ข้อมูลงานสร้าง
The Lady อองซาน ซูจี ผู้หญิงท้าอำนาจ: ต้นกำเนิดเรื่องราวน่าอัศจรรย์ใจ
อองซาน ซูจี เป็นหนึ่งในผู้นำกลุ่มต่อต้านผู้นำทหารที่ถือครองอำนาจในพม่า ชีวิตทั้งชีวิตของเธออุทิศให้กับการต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยในประเทศของเธอ หลังจากชนะการเลือกตั้งทั่วไปในปี 1990 และได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพในปีถัดมา เธอก็ถูกกักขังอยู่ในบ้านเป็นเวลากว่าสิบห้าปี แต่เธอก็ไม่เคยล้มเลิกความตั้งใจที่จะต่อสู้ ในปี 1999 เธอไม่เต็มใจที่จะเดินทางไปอังกฤษ เพื่อพบหน้าสามีของเธอ ผู้กำลังป่วยด้วยโรคมะเร็ง ด้วยความกลัวว่าจะถูกปฏิเสธไม่ให้กลับเข้าประเทศ เธอไม่เคยได้พบเขาอีกเลย และในตอนที่อองซานซูจีถูกปล่อยตัวจากการถูกกักขังในเดือนพฤศจิกายน ปี 2010 เธอไม่ได้พบหน้าอเล็กซ์และคิม ลูกๆ ทั้งสองคนของเธอมาสิบปีแล้ว ความมุ่งมั่นที่ไม่สั่นคลอนและความกล้าหาญที่พิเศษสุดของผู้หญิงคนนี้ที่ต่อสู้กับรัฐบาลเผด็จการที่โหดเหี้ยมตามลำพังนี้เองที่ทำให้ มิเชลล์ โหย่ว และ ลุค เบซง อยากจะเปลี่ยนการเดินทางที่พิเศษสุดของเธอให้กลายเป็นภาพยนตร์ตอนที่ฉันได้รับบทหนังของรีเบ็กก้า เฟรย์นในปี 2007 ฉันคิดว่าไม่เพียงแต่มันจะเป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับความรักและการเสียสละ แต่มันยังมีบทบาทที่ฉันไม่อาจตอบปฏิเสธได้ด้วยค่ะ” มิเชลล์ โหย่วอธิบาย “ฉันเชื่อเสมอมาว่าเราขาดตัวละครหญิงแกร่งในโลกภาพยนตร์” ผู้อำนวยการสร้างเวอร์จินีย์ เบซง-ซิลลากล่าวเห็นพ้องด้วย “ฉันใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงในการอ่านบท ฉันรู้ทันทีเลยว่ายูโรปาคอร์ปจะต้องอำนวยการสร้างมันให้ได้ ถ้าคุณจะต้องดิ้นรนนานสองสามปี ก่อนจะมีส่วนร่วมกับโปรเจ็กต์หนึ่งๆ อย่างเต็มตัว คุณก็จะต้องประทับใจกับมันทันที การที่ผู้หญิงคนหนึ่งพิสูจน์ตัวเองว่ามีความกล้าหาญแค่ไหนเป็นเรื่องน่าประทับใจเป็นพิเศษเพราะปกติแล้วมักจะเป็นผู้ชายที่ถูกนำเสนอในฐานะตัวละครวีรบุรุษ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเราจะต้องสร้างหนังเรื่องนี้ให้ได้” เธอกล่าวต่อไปอย่างกระตือรือร้น “สิ่งที่สำคัญคือฉันกับลุคมีวิสัยทัศน์อย่างเดียวกันกับหนังเรื่องนี้ ซึ่งเราอยากจะโชว์บนหน้าจอ สิ่งที่ฉันคิดว่าสำคัญที่สุดคือการให้น้ำหนักไปที่วัตถุประสงค์ของโปรเจ็กต์นี้ แล้วค่อยจัดการกับเรื่องเงินทุนทีหลัง แอนดี้ แฮร์ริสและรีเบ็กก้า เฟรย์นมาพบเราที่ปารีส เราทุกคนต่างก็เห็นหนังเรื่องเดียวกันและเข้าใจถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้ของมันดีค่ะ” ผู้อำนวยการสร้างแอนดี้ แฮร์ริสกล่าวเห็นพ้องด้วยว่า “หลังจากทำงานสามปีโดยไม่มีการสนับสนุนด้านเงินทุน เราก็รู้สึกยินดีมากที่ได้ร่วมงานกับยูโรปาคอร์ปและมีโอกาสได้สร้างหนังเรื่องนี้กับลุค เบซง ผู้กำกับที่ผมชื่นชมอย่างมากมาโดยตลอด ลุคกับเวอร์จินีย์ให้การสนับสนุนเราอย่างเหลือเชื่อตั้งแต่การพบกันครั้งแรกและพวกเขาก็ตอบรับโปรเจ็กต์ที่ท้าทายนี้ร่วมกับเรา มันเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ” อย่างไรก็ดี มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำความเข้าใจกับการตัดสินใจของอองซานซูจีที่ยอมสละชีวิตส่วนตัวเพื่ออุดมคติของเธอ“ตอนที่ฉันอ่านบทหนังเรื่องนี้ ฉันอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่า แม่คนหนึ่งตัดสินใจเลือกแบบนั้นได้ยังไง"เวอร์จินีย์ เบซง-ซิลลากล่าวต่อ“และมันก็แตกต่างจากธรรมชาติของฉันอย่างมากจนฉันอยากจะทำความเข้าใจว่าอะไรที่ผลักดันให้เธอยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อประเทศของเธอ แต่หลังจากค้นคว้าและได้พบกับคนที่รู้จักเธอ และเหนือสิ่งอื่นใด หลังจากได้พบเธอหลังจากที่เธอถูกปล่อยตัวได้ไม่นาน ฉันก็เข้าใจว่าเธอทำทุกอย่างนั้นจากความรัก เธอเลือกที่จะไม่ใส่ใจกับความรู้สึกของตัวเองเพื่อช่วยเหลือคนนับล้านๆ ค่ะ”มิเชลล์ โหย่ว กล่าวเห็นพ้องด้วย “ขณะที่สามีเธอป่วยหนักใกล้ตาย เธอกำลังยุ่งอยู่กับการกล่าวสุนทรพจน์และทำหน้าที่ของเธอในฐานะนักเคลื่อนไหว ตอนแรก คุณอาจคิดว่าเธอเย็นชาและห่างเหิน แต่คิดอีกที คุณจะตระหนักได้ว่าเธอมีความเข้มแข็งในแบบที่คุณจะอดชื่นชมไม่ได้” เช่นเดียวกัน เดวิด ธิวลิส ผู้รับบทไมเคิล อาริส และแอนโธนี ฝาแฝดของเขา ก็ต้องบังคับตัวเองให้ทำความเข้าใจกับความคิดที่ว่าคนๆ หนึ่งใช้ชีวิตด้วยการปฏิเสธตัวเอง“บางครั้ง เธอและสามีของเธอก็ไม่ได้เจอหน้ากันหรือพูดคุยกันเป็นปีๆ ซึ่งผมคิดภาพไม่ออกเลย”นักแสดงหนุ่มกล่าว“เขาไม่รู้เลยว่าเธอถูกทรมานหรือทุบตีหรือเปล่า หรือว่าเธอถูกขังคุกเดี่ยว เขาเลี้ยงดูลูกชายสองคนตามลำพังและไม่ได้พบเธอด้วยซ้ำในตอนที่เขารู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็ง ด้วยความที่ผมไม่เคยผ่านอะไรแบบนี้มาก่อน เลยเป็นเรื่องยากสำหรับผมที่จะทำความเข้าใจสถานการณ์นี้ได้อย่างทะลุปรุโปร่งครับ”ข้อมูลผู้กำกับ
นักแสดงบางคนแปลกใจกับเนื้อหาที่ไม่ธรรมดาของ The Lady อองซานซูจี ผู้หญิงท้าอำนาจแต่พวกเขาทุกคนต่างก็กระตือรือร้นที่จะได้ร่วมงานกับลุค เบซง ไม่ว่าพวกเขาจะเคยร่วมงานกับเขามาแล้ว เหมือนอย่างเดวิด ธิวลิส หรือแค่ชื่นชมผลงานภาพยนตร์ของเขา พวกเขาต่างก็ยินดีเมื่อพวกเขาได้ยินชื่อของผู้กำกับ The Fifth Element มิเชลล์ โหย่ว เป็นคนที่ขอให้เขามาทำงานในโปรเจ็กต์นี้ของเธอ “ตอนที่ฉันรู้ว่าเขาจะกำกับหนังเรื่องนี้ มันก็เหมือนฝันที่เป็นจริง” มิเชลล์ โหย่ว สารภาพสารภาพ “ฉันเป็นแฟนผลงานของเขามานานและเมื่อมีคนแย้งฉันว่า ‘แต่เขาทำหนังแอ็คชั่นนะ’ ฉันก็ตอบไปว่า มันไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ใช่ผู้กำกับที่เก่ง ในการทำให้หนังแอ็คชั่นประสบความสำเร็จได้ คุณจะต้องรู้สึกไปกับตัวละครของคุณ และมีเพียงผู้กำกับที่รู้วิธีที่จะดึงเอาส่วนที่ดีที่สุดออกจากนักแสดงของเขาเท่านั้นถึงจะสร้างหนังแอ็กชันที่ประสบความสำเร็จได้ และลุคก็เป็นแบบนั้นค่ะ ไม่เพียงแต่เขาทุ่มเทจิตวิญญาณเข้าไปในตัวละครของเขา แต่เขายังสนับสนุนตัวละครหญิงแกร่งมาโดยตลอดด้วย” เดวิด ธิวลิสเห็นพ้องด้วย ““ลุคเป็นผู้กำกับคนเก่ง ที่ดึงเอาส่วนที่ดีที่สุดของผมออกมาได้ บางครั้งผมก็จะขี้เกียจถ้าไม่มีใครมาคอยกำกับผม แต่ลุคไม่เคยปล่อยให้ผมขี้เกียจและเขาก็ถ่ายทำหลายเทคจนกว่าเขาจะพอใจ ผมชอบวิธีการของเขามากๆ เพราะแต่ละเทคจะไม่เหมือนเดิมและลุคก็คอยให้คำแนะนำผมจากหลังกล้องระหว่างเทค” มิเชลล์ โหย่ว กล่าวเห็นพ้องด้วย“ฉันยอมรับว่าเขาเจ้ากี้เจ้าการมากๆ และเขาก็แตกต่างจากผู้กำกับส่วนใหญ่ตรงที่เขาตรงเวลามากๆ ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่ฉันชอบเกี่ยวกับเขา ถ้าเขาบอกว่าแปดโมงถึงกองถ่าย เขาก็หมายถึงแปดโมงจริงๆ! และนักแสดงทุกคน แม้แต่ตัวประกอบก็ต้องระมัดระวัง และพร้อมจะแสดงอยู่เสมอ ฉันชอบวิธีการทำงานของเขาค่ะ” นักแสดงต่างก็เห็นพ้องต้องกันเกี่ยวกับวิธีการทำงานที่ใกล้ชิดของ ลุค เบซง และความทุ่มเทเต็มตัวที่เขามีต่อโปรเจ็กต์ที่เขาทำงานอยู่“เขาอยู่ด้านหลังกล้อง ซึ่งมันช่วยได้มากเลยครับ”เดวิด ธิวลิสกล่าวเห็นพ้องด้วย“เขามีความสามารถเชิงเทคนิคอย่างมากและคอยควบคุมทุกระดับของการถ่ายทำ เขาไม่ได้อยู่หลังมอนิเตอร์ที่อยู่ไกลจากเรายี่สิบฟุต แต่เขาจะมองการแสดงของคุณและคอยแนะแนวทางให้คุณ ซึ่งรวมถึงเรื่องการออกเสียงภาษาอังกฤษด้วย ซึ่งผมว่าเป็นเรื่องน่าทึ่งเพราะภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาแม่ของเขา แต่เขาก็พูดถูก 99% เลยล่ะครับ”โจนาธาน แร็กเก็ตต์กล่าวเสริมว่า“เขาคอยดูแลอย่างใกล้ชิด เขาเข้ากันได้ดีกับนักแสดงและคอยนำทางคุณไปยังทิศทางที่เขาต้องการครับ มันทำให้เขามีคำสั่งที่เฉพาะเจาะจงในการจัดฉากแต่ละซีเควนซ์ขึ้นมา” เบเนดิคท์ หว่องกล่าวเห็นพ้องด้วยผมมองว่าเขาเหมือนกัปตันเรือ คอยควบคุมการถ่ายทำ ทุกคนกำลังถูระเบียง และเขาก็คอยดูแลเราอย่างใกล้ชิดมากๆ ครับ” “เพราะเขารู้ว่าเขาต้องการอะไรและเขาก็มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและโดดเด่นมากๆ สำหรับหนังของเขาค่ะ”มิเชลล์ โหย่ว บอก“ฉันก็เลยไว้วางใจเขา เมื่อเขาบอกว่าฉันต้องแสดงอีกเทค ฉันก็ไว้ใจเขา ความไว้ใจแบบนี้จำเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อต้องรับบทที่สะเทือนใจและเปราะบางอย่างอองซานซูจีน่ะค่ะ” อย่างไรก็ดี ผู้กำกับก็ได้ให้อิสระกับนักแสดงบ้าง“ในกองถ่าย ตอนที่เราซ้อมกัน ฉันก็ชอบเสนอไอเดียขึ้นมา แล้วลุคก็สนับสนุนฉันตลอด แม้ว่าท้ายที่สุดแล้ว เขาจะเป็นคนตัดสินใจก็ตาม”มิเชลล์ โหย่ว อธิบาย“มีบางฉากที่เราอิมโพรไวส์ขึ้นทั้งหมด”โจนาธาน วู้ดเฮาส์กล่าวเสริมว่า“เขาให้โอกาสนักแสดงในการตีความฉากนั้นๆ ถ้ามันไม่ได้อยู่ในบท เขาให้คำสั่งผมอย่างเดียว ซึ่งสำหรับผมแล้ว มันมีค่ามากๆ ซึ่งก็คืออย่าคิดมากเกินไป แต่ให้ลงมือทำเลย”โจนาธาน แร็กเก็ต พยักหน้าพลางกล่าวว่า“บางครั้ง คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อไหร่ที่เขาจะพูดว่า ‘แอ็คชั่น!’ หรือ ‘คัท’ คุณก็เลยจะลืมเรื่องกล้อง และอินกับบทบาทของตัวเองมากขึ้น มันน่าสนใจเพราะเขาให้โอกาสนักแสดงที่จะตีความฉากนั้นๆ และทำตามแรงกระตุ้นของตัวเอง แต่เขาก็ดูแลใกล้ชิด และนั่นก็เยี่ยมมากครับ”