดงภาพยนตร์อีกสี่เรื่องในสี่ปีหลังจากนั้น ซึ่งรวมถึง Royal Warriors (1986),Magnificent Warriors (1987) และภาพยนตร์โจรกรรมที่เดินทางไปทั่วโลก Easy Money (1988) ซึ่งเปลี่ยนเธอให้กลายเป็นดาราขวัญใจ แต่ในช่วงที่เธอประสบความสำเร็จสูงสุดนี้เอง มิเชลล์ก็สร้างความแปลกใจให้กับแฟนๆ ด้วยการประกาศแต่งงานและเลิกงานแสดง มิเชลล์ให้ความสำคัญกับชีวิตครอบครัวที่สุดขณะที่เธอใช้ชีวิตคู่กับดิคสัน พูน หัวหน้าสตูดิโอ และเธอก็ปล่อยวางจากงานแสดงตลอดสามปีที่พวกเขาแต่งงานกัน หลังจากที่หย่าร้างกัน อดีตดิวาแห่งโลกแอ็กชันก็กลับมาอีกครั้งด้วยการแสดงประกบเฉินหลงใน Police Story 3: Supercop (1992) ในการรับบทตำรวจสาวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่ช่วยเหลือตำรวจฮ่องกง (เฉินหลง) ในภารกิจนอกเครื่องแบบในจีน โหยวเป็นนางเอกหญิงคนแรกที่ได้รับบทบาทเท่าเทียมมกับเพื่อนร่วมแสดงคนดังของเธอ และเธอก็ได้รับความสนใจยิ่งขึ้นจากงานสตันท์ที่น่าประทับใจของเธอ
      ความนิยมครั้งใหม่ของโหยวยิ่งน่าประทับใจกว่าความสำเร็จในคราวแรกของเธอด้วยซ้ำไป หลังจากที่กลายเป็นนักแสดงหญิงที่มีค่าตัวสูงสุดในฮ่องกง ตลอดสี่ปีหลังจากนั้น เธอก็ได้แสดงในภาพยนตร์ 10 เรื่อง ในภาพยนตร์แฟนตาซีผจญภัย The Heroic Trio (1992) เธอได้แสดงประกบเหมยเยี่ยนฟางและจางม่านอวี้ในบทสาวล่องหน ฮีโรที่ล่องหนได้ด้วยชุดพิเศษ นอกจากนี้ เธอยังได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นครั้งแรกจากการแสดงในแอ็กชันทริลเลอร์เรื่อง Stunt Woman (1997) เธอร่วงลงมาจากความสูง 18 ฟุตระหว่างที่กระโดดจากสะพาน หัวเธอกระแทกพื้น เธอคิดว่าเธอได้ยินเสียงหลังของตัวเองหักด้วย แม้จะต้องพักชั่วคราว แต่เธอก็สามารถถ่ายทำต่อจนจบ ด้วยความประหลาดใจของหมอ
มิเชลล์ โหย่ว  ฟื้นตัวเต็มที่และพร้อมจะแสดงภาพยนตร์ต่ออีกครั้ง ฮอลลีวูดได้ก้าวเข้ามา และเธอก็ได้แสดงประกบเพียร์ซ บรอสแนนในภาพยนตร์เจมส์ บอนด์เรื่องที่ 18 Tomorrow Never Dies (1997) โดยเธอรับบทเจ้าหน้าที่ชาวจีนที่แฝงตัวเป็นนักข่าวที่ร่วมมือกับบอนด์เพื่อหยุดยั้งนักอุตสาหกรรมทรงอิทธิพล (โจนาธาน ไพรซ์) ไม่ให้ควบคุมเหตุการณ์ในโลก ซึ่งจะนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่สาม
      โหย่ว ได้รับความสนใจมากที่สุดจนถึงปัจจุบันด้วยบทบาทในภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลออสการ์เรื่อง Crouching Tiger, Hidden Dragon (2000) ภาพยนตร์อีพิคศิลปะการต่อสู้เรื่องนี้ที่ได้รับการกำกับอย่างงดงามโดยอัง ลี และมีเรื่องราวเกิดขึ้นในประเทศจีน ศตวรรษที่ 19 รักษาสมดุลได้อย่างดีเยี่ยมระหว่างซีเควนซ์แอ็กชันสุดระทึกและตัวละครที่น่าติดตาม เธอแสดงได้อย่างยอดเยี่ยมในบทอวี๋ซิวเหลียน คนรักลับๆ ของหลี่มู่ไป๋ (โจวเหวินฟะ) ปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ที่ถอนตัวจากวงการแล้ว เขาได้มอบหมายให้เธอส่งมอบกระบี่ชะตาฟ้า ซึ่งเก่าแก่ 400 ปี ไปให้ปรมาจารย์อีกท่านหนึ่ง
      ในปี 2002 มิเชลล์ ได้ก่อตั้ง มิทธิคัล ฟิล์มส์ บริษัทโปรดักชันของตัวเอง และเธอก็ได้อำนวยการสร้างและนำแสดงในภาพยนตร์โรแมนติกแอ็กชันผจญภัยร่วมสมัยเรื่อง The Touch (2002) และ Silver Hawk (2004)  หลังจากนั้น เธอก็ได้แสดงใน Memoirs of a Geisha (2005) ภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากนิยายเบสต์เซลเลอร์ของอาร์เธอร์ โกลเดนเกี่ยวกับเด็กสาวยากจนชาวญี่ปุ่น ที่ถูกพรากจากบ้านและต้องเติบโตในสำนักเกอิชา ที่กำกับโดยร็อบ มาร์แชล หลังจากนั้น เธอก็ได้ร่วมแสดงใน Sunshine (2007) ภาพยนตร์ทริลเลอร์ไซไฟโดยแดนนี บอยล์ เกี่ยวกับกลุ่มนักบินอวกาศ ผู้ถูกส่งไปตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกเรือยานอวกาศที่หายไป ด้วยเสน่ห์ระดับโลกของเธอ โหยวจึงได้รับบทบาทในภาพยนตร์ฮอลลีวูดฟอร์มยักษ์หลายเรื่อง โดยเธอรับบทจอมเวทย์สาว ที่จับมือกับเบรนแดน เฟรเซอร์ เพื่อหยุดยั้งไม่ให้จักรพรรดิผู้ฟื้นคืนชีพ (หลี่เหลียนเจี๋ย) ทำให้มนุษย์กลายเป็นทาสใน The Mummy: Tomb of the Dragon Emperor (2008)    หลังจากภาพยนตร์โดยแมทธิว คัสโซวิทซ์เรื่อง Babylon A.D. (2008) ที่นำแสดงโดยวิน ดีเซล เธอก็กลับประเทศจีนเพื่อร่วมงานกับเทอร์เรนซ์ จาง อาจารย์ของเธอและจอห์น วู เพื่อนรักของเธอในการแสดงใน Reign of Assassins (2010) ที่กำกับโดยซูจ้าวปิ่น มิเชลล์รับบทอดีตมือสังหาร ที่พยายามหนีจากชีวิตเดิมของตัวเอง โดยมีกลุ่มนักฆ่าตามไล่ล่าตัวเธออย่างไม่ลดละ ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์เวนิสเมื่อเดือนกันยายน ปีที่ผ่านมา และได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเวทีเอเชียน ฟิล์ม อวอร์ดและฮ่องกง ฟิล์ม อวอร์ดในปีนี้ โหย่วยังคงสร้างความแปลกใจให้กับผู้ชมด้วยการหันไปทำงานอนิเมชัน ด้วยการพากย์เสียงผู้หยั่งรู้ในซีเควล Kung Fu Panda: The Kaboom of Doom (2011) การแสดงของเธอในบทอองซานซูจี ผู้ได้รับรางวัลโนเบลชาวพม่าในภาพยนตร์โดยลุค เบซงเรื่อง The Lady (2011) เป็นที่จับตาดูอย่างสูง


David Thewils  (เดวิด ธิวลิส) รับบท Michael และ Anthony Harris (ไมเคิล และ แอนโธนี แฮร์ริส)

               เดวิด ธิวลิส นักแสดงที่โด่งดังระดับโลก เป็นหนึ่งในนักแสดงที่มากความสามารถที่สุดในอังกฤษ การแสดงแจ้งเกิดของเขาคือภาพยนตร์โดยไมค์ ลีห์เรื่อง Naked ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ สมาคมนักวิจารณ์ภาพยนตร์นิวยอร์ก สมาคมนักวิจารณ์ภาพยนตร์แห่งชาติ สมาคมนักวิจารณ์ภาพยนตร์นิวยอร์ก และอีฟนิง สแตนดาร์ด บริติช ฟิล์ม อวอร์ด นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็ได้แสดงในบทบาทที่ได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมมากมาย
      เมื่อเร็วๆ นี้ เขาเพิ่งเสร็จจากการถ่ายทำภาพยนตร์สองเรื่องคือ Warhorse ที่กำกับโดยสตีเวน สปีลเบิร์กและ Anonymous ที่กำกับโดยโรแลนด์ เอ็มเมอริคให้กับโซนี พิคเจอร์ส ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ เมื่อเร็วๆ นี้ได้แก่ London Boulevard ที่กำกับโดยบิล โมนาฮัน,        Mr Nice ที่กำกับโดยเบอร์นาร์ด โรส, Veronika Decides to Die ที่กำกับโดยเอมิลี ยังและ The Boy in the Striped Pyjamas ที่กำกับโดยมาร์ค เฮอร์แมน นอกจากนี้ เขายังรับบทศาสตราจารย์ลูปินในภาพยนตร์เรื่อง Harry Potter อีกด้วย ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเขาได้แก่ ภาพยนตร์โดยพอล ออสเตอร์เรื่อง The Inner Life of Martin Frost, ภาพยนตร์โดยจอห์น มัวร์เรื่อง The Omen, ภาพยนตร์โดยจอร์แดน สก็อตเรื่อง All the Invisible Children, ภาพยนตร์โดยเทอร์เรนซ์ มาลิคเรื่อง The New World, ภาพยนตร์โดยริดลีย์ สก็อตเรื่อง The Kingdom of Heaven, ภาพยนตร์โดยริชาร์ด ดอนเนอร์เรื่อง Timeline, ภาพยนตร์โดยพอล แม็คกีแกนเรื่อง Gangster No. 1, ภาพยนตร์โดยเบอร์นาโด แบร์โตลุชชีเรื่อง Besieged, ภาพยนตร์โดยโจเอลและอีธาน โคเฮนเรื่อง The Big Lebowski, ภาพยนตร์โดยฌอน ฌาคส์ แอนน็อดเรื่อง Seven Years in Tibet และภาพยนตร์โดยจอห์น แฟรงค์เกนเฮมเมอร์เรื่อง The Island of Dr Moreau, ภาพยนตร์โดยแอ็กเนียสก้า ฮอลแลนด์เรื่อง Total Eclipse, ภาพยนตร์โดยร็อบ โคเฮนเรื่อง Dragonheart, ภาพยนตร์โดยไมค์ ฮอฟแมนเรื่อง Restoration, ภาพยนตร์โดยแคลอริน ธอมป์สันเรื่อง Black Beauty, ภาพยนตร์โดยเดวิด โจนส์เรื่อง The Trial, ภาพยนตร์โดยพอล กรีนกราสเรื่อง Resurrected, ภาพยนตร์โดยบีแบน คิดรอนเรื่อง Vroom และ Short and Curlies และ Life is Sweet จากไมค์ ลีห์ทั้งสองเรื่อง
      ด้านจอแก้ว ธิวลิส เพิ่งรับบทควบโจและแฮร์รีใน The Street ซึ่งทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมนซีรีส์ดรามาจากเทศกาลโทรทัศน์มอนติ คาร์โลปี 2008 ผลงานจอแก้วเรื่องอื่นๆ ได้แก่ Dinotopia, Prime Suspect III, The Singing Detective, Journey to Knock, Filipino Dreamgirls, Skulduggery, A Bit of a Do, Road, และ Oranges Are Not the Only Fruit. นอกเหนือจากนั้น ธิวลิสยังได้แสดงละครเวทีโดยแซม เมนเดสเรื่อง The Sea ที่รอยัล เนชันแนล เธียเตอร์, ละครโดยแม็กซ์ สแตฟฟอร์ด-คลาร์คเรื่อง Ice Cream ที่รอยัล คอร์ท, Buddy Holly at the Regal และ Ruffian on the Stairs ที่ฟาร์นแฮม และ Lady and the Clarinet ที่คิงส์ เฮด  นอกจากนี้ ธิวลิสยังเป็นที่รู้จักจากผลงานของเขาในฐานะผู้กำกับ ด้วยผลงานเรื่อง Cheeky ซึ่งเขาเขียนบทและนำแสดง และภาพยนตร์ขนาดสั้นของเขาเรื่อง Hello, Hello, Hello ซึ่งได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลบาฟตา อวอร์ดสาขาภาพยนตร์ขนาดสั้นยอดเยี่ยม ความสำเร็จมากมายของธิวลิสได้รับการยกย่องในงาน 2008 บริติช อินดีเพนเดนท์ ฟิล์ม อวอร์ดในตอนที่เขาได้รับรางวัลทรงเกียรติริชาร์ด แฮร์ริส อวอร์ดจากคุณูปการที่เขามีต่อภาพยนตร์  นอกเหนือจากงานแสดงแล้ว เดวิด ธิวลิสยังเป็นนักเขียนชื่อดังอีกด้วย นิยายเรื่องแรกของเขา The
Late Hector Kipling ได้รับการตีพิมพ์ในปี 2007 และได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมอย่างล้นหลาม





 

happy on January 27, 2012, 07:01:28 PM
ประวัติผู้กำกับ

Luc Besson (ลุค เบซง) - Director (ผู้กำกับ)

                 ลุค เบซง  เริ่มต้นทำงานในแวดวงภาพยนตร์ในปี 1977 ด้วยการทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยผู้กำกับในฝรั่งเศสและอเมริกา ก่อนที่จะค่อยๆ ไต่เต้ามาเป็นหนึ่งในผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้างชาวฝรั่งเศสเพียงไม่กี่คนที่มีสโคปการทำงานระดับโลก
      ในปี 1983 เขาได้กำกับภาพยนตร์เรื่องแรก The Last Battle ซึ่งทำให้เขาได้รับการยกย่องในงานเทศกาลภาพยนตร์อโวเรียซ
      สองปีให้หลัง เขาได้กำกับ Subway ที่นำแสดงโดยอิซาเบล แอดจานีและคริสโตเฟอร์ แลมเบิร์ท ผลงานเรื่องนี้ทำให้เขาได้รับสามรางวัลซีซาร์ อวอร์ด สไตล์วิชวลของลุค เบซงเป็นที่ประจักษ์เด่นชัด   เขาสานต่อความสำเร็จด้วยการกำกับภาพยนตร์เรื่อง The Big Blue แม้ว่าจะได้รับการตอบรับที่ไม่ดีนักในงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็มีผู้ชมถึง 10 ล้านคน และกลายเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ทางสังคม  แม้ว่าจะได้รับเสียงวิจารณ์ไม่ดีนัก แต่ทั้ง La Femme Nikita (1990) และ Leon: the Professional (1994) ก็เป็นที่ถูกใจของผู้ชม ทำให้เขาได้รับความนิยมในฝรั่งเศสและระดับโลก ระหว่างภาพยนตร์เหล่านั้น เขาได้กำกับ Atlantis (1991) สารคดีที่มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นการรับรู้เกี่ยวกับความงามของธรรมชาติและความจำเป็นในการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
      ในปี 1995 เขาได้เริ่มกำกับภาพยนตร์ไซไฟที่ท้าทาย The Fifth Element บล็อกบัสเตอร์ที่กลายเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดสำหรับภาพยนตร์ฝรั่งเศสที่เข้าฉายในอเมริกา
ในปี 1998 ลุค เบซงได้รับรางวัลซีซาร์ อวอร์ดสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม
      ในปี 1999 เขาได้กำกับ Joan of Arc เวอร์ชันของเขา ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงซีซาร์ อวอร์ดอีกครั้งในสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม
      ในปี 2000 เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานกรรมการตัดสินเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ครั้งที่ 53 และกลายเป็นประธานการตัดสินที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของเทศกาล
      เขาทุ่มเทเวลาเกือบตลอดห้าปีหลังจากนั้นไปกับงานสร้าง นับตั้งแต่ก่อตั้งยูโรปาคอร์ปเมื่อสิบปีก่อน สตูดิโอแห่งนี้ก็กลายเป็นหนึ่งในสตูดิโอที่สำคัญที่สุดในแวดวงภาพยนตร์ยุโรป
      ในปี 2005 เขาได้กลับไปนั่งแท่นผู้กำกับอีกครั้งกับ Angel-A และในปีถัดมา เขาก็มีผลงานอนิเมชันเรื่องแรก Arthur and the Invisibles ที่ดัดแปลงจากหนังสือที่เขาเขียนบท อนิเมชันเรื่องนี้มีซีเควลตามมาอีกสองภาค Arthur and the Revenge of Maltazard (2009) และ Arthur 3: The War of the Two Worlds
      ในปี 2010 ลุค เบซงได้ดัดแปลงนิยายภาพของทาร์ดีให้เป็นภาพยนตร์เรื่อง The Extraordinary Adventures of Adèle Blanc-Sec โดยมีหลุยส์ บูร์ฌวงนำแสดง
      ปี 2011 เขามีผลงานเรื่อง The Lady ที่นำแสดงโดยมิเชลล์ โหยว ในบทอองซานซูจี ผู้ได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ
      ในงานกำกับของเขา ลุค เบซงยังกำกับมิวสิค วิดีโอหลายชิ้น ซึ่งรวมถึงเซิร์จ เกนส์เบิร์กและไมเลเน ฟาร์มเมอร์ รวมถึงโฆษณาสำหรับแบรนด์ระดับโลก  นอกเหนือจากงานภาพยนตร์ที่เขากำกับ ลุค เบซงยังได้เขียนบทภาพยนตร์กว่ายี่สิบเรื่อง ซึ่งส่วนหนึ่งได้แก่แฟรนไชส์ Taxi และ Taken ซึ่งกลายเป็นภาพยนตร์ฝรั่งเศสที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในอเมริกา


ข้อมูลเพิ่มเติมของ อองซาน ซูจี

พ่อของเธอ: อองซาน
• บุคคลสำคัญที่นำมาซึ่งอิสรภาพของพม่า   
• ถูกสังหารเพียงไม่กี่เดือนก่อนที่จะมีการประกาศอิสรภาพ อองซานซูจีอายุได้เพียงสองขวบ   

ประเทศบ้านเกิด: พม่า
• มีการเซ็นสัญญาอิสรภาพกับอังกฤษในปี 1947
• เกิดการโค่นล้มรัฐบาลโดยนายพลเนวินในปี 1962

สุภาพสตรีแห่งย่างกุ้ง
• เกิดในปี 1945 เติบโตในอินเดียและสหราชอาณาจักร
• เธอศึกษาปรัชญา เศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์ที่อ็อกซ์ฟอร์ด และทำงานให้กับสหประชาชาติในนิวยอร์ก
• 1988: เธอกลับประเทศเพื่อดูแลแม่ของเธอ
• แรงบันดาลใจจากคานธีและมาร์ติน ลูเธอร์ คิงทำให้เธอก่อตั้งพรรคสันนิบาตชาติเพื่อประชาธิปไตยขึ้นมา   
• 1989: รัฐบาลทหารกักขังเธอในบ้าน
• 1990: ระหว่างการเลือกตั้งทั่วไป พรรคสันนิบาตชาติเพื่อประชาธิปไตยได้รับคะแนนโหวต 59% ทำให้พวกเขาได้ที่นั่ง 80% ในสภา แต่ผลการเลือกตั้งถูกลบล้าง และกองทัพปฏิเสธที่จะคืนอำนาจ
• 1991: เธอได้รับรางวัลโนเบล ไพรซ์ สาขาสันติภาพ
• 1999: สามีของเธอเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง
• 2007: การประท้วงรัฐบาล ที่นำโดยพระในศาสนาพุทธเพื่อเรียกร้องสิทธิมนุษยชน
   ระหว่างถูกกักขังภายในบ้าน ซูจีได้ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่หน้าประตูบ้านของเธอ เพื่อรับพรจากพระสงฆ์
• พฤศจิกายน 2010: อองซานซูจีได้รับการปล่อยตัวจากการถูกกักขังภายในบ้าน