FB on December 23, 2011, 01:48:01 PM
MOVIE: W.E.


 
          ประเภท Romance / Drama
          กำหนดฉาย 9 กุมภาพันธ์ 2012
          จัดจำหน่าย มงคลเมเจอร์
          อำนวยการสร้าง โคลิน เวนส์ (The Young Victoria, Miss Potter)
          กำกับ/เขียนบท มาดอนน่า (Evita, A League of Their Own)
          นำแสดง เจมส์ ดีอาห์ซี่ย์ (Master and Commander, Exorcist: The Beginning)
          แอนเดรีย ไรซ์โบโรห์ (Happy-Go-Lucky, Never Let Me Go)
          แอบบี่ย์ คอร์นิช (Sucker Punch, Bright Star)
          ออสการ์ ไอแซ็ค (Sucker Punch, Robin Hood, Drive)

          “ ความรัก อาจเปลี่ยนโลกไม่ได้ แต่ความรักทำให้โลกหันกลับมามองได้ “ – มาดอนน่า
 
เนื้อเรื่อง

          ภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดตำนานรักแท้แห่งศตวรรษที่ 20 ที่บอกเล่าผ่านเรื่องราวเส้นคู่ขนาน ในปี 1998 ทุกคนในแมนฮัตตันต้องตื่นเต้น เมื่อมีการจัดงานประมูลทรัพย์สินของดยุคและดัชเชสแห่งวินเซอร์ ซึ่งรวมถึง วัลลี่ วินโทรป (แอบบี่ย์ คอร์นิช) ผู้หญิงที่ติดอยู่กับชีวิตคู่ที่ย่ำแย่ เธอหลงไหลในเรื่องราวความรักระหว่าง วาลลิส ซิมป์สัน (แอนเดรีย ไรซ์โบโรห์) หญิงสาวชาวอเมริกันผู้เด็ดเดี่ยว และพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 (เจมส์ ดีอาห์ซี่ย์) วัลลี่ ได้ทำความเข้าใจสิ่งที่ วาลลิส เสียสละในการอยู่กับ เอ็ดเวิร์ด และทำให้เธอพบความกล้าที่จะทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ

          W.E. เป็นผลงานการกำกับและร่วมเขียนบทของ มาดอนน่า เจ้าแม่แห่งวงการดนตรี ที่ได้ทีมงานคุณภาพที่ถ่ายทอดความงดงามในหนังพีเรียดมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับภาพ ฮาเกน บ็อกดานสกี้ (The Young Victoria, The Lives of Other), ผู้ออกแบบงานสร้าง มาร์ติน ไชลด์ (Shakespeare in Love, Quills) รวมถึงผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย เอเดรียน ฟิลลิปส์ (Walk the Line)

หนังนำแสดงโดย เจมส์ ดีอาห์ซี่ย์ (Master and Commander, Exorcist: The Beginning), แอนเดรีย ไรซ์โบโรห์ (Happy-Go-Lucky, Never Let Me Go), แอบบี่ย์ คอร์นิช (Sucker Punch, Bright Star) และ ออสการ์ ไอแซ็ค (Sucker Punch, Robin Hood, Drive)

จุดเริ่มต้น: ชีวิตของ วาลลิส และ เอ็ดเวิร์ด
          “คุณไม่มีทางเข้าใจหรอกว่า มันลำบากแค่ไหนกับการมีความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก" - วาลลิส ซิมป์สัน

          มาดอนน่า ซึ่งเป็นผู้กำกับและเขียนบทได้พัฒนาเรื่องราวของ W.E. มานานหลายปี โดยเธอมีความสนใจในเรื่องราวของ ดยุคและดัชเชสแห่งวินเซอร์ แต่เธอไม่ต้องการทำหนังชีวประวัติโดยตรง เธอต้องการจับเอาองค์ประกอบของความรักและถ่ายทอดผ่านเรื่องราวความรักในศตวรรษที่ 20
          มาดอนน่า พูดถึงแรงบันดาลใจในการสร้างว่า "ความจริงขึ้นอยู่กับปัจเจกบุคคล ทุกอย่างที่ฉันใช้เพื่อถ่ายทอดตัวตนของ วาลลิส และ เอ็ดเวิร์ด เป็นสิ่งที่ฉันได้มาจากการค้นคว้าของตัวเอง ฉันต้องการทำให้ทุกคนเห็นตัวตนของ วาลลิส มากกว่าที่เคยรู้จัก และฉันก็สร้างตัวละคร วัลลี่ ขึ้นมาเพื่อเป็นมุมมองของคนนอก วัลลี่ คิดว่าเธอกำลังมองเห็นความรักที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็พบว่ามันอาจจะไม่ใช่รักที่สมบูรณ์แบบ เมื่อทั้ง วาลลิส และ เอ็ดเวิร์ด ต้องเสียสละสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง"
          เบสซี วาลลิส วอร์ฟิลด์ เกิดในรัฐเพนซิลวาเนีย ปี 1896 พ่อของเธอเสียชีวิตไม่นานนักหลังจากเธอเกิด เธอและแม่ต้องไปอยู่กับบรรดาญาติ ลุงของ วาลลิส ส่งเธอเข้าเรียนในโรงเรียนที่ดีที่สุดในรัฐแม่รี่แลนด์ และทำให้เธอได้รู้จักกับบรรดาลูกสาวของครอบครัวที่มีฐานะที่สุดในอเมริกา วาลลิส เป็นผู้หญิงที่ดูแลตัวเอง เธอมักแต่งตัวเรียบร้อยและมีความเป็นกุลสตรี
          มาดอนน่า พูดถึง วาลลิส ว่า "มันสำคัญที่จะเข้าใจยุคสมัยที่ วาลลิส อยู่ในขณะนั้น ที่ทางเลือกของผู้หญิงมีเพียงการแต่งงาน คุณจะไม่มีทางได้ดีไปกว่าผู้ชายที่แต่งงานด้วย ถ้าคุณเจอผู้ชายที่ดี ชีวิตก็จะมีความสุข แต่ถ้าไม่ คุณก็จะต้องจำใจทนอยู่กับชีวิตคู่"

          ในปี 1916 วาลลิส พบกับสามีคนแรก เอิร์ล วินฟิลด์ สเปนเซอร์ จูเนียร์ นาวิกโยธินสหรัฐ แต่การแต่งงานของทั้งคู่ไม่ได้มีความสุขนัก สเปนเซอร์ เป็นคนติดเหล้า ในปี 1920 พวกเขาแยกกันอยู่เป็นครั้งแรก ก่อนที่จะกลับมาอยู่ด้วยกันในปี 1921 แต่ก็มาแยกกันอีกครั้งในปี 1922 เมื่อ วินฟิลด์ ต้องไปประจำการอยู่ทางเอเชียตะวันออก วาลลิส เดินทางไปประเทศจีนในปี 1924 เพื่อที่จะอยู่กับเขา ในปี 1925 เธอและ วินฟิลด์ ก็ได้ย้ายกลับมายังสหรัฐ ก่อนที่จะหย่ากันในปี 1927
          ก่อนที่การหย่าจะเป็นทางการ วาลลิส เริ่มมีความสัมพันธ์กับ เออร์เนส ซิมป์สัน นักธุรกิจขนส่งสินค้า ซึ่งเขาเองก็เพิ่งหย่ากับภรรยาคนแรก ก่อนที่ทั้งคู่จะแต่งงานกันในปี 1928 และย้ายไปอยู่ลอนดอน ธุรกิจการขนส่งสินค้าของ ซิมป์สัน ประสบความสำเร็จ ทั้งคู่ย้ายเข้าไปอยู่ในแมนชั่นหรูและสนุกกับชีวิตของสังคมชั้นสูง
          เอ็ดเวิร์ด เจ้าชายแห่งเวลส์ พบ วาลลิส ครั้งแรกในเดือนมกราคม ปี 1931 ระหว่างสุดสัปดาห์การล่าสัตว์ เอ็ดเวิร์ด เป็นที่รู้จักจากการเป็นผู้ชายที่ชอบทำทุกอย่าง และยังมีชื่อเสียงในเรื่องการหว่านสเน่ห์ให้ผู้หญิง แต่ถึงแม้ว่าเขาจะมีความสัมพันธ์กับ เลดี้ เธลม่า เฟอร์เนส เขาก็ตกหลุมรัก วาลลิส เข้าอย่างจัง เขาบอกเธอว่า "คุณคือผู้หญิงที่เป็นตัวของตัวเองที่สุดเท่าที่ผมเคยพบ" พวกเขาเจอกันในงานสังคมเรื่อยมา จนถึงปี 1934 วาลลิส ก็ได้กลายเป็นคู่รักของเขา

          มาดอนน่า พูดถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองคนว่า "วาลลิส มีความสุขเมื่อได้อยู่กับ เอ็ดเวิร์ด ฉันคิดว่าเธอไม่นึกว่ามันจะยืนยาวอย่างที่เป็น ในขณะเดียวกัน เอ็ดเวิร์ด พบว่ามันเป็นเรื่องน่าแปลกใจที่เธอเป็นผู้หญิงที่พูดตามที่คิด และไม่รู้สึกประหม่าเมื่ออยู่กับเขา ฉันพยายามจับอารมณ์ขันของเธอ และความรู้สึกเหมือนคนฐานันดรเดียวดันระหว่างเธอกับเขา วาลลิส เป็นผู้หญิงที่มีไหวพริบ ตลก และยังทำมาร์ตินี่ได้สุดยอด"
          ถึงแม้ วาลสิส จะไม่มั่นใจว่าความสัมพันธ์นี้ยั่งยืนหรือไม่ แต่เป็นเรื่องที่ชัดเจนว่า เอ็ดเวิร์ด ที่เคยมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงที่แต่งงานแล้วมาหลายคน มีความจริงจังกับ วาลลิส มากกว่าครั้งไหนๆ พวกเขาไปพักร้อนด้วยกัน เขายังแนะนำเธอกับ ควีนแมรี่ รวมถึงพระบิดา คิงจอร์จ ที่ 5 ซึ่งไม่พอใจกับการตัดสินใจของเขา ซึ่งทำให้ภาพลักษณ์ของราชวงค์ต้องมัวหมอง
          มาดอนน่า เข้าใจว่า วาลลิส ต้องการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของ เอ็ดเวิร์ด มากขึ้นเรื่อยๆ "เธอสนใจในสิ่งที่เขาทำ เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ให้ความสนใจโลกที่เขาอยู่ ซึ่งนั้นเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เขาสนใจเธอ ถ้ามองจากภายนอก หลายคนอาจเห็นว่าเขาประพฤติตัวไม่เหมาะสม และคิดว่าเธอต้องการครองอำนาจ แต่เมื่อมองถึงการพัฒนาที่ลึกไปกว่านั้น ฉันคิดว่าเธอเปิดให้เขาได้เห็นหลายสิ่งหลายอย่างที่ขาดหายไปในชีวิต"

          เดือนมกราคม 1936 คิงจอร์จ ที่ 5 พระบิดาของ เอ็ดเวิร์ด ก็ถึงแก่กรรม ทำให้เขาได้รับการแต่งตั้งเป็น คิงเอ็ดเวิร์ด ที่ 8 ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและ วาลลิส จึงกลายเป็นปัญหา เพราะในขณะนั้นศาสนาคริสต์ นิกายเชิร์ช ออฟ อิงแลนด์กำหนดไม่ให้คนที่หย่าแล้วแต่งงานใหม่ และในขณะนั้น วาลลิส ก็ยังแต่งงานอยู่กับ ซิมป์สัน ระหว่างที่เธอมีความสัมพันธ์กับ เอ็ดเวิร์ด แม้ว่าเธอจะหย่าอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่กษัตริย์ของอังกฤษจะอภิเษกสมรสกับแม่ม่ายชาวอเมริกัน
          พิธีการสถาปนาใกล้เข้ามา เอ็ดเวิร์ด ได้รับคำแนะนำจาก สแตนลี่ย์ บอลด์วิน นายกรัฐมนตรีของอังกฤษในขณะนั้น ที่บอกว่าให้ไตร่ตรองความสัมพันธ์ของเขา ในขณะที่คำสั่งเสียของพระบิดาก็ยังตามหลอกหลอนเขา "ให้จำสถานะของตัวเองเอาไว้" เอ็ดเวิร์ด พยายามเกลี้ยกล่อมให้ครอบครัวของเขายอมรับ วาลลิส แต่มันก็ไม่เป็นผล ไม่มีทางที่ วาลลิส จะเป็นราชินีที่เหมาะสม กระแสตอบรับจากสังคมบอกว่า วาลลิส เป็นพวกปีนป่ายฐานะทางสังคม ที่ต้องการ เอ็ดเวิร์ด เพราะสถานะและความร่ำรวย แต่ถึงจุดนี้ วาลลิส ก็พร้อมที่จะยุติความสัมพันธ์ เธอต้องการให้ เอ็ดเวิร์ด ขึ้นครองราชย์โดยไร้มลทิน อย่างไรก็ตามเขาได้ประกาศเอาไว้ว่า "เราจะแต่งงานกับ ซิมป์สัน บนบัลลังก์หรือไม่ก็ไม่ครองราชย์เลย" นอกจากแรงกดดันจากนายกรัฐมนตรี ราชวงค์ และที่ปรึกษา แต่ เอ็ดเวิร์ด ก็ได้ตัดสินใจไปแล้ว จนในที่สุดเดือนธันวาคม ปี 1936 เขาก็ได้แถลงการต่อหน้าประชาชนว่า เขาเลือกความรักแทนบัลลังก์
          มาดอนน่า สรุปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และสิ่งที่เธอมุ่งมั่นในการทำเรื่องนี้ว่า "ฉันหยุดคิดไม่ได้ว่า ผู้ชายคนไหนกันที่ยอมสละตำแหน่งผู้นำประเทศเพื่อผู้หญิงที่เขารัก เพราะจากมุมมองของฉัน ตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกในประวัติศาสตร์ ผู้ชายทุกคนต่างช่วงชิงที่จะขึ้นครองบัลลังก์ แต่ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงเลือกที่จะปฏิเสธอำนาจ อะไรเป็นแรงจูงใจ เป็นเพราะแรงกดดันหรือความรัก ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงเป็นทำให้เขาเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ ฉันอยากรู้ตัวตนของเธอให้มากกว่านี้"

การพัฒนาเรื่องราว W.E.
          เพราะความหลงไหลในตัว วาลลิส ซิมป์สัน และเรื่องราวความรักอันทรงพลัง มาดอนน่า ใช้เวลาสองปีในการเขียนบทภาพยนตร์ ทั้งเรื่องราวที่อิงจากประวัติศาสตร์ และเรื่องแต่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน มาดอนน่า ค้นคว้าศึกษาข้อมูลจากหนังสือทุกเล่มที่เกี่ยวกับ วาลลิส และ เอ็ดเวิร์ด ดูสารคดีทุกตัวเกี่ยวกับพวกเขา รวมถึงสัมภาษณ์ผู้คนที่รู้จักหรือรู้เรื่องราวระหว่าง วาลลิส และ เอ็ดเวิร์ด
          ระหว่างการค้นคว้าหาข้อมูล องค์ประกอบที่ถือเป็นสิ่งสำคัญ นั้นคือ วาลลิส และ เอ็ดเวิร์ด ได้เขียนจดหมายถึงกันตลอดความสัมพันธ์ จดหมายเหล่านี้ถูกนำมาใช้ถ่ายทอดในหนัง และก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของชื่อหนัง W.E. ที่ย่อมากจากตัวอักษรแรกของชื่อของทั้งคู่ ที่จะลงเอาไว้ท้ายจดหมาย มาดอนน่า เล่าว่า "ฉันพบว่าจดหมายเหล่านี้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เพราะทุกคนมักปลดปล่อยความรู้สึกที่แท้จริงเมื่อเขียนเป็นตัวหนังสือ"
          มาดอนน่า ยังศึกษาข้อมูลจากการประมูลทรัพย์สินของดยุคและดัชเชสแห่งวินเซอร์ ในปี 1998 ซึ่งการประมูลถือเป็นปรากฏการณ์ โดยมีผู้เข้าร่วมประมูลมากกว่า 1,000 คน จาก 50 ประเทศทั่วโลก ที่ร่วมกันประมูลทรัพย์สินของทั้งคู่ และมียอดประมูลมากกว่า 23.4 ล้านเหรียญ มากกว่าการตีราคาไว้ที่ 7 ล้านเหรียญ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงพลังที่ไม่เสื่อมคลายของ วาลลิส และ เอ็ดเวิร์ด"

          การประมูลกลายเป็นอีกหนึ่งเส้นเรื่องของ W.E. เมื่อชาวนิวยอร์ค วัลลี่ วินโทรป เข้ามางานประมูลเพื่อที่จะทำความเข้าใจกับเรื่องราว ที่เธอเชื่อว่าเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งศตวรรษที่ 20 การได้เห็นข้าวของเครื่องใช้ของ วาลลิส ชีวิตในแต่ละช่วงของเธอก็ได้วิ่งผ่านสมองของ วัลลี่ เปรียบเสมือนประตูเวลาที่พาผู้ชมก้าวข้ามไปมาระหว่างอดีตและปัจจุบัน
          มาดอนน่า ได้ร่วมเขียนบทกับ อเล็ก คิเชเชียน ที่เป็นผู้กำกับสารคดีของเธอเรื่อง Truth or Dare โดย อเล็ก ได้พูดถึงการพัฒนาไอเดียว่า "มาดอนน่า ต้องการเล่าเรื่องของ วาลลิส และ เอ็ดเวิร์ด ผ่านเรื่องราวในโลกปัจจุบันของ วัลลี่ และการประมูล พวกเราได้บอกความรู้สึกและไอเดียของตัวเองออกมา และนำมาผสานเรียงร้อยกันให้เป็นเรื่องเดียวกัน จนในที่สุดเราก็พร้อมที่จะทำให้มันเป็นบทภาพยนตร์ ผมใช้เวลา 4 อาทิตย์ในนิวยอร์คกับเธอ และเขียนบทร่วมกับทุกวัน จนกลายเป็นบทภาพยนตร์ที่สมบูรณ์"
          มาดอนน่า พูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปัจจุบันว่า "วัลลี่ เริ่มออกเดินทางเพื่อค้นหาตัวเอง โหยหาที่จะมีความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน เพราะเธอไม่มีความสุขกับชีวิตคู่ของตัวเอง มันสำคัญในการสร้างตัวละครที่ติดอยู่ในความสัมพันธ์ที่ไร้ความรัก และพยายามหาจุดเปลี่ยนและตามหาความหมายที่แท้จริงของคำว่ารัก"

          ในระหว่างการเข้าร่วมงานประมูล วัลลี่ ก็ได้พบกับยามรักษาความปลอดภัยชาวยูเครน ยูจีนี่ และในไม่ช้า วัลลี่ ก็ได้ค้นพบว่าชีวิตของ วาลลิส ไม่ได้สมบูรณ์แบบอย่างที่คิด แต่มันก็ได้มอบพลังให้เธอในการเผชิญหน้ากับความจริงของชีวิต และเปิดประตูเพื่อรับโอกาสใหม่เข้ามา
          มาดอนน่า สรุปถึงการสร้างเรื่องราวทั้งสองของ W.E. ว่า "ในตอนสุดท้ายของหนัง มันถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นชีวิตใหม่ของ วัลลี่ เธอพบว่าในโลกนี้ไม่มีรักที่สมบูรณ์แบบหรอก แต่ถึงแม้รักของ วาลลิส และ เอ็ดเวิร์ด จะไม่สมบูรณ์แบบ มันก็ยังคงมีความรักระหว่างกันอยู่ ฉันคิดว่าความรักนั้นล้วนต้องมีการประนีประนอม นั้นคือสารที่ฉันอยากจะพูดในหนัง"

FB on December 23, 2011, 01:49:59 PM
ลูกโลกทองคำ หลงรัก เพลงประกอบหนังเรื่อง W.E เข้าชิง 2 รางวัล เพลง และดนตรีประกอบยอดเยี่ยม ทำ มาดอนน่า ปลื้ม

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=dgxhm-v4BTk" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=dgxhm-v4BTk</a>






   
           เข้าชิง 2 รางวัล เพลง และดนตรีประกอบยอดเยี่ยม ทำ มาดอนน่า ปลื้ม หลังทุ่มทั้งใจแต่งเพลง พร้อมกำกับ เผยทั้งชีวิตคิดมาตลอดว่าอยากสร้างหนังเรื่องนี้เพราะ “จะดีแค่ไหน ที่ถ้ามีใครรักเราได้มากแบบที่เขารักเธอ”

           ประกาศชื่อผู้เข้าชิงออกมาแล้วสำหรับผลรางวัลลูกโลกทองคำ ปี 2011 โดยภาพยนตร์โปรแกรมรับวาเลนไทน์ของทาง มงคลเมเจอร์ เรื่อง W.E. ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง 2 รางวัลยอดเยี่ยมในสาขา เพลงประกอบ และ ดนตรี ประกอบ โดยเฉพาะ สาขาเพลงประกอบ เพลง "Masterpiece" ที่ มาดอนน่า แต่งเอง และ ร้อง เอง เพื่อที่จะตั้งใจนำมาเป็นเพลงประกอบในภาพยนตร์เรื่อง W.E. ที่เธอเป็นคนกำกับเองอีกด้วย “คอนเซปต์ของเพลงนี้ก็คือ ความรักที่มาจากใจและกล้าหาญที่จะไม่ปิดบังความรักที่คุณมีให้คนๆ นั้น ....ฉันปลื้มนะที่รู้ว่าเพลงได้เข้าชิงเพราะถึง ชื่อ มาดอนน่า นักวิจารณ์ อาจจะไม่ปลื้ม แต่เรื่องของการใช้หัวใจ ทำอะไร ฉันก็ไม่น้อยหน้าใครเหมือนกัน ฉันอยากสร้างหนังเรื่อง W.E ก็เพราะความรักของพวกเขาเป็นความรักที่ฉันไม่เคยได้จากใคร เพราะฉะนั้นฉันคิดว่ามันคงดีถ้ามีใคร รักเราได้มากเหมือนกับที่ เขารักเธอ” มาดอนน่า เปิดใจแบบไม่แคร์สื่อ หลัง จากที่รู้ว่า W.E. ได้เข้าชิง 2 รางวัลลูกโลกทองคำ

(คลิ๊กฟังเพลง "Masterpiece" ได้ที่ http://www.youtube.com/watch?v=dgxhm-v4BTk&feature=related)

           W.E. (วี) คือ หนังรัก 2 ช่วงเวลา ผ่านมุมมองของ ผู้หญิง 2 คน มาดอนน่า นำความรักของคน 2 คู่ ต่างชนชั้น ที่ไม่แคร์ว่าความรักจะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งรอบตัวไปมากแค่ไหน สิ่งที่พวกเขาต้องการ คือ ขอแค่ เพียง มีคำว่า “ เรา” คู่รักคู่แรกคือคู่ของ ระหว่าง พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 (เจมส์ ดีอาห์ซี่ย์) กับสาวอเมริกันหัวสมัยใหม่ที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว วาลลิส ซิมป์สัน (แอนเดรีย ไรซ์โบโรห์) ความรักของพวกเขาเปลี่ยนโลกในชั่วข้ามคืนด้วยความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยวที่จะยืนเคียงข้างคนที่ตัวเองรัก ทำให้ พระเจ้า เอ็ดเวิร์ดที่ 8 ประกาศสละราชสมบัติผ่านสื่อไปทั่วประเทศด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่มีเหตุผลที่เขาจะครองบัลลังก์ โดยปราศจากหญิงที่รักอยู่เคียงข้าง และเรื่องราวความรักในปัจจุบันระหว่าง วัลลี่ (แอบบี่ย์ คอร์นิช) ผู้หญิงที่ร้าวรานกับชีวิตไฮโซและการแต่งงานที่สามีไม่ได้รักเธอแล้ว วันหนึ่งเมื่อ วัลลี่ ไปดูนิทรรศการของ วาลลิส และ เอ็ดเวิร์ด ที่ 8 จนทำให้เธอรู้สึกผูกพันกับ ยามรักษาความปลอดภัยชาวรัสเซีย (ออสการ์ ไอแซ็ค) ชายหนุ่มเงียบๆ ที่เก็บรักษาจดหมายรักที่ เอ็ดเวิร์ด เขียน หา วาลลิส ไว้โดยใช้ชื่อย่อในจดหมายเพื่อเป็นตัวแทนระหว่างคนทั้งคู่ว่า W.E. เมื่อได้อ่านจดหมายเหล่านั้น วัลลี่ก็เริ่มมองเห็นความหมายของความรักที่ว่า “จะดีแค่ไหน ที่ถ้ามีใครรักเราได้มากแบบที่เขารักเธอ”

          W.E. เข้าชิง 2 รางวัล ลูกโลกทองคำ ในสาขา ดนตรี และ เพลงประกอบยอดเยี่ยม “มากกว่า ความรัก ที่เปลี่ยนโลก คือ ความรัก ที่ทำให้โลกหันกลับมามอง”

FB on January 13, 2012, 03:03:53 PM
มาดอนน่า เผย ทุ่มเวลา 2 ปี เขียนบทและกำกับภาพยนตร์ W.E. (วี) จนเข้าชิงลูกโลกทองคำ เพื่อรักษาอาการอกหักของตัวเอง
 
          W.E. (วี) ตำนานรักระหว่างสาวสวยชาวอเมริกันที่มีความคิดล้ำสมัยและเคยผ่านการหย่ามาแล้ว 2 ครั้ง วอลลิส ซิมป์สัน และกษัตริย์ เอ็ดเวิร์ดที่ 8 แห่ง อังกฤษ เป็นรักแท้ที่ผู้หญิงทั้งโลก ไม่อยากลืม แต่ คนทั่วอังกฤษกลับไม่อยากจดจำ จนทำให้จดหมายรักที่ เอ็ดเวิร์ด เขียนหา วอลลิส์ โดยใช้ชื่อย่อว่า W.E. เก็บรักษาไว้ และไม่ถูกนำมาเปิดเผย ให้คนทั้งโลกได้รู้ว่า เบื้องหลังรักแท้ที่ยิ่งใหญ่ จะมีคำว่าเสียสละ ซ่อนอยู่เสมอ มาดอนน่า มีโอกาสจดหมายที่ เอ็ดเวิร์ด เขียนหา วอลลิสส์ เธอใช้เวลาเขียนบทหนังเรื่อง W.E. 2 ปี และอีก 1 ปีในการแต่งเพลง Masterpiece เพลงประกอบภาพยนตร์ ด้วยตัวเอง ทั้งหมดนี้ เธอบอกว่า “ไม่ได้ทำหนังเพื่อหวังรางวัลหรือคำชม แค่ใช้หัวใจทำ เพราะว่าจะดีแค่ไหน ถ้ามีใครรักเราได้มากเท่า กับ เอ็ดเวิร์ด รัก วอลลิส” และเมื่อธันวาคมที่ผ่านมาเวทีลูกโลกทองคำตอบรับความกล้าและทุ่มเทของเธอด้วยการที่หนังเข้าชิง 2 รางวัลในสาขาเพลงและดนตรีประกอบยอดเยี่ยม

          สำหรับราชินีเพลงป็อป มาดอนน่า W.E. ถือเป็นผลงานที่เสริมสร้างพลังให้กับลูกผู้หญิง ซึ่งยังสอดคล้องกันกับประสบการณ์ในวงการบันเทิงกว่า 3 ทศวรรษ เธอเล่าถึงแรงบันดาลใจว่า "มันเป็นเรื่องดีในการได้กำหนดชะตาชีวิตของตัวเอง และรู้ว่าคุณไม่ต้องใช้ชีวิตตามแบบแผนหรือความคาดหวังของคนอื่น ฉันอยากให้ผู้หญิงทุกคนรู้ว่า ไม่มีใครคนไหนจะทำให้เราอ่อนแอได้ ถ้าหัวใจเราไม่ยอมรับ"

มาดอนน่า เผยว่า เธอถูกดึงดูดจากเรื่องราวของ วอลลิส ซิมป์สัน ในประวัติศาสตร์ "ฉันคิดว่าการตัดสินใจของ สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด ที่ 8 ในการสละราชบังลังก์เพื่อผู้หญิงอเมริกันคนนี้ ทำให้เกิดคำถามมากมายขึ้นมาในหัวของฉัน และหนึ่งในนั้นก็คือแนวคิดที่ว่าเขาทำไปเพราะความรัก ก่อให้เกิดเรื่องราวรักโรแมนติกแห่งศตวรรษที่ 20"

          ความพยายามทำความเข้าใจชีวิตของ ซิมป์สัน ทำให้ มาดอนน่า คิดได้ว่า "เมื่อฉันค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับเธอ ฉันพบว่า วอลลิส ไม่ได้รับความเป็นธรรมในประวัติศาสตร์ มันไม่เหมือนกับสิ่งที่ฉันคิดไว้ในตอนแรก ซึ่งนั้นทำให้ฉันเชื่อมโยงไปถึงสังคมฮอลลิวู้ดในปัจจุบัน ที่หลายคนถูกตัดสินไปก่อนทำความเข้าใจ เราไม่ได้มองพวกเขาแบบมนุษย์ธรรมดา เราป้ายสีดำหรือขาวให้พวกเขาโดยที่ไม่คำนึงถึงความรู้สึก"

          มาดอนน่า เผยว่าหนังที่เธอใช้เป็นแรงบันดาลใจในการถ่ายทำก็คือ La Vie En Rose ที่ทำให้ มาริยง โกลติยาร์ดด ได้รับรางวัลออสการ์ "ฉันชอบการถ่ายทำลองเทคแบบที่ไม่มีการตัด และก็มีสองช็อตใน W.E. ที่ยาวกว่า 5 นาที พวกเราไม่มีการตัดและทุกอย่างก็ออกมาอย่างงดงาม”

          9 กุมภานี้ ในโรงภาพยนตร์ เท่านั้น

FB on January 28, 2012, 01:57:37 PM
มาดอนน่าเอาออสการ์อยู่ พา W/E หยุดโลกไว้ที่ “รัก“ เธอ เข้าชิงรางวัลออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม


 
          มาดอนน่าเอาออสการ์อยู่ พา W/E หยุดโลกไว้ที่ “รัก“ เธอ เข้าชิงรางวัลออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม หลังใช้เสื้อผ้า แบรนด์ดังกว่า 1000 ชุดเข้าฉาก ส่ง เอเดรียน ฟิลลิปส์เข้าชิงครั้งที่ 3

          หลังจากคว้ารางวัลลูกโลกทองคำสาขาเพลงประกอบยอดเยี่ยมมาได้ มาดอนน่า ก็ ได้รับการตอบรับจากเวทีออสการ์อีกครั้งหลังจากที่รางวัลออสการ์ประกาศผู้เข้าชิงเมื่อค่ำวันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา และ W/E หยุดโลกไว้ที่รักเธอ ได้เข้าชิงในสาขาออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม จากฝีมือการออกแบบโดย เอเดรียน ฟิลลิปส์ ที่ร่วมงานกับ มาดอนน่า มาในหลายคอนเสิร์ต รวมถึงเคยเข้าชิงออสการ์ สาขาออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยมมาแล้วถึงสองครั้ง จาก A Single Man และ Walk the Line และการเข้าชิงของเธอครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 โดยเธอพูดถึงการทำงานว่า "W.E. มีความเข้มข้นในเรื่องของสไตล์และภาพ ฉันคิดว่าการค้นคว้าหาข้อมูลคือกุญแจที่จะนำไปสู่การสร้างสรรค์ เพราะการศึกษาเรื่องราวที่มีอยู่จริงนั้นมีความสำคัญ อย่างไรก็ตามคุณก็ไม่ได้ทำสารคดี ดังนั้นการใส่ลายเซ็นของผู้สร้างลงไปก็จะยิ่งช่วยให้หนังมีเสน่ห์ดึงดูดมากยิ่งขึ้น"

          การทำงานร่วมกับ มาดอนน่า ถือเป็นองค์ประกอบที่ เอเดรียน ชื่นชอบมากที่สุด เธอเล่าว่า "มาดอนน่า ให้ความสนใจในผลงานด้านภาพ และเธอก็เข้าใจโลกของแฟชั่น ปกติแล้วผู้กำกับมักไม่เข้าใจในเรื่องนี้ แต่ครั้งนี้เรามีผู้กำกับที่สวมใส่มันและเข้าใจในแฟชั่นมากที่สุด เธอเข้าใจว่าเครื่องแต่งกายสามารถถ่ายทอดบุคลิกของตัวละครออกมาได้"

          การค้นคว้าข้อมูล เอเดรียน ได้มุ่งหน้าไปในศูนย์รวมของแฟชั่นของโลกอย่างกรุงปารีส โดยติดต่อกับ พาเมล่า โกบลิน ผู้ดูแลโซนแฟชั่นและสิ่งทอของพิพิธภัณฑ์ลูฟว์ รวมถึงสำนักงานใหญ่ของแบรนด์ดังต่างๆ โดยเฉพาะที่ วาลลิส มีความเกี่ยวข้อง เธอเล่าว่า "จุดประสงค์ของเครื่องแต่งกายคือ การช่วยนำเสนอตัวละครและช่วยบอกถึงตัวตนของเธอ วอลลิส มีความสัมพันธ์ที่ดีกับแบรนด์และดีไซเนอร์ชื่อดัง พวกเราติดต่อไปหา Vionnet และ Dior เพื่อขอให้สร้างชุดของ วอลลิส ที่เคยสวมใส่ในอดีต เพราะเราต้องการให้ทุกอย่างมีความสมจริงที่สุด"

          คือตำนานรักระหว่างสาวสวยชาวอเมริกันที่มีความคิดล้ำสมัยและเคยผ่านการหย่ามาแล้ว 2 ครั้ง วอลลิส ซิมป์สัน และกษัตริย์ เอ็ดเวิร์ดที่ 8 แห่ง อังกฤษ เป็นรักแท้ที่ผู้หญิงทั้งโลก ไม่อยากลืม แต่ คนทั่วอังกฤษกลับไม่อยากจดจำ จนทำให้จดหมายรักที่ เอ็ดเวิร์ด เขียนหา วอลลิส์ โดยใช้ชื่อย่อว่า W.E. เก็บรักษาไว้ และไม่ถูกนำมาเปิดเผย ให้คนทั้งโลกได้รู้ว่า เบื้องหลังรักแท้ที่ยิ่งใหญ่ จะมีคำว่าเสียสละ ซ่อนอยู่เสมอ

          W.E. เป็นผลงานการกำกับและร่วมเขียนบทของ มาดอนน่า เจ้าแม่แห่งวงการดนตรี ที่ได้ทีมงานคุณภาพที่ถ่ายทอดความงดงามในหนังพีเรียดมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับภาพ ฮาเกน บ็อกดานสกี้ (The Young Victoria, The Lives of Other), ผู้ออกแบบงานสร้าง มาร์ติน ไชลด์ (Shakespeare in Love, Quills) รวมถึงผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย เอเดรียน ฟิลลิปส์ (Walk the Line)

หนังนำแสดงโดย เจมส์ ดีอาห์ซี่ย์ (Master and Commander, Exorcist: The Beginning), แอนเดรีย ไรซ์โบโรห์ (Happy-Go-Lucky, Never Let Me Go), แอบบี่ย์ คอร์นิช (Sucker Punch, Bright Star) และ ออสการ์ ไอแซ็ค (Sucker Punch, Robin Hood, Drive)

          9 กุมภานี้ ...... ถ้าคุณไม่เคยหยุด “รัก” ใคร
          W/E หยุดโลกไว้ที่รักเธอ
          เฉพาะ เอสเอฟเวิลด์ซีเนม่า พารากอนซีนีเพล็กซ์
          และเฮ้าส์อาร์ซีเอเท่านั้น

FB on February 08, 2012, 02:45:27 PM
“หนุ่ม” อรรถพร เซอร์ไพร์ส หวาน มอบช่อดอกไม้ให้ “ฝ้าย” อริญรดา กลางงานเปิด ภาพยนตร์ W/E หยุดโลกไว้ที่”รัก”เธอ


 
          "หนุ่ม" อรรถพร เซอร์ไพร์ส หวาน มอบช่อดอกไม้ให้ "ฝ้าย" อริญรดา กลางงานเปิด ภาพยนตร์ W/E หยุดโลกไว้ที่”รัก”เธอ กลางเสียงเชียร์ จากแฟนคลับมาดอนน่าหลังฟังมินิคอนเสิร์ต เพลงมาสเตอร์พีซ ที่คว้ารางวัลจากเวทีลูกโลกทองคำ

          หวานรับเดือนแห่งความรักกับคู่รักหยุดโลก "หนุ่ม" อรรถพร ธีมากร และ "ฝ้าย" อริญรดา ปิติมารัชต์ หลังจากมาเป็นแขกรับเชิญ ร่วมกับ คุณนนทลิกานต์ สุริยวัฒน์ บรรณาธิการนิตยสาร We ในงานเปิดตัวภาพยนตร์ W/E หยุดโลกไว้ที่รักเธอ ภาพยนตร์เจ้าของรางวัลเพลงประกอบยอดเยี่ยมจากเวทีลูกโลกทองคำ และเข้าชิงรางวัลออสการ์ในสาขาออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยมปีล่าสุด ในฐานะแฟนคลับของมาดอนน่า ที่กำลังมีความรักที่หยุดโลกอยู่ตอนนี้ โดย โอกาสสร้างเซอร์ไพร์สให้แฟนสาวด้วยการ มอบช่อดอกไม้ เป็นของขวัญแทนความรู้สึกให้ "ฝ้าย" อริญรดา เป็นครั้งแรก

          ด้วย “ ความรักของฝ้ายและพี่หนุ่ม มีส่วนหนึ่งที่คล้ายในหนังคือ คนรอบข้างเราก็มีไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานโดยเฉพาะแฟน ๆ แต่ฝ้ายคิดว่า ฝ้ายมั่นใจและรักพี่หนุ่ม เพราะฉะนั้นเราทั้งคู่ก็ต้องพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นว่าเรารักกันจริง ๆ ค่ะ “ "ฝ้าย" อริญรดา กล่าวท่ามกลางเสียงเชียร์ของแฟนคลับมาดอนน่า สื่อมวลชน ที่มาร่วมงานเปิดตัวภาพยนตร์ ภาพยนตร์ W/E หยุดโลกไว้ที่รักเธอ เมื่อค่ำวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า

          โดยบรรยากาศในงานล้วนแต่เต็มไปด้วยของเอาใจแฟนคลับมาดอนน่า ในฐานะ ผู้กำกับ และเขียนบทภาพยนตร์เรื่อง W/E ในงานมีการโชว์ ของสะสมหายากสุด ๆ พร้อมลายเซ็นต์ ของมาดอนน่า ร่วมถึง บอร์ดนิทรรศการของภาพยนตร์ พร้อมการแสดงมินิคอนเสิร์ตของวงเทอราคอตต้า ที่มาโชว์เปิดงานด้วยการร้องคัฟเวอร์เพลงMasterpiece (มาสเตอร์พีซ) เพลงที่คว้ารางวัลเพลงประกอบยอดเยี่ยมจากเวทีลูกโลกทองคำปีล่าสุดมาได้

          ก่อนที่ มุกมาดา โรจนาธนกุล พิธีกร ได้กล่าวเปิดงาน ที่เป็นการจับมือร่วมกันระหว่าง มงคลเมเจอร์ และ นิตยสาร We ในการจัดงานครั้งนี้ โดย คุณนนทลิกานต์ สุริยวัฒน์ บรรณาธิการนิตยสาร We ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับสไตล์ในภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า “ เหมียวเป็นคนชอบสไตล์ของ วอลลิส ซิมป์สันอยู่แล้ว และชื่นชมความรักของ วอลลิส กับ เอ็ดเวิร์ดที่ 8 มากเหมียวคิดว่าเธอเป็นคนที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง และความรักของพวกเขาก็มีสไตล์ที่ไม่เหมือนใคร แม่แต่เครื่องประดับที่พวกเขาทำให้กันเป็นของที่ระลึก ก็ เป็นสิ่งที่ดีไซน์ขึ้นมาเพื่อคนทั้งคู่ เลยตั้งใจมาชมภาพยนตร์เรื่องนี้เพื่อเพราะอยากรู้ว่ามาดอนน่าจะตีความความรักของคนทั้งคู่ยังไง “

          “ ผมว่า มาดอนน่า เป็นผู้หญิงเจ๋ง หนังเรื่องนี้เป็นหนังรักที่ดูเท่ ๆ ภาพสวย เสื้อผ้าสวย เพลงเพราะ รางวัลลูกโลกทองคำและเข้าชิงออสการ์ การันตีได้อยู่แล้วครับ “ หนุ่ม อรรถพร ธีมากร กล่าวทิ้งท้าย ก่อนชมภาพยนตร์

          W.E. เป็นผลงานการกำกับ เขียนบทและแต่งเพลงของ มาดอนน่า ราชินีเพลงป็อบ โดยหนังของเธอได้รางวัลลูกโลกทองคำสาขาเพลงประกอบยอดเยี่ยม และเข้าชิงออสการ์สาขาออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม จากฝีมือผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย เอเดรียน ฟิลลิปส์ (Walk the Line) เรื่องราว W.E. คือภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดตำนานรักระหว่างสาวสวยชาวอเมริกันที่มีความคิดล้ำสมัยและเคยผ่านการหย่ามาแล้ว 2 ครั้ง วอลลิส ซิมป์สัน และกษัตริย์ เอ็ดเวิร์ดที่ 8 แห่ง อังกฤษ เป็นรักแท้ที่ผู้หญิงทั้งโลก ไม่อยากลืม แต่ คนทั่วอังกฤษกลับไม่อยากจดจำ จนทำให้จดหมายรักที่ เอ็ดเวิร์ด เขียนหา วอลลิส์ โดยใช้ชื่อย่อว่า W.E. เก็บรักษาไว้ และไม่ถูกนำมาเปิดเผย ให้คนทั้งโลกได้รู้ว่า เบื้องหลังรักแท้ที่ยิ่งใหญ่ จะมีคำว่าเสียสละ ซ่อนอยู่เสมอ

          หนังนำแสดงโดย เจมส์ ดีอาห์ซี่ย์ (Master and Commander, Exorcist: The Beginning), แอนเดรีย ไรซ์โบโรห์ (Happy-Go-Lucky, Never Let Me Go), แอบบี่ย์ คอร์นิช (Sucker Punch, Bright Star) และ ออสการ์ ไอแซ็ค (Sucker Punch, Robin Hood, Drive)

          9 กุมภานี้ ...... ถ้าคุณไม่เคยหยุด “ รัก “ ใคร
          W/E หยุดโลกไว้ที่รักเธอ
          เฉพาะ เอสเอฟเวิลด์ซีเนม่า พารากอนซีนีเพล็กซ์
          และเฮ้าส์อาร์ซีเอเท่านั้น