happy on December 30, 2011, 02:22:54 PM

ชื่อภาพยนตร์      CONTRABAND
ชื่อไทย      คนเดือดท้านรกเถื่อน
วันที่เข้าฉาย      12 มกราคม 2555
จัดจำหน่าย      บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์)
เว็บไซต์      www.contrabandmovie.net

ทีมนักแสดง

   มาร์ก วอห์ลเบิร์ก (MARK WAHLBERG)    รับบท    คริส ฟาร์ราเดย์
                           ทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้าง
   เคท เบ็คกินเซล (KATE BECKINSALE)    รับบท      เคท ฟาร์ราเดย์
   เบน ฟอสเตอร์ (BEN FOSTER)       รับบท    เซบาสเตียน แอ๊บนี่ย์
   จิโอวานนี่ ริบิซี่ (GIOVANNI RIBISI)    รับบท    ทิม บริกก์ส
   ลูคัส ฮาส (LUKAS HAAS)          รับบท    แดนนี่ เรย์เมอร์
   เคเล็บ แลนดรี้ โจนส์ (CALEB LANDRY JONES) รับบท      แอนดี้
   ดีเอโก้ ลูน่า (DIEGO LUNA)       รับบท    กอนซาโล่
   เจเค ซิมมอนส์ (J.K. SIMMONS)       รับบท      กัปตันแค้มป์

ทีมผู้สร้าง

บัลทาซาร์ คอร์มาเกอร์ (BALTASAR KORMÁKUR) – ผู้กำกับ/ ผู้อำนวยการสร้าง
แอรอน กูซิคาวสกี้ (AARON GUZIKOWSKI) – ผู้เขียนบท

 

มาร์ค-เคท จับคู่กันในหนังแอ็คชั่นอาชญกรรมสุดระห่ำ

Contraband เปิดโปรแกรมความมันส์เข้าฉาย ต้นปี 2012

                 มาร์ค วอห์ลเบิร์ก ดาราแอ็คชั่นกล้ามโต มารับบทแสดงนำใน Contraband  ภาพยนตร์แอ็คชั่นทริลเลอร์สุดระห่ำเกี่ยวกับ ชายหนุ่มที่ต้องต่อสู้เพื่อหลุดออกจากงานที่อยู่ในโลกอันตราย กับ ครอบครัวที่เขาจะต้องทำทุกสิ่งเพื่อปกป้อง เรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่นิวออร์ลีนส์ เป็นการหักเหลี่ยมเฉือนคมของการลักลอบค้าของเถื่อนข้ามชาติ ที่จัดเต็มเรื่องเจ้าพ่อตัวร้าย เจ้าหน้าที่คอร์รัปชั่น เดิมพันสูง กับหนี้ก้อนโต ไม่มีคำว่าซื่อสัตย์ในวงการ และ คำว่าตายคือผลตอบแทนของความผิดพลาด
              คริส ฟาร์ราเดย์ (วอห์ลเบิร์ก) ล้างมือจากวงการอาชญากรรมที่เขาเคยอยู่มานานแล้ว แต่เมื่อพี่ชายของภรรยา แอนดี้ (คาเลบ แลนดรี้ โจนส์) ทำงานส่งยาเสพติดพลาด ทำให้เจ้านายสุดเหี้ยม ทิม บริกก์ (จิโอวานนี่ ริบิซี่)ตามล่าล้างหนี้ คริสจึงจำเป็นต้องเข้าสู่วงการมืดที่เขาเคยทำอยู่ นั่นคือ การค้าของเถื่อน เพื่อหาเงินมาใช้หนี้ให้แอนดี้ คริสเคยมีชื่อในวงการอยู่แล้ว เขาจึงสามารถหาคนมาร่วมขบวนได้เร็ว ด้วยความช่วยเหลือของเพื่อนรัก เซบาสเตียน (เบน ฟอสเตอร์)  สำหรับงานใหญ่ส่งของไปปานามา โดยหวังจะได้เงินก้อนโตกลับมา

              แต่ก่อนที่จะงานจะสำเร็จได้เงินมาอยู่ในมือ ครอบครัวของเขากลับต้องตกอยู่ในอันตราย คริสต้องขุดเอาทักษะเล่ห์เหลี่ยมทั้งหมดมาเชือดเฉือนกับเจ้าพ่อองค์กรค้ายานรก ตำรวจเลว และมือปืนล่าสังหาร ก่อนที่ภรรยาของเขา เคท (เคท เบคคินเซล) และลูกชายจะถูกจัดการ




« Last Edit: December 30, 2011, 02:24:46 PM by happy »

happy on December 30, 2011, 02:30:47 PM
เกี่ยวกับภาพยนตร์

               มาร์ก วอห์ลเบิร์ก (The Fighter, The Other Guys) และเคท เบ็คกินเซล (ภาพยนตร์ชุด Underworld, The Aviator) นำทีมนักแสดงของ Contraband ภาพยนตร์ทริลเลอร์เดินเรื่องฉับไวที่ว่าด้วยเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่พยายามถอนตัวจากโลกที่เขาพยายามจะทิ้งไว้เบื้องหลัง และครอบครัวที่เขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องให้ปลอดภัย
               คริส ฟาร์ราเดย์ (วอห์ลเบิร์ก) นักลักลอบขนของผิดกฎหมายผู้เป็นตำนาน ได้ละทิ้งชีวิตอาชญากรรมของเขาเพื่อมาใช้ชีวิตครอบครัวแสนสุขใจกับภรรยาและลูกชายทั้งสองคน แต่หลังจากแอนดี้ น้องเขยของเขา (รับบทโดย เคเล็บ แลนดรี้ โจนส์ จากภาพยนตร์เรื่อง X-Men: First Class, No Country for Old Men) เกิดทำให้งานค้ายาของทิม บริกก์ส เจ้านายสุดอำมหิต (จิโอวานนี่ ริบิซี่ จากภาพยนตร์เรื่อง Avatar, Public Enemies) ผิดพลาดไป คริสถูกสถานการณ์บีบให้ต้องกลับสู่วงการเพื่อทำสิ่งที่เขาถนัดกว่าทุกคน นั่นก็คือการลักลอบขนสินค้า เพื่อมาหักใช้หนี้แทนแอนดี้  
               ด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนซี้ เซบาสเตียน แอ๊บนี่ย์ (เบน ฟอสเตอร์ จากภาพยนตร์เรื่อง 30 Days of Night, 3:10 to Yuma), คริสรวบรวมลูกทีมซึ่งรวมถึงแดนนี่ เรย์เมอร์ (ลูคัส ฮาส จาก Inception, Brick) เพื่อนซี้สมัยเด็กของเขา เพื่อมุ่งหน้าไปยังปานามาและเดินทางกลับมาพร้อมเงินปลอมหลายล้าน พวกเขาต้องทำงานภายใต้สายตาจับผิดของกัปตันเรือ (เจเค ซิมมอนส์ จาก Juno, Young Adult) ซึ่งเคยมีประวัติยาวนานกับพ่อของคริส ทำให้เขาสงสัยในพ่อหนุ่มฟาร์ราเดย์ว่ากำลังทำธุรกิจผิดกฎหมายอยู่
                เมื่อเกิดความผิดพลาด และเหลือเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงที่เขาต้องหาเงินมาให้ได้ คริสต้องใช้ฝีมือทุกเม็ดที่มีเพื่อลัดเลาะไปตามเส้นสายในแวดวงอาชญากรรมของเจ้าพ่อค้ายาชาวปานามาอย่าง กอนซาโล่ (ดีเอโก้ ลูน่า จาก Y Tu Mamá También, Milk), ต้องหลบหนีตำรวจ และมือสังหารก่อนที่เคท ภรรยาของเขา (เบ็คกินเซล) และลูกชายจะตกเป็นเป้าหมาย
                ผู้กำกับชาวนอร์เวย์ บัลทาซาร์ คอร์มาเกอร์ (Jar City, 101 Reykjavík) ทำหน้าที่กำกับภาพยนตร์เรื่อง Contraband จากบทภาพยนตร์ของ แอรอน กูซีคาวสกี้ โดยอิงจากภาพยนตร์เรื่อง Reykjavik-Rotterdam ซึ่งเขียนบทโดย อาร์นัลเดอร์ อินดรีดาสัน และออสการ์ โยนัสสัน
                ทีมงานหลังกล้องของ Contraband ล้วนแต่เป็นทีมแถวหน้าของวงการ อาทิเช่นผู้กำกับภาพ แบร์รี่ แอ็ครอยด์ (The Hurt Locker, United 93), โปรดักชั่น ดีไซเนอร์ โทนี่ แฟนนิ่ง  (Brothers, Harold & Kumar Escape From Guantanamo Bay), ผู้ลำดับภาพ เอลิซาเบ็ท โรนัลด์ส (Reykjavik-Rotterdam, Jar City), ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย เจนนี่ อีแกน (About Fifty, Order Up) และผู้แต่งดนตรีประกอบ คลินตัน ชอร์ทเตอร์ (District 9, Normal)
                ภาพยนตร์เรื่องนี้อำนวยการสร้างโดย ทิม บีแวน และเอริค เฟลล์เนอร์ จากเวิร์กกิ้ง ไทเทิล (Tinker Tailor Soldier Spy, Frost/Nixon) รวมถึงบัลทาซาร์ คอร์มาเกอร์, สตีเฟ่น เลอวินสัน (ผลงานทางทีวีเรื่อง Entourage, Boardwalk Empire) และมาร์ก วอห์ลเบิร์ก
                ผู้อำนวยการสร้างบริหารของภาพยนตร์เรื่อง Contraband คือ ลิซ่า ชาซิน (Tinker Tailor Soldier Spy, Big Miracle), อีแวน เฮย์ส และบิลล์ จอห์นสัน (I Love You, Man)



เบื้องหลังงานสร้าง

จากไอซ์แลนด์ถึงหลุยเซียน่า:
Contraband ได้ไฟเขียว

                  ในปี 2008 มือเขียนบท อาร์นัลเดอร์ อินดริดาสัน และมือเขียนบท/ ผู้กำกับ ออสการ์ โยนัสสัน ได้สร้างภาพยนตร์ทริลเลอร์ของนอร์เวย์เรื่อง Reykjavik-Rotterdam ภาพยนตร์เรื่องนี้พัฒนางานสร้างและออกเงินทุนโดยดารานำของภาพยนตร์และยังเป็นผู้อำนวยการสร้างด้วย เขาคือบัลทาซาร์ คอร์มาเกอร์ ภาพยนตร์ทริลเลอร์เรื่องนี้ติดตามเรื่องราวของพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ชื่อ คริสโตเฟอร์ ขณะที่เขาต้องหวนคืนกลับสู่โลกของการลักลอบขนเหล้า เมื่อเขารับงานบนเรือขนคอนเทนเนอร์ที่เดินทางออกจากเรคยาวิก ประเทศไอซ์แลนด์ และมุ่งหน้าสู่ร็อทเทอร์ดัม ประเทศฮอลแลนด์
                 Reykjavik-Rotterdam ซึ่งถือเป็นงานที่โยนัสสัน, อินดริดาสัน, คอร์มาเกอร์ และทีมงานทั้งหมด สร้างขึ้นด้วยความรัก ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีในบ้านเกิดที่ไอซ์แลนด์ และทั่วทั้งยุโรป สองปีต่อมา คอร์มาเกอร์ได้นำไอเดียที่จะจินตนาการภาพยนตร์เรื่องนี้ใหม่อีกครั้งสำหรับคนดูที่พูดภาษาอังกฤษได้ ไปเสนอกับเอเยนต์คนหนึ่งของเขา ซึ่งนำไปสู่การที่ทีมผู้สร้างภาพยนตร์ชาวอังกฤษ ทิม บีแวน และเอริค เฟลล์เนอร์ ตัดสินใจที่จะพัฒนาโปรเจ็กต์นี้ให้เป็นภาพยนตร์ทริลเลอร์ภาษาอังกฤษภายใต้การผลิตของบริษัท เวิร์กกิ้ง ไทเทิล ของพวกเขา
                 เฟลล์เนอร์กล่าวว่า “มันไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไรที่ภาพยนตร์สักเรื่องจะถูกนำมาจินตนาการใหม่เพื่อคนดูกลุ่มใหม่ทั้งหมด แต่สิ่งที่น่าสนใจในการพัฒนาสร้างภาพยนตร์เรื่อง Contraband ก็คือดาราของภาพยนตร์ต้นฉบับ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้อำนวยการสร้างของภาพยนตร์เรื่องนั้นด้วย อยากจะเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่างด้วยการมากำกับภาพยนตร์รีเมกเรื่องนี้ บอลท์มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักดีในยุโรปในฐานะผู้กำกับดาวรุ่ง หลังจากได้ดูภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเขาแล้ว เรามีความเชื่อมั่นในความสามารถของเขาที่จะกำกับโปรเจ็กต์นี้ และบอกเล่าเรื่องราวที่เดินทางไปในทิศทางเดียวกับเรื่องที่เขาเคยช่วยสร้างไว้ในปี 2008 ด้วยมีแหล่งกำเนิดที่ดีเช่นนี้ เรารู้ดีว่าเขาสามารถขยายโลกใบนั้นและสร้างภาพยนตร์ทริลเลอร์ที่คนดูจะต้องยอมรับแน่ๆ”
                 คอร์มาเกอร์ที่ทำงานร่วมกับ ลิซ่า ชาซิน และอีแวน เฮย์น สองผู้อำนวยการสร้างบริหารจากเวิร์กกิ้ง ไทเทิล ได้ดึงมือเขียนบทที่กำลังมาแรงอย่าง แอรอน กูซิคาวสกี้ ให้มาทำงานกับ Contraband เพื่อสร้างเรื่องราวอีกบทหนึ่งให้กับเรื่องนี้ “บริษัทอื่นๆ และสตูดิโออีกหลายแห่งก็น่าสนใจอยู่นะ แต่ผมชอบเวิร์กกิ้ง ไทเทิล” คอร์มาเกอร์เอ่ยชม “พวกเขาเป็นบริษัทที่สุดยอดมาก และตลอดหลายปีมานี้ผมก็ชอบภาพยนตร์ของพวกเขา พวกเขาใส่หัวใจลงไปในงานที่พวกเขาทำ ขณะเดียวกัน พวกเขาก็ประสบความสำเร็จทางด้านรายได้มากมาย นอกจากบทภาพยนตร์อันแสนเลอเลิศของแอรอนแล้ว เรียกว่าผมมีทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมมองหาอยู่ มันจึงเป็นการแต่งงานที่แสนจะแฮปปี้มาก”
                  เมื่อพิจารณาถึงสถานที่เกิดเหตุการณ์ครั้งใหม่นี้ ทางทีมงานคิดว่าบทบาทของหลุยเซียน่าก็คือประตูไปสู่เส้นทางการเดินเรือของโลกและจำนวนของการค้าสินค้าที่ลักลอบผ่านเข้ามาทางภูมิภาคนี้อย่างผิดกฎหมาย คอร์มาเกอร์, กูซิคาวสกี้ และทีมผู้อำนวยการสร้างได้ลาดตระเวนดูสถานที่แห่งนี้ และตัดสินใจว่า Contraband ควรจะเกิดขึ้นในนิวออร์ลีนส์ มากกว่าจะเป็นประเทศไอซ์แลนด์ บ้านเกิดของคอร์มาเกอร์ “เรื่องนี้มีความเป็นสากลนะ” ผู้กำกับคอร์มาเกอร์อธิบาย “มันก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษที่เกี่ยวพันกับไอซ์แลนด์หรือร็อทเทอร์ดัม การลักลอบขนสินค้าผิดกฎหมายในอเมริกาออกจะตรงประเด็นมากกว่าสิ่งที่เราทำในบ้านเกิดผมเสียอีก”
                 เมื่อผู้อำนวยการสร้าง มาร์ก วอห์ลเบิร์ก และสตีเฟ่น เลอวินสัน ได้รับสำเนาบทภาพยนตร์เรื่อง Reykjavik-Rotterdam ชายทั้งสองคนเกิดความชอบในเรื่องราวนี้ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และได้ขอนัดพบกับคอร์มาเกอร์, กูซิคาวสกี้ และเวิร์กกิ้ง ไทเทิล เพื่อพูดคุยกันถึงความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะร่วมงานกัน เลอวินสันเป็นผู้เล่าถึงการพัฒนางานสร้างภาพยนตร์ Contraband ให้เราฟัง “บอลท์มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยอยู่แล้วเพราะว่าเขาเป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ต้นฉบับ ผมว่ามันน่าสนใจที่เขาทั้งอำนวยการสร้างและแสดงนำในภาพยนตร์ต้นฉบับ แต่เขาอยากกำกับภาพยนตร์เวอร์ชั่นนี้ เขาบอกว่าเขามองเห็นภาพมาร์กแสดงบทที่เขาเป็นผู้ให้กำเนิดเอาไว้ นั่นเป็นเสมือนคำอนุญาตแล้ว”
                 วอห์ลเบิร์กกล่าวว่า “ผมชอบภาพยนตร์เรื่อง Reykjavik-Rotterdam บอลท์กับผมต่อกันติดทันที เขาแสดงนำและอำนวยการสร้างภาพยนตร์ต้นฉบับ ดังนั้นเขาจึงรู้จักเรื่องนี้เป็นอย่างดี” เมื่อพวกเขาตกลงกันได้และเริ่มต้นเตรียมงานสร้าง วอห์ลเบิร์กรู้ดีว่าการทำงานกับผู้สร้างภาพยนตร์อิสระอย่างคอร์มาเกอร์ หมายถึงในกองถ่ายจะต้องมีพลังสูงมาก เขาบอกว่า “บอลท์มีวิธีการสร้าง Contraband เหมือนที่เขาเคยใช้กับภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเขาที่ใช้ทุนสร้างไปแค่หนึ่งในสี่ของภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาอยู่ในกองถ่ายตลอดเวลา ทั้งกระโดด ทั้งวิ่ง และแสดงให้ผมดูว่าจะปีนโน่นปีนนี่ยังไง เขาทำทุกอย่าง เขาฉลาดมากเรื่องงานแสดง ผมชอบสไตล์ของเขานะครับ”
                 เมื่อได้ทั้งคนอังกฤษและอเมริกันมาร่วมงานกับเขาในภาพยนตร์ทริลเลอร์เรื่องใหม่เรื่องนี้ คอร์มาเกอร์บอกว่าเขาไม่เคยคิดเลยว่าการนำภาพยนตร์เรื่องนี้มาสร้างใหม่จะเป็นเหมือนการนำเอาผลงานเรื่องก่อนนั้นของเขามาสร้างใหม่ “มันคือการเดินทางผจญภัย” เขาบอก “ผมไม่คิดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์รีเมกนะ แต่เป็นการดัดแปลงมากกว่า ผมมองว่ามันเป็นภาพยนตร์ที่มีเรื่องที่เคยถูกใช้ในภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งมาแล้วเท่านั้น เราสร้างเรื่องใหม่จากเรื่อง Reykjavik-Rotterdam และเราใช้มันเป็นแรงบันดาลใจของภาพยนตร์เรื่อง Contraband”


« Last Edit: December 30, 2011, 02:40:49 PM by happy »

happy on December 30, 2011, 02:50:22 PM
คืนสู่สนาม:
การคัดเลือกนักแสดงในภาพยนตร์แอ็กชั่นทริลเลอร์

                สำหรับ Contraband คอร์มาเกอร์ได้ใช้เทคนิคในการเลือกตัวนักแสดงแบบเดียวกับที่เขาเคยใช้สมัยที่เขาสร้างภาพยนตร์อยู่ในบ้านเกิด แทนที่จะเลือกนักแสดงจากหน้าตา เขากลับเลือกนักแสดงจากบุคลิกของพวกเขา “ผมชอบค้นหาหัวใจของคนมากกว่า” เขาอธิบาย “รูปลักษณ์ภายนอกสำคัญน้อยกว่า คนๆ นั้นเป็นอะไร? คุณพยายามที่จะคิดหาคำตอบและหาคนที่เหมาะกับตัวละครตัวนั้น”
                 การเฟ้นหานักแสดงคนแรกก็คือนักแสดงที่ได้แรงบันดาลใจจากตัวละครที่ผู้กำกับคอร์มาเกอร์ได้แสดงเอาไว้ คอร์มาเกอร์ให้ความเห็นไว้ว่า “มาร์กมีส่วนผสมของเสน่ห์แบบเด็กหนุ่มและความทรหดอดทน คุณเชื่อได้เลยว่าเขาเป็นพวกใช้แรงงาน อันที่จริงคริสรามือจากโลกอาชญากรรม แต่เขาถูกบีบให้ต้องเดินกลับเข้าไปใหม่ นั่นคือข้อดีเกี่ยวกับภาพยนตร์ทริลเลอร์ที่พูดถึงการปล้น ดีที่ได้เห็นคนก้าวออกนอกบรรทัดฐานและทำสิ่งที่พวกเราที่เหลือจะไม่ทำแน่”
                 วอห์ลเบิร์กอธิบายถึงตัวละครของเขาว่า “คริสเป็นนักคิด แต่เขาไม่กลัวที่จะมีเรื่องหรือทำงานที่มือต้องแปดเปื้อน” สำหรับวอห์ลเบิร์ก เมื่อตัวละครของเขาพบว่าต้องกลับลงสู่สนามอาชญากรรมอีกครั้ง นั่นคือจุดที่ความสนุกเริ่มต้นขึ้น  เขาอธิบายต่อไปว่า “คริสยังคงพยายามหาทางออกที่จะเอาชีวิตรอด ที่จะแก้ปัญหา จากนั้นก็กลับบ้านไปหาเมียและลูกๆ”
                 เมื่อถึงเวลาต้องคัดเลือกนักแสดงในบท เคท ภรรยาของคริส มีนักแสดงจำนวนหนึ่งได้รับการพิจารณา อย่างไรก็ดี ไม่มีคนใดที่มีส่วนผสมของความสวยและจิตใจอันแข็งแกร่งอย่างที่บทต้องการ จนกระทั่งนักแสดงสาวที่เคยทำให้ภาพยนตร์ชุด Underworld โด่งดังไปทั่วโลก รวมถึงยังมีส่วนช่วยสร้างความสำเร็จให้กับภาพยนตร์ตลกและภาพยนตร์ย้อนยุคหลายเรื่อง เสนอตัวเข้ามา คอร์มาเกอร์ได้พูดถึงการตัดสินใจที่จะเลือก เคท เบ็คกินเซล ให้เข้ามาทำงานกับโปรเจ็กต์นี้ว่า “เคทเป็นตัวเลือกที่ดีด้วยหลายเหตุผล เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นคนสวย แต่ขณะเดียวกัน เธอก็ดูจริงมาก มีการผสมผสานที่น่าสนใจในเรื่องของอารมณ์อันอ่อนไหวและความแข็งแกร่งในตัวเคท และบทของเธอก็มีความแตกต่างไปจากบทนี้ในภาพยนตร์ต้นฉบับด้วย”
                 วอห์ลเบิร์กเห็นด้วยว่าพวกเขาต้องการให้ภรรยาของคริสมีบทบาท มีความเห็นมากขึ้นในเรื่องราวของ Contraband “เคทตอบสนองทันที และอยากแสดงบทที่ต่างออกไป” วอห์ลเบิร์กกล่าว “เธอทำให้ผมนึกถึง เอมี่ อดัมส์ ในภาพยนตร์เรื่อง The Fighter คุณกำลังได้เห็นคนที่คุณอาจเคยเห็นในรูปแบบหนึ่ง และเธอทำให้คุณประหลาดใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ”
                 เบ็คกินเซลยอมรับว่าการเล่าเรื่องที่แสนตึงเครียดของกูซิคาวสกี้คือสิ่งที่ทำให้เธอสนใจ “Contraband มีเรื่องราวที่ดึงดูดความสนใจได้ และมีตัวละครที่ยอดเยี่ยมจริงๆ” เบ็คกินเซลให้ความเห็น “มันสร้างโลกที่ฉันสนใจ และเป็นโลกที่ฉันไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย” เบ็คกินเซลยังพูดถึงบทที่เธอแสดงว่า “เธอเป็นตัวละครที่ดีนะ เพราะเธอน่ารัก แข็งแกร่ง ทรหด และมีปฏิกิริยาตอบโต้ไวมาก”
เบ็คกินเซลอธิบายว่า เพราะเธอต้องพลัดพรากจากตัวละครของวอห์ลเบิร์ก เธอจึงใช้เวลาส่วนใหญ่พิจารณาถึงความสัมพันธ์ภายในครอบครัวของตัวละครของเธอ “คุณต้องเติมเต็มเรื่องต่างๆ ด้วยตัวคุณเอง ดังนั้นเมื่อคุณไปที่กองถ่าย จึงมีความรู้สึกคล้ายกับว่ามีความเป็นมาระหว่างสามีกับตัวคุณ หรือกับน้องชายคุณ คนที่คุณช่วยเลี้ยงดูมา สำคัญมากที่จะต้องรู้สึกถึงรากฐานที่แข็งแกร่งนั้น”
   ขณะที่การถ่ายทำเริ่มต้นไปแล้วสองสามอาทิตย์ก่อนหน้าที่เธอจะเข้ามาร่วมงานด้วย เบ็คกินเซลยอมรับว่าเธอรู้สึกเหมือน “เป็นสาวหน้าใหม่” มันไม่น่าตื่นเต้นหรือ “ฉันโผล่ไปที่กองถ่าย และเนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด จากนั้นก็โดนห่อเอาไว้เหมือนเบอร์ริโต้ในห่อพลาสติค” เบ็คกินเซลหัวเราะ “มันหนาวมาก ฉันพยายามที่จะไม่หนาวสั่น จากนั้นฉันก็ต้องโดนฝังอยู่ในหลุมโคลน และมีคอนกรีตเททับตัวฉัน ฉันคิดว่า ‘เอาล่ะ นั่นอาจเป็นวิธีที่ดีที่จะเริ่มต้นเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของแก๊งนี้’”   
   ที่ถูกดึงมาเข้าทีมด้วยเพื่อรับบท เซบาสเตียน แอ๊บนี่ย์ เพื่อนซี้วัยเด็กของ คริส ฟาร์ราเดย์ ก็คือ เบน ฟอสเตอร์ “เซบาสเตียนเป็นตัวละครที่แปลกดีในหลายๆ ทาง” คอร์มาเกอร์อธิบาย “สำหรับผมแล้ว สิ่งที่น่าสนใจก็คือ เซบาสเตียนเป็นพวกที่เอาใจเก่ง พวกที่เอาใจคนอื่นมักเลี่ยงการเผชิญหน้าและบ่อยครั้งมักลงเอยด้วยการทำให้เรื่องแย่ลง ความพยายามทำให้ทุกคนพอใจ คุณต้องทรยศตัวเองและทุกคนรอบๆ ตัวคุณ คริสหยัดยืนเพื่อสิ่งถูกต้องภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากขณะที่เซบาสเตียนไม่ทำเช่นนั้น”
                วอห์ลเบิร์กอธิบายให้ฟังว่าฟอสเตอร์เข้ามาทำงานกับภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างไร “ผมเดินไปหาเขาในงานๆ หนึ่ง” วอห์ลเบิร์กเล่า “ผมเอ่ยทักว่า ‘หวัดดี ผมเป็นแฟนผลงานคุณนะ’ เขามองหน้าผมเหมือนผมเป็นบ้า ทีแรกเขาไม่เชื่อผมนะ เขาคิดว่าผมคงแซวเขาเล่น ผมพูดว่า ‘ผมเคยดูคุณในหนังหลายเรื่องมาก ผมหวังว่าเราจะได้ทำงานด้วยกัน’ พองานนี้โผล่มา ผมรู้ผมต้องดึงเขามาแสดงให้ได้”
                ฟอสเตอร์ดีใจที่มีโอกาสได้แสดงเป็นตัวละครที่มีความซับซ้อน เขาเล่าว่า “ผมอิงลักษณะของเขาจากผู้อำนวยการสร้างคนหนึ่งที่ผมเคยทำงานด้วย เขาอยากให้ทุกคนชอบเขา...เขาพรีเซนต์ตัวเองต่อโลกในฐานะผู้ประสบความสำเร็จอย่างสูง ขณะที่ชีวิตส่วนตัวของเขาหลุดขั้วจนคุมไม่อยู่ไปแล้ว เราทุกคนต่างต้องทำเรื่องผิดพลาด เราทุกคนต้องเคยทำให้ตัวเองและคนที่เรารักผิดหวัง ในชีวิตและการทำงาน คนเราต้องปล่อยวางการตัดสินเพื่อจะเข้าถึงหัวใจของคน ผมไม่ตัดสินตัวละครที่ผมเล่น คุณต้องเอาใจช่วยพวกเขาและต่อสู้เพื่อสิ่งที่พวกเขาเชื่อ ในความคิดของเขา เซบาสเตียนกำลังพยายามทำเรื่องที่ถูกต้องอยู่”
                ตอนที่ จิโอวานนี่ ริบิซี่ มาออดิชั่นบทใน Contraband ครั้งแรก เขามาออดิชั่นอีกบทหนึ่งที่แตกต่างไปจากบทที่สุดท้ายเขาเป็นผู้แสดง คอร์มาเกอร์แนะนำให้เขาอ่านบท ทิม บริกก์ส โจรท้องถิ่นที่ขู่ทำร้ายครอบครัวฟาร์ราเดย์หลังจากแอนดี้ทำงานผิดพลาด คอร์มาเกอร์บอกว่าแต่เริ่มเดิมทีเขาต้องการ “คนโหดๆ หน่อย” แต่เขารู้สึกว่าริบิซี่ได้นำบางอย่างที่คาดไม่ถึง และอันตรายกว่าผู้ชายที่ดูเป็นอันธพาลจะนำมาได้ ผู้กำกับคอร์มาเกอร์เล่าว่า “ผมตามผลงานของจิโอวานนี่มานานแล้ว เขาเป็นนักแสดงที่เก่งมาก เป็นคนที่อินไปกับตัวละคร ข้อดีของบทผู้ร้ายดีๆ ก็คือ คุณอยากเห็นพวกเขาเพิ่มอีก ขณะเดียวกัน คุณก็รู้สึกขนลุกเพราะพวกเขา เขาแสดงบทนี้ได้อย่างมีสมดุลดีมาก”
                ริบิซี่อธิบายถึง บริกก์ส ตัวละครของเขาว่าเป็น “ตัวร้ายที่เอาไว้หลอกเด็ก” “เขาเป็นผู้ชายที่คุณคงไม่อยากให้มาเคาะประตูบ้านคุณกลางดึกแน่ เขาเคยอยู่ในแองโกล่านานห้าปี เขาคือฝันร้ายสุดสยองของคุณ” ริบิซี่กล่าวเสริมว่าเขารู้สึกประทับใจกับวิธีที่ผู้กำกับถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ “ผมรู้สึกเหมือนว่าบอลท์ได้ขยายขอบเขตของการถ่ายทำธรรมดาออกไป เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้เจาะลึกลงไปในความเป็นจริง เขาไม่ได้ทำให้การลักลอบขนสินค้าดูน่าหลงใหล เขาแสดงให้เห็นถึงความเป็นจริงของมันเลย”
   เคเล็บ แลนดรี้ โจนส์ ดาราจากภาพยนตร์เรื่อง X-Men: First Class ได้รับเลือกให้มารับบท แอนดี้ น้องชายของเคท ผู้ซึ่งทำให้งานลักลอบขนสินค้าผิดกฎหมายเกิดความผิดพลาดในตอนต้นเรื่อง จนเป็นเหตุให้เกิดเหตุการณ์ติดตามมามากมาย  วอห์ลเบิร์กกล่าวว่า “หลังจากเลือกเคทแล้ว เราต้องหาคนที่ดูเนียนในบทน้องชายของเธอ เคเล็บคือผู้ชายคนนั้น เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนหนุ่มที่มีพรสวรรค์อย่างมาก”
                “แอนดี้เป็นตัวละครที่ต้องมีลูกเล่นเยอะนะ” คอร์มาเกอร์ ซึ่งบอกว่าเขาต้องพบปะกับนักแสดงหนุ่มกว่า 100 คนก่อนจะเลือกโจนส์ นักแสดงหนุ่มวัย 22 ปีให้มารับบทนี้ กล่าว “คุณไม่สามารถเลือกผู้ชายที่ดูน่ารักที่สุดในโลกเพื่อให้คนเกิดความเห็นใจได้ เพราะคุณต้องเชื่อว่าแอนดี้ทำเรื่องที่เขาทำอยู่จริง เขายังเด็ก เขาทำเรื่องโง่ๆ แต่เขาไม่ใช่คนเลวนะ เราตกหลุมรักเคเล็บตอนที่เขามาทดสอบอ่านบท เขาเป็นคนมีความสามารถอย่างมาก”
                โจนส์ยอมรับว่าเขาคงจะไม่ลืมความตื่นเต้นที่ทำให้อดรีนาลีนฉีดพุ่งในขณะถ่ายทำฉากที่เจ้าหน้าที่ต.ม.ของอเมริกาบุกเข้ามาขณะที่ความพยายามลับลอบขนสินค้าผิดกฎหมายของเขาเกิดล้มเหลว “ผมคงกลัวมากกว่านี้ถ้าไม่มีเฮลิคอปเตอร์” โจนส์เล่า “แล้วหมาดมกลิ่นพวกนั้นก็ไล่ผมมาเร็วมาก” โจนส์หัวเราะที่เขาไม่มีปัญหากับการกระโดดข้ามรั้วหรือโดนจับตัวล็อคไว้กับกำแพงเลย “ตราบใดที่พวกเขายอมปล่อยผมในตอนหลังนะ”
                เจเค ซิมมอนส์เข้ามาเสริมทีมนักแสดงในบท กัปตันแค้มป์ ตัวละครที่ทั้งมีอำนาจและมีอารมณ์ขัน “เขารู้จักคริส” คอร์มาเกอร์อธิบาย “พ่อของเขาเคยมีประวัติกับกัปตันแค้มป์ คริสไม่สนใจว่าการขึ้นไปบนเรือลำนั้นจะทำให้กัปตันมีชีวิตที่ยากลำบากขึ้น ความรู้สึกไม่ชอบหน้าเกิดขึ้นในทันทีเพราะแค้มป์รู้จักคริสในฐานะนักลักลอบขนสินค้ามือดีที่สุดของนิวออร์ลีนส์ และตอนนี้เขากลับคืนวงการแล้ว แค้มป์รู้ว่าคริสกำลังทำงานแน่ ดังนั้นเขาจึงคอยจับตาดูคริส และพยายามคิดให้ออกว่าคริสกำลังทำอะไรอยู่ มันคือเกมส์แมวจับหนู”
                 ซิมมอนส์เล่าว่าจะมีมุกตลกที่พวกลูกเรือชอบอำกันถึงตัวละครตัวนี้ เกี่ยวกับความหมกมุ่นกับการดูดฝุ่นของเขา ซิมมอนส์หัวเราะเมื่อพูดถึงบทนี้ “ในตัวกัปตันมีความเป็นพวกคลั่งความสะอาดอยู่ เขาชอบทำให้เรือสะอาดตลอด นั่นคือความรู้สึกเหมือนเขาได้อยู่ที่บ้าน” เขาอาจชอบความสะอาด แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแค้มป์ก็เล่นเกมส์สกปรกเป็นเหมือนกัน “ผมชอบทำตัวให้ดูเป็นกัปตันผู้ทรงเกียรติ แต่ผมก็มีความเป็นพวกเลวร้ายอยู่ในตัวเหมือนกัน ถ้ามีคนพยายามทำอะไรบนเรือผม พวกเขาต้องรวมผมเข้าพวกด้วย และผมต้องได้รับผลตอบแทน บั๊ด ฟาร์ราเดย์ พ่อของคริส ไม่คิดจะทำเช่นนั้น ผมเลยจัดการให้บั๊ดได้ไปพักร้อนยาวเลย…” 
                 ลูคัส ฮาส ซึ่งเคยทำงานกับ เบน ฟอสเตอร์ มาแล้วในภาพยนตร์เรื่อง Alpha Dog และเคยร่วมงานกับ จิโอวานนี่ ริบิซี่ ในภาพยนตร์เรื่อง Gardener of Eden รวมถึงยังเคยทำงานในผลงานของเลอวินสันและวอห์ลเบิร์ก เรื่อง Entourage อยู่สองตอน เข้ามารับบทเป็น แดนนี่ เรย์เมอร์ เพื่อนสนิทของคริส ผู้เดินทางไปปานามากับเขา เพื่อแก้ปัญหาที่แอนดี้ได้สร้างเอาไว้ “เราทดสอบคนมากมายหลายคน และเมื่อลูคัสมาอ่านบทกับมาร์ก พวกเขาเล่นเข้าขากันดีมาก” คอร์มาเกอร์เล่า
ดีเอโก้ ลูน่า ซึ่งเคยแจ้งเกิดในภาพยนตร์ของ อัลฟองโซ่ คัวรอน เรื่อง Y Tu Mamá También ได้รับเลือกให้มารับบทเป็นเจ้าพ่อยาเสพติดชาวปานามาอย่าง กอนซาโล่ อุปสรรคสุดท้ายสำหรับคริสก่อนที่เขาจะเดินทางกลับไปยังนิวออร์ลีนส์ และลบล้างหนี้สินของน้องเขย เมื่อคริสพบว่าเงินปลอมที่เขาวางแผนจะนำกลับไปยังอเมริกาไม่สามารถใช้ได้ คริสจึงไปขอให้กอนซาโล่ช่วย คริสช่างไม่รู้เลยว่าเขาต้องจ่ายแพงแค่ไหนที่จะต้องช่วยอดีตโจรกระจอกที่ตอนนี้มองตัวเองเป็นเจ้าพ่อไปแล้ว
                ผู้อำนวยการสร้างเฟลล์เนอร์กล่าวว่า “ดีเอโก้มีความสามารถที่จะเปลี่ยนตัวละครที่ดูธรรมดาตัวนี้ ให้กลายเป็นตัวละครที่คาดเดาไม่ได้ เราได้เห็นกอนซาโล่ไต่เต้าจนกลายเป็นหนึ่งในหัวหน้าแก๊งในปานามา และเขาสามารถฆ่าคนในทีมของคริสได้ทุกเวลา ต้องใช้นักแสดงที่มีความสามารถระดับดีเอโก้เท่านั้นที่จะสร้างตัวละครที่เดินข้ามเส้นระหว่างการเป็นโจรจอมฉวยโอกาสและพวกโรคจิตได้”
                บทสมทบอื่นๆ ใน Contraband ตกเป็นของ เดวิด โอฮาร่า จากภาพยนตร์เรื่อง Wanted ในบทเจ้าพ่อมาเฟียในหลุยเซียน่าที่ชื่อ จิม เชิร์ช, ดาราทีวี วิลเลี่ยม ลัคคิง จาก Sons of Anarchy รับบทเป็น บั๊ด ฟาร์ราเดย์ พ่อของคริส และโอลาเฟอร์ ดาร์รี่ โอลาฟส์สัน จาก Reykjavik-Rotterdam รับบท อิกอร์ วิศวกรเครียดง่ายประจำเรือ



happy on December 30, 2011, 02:54:48 PM

               Contraband ถ่ายทำกันตามโลเกชั่นตามชุมชนที่หลากหลายของนิวออร์ลีนส์ และมีอีกหลายฉากที่ถ่ายทำกันในปานามา ซิตี้ ภายใต้สายตาอันสร้างสรรค์ของผู้กำกับภาพ แบร์รี่ แอ็ครอยด์ ภาพยนตร์ทริลเลอร์เรื่องนี้ถ่ายทำกันด้วยการใช้กล้องหลายตัวเพื่อจับภาพฉากแอ็คชั่นที่เกิดขึ้นตามเวลาจริง ก่อนหน้านี้ ทีมออกแบบต้องเดินทางไปยังปานามาซิตี้ เพื่อประเมินว่าฉากไหนควรจะถ่ายทำกันตามโลเกชั่นและฉากไหนควรจะใช้นิวออร์ลีนส์เป็นฉากแทน
               การตัดสินใจของแอ็ครอยด์ที่จะใช้กล้องมากกว่าหนึ่งตัว เปิดโอกาสให้นักแสดงสามารถด้นมุกสดได้ โดยไม่ต้องห่วงว่าจะต้องยืนให้ถูกจุด คอร์มาเกอร์และทีมนักแสดงต่างไว้วางใจในตัวผู้กำกับภาพที่มีประสบการณ์ในการถ่ายทำฉากแอ็กชั่น เพื่อให้เขามาเก็บภาพการเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติ


การถ่ายทำในนิวออร์ลีนส์

                โปรดักชั่น ดีไซเนอร์ โทนี่ แฟนนิ่ง เล่าว่า ทีมของเขาได้จินตนาการภาพของเมืองนิวออร์ลีนส์ที่เต็มไปด้วยรายละเอียด “เรามองเห็นถึงความแตกต่างทางสถานะทางเศรษฐกิจ ย่านอุตสาหกรรมที่แตกต่างจากย่านชานเมือง ใน Contraband” แฟนนิ่งอธิบาย “พวกเราส่วนใหญ่รู้จักย่านเฟรนช์ ควอเตอร์เป็นอย่างดี และเราก็รู้เรื่องนิวออร์ลีนส์จากเหตุพายุเฮอร์ริเคนคาทริน่า และเหตุหายนะต่างๆ ที่เกิดขึ้นที่นั่น ดีนะที่ได้ไปเห็นคนจริงๆ ใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมของพวกเขาในส่วนที่แตกต่างกันไปของนิวออร์ลีนส์ ที่นี่ไม่ใช่สถานที่อย่างที่พวกเราได้เห็นกันในภาพยนตร์ทั่วไปหรอกนะ”  
คอร์มาเกอร์ยังพูดถึงการถ่ายทำในเขตพื้นที่ที่คนอาจจดจำกันไม่ค่อยได้ เขาบอกว่าเขาไม่อยากให้เรื่องราวนี้คาดเดาได้ง่าย “มันเหมือนกับที่ผมทำตอนถ่ายทำหนังกันในประเทศของผมนั่นแหละ ผมอยากขุดลงไปลึกๆ และได้เห็นหลายๆ ด้านของสถานที่ที่คุณไม่เคยเห็นมาแล้วพันรอบ แบบนั้นต่างหากที่น่าสนใจมากขึ้นสำหรับผม”
สถานที่ที่ว่านี้ยังมีท่าเรือเฟอร์รี่ที่มีเรือบรรทุกสินค้าที่มองเห็นจากทั้งสองทิศทาง “โทนี่, บอลท์ และผมได้พูดคุยกันเยอะมากเกี่ยวกับว่าเราควรจะจับตัวละครเหล่านี้ไปไว้ที่ไหนบ้าง” แซม เทเดสโค่ ผู้จัดการโลเกชั่นกล่าวอธิบายเสริม “เราลงเอยด้วยการคิดไอเดียให้พวกเขาไปอยู่ที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำมิสซิสซิปปี้ ทำให้เราสามารถแสดงให้เห็นถึงการเติบโตมาแบบพวกใช้แรงงานของพวกเขาได้ โดยมีแม่น้ำสายนี้ที่เป็นเส้นแบ่งระหว่างสองด้านของเมือง นั่นบ่งบอกทุกอย่างแล้ว คนพื้นที่ในอัลแอลเจียร์สเรียกพื้นที่นี้ว่า ‘เฟรนช์ควอเตอร์พร้อมที่จอดรถ’ มันมีรสนิยมที่หลากหลายมากมาย แต่ให้ความรู้สึกของย่านที่อยู่อาศัยจริงๆ”
แฟนนิ่งบอกว่าสถานที่ที่ถูกเลือกให้เป็นฉากบ้านของฟาร์ราเดย์สะท้อนให้เห็นถึงทั้งอดีตและปัจจุบันของพวกเขา บ้านหลังนี้ที่ตั้งอยู่ใต้สะพานเครสเซนต์ ซิตี้ คอนเน็คชั่น ตามที่แฟนนิ่งอธิบาย “คือตัวเชื่อมโยงภาพไปหาชีวิตที่คริสและเคทได้ข้ามแม่น้ำมา ก่อนที่พวกเขาจะย้ายบ้าน” เมื่อคริสสร้างชีวิตใหม่ให้ห่างจากอดีตผิดกฎหมายของเขา เขาได้เลือกบ้านอยู่ในจุดที่ปลอดภัยขึ้นและมีการปกป้องมากขึ้น  
ฉากใหญ่ๆ ของภาพยนตร์ทริลเลอร์เรื่องนี้เกิดขึ้นในฝั่งเวสท์แบงก์ อย่างไรก็ดี เพื่อนคนหนึ่งของฟาร์ราเดย์ย้ายไปอยู่ในย่านที่เป็นโกดังเก็บสินค้า อพาร์ตเม้นต์ใต้หลังคาของเซบาสเตียนอยู่ในอีกด้านหนึ่งของฝั่งตรงข้าม “เบนได้นำอะไรมากมายมาสู่ตัวละครที่กำลังสับสน และไม่แน่ใจว่าเขาอยากจะไปที่ไหน” แฟนนิ่งอธิบาย “เขาอยากมีชีวิตแบบแมนๆ แต่เขาก็อยากมีของดีๆ ใช้ เขาเป็นคนที่ตัดสินใจเลือกได้ไม่ดีนัก ดังนั้นเราจึงทำให้พื้นที่ที่เขาอยู่ดูไม่ค่อยน่าสบายนัก เขาซ่อมแซมมัน และไม่แน่ใจว่าจะทำมันให้เสร็จได้ยังไง เขามีเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ดัง แต่ก็มีเก้าอี้เก่าๆ ที่เขาไม่สามารถทิ้งไปได้”
สำหรับอพาร์ตเม้นต์ของบริกก์ส แฟนนิ่งได้ติดต่อบรรดาเจ้าของอพาร์ตเม้นต์ เครสเซนต์ ซิตี้ ซึ่งเป็นคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ที่เคยโดนเฮอร์ริเคน คาทริน่าถล่มใส่ อาคารดังกล่าวต้องผ่านการซ่อมแซมปรับปรุงตอนที่เจ้าของต้องเผชิญสภาวะล้มละลาย ทีมงานต้องขออนุญาตที่จะใช้โลเกชั่นแห่งนี้
“เราวาดภาพกราฟฟิตี้บนกำแพง และทำให้มันดูรกเลอะเทอะเพื่อให้ได้ภาพอย่างที่ต้องการ” เทเดสโค่อธิบาย “ผู้คนที่นั่นใจดีมากที่ยอมให้เราเข้าไปและวาดภาพกราฟฟิตี้จนทั่วทั้งอาคารที่มีความสูงห้าหรือหกชั้น พวกเขามีคนเข้าไปที่นั่นทุกวันเพื่อหาเช่าอพาร์ตเม้นต์ แต่ตลอดเวลานั้นพวกเราก็โปรยขยะเอาไว้ทุกที่...มีทั้งฟูกและเฟอร์นิเจอร์ห้อยออกมาจากระเบียง พวกเขายังใจดีสุดยอดที่ยอมให้เราทำแบบนั้นขณะที่พวกเขาก็พยายามทำการตลาดให้กับที่นั่นไปในเวลาเดียวกัน”
เทเดสโซ่กล่าวเสริมต่อไปว่าริบิซี่ถึงกับอินไปกับตัวละครทันทีที่เขาได้เห็นสถานที่แห่งนี้ เขาถามว่าเขาขอพักที่นี่ชั่วคราวได้ไหม “เราต้องคุยกับเขาเพื่อให้เขาไม่ย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่” ผู้จัดการโลเกชั่นเล่าไปหัวเราะไป “เขาคิดว่ามันคงเป็นวิธีที่ดีที่จะได้รู้จักตัวละครของเขาและกินอยู่ในบทนั้นไปเลย”
สำหรับฉากโอลด์พอยต์บาร์ ซึ่งบริกก์สแวะเวียนไปเป็นประจำ เป็นสถานที่แฮงก์เอ้าท์ในท้องถิ่นที่รู้จักกันดีในแอลเจียร์ส พอยต์ “สิ่งที่ผมชอบมากในโอลด์พอยต์บาร์ก็คือกว่าครึ่งของสตูลในบาร์นั้นครอบครองโดยพวกสุนัข” เทเดสโค่เล่า “นั่นแหละคือความโดดเด่นของนิวออร์ลีนส์ บาร์นั่นมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่เจ๋งมาก และมีคราบสนิมที่มาพร้อมกับความเก่าแก่ในแบบที่คุณไม่สามารถสร้างเลียนแบบได้ ทั้งด้านนอกด้านใน การจะหาบาร์ที่พวกคนที่ใช้แรงงานและพวกกลาสีมาเที่ยวกันเป็นเรื่องยากมาก บาร์หลายแห่งในนิวออร์ลีนส์ล้วนแต่มีเอกลักษณ์ แต่บาร์พวกนั้นไม่ได้มีคุณสมบัติที่ดูคุกคามและลึกลับ แต่ที่นี่มีทุกอย่างผสมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน”   
ความท้าทายในการค้นหาโลเกชั่นที่กลายมาเป็นร้านทำผมของเคท ก็คือทางทีมงานจะต้องสามารถควบคุมถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนในคืนวันศุกร์ และจะต้องทำให้รถปิคอัพพุ่งทะลุผ่านหน้าต่างเข้ามาด้วย โลเกชั่นที่ได้รับเลือกส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ที่มีประชาชนคับคั่ง แต่สตูดิโอโยคะแห่งหนึ่งกลับกลายเป็นโลเกชั่นในอุดมคติ เจ้าของสตูดิโอโยคะมองเห็นคอร์มาเกอร์และเลอวินสัน ยืนอยู่นอกร้านของเขาขณะกำลังตระเวนดูโลเกชั่น เขาจึงเชื้อเชิญให้ทั้งคู่เดินเข้าไปข้างใน
   แฟนนิ่งเล่าว่าแต่เดิม สตูดิโอโยคะแห่งนี้เคยเป็นร้านช่างเหล็กเก่ามาก่อน กลับกลายเป็นว่ามันเหมาะกับความต้องการของทีมงานอย่างมาก “มันคือบ้านที่ติดอยู่กับร้านอิฐที่ประตูโรงรถอยู่ข้างใน” ดีไซเนอร์บอก “เรานำประตูโรงรถออกและติดประตูกระจกเข้าไป และทำงานกับพื้นที่ว่างที่มีอยู่ เราใส่อุปกรณ์ร้านทำผมเข้าไป แต่ก็ต้องทำตามสไตล์ของเจ้าของ เรายังพยายามใส่ความเป็นนิวออร์ลีนส์ลงไปด้วย”
   ระหว่างพูดคุยกันถึงโลเกชั่นที่กลายมาเป็นบริษัทชิปปิ้งของเซบาสเตียน เทเดสโค่บอกว่าทีมงานโชคดีมากที่ได้ทำงานกับ อวอนเดล คอนเทนเนอร์ ยาร์ด พ่อและลูกชายที่เป็นเจ้าของที่นั่น ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของทีมงาน และยังมีน้ำใจทุ่มเทเวลาของพวกเขาให้กับการทำงาน ฟอสเตอร์คอยติดตาม ไมก์ โอเบรียน จูเนียร์เพื่อดูว่าการดูแลกิจการที่นั่นต้องทำยังไงบ้าง “ไมก์มักมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าเสมอ” เทเดสโค่บอก “เขาจะเดินเข้ามาแต่เช้าในวันที่มีการถ่ายทำ โดยพูดว่า ‘จะให้เราช่วยยังไงบ้าง? คุณต้องการอะไรบ้าง?’ เราถ่ายทำกันที่นั่นและได้งานเยอะแยะจากที่นั่น”
สำหรับฉากที่คริสจะต้องเข้าไปในคุกเพื่อพบพ่อของเขา ทางกองถ่ายเลือกที่จะไปถ่ายทำกันที่เรือนจำจริงๆ มากกว่าจะถ่ายทำกันในฉาก พวกเขาได้รับความช่วยเหลือจากสำนักงาน เจฟเฟอร์สัน แพริช เชอริฟฟ์ และเข้าไปถ่ายทำในเรือนจำแห่งหนึ่งในเมืองเกร็ทน่า ซึ่งอยู่ติดกับแอลเจียร์สทางฝั่งเวสต์แบงก์ เรือนจำแห่งนี้มีลานออกกำลังกายที่มองออกไปเห็นแม่น้ำมิสซิสซิปปี้ ซึ่งทำให้ทีมงานได้ภาพแบ็คกราวน์อย่างที่พวกเขาต้องการ
อาร์โกรฟ, ไร่ทรานควิลิตี้ กลายเป็นฉากหลังให้กับหนึ่งในฉากตอนท้ายๆ เรื่อง ซึ่งคริสจะต้องส่งสินค้าให้กับผู้ซื้อ ซึ่งก็คือมิสเตอร์เชิร์ช หนึ่งในอาชญากรที่ประสบความสำเร็จที่สุดของนิวออร์ลีนส์ ฉากที่ว่านี้มีที่ดิน  250 เอเคอร์ และเป็นบ้านเก่าแก่จากยุคสงครามกลางเมือง และยังรายล้อมด้วยลำห้วยสามด้าน  
สำหรับเบ็คกินเซล การถ่ายทำที่โลเกชั่นช่วยให้เธอสามารถพัฒนาตัวละครของเธอ รวมถึงสำเนียงการพูดด้วย “เราถ่ายทำกันในเมืองที่เราจะต้องอยู่” เบ็คกินเซลบอก “นั่นเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยอย่างที่คุณคิด ในเรื่องของการไปอยู่ในที่ที่ตัวละครอยู่ มันดีที่ได้ไปอยู่ที่นั่นจริงๆ ได้เดินไปมา นิวออร์ลีนส์เป็นเมืองที่มีลักษณะเฉพาะที่คุณต้องไปอยู่ที่นั่นถึงจะได้อารมณ์จริงๆ” เพื่อช่วยในการเตรียมตัว เบ็คกินเซลบอกว่าเธอเดินทางไปถึงนิวออร์ลีนส์ก่อนหน้าการถ่ายทำสองสามวัน และได้เดินทางไปเยี่ยมเยือนร้านทำผมหลายแห่งในย่านนั้น “ฉันได้พบผู้หญิงน่ารักหลายคนที่ช่วยได้อย่างมากในแง่ของการคอยสังเกตถึงสำเนียงการพูดของพวกเธอ”
ส่วนดีของการถ่ายทำเกิดขึ้นในนิวออร์ลีนส์ขณะที่มีงานมาร์ดีกราส์ เมื่อทั้งผู้คนและการปิดกั้นถนนทำให้ทั้งทีมงานและทีมนักแสดงสามารถทำงานได้สะดวก  Contraband ได้ทำการปิดถนนนานสี่วันในระหว่างงานนั้น คอร์มาเกอร์สรุปว่า “เราพอใจมากที่สามารถดื่มด่ำสนุกสนานไปกับจิตวิญญาณที่แท้จริงของนิวออร์ลีนส์ในช่วงไฮซีซั่น”
« Last Edit: January 03, 2012, 04:22:28 PM by happy »

happy on January 03, 2012, 04:32:34 PM

การถ่ายทำบนเรือ

               ชอตภาพภายในเรือของกัปตันแค้มป์ถ่ายทำกันบนเรือของยูเอส มาริไทม์ แอ็ดมินนิสเทรชั่น ชื่อเรือเอสเอส เบลลาทริกซ์ ซึ่งทอดสมออยู่ที่มาร์รีโอ, หลุยเซียน่า ถึงแม้เรือลำนี้ที่มีความยาวเกือบ 900 ฟุต จะดูกว้างขวาง แต่ทีมงานต้องเผชิญความท้าทายในการเคลื่อนกล้องไปในพื้นที่จำกัด คอร์มาเกอร์เล่าว่า “ผมชอบที่เรือลำนี้เป็นเสมือนสัตว์ประหลาดยักษ์ที่ทำจากเหล็ก และมันได้กลายเป็นตัวละครตัวหนึ่งด้วย”
              ชอตภายในของเรือลำนี้ถ่ายทำกันเสร็จในช่วงเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ทีมงานขึ้นไปอยู่บนเรือเอสเอส เบลลาทริกซ์ ห้องเครื่องของเรือลำนี้มีความสูงถึง 5 ชั้น และมีทางเดินอยู่โดยรอบ ทำให้ทีมงานสามารถถ่ายทำชอตภาพที่ไม่สามารถถ่ายทำได้ในฉากทั่วไป
              ส่วนฉากด้านนอกนั้นถ่ายทำกันที่ท่าเรือนิวออร์ลีนส์ ซึ่งการค้นหาเรือขนคอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ที่ไม่ได้อยู่ในช่วงการใช้งาน และยังต้องขออนุญาตถ่ายทำเรือลำนี้ขณะที่ล่องไปในแม่น้ำมิสซิสซิปปี้ ถือเป็นงานที่ท้าทายอย่างมาก โชคดีที่ผู้ประสานงานด้านน้ำผู้มีประสบการณ์สูงอย่าง ทรอย วอเตอร์ส สามารถหาทางออกได้
ตามที่วอเตอร์สบอก มีหลายปัจจัยด้วยกันที่ต้องให้ความสำคัญเมื่อพวกเขาเลือกที่จะถ่ายทำกันบนเรือจริงๆ วอเตอร์สอธิบายว่า “สภาพอากาศเป็นสิ่งที่เราต้องพิจารณาเป็นหลักเพราะการถ่ายทำต้องมีความต่อเนื่อง อีกเรื่องที่ต้องพิจารณากันก็คือชอตเคลื่อนไหว ชอตพวกนี้ต้องอาศัยการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ทางน้ำและยังต้องได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานรัฐบาลอย่างเช่น ยามฝั่งและตำรวจท่าเรือ ดังนั้นทุกคนจึงต้องร่วมมือกันหมด”
             วอเตอร์สอธิบายว่าพวกเขาต้องใช้เวลาถึงห้าเดือนกว่าจะหาเรือที่ลงตัวได้ เขาเริ่มต้นการค้นหาจากเครือข่ายโบรกเกอร์ทั่วโลก แต่สุดท้ายแล้วตัวเขาเองนั่นแหละที่เป็นคนไปหาเรือลำนี้พบเอง ขณะที่บทหนังเรียกร้องให้ต้องมีเรือถึงสองลำ พวกเขาจำเป็นต้องใช้เรือแค่ลำเดียวเท่านั้น ฝ่ายศิลปกรรมมีส่วนช่วยเปลี่ยนเรือขนาด 325 ฟุตลำนี้ให้กลายเป็นเรือสองลำด้วยการตกแต่งและทาสีด้านนอก และใส่ชื่อลงไปสองชื่อที่ไม่เหมือนกัน สำหรับฉากเปิดเรื่องที่แอนดี้โดนจับตัวไว้ เรือสีน้ำเงินคือเรือ บีบีซี โรมาเนีย และด้วยการทาสีบางส่วนให้เป็นสีดำ และแต่งเติมส่วนภายนอกให้เรือดูมีขนาดใหญ่ขึ้น เรือลำนี้จึงกลายเป็นเรือ บอร์เด้น สำหรับส่วนท้ายของเรื่อง เรือได้อยู่ภายใต้การบัญชาการของ เจเค ซิมมอนส์ ผู้รับบทเป็นกัปตันแค้มป์
             การล่องเรือขนาดใหญ่ไปตามแม่น้ำมิสซิสซิปปี้ ต้องผ่านการพูดคุยเจรจาโดยวอเตอร์สและทีมงานของเขา วอเตอร์สเล่าว่าหน่วยงานยามฝั่งยูเอส คอสท์ การ์ดให้ความช่วยเหลือกับพวกเขามากที่สุด “เราทำงานกับหน่วยยามฝั่ง” วอเตอร์สอธิบาย “เพราะพวกเขามีอำนาจในเส้นทางน้ำในประเทศนี้ ดังนั้นถ้าพวกเขารู้สึกไม่สบายใจกับสิ่งที่เราอยากทำ เราก็ต้องลดความแรงลงมา แต่หน่วยยามฝั่งในนิวออร์ลีนส์ให้ความร่วมมือดีมาก พวกเราสามารถทำทุกอย่างที่เราอยากถ่ายทำได้เลย”
ฝ่ายศิลปกรรมมีงานที่ต้องทำให้สำเร็จ เมื่อพวกเขาต้องเริ่มยกตู้คอนเทนเนอร์ใส่เรือลำนี้เป็นร้อยๆ ตู้ และมีอยู่ตู้หนึ่งที่ต้องบรรทุกรถตู้ที่มีมูลค่ามหาศาลเอาไว้ พวกเขาไม่เพียงแต่จะต้องลบโลโก้ออกจากตู้คอนเทนเนอร์จำนวนมาก แต่ยังต้องจ้างบริษัทแห่งหนึ่งมาวางลังเอาไว้บนเรือที่ท่าเรือนิวออร์ลีนส์ด้วย งานนี้ทำสำเร็จได้ด้วยเครนขนาดใหญ่ยักษ์หลายตัวทีเดียว
             นอกจาก “เรือฮีโร่” ที่เห็นใน Contraband แล้ว ยังมีเรืออีกหลายลำที่ถูกใช้อยู่เบื้องหลังการถ่ายทำฉากเหล่านี้ รวมถึงเรือที่ถูกนำมาใช้ในการทำงานของแผนกถ่ายทำ เรือกล้อง เรือรักษาความปลอดภัย นี่ยังไม่หมดนะ ยังมีเรือกรีนสกรีนที่เอาไว้ใช้ในฉากพิเศษที่ต้องถ่ายทำกันหน้าจอกรีนสกรีนด้วย จนดูราวกับพวกเขาถ่ายทำกันในแม่น้ำ วอเตอร์สอธิบายว่านี่เป็น “จอกรีนสกรีนที่ใหญ่ที่สุด” ที่เขาต้องหาทางทำให้ลอยอยู่ในน้ำได้
หลายต่อหลายฉากบนเรือลำนี้ถ่ายทำกันในปานามา โดยมีการล่องเรือไปยังมิราโฟลเรส ล็อคส์จริงๆ เมื่อมันเดินทางไปยังบอลโบ หน่วยประสานงานทางน้ำต้องทำงานกับหน่วยงานดูแลคูคลองในปานามา และหน่วยงานทางด้านภาพยนตร์อีกหลายแห่งเพื่อขออนุญาตเข้าไปถ่ายทำกันที่นั่น


เครนยักษ์, ชนวินาศ และวุ่นวายสุดๆ:
งานสตั๊นต์และงานคิวบู๊

               เพื่อสร้างความตึงเครียดที่เพียบไปด้วยอารมณ์เข้มข้น ฉากแอ็คชั่นของภาพยนตร์ทริลเลอร์เรื่องนี้ถูกถ่ายทำแบบเรียลไทม์ ผู้อำนวยการสร้างเลอวินสันอธิบายว่า “เพื่อทำให้คุณรู้สึกว่าคุณอยู่ในวินาทีนั้นด้วย และรู้สึกถึงความกดดัน เราจึงอยากให้มันใกล้เคียงกับความเป็นจริงที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ บอลท์อยากออกแบบฉากเหล่านั้น ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ถูกกำหนดหรือถูกคิดเอาไว้ล่วงหน้าโดยตัวละคร หลายเรื่องเกิดขึ้นเอง แทนที่จะเหมือนกับในภาพยนตร์สายลับ ที่ทุกอย่างถูกวางแผนเอาไว้หมดแล้ว นั่นคือสิ่งที่เขาจัดการอย่างระมัดระวังที่สุด”
             คอร์มาเกอร์กล่าวเสริมว่า “สิ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับฉากแอ็คชั่นก็คือ ผมอยากให้มันออกมาจริงที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ แต่มันก็ต้องสนุกและให้ความบันเทิงไปในเวลาเดียวกัน คุณอยากผลักดันฉากแอ็คชั่นให้ออกมาดูดิบและจริง แต่ก็ต้องมีแรงดึงดูดให้คนดูอยากติดตามด้วย”


ฉากต่อสู้  

               ดาร์ริน เพรสค็อตต์ ผู้ประสานงานสตั๊นต์ อธิบายว่าคอร์มาเกอร์ชอบวิธีการทำงานแบบต้องลงไปลุยเอง เพรสค็อตต์อธิบาย “บอลท์อยากลองหลายสิ่งหลายอย่างด้วยตัวเขาเอง เขาเป็นนักแสดงประเภทที่ทำงานเอง เป็นขาลุยที่จะลงไปอยู่ในฉากและแสดงฉากต่อสู้เอง เขาตกบันไดเอง ขับรถเอง เขารู้ว่าเขาต้องการอะไร และเขาก็ไม่ชอบฉากแอ็คชั่นที่สร้างมาเพื่อความมันส์อย่างเดียวเท่านั้น”
             วอห์ลเบิร์กเองก็มักจะลุยเองเช่นกัน แต่เขายอมรับว่าเขาเคยยืนกรานที่จะแสดงฉากสตั๊นต์ด้วยตัวเองมากกว่านี้ก่อนที่เขาจะมีลูก “คุณเริ่มคิดว่าความปลอดภัยต้องมาก่อน” วอห์ลเบิร์กบอก “เราอยากทำให้มันดูจริงให้มากที่สุด ดังนั้นตราบใดที่ไม่มีอะไรที่เสี่ยงมากจนเกินไป เราก็จะออกไปลุยแสดงกันเอง บอลท์สนใจในการจับภาพที่เป็นธรรมชาติและเกิดขึ้นในเวลานั้นจริงๆ ซึ่งอาจทำให้คุณเกิดอาการขนลุกซู่เมื่อคุณถูกเหวี่ยงไปรอบๆ ห้องครัว และมีโน่นนี่นั่นกระแทกใส่หัวคุณ”

             วอห์ลเบิร์กไม่ใช่นักแสดงเพียงคนเดียวที่โดนเหวี่ยงไปมาในกองถ่าย เบ็คกินเซลที่กลายเป็นมือโปรในเรื่องฉากแอ็คชั่นจากภาพยนตร์เรื่อง Underworld ต้องเผชิญหน้ากับริบิซี่ ในบท บริกก์ส ในฉากโหดๆ หลายฉาก ทั้งในร้านทำผมของเคทและบ้านของฟาร์ราเดย์ เบ็คกินเซลบอกว่าเธอต้องเข้านอนตอนกลางคืน และมีรอยฟกช้ำดำเขียว รอยถลอก เธอเล่าว่า “มีทั้งเซอร์ไพรส์ มีทั้งช็อคเลย ข้อดีเกี่ยวกับตัวจิโอวานนี่ก็คือ เขาเป็นคนดี และเป็นนักแสดงที่เก่งด้วย เมื่อคุณเดินออกมาจากสถานที่แห่งนั้นด้วยความรู้สึกไว้วางใจที่เกิดขึ้นระหว่างนักแสดง คุณคงไม่ว่าอะไรถ้าพวกเขาจะทุ่มคุณใส่โต๊ะ มันก็ไม่ได้มากเกินไปนักหรอก”
             เพรสค็อตต์บอกว่าเบ็คกินเซลเรียกร้องขอเล่นฉากต่อสู้ด้วยตัวเธอเองมากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ “สิ่งที่เราต้องการจากการต่อสู้กับจิโอวานนี่คือความโหดร้าย หลายครั้งมากที่การต่อสู้แบบนี้จะทำให้นักแสดงต้องเหนื่อยและเจ็บมากกว่าการต่อสู้ที่ผ่านการออกแบบคิวบู๊มา เพราะมันเป็นฉากที่ต้องเละเทะไปหมด เมื่อคนเราต่อสู้กันในความเป็นจริง มันคงไม่ใช่ว่า ‘นายต่อยฉัน ฉันต่อยนาย ฉันหลบ นายก็หลบ’”
             “ฉากต่อสู้นั้นมีการออกแบบคิวบู๊เอาไว้ล่วงหน้า ดังนั้นผู้กำกับจึงพอจะรู้ถึงไอเดียของฉากนั้น และนักแสดงก็มองออกด้วยว่าพวกเราจะทำอะไรกัน” ผู้ประสานงานสตั๊นต์อธิบายต่อ “มันเป็นการวางรากฐานเอาไว้คร่าวๆ เป็นกรอบงานให้พวกเขาเริ่มต้นงาน เคทกับจิโอวานนี่ทำได้ดีมาก แต่เคทลงเอยด้วยการโดนเล่นหนักทีเดียว แต่เธอก็ไม่เคยบ่นสักคำ” เพรสค็อตต์บอกว่ามีการเตรียมตัวนักแสดงแทนเอาไว้ในกรณีที่เบ็คกินเซลแสดงไม่ไหวแล้ว แต่เธอก็ยังเล่นต่อไป “วันต่อมา เธอมีรอยช้ำเขียวมาก” เขาเล่า “ตั้งแต่หัวจรดเท้ามีรอยช้ำเขียวๆ ดำๆ เต็มไปหมด แต่ผมไม่ได้ยินเคทบ่นว่าจะเลิกเล่นเลย”
            สำหรับฉากที่บริกก์สขับรถเอสยูวีของเขาพุ่งเข้าชนร้านทำผมของเคท ฉากนั้นมีตัวแสดงแทนเข้ามายืนแทนที่เบ็คกินเซล รถปิคอัพที่ถูกโยงเข้ากับสิ่งที่เรียกกันว่าเป็น “คนตาย” ซึ่งเป็นระบบที่เชื่อมต่อเอาไว้กับด้านหลังของรถเพื่อความปลอดภัยในกรณีที่เบรกเกิดไม่ทำงาน เมื่อรถปิคอัพพุ่งทะลุกำแพงกระจกเข้าไป มันหยุดอยู่ห่างจากตัวสตั๊นต์แมนสาวแค่ 5 ฟุต และเพื่อให้แน่ใจว่ากระจกจะแตกกระจาย มีการติดตั้งระเบิดขนาดเล็กเอาไว้ที่กระจกแต่ละแผ่น สตั๊นต์แมนหญิงจะต้องตกอยู่ท่ามกลางเศษไม้และกระจก แต่เธอกลับเดินออกมาจากฉากนั้นโดยไม่มีรอยขีดข่วนแม้แต่น้อย

happy on January 03, 2012, 04:40:40 PM
งานเฮลิคอปเตอร์

               ในฉากเปิดเรื่อง ซึ่งเจ้าหน้าที่ป้องกันการลักลอบขนของผิดกฎหมายสหรัฐฯ (ซีบีพี) ได้ปิดล้อมความพยายามลักลอบขนของของแอนดี้ เจ้าหน้าที่พยายามจะขึ้นไปบนเรือขณะที่มันยังแล่นอยู่ ด้วยวิธีนี้พวกเขาสามารถจับการลักลอบขนสินค้าก่อนที่สินค้าจะโดนโยนทิ้งจากเรือ สำหรับฉากนั้น เรือของซีบีพีสามลำถูกนำมาใช้เข้าฉาก นอกเหนือไปจากเฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินแบล็คฮอว์กอีกหนึ่งลำ รวมถึงยังมี “เรือรักษาความปลอดภัย” ซึ่งเป็นเรือที่ล้อมไว้ด้วยท่อเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการปะทะกับเรือที่เป็นตัวละครเอก
            ความปลอดภัยระหว่างการถ่ายทำเป็นสิ่งที่วอเตอร์ส ผู้ประสานงานทางน้ำให้ความสำคัญอย่างมาก เขาบอกว่ามีเรือรักษาความปลอดภัยที่จะเตรียมตัวพร้อมดูแลทั้งทีมงานและนักแสดง รวมไปถึงเรือขนส่ง จากเรือเล็กไปยังเรือเล็ก หรือเรือเล็กไปยังเรือใหญ่ โดยทีมงานจะสวมเสือชูชีพที่มีแสงไฟที่สามารถใช้งานใต้น้ำได้ ตาข่ายรักษาความปลอดภัยถูกนำมาใช้ในฉากไคลแม็กซ์ เมื่อคริสและแดนนี่กลับไปที่เรือโดยมีเจ้าหน้าที่ไล่ล่ามาติดๆ
            สำหรับฉากเปิดเรื่อง เฮลิคอปเตอร์ของหน่วย ต.ม. ต้องบินวนเวียนอยู่เหนือเรือ จังหวะเวลาเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผู้ประสานงานทางอากาศอย่าง เดวิด คัลเวิร์ต-โจนส์ ซึ่งรู้ดีว่าเขามีเวลาประมาณ 30 นาทีเท่านั้นที่จะจับภาพเฮลิคอปเตอร์บินเข้าหาเรือ ทีมงานกล้องต้องอยู่บนเฮลิคอปเตอร์อีกลำ “นักบินไม่ใช่นักบินที่มีประสบการณ์ในการทำงานกับกล้อง และเฮลิคอปเตอร์นั่นก็เป็นเครื่องของหน่วย ต.ม.” คัลเวิร์ต-โจนส์อธิบาย หลังจากผ่านการซักซ้อมคิวเป็นที่เรียบร้อย พวกเขาก็ได้ชอตอย่างที่ต้องการ “คนเหล่านั้นตอบรับต่อโอกาสครั้งนี้ และสร้างสรรค์ผลงานที่เยี่ยมยอดมาก” 
            สำหรับฉากนี้ เมื่อเฮลิคอปเตอร์ต้องบินวนเวียนอยู่เหนือเรือ และส่องแสงไฟใส่แอนดี้ที่อยู่ด้านล่าง คัลเวิร์ต-โจนส์บอกว่าทีมงานของเขาถ่ายชอตนั้นได้ในเทกเดียว เพราะโลเกชั่นแห่งนี้อยู่นอกพื้นที่การควบคุมทางอากาศของนิวออร์ลีนส์ คัลเวิร์ต-โจนส์ ที่คอยสื่อสารกับกลุ่มนักบินที่อยู่บนฟ้า สามารถประสานการทำงานของฉากนี้จากพื้นด้านล่าง
            สำหรับฉากใหญ่ที่หน่วยซีบีพีสามารถเข้ายึดเรือได้ ยังมีความท้าทายรอพวกเขาอยู่ โปรเจ็กต์ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นความทะเยอทะยานเมื่อทีมงานต้องขออนุญาตเพื่อให้เรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์สามารถแล่นไปในแม่น้ำมิสซิสซิปปี้ได้ โดยเฉพาะตรงด้านหน้าของย่านดาวน์ทาวน์ของนิวออร์ลีนส์ เฮลิคอปเตอร์บินวนเวียนอยู่ด้านบนเมื่อเรือเล็กบุกเข้าล้อมเรือลำใหญ่ คนเป็นร้อยๆ คนยืนมองอยู่จากชายฝั่ง เมื่อผู้กำกับตะโกนสั่ง “แอ็คชั่น” นั่นคือภาพที่เขาได้รับ


การปล้นรถหุ้มเกราะ

                หนึ่งในฉากแอ็คชั่นใหญ่ที่สุดใน Contraband เกิดขึ้นเมื่อคริสและแดนนี่ปฏิบัติการปล้นรถหุ้มเกราะเพื่อปลดหนี้กับพ่อค้าชาวปานามา งานสุดอันตรายของพวกเขาคือการบุกทะลวงรถหุ้มเกราะ โดยคริสนั่งอยู่หลังพวงมาลัยของรถตู้ พวกเขาขับรถไปดักด้านหน้าของรถหุ้มเกราะ ชนกัน และเริ่มยิง ก่อนที่ชายทั้งสองจะกระโดดไปด้านหลังของรถหุ้มเกราะเพื่อหาทางหลบหนี เมื่อคนขับรถหุ้มเกราะโดนยิง คริสกระโดดเข้าไปนั่งที่นั่งคนขับ และขับรถมุ่งหน้ากลับไปที่เรือ
            เทเดสโค่บอกว่าการหาโลเกชั่นเพื่อถ่ายทำฉากไคลแม็กซ์นี้ถือเป็นงานท้าทายอย่างมาก โดยฉากนี้ต้องมีหน้าตาสถานที่ที่คล้ายปานามา แต่ต้องถ่ายทำกันในนิวออร์ลีนส์ ทีมงานโชคดีที่พบส่วนหนึ่งของถนนไฮเวย์ที่มีป่าต้นปาล์ม และมีภาพของเมืองเป็นแนวขอบฟ้าอยู่ด้านหลัง วันที่เขาพาคอร์มาเกอร์ไปยังที่แห่งนั้น เทเดสโค่เล่าว่า “ผมเห็นเขาเริ่มตื่นเต้นขึ้น เขาเดินไปเดินมาและคอยเลือกหามุมกล้องตลอด ยิ่งรถเคลื่อนไป เขาก็เริ่มยิ้มมากขึ้นเรื่อยๆ”
            สิ่งที่เพรสค็อตต์อธิบายว่าเป็น “ฉากถอนรากถอนโคน” เป็นโอกาสแรกที่เขาต้องสร้างฉากสาดกระสุนใส่กัน ผู้ประสานงานสตั๊นต์เพรสค็อตต์บอกว่า หัวใจของการสร้างฉากนี้ก็คือต้องทำให้มันดูเป็นธรรมชาติที่สุด “แม้แต่ทีมกล้องก็จะได้รับคำสั่งว่าอย่าแช่ภาพที่จุดใดจุดหนึ่ง” เพรสค็อตต์เล่า “ถ้าคุณรู้ว่าผู้ชายคนนั้นกำลังจะโดนยิงตรงนั้น จงอย่านั่งแช่อยู่ตรงนั้น แล้วถ่ายภาพผู้ชายคนนั้นโดนยิง ให้เก็บภาพตรงนี้ จากนั้นก็กลับไปเก็บภาพตรงนั้น และเก็บภาพผ่านตัวเขาไป แล้วก็กลับมาใหม่ เพื่อจับภาพปฏิกิริยาของเขา คุณเข้าไปอยู่ตรงนั้นในฐานะผู้สังเกตการณ์ แทนที่จะถ่ายภาพออกมาให้ดูสมบูรณ์แบบ”
            การเตรียมงานสำหรับฉากนี้เป็นไปอย่างเข้มข้นและจริงจัง ถนนไฮเวย์ห้าสายและเส้นทางเข้าออกถูกปิดระหว่างการถ่ายทำฉากสตั๊นต์นี้ ปืนอัตโนมัติและระเบิดซีโฟร์ถูกติดตั้ง ตัวแทนจากแผนกอาวุธต้องไปอยู่ ณ กองถ่ายเพื่อควบคุมกิจกรรมทั้งหมด ก่อนจะทำการเปิดถนนให้รถกลับมาใช้งานอีกครั้ง ทีมงานมีภารกิจช้างเพื่อทำความสะอาดปลอกกระสุนปืนกว่า 3 หมื่นนัด
            เมื่อรถหุ้มเกราะชนเข้ากับรถตู้ของคริสและแดนนี่ แต่เดิมมันจะต้องเป็นฉากวินาศสันตะโร โดยรถตู้จะต้องกระเด็นลอยและกลิ้งตลบ ทางทีมงานต้องเผชิญกับความท้าทายด้วยการถ่ายทำบนสะพานจริงที่จะทำให้เกิดความเสียหายไม่ได้ ทำให้ทีมเอฟเฟ็กต์ต้องสร้างสิ่งที่มีหน้าตาเหมือนเครื่องกวาดหิมะที่ติดเอาไว้ตรงหน้ารถหุ้มเกราะ เมื่อเครื่องดังกล่าวทำงาน และรถตู้หมุนไป 50 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ผู้กำกับได้ภาพที่สมจริงอย่างที่เขาต้องการสำหรับฉากนี้
            เพราะไม่อยากพึ่งงานโพสต์โปรดักชั่นและการใช้จอกรีนสกรีน การวางแผนอย่างระมัดระวังจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้การขับรถเสี่ยงตายและเอฟเฟ็กต์ออกมาลงตัวที่สุด  การสร้างฉากรถชนกัน นักแสดงจะนั่งอยู่ในรถตู้ที่ตั้งอยู่บนฐานรูปทรงกลมและโดนหมุนไปรอบๆ การทำเช่นนี้ช่วยให้ผู้กำกับและผู้กำกับภาพจับภาพวอห์ลเบิร์กและฮาสที่โดนเหวี่ยงไปมาอยู่ภายในรถตู้ในฉากที่รถชนกันอย่างรุนแรงได้
            ฮาสนั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับ ขณะที่วอห์ลเบิร์กบังคับรถผ่านไปตามถนนของนิวออร์ลีนส์ เขาเล่าว่า “มาร์กหมุนรถตู้ และชนเข้ากับหลายอย่าง” ฮาสยอมรับว่าเขารู้สึกดีใจที่ไม่ต้องไปนั่งแสดงอยู่หน้าจอกรีนสกรีน “เวลาที่คุณถ่ายทำหน้าจอกรีนสกรีนและใช้เทคนิคซีจีไอ เท่ากับคุณกำลังนั่งดูสิ่งที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้น คุณมองออกในการแสดง ทำให้ชอตนั้นรู้สึกว่าเป็นของปลอม ในกรณีนี้ เราทำทุกอย่างกันจริงๆ เราขับรถตู้ไปรอบๆ และชนเข้ากับข้าวของต่างๆ ทำให้คุณรู้สึกว่ามันกำลังเกิดขึ้นจริงๆ”


การซิ่งกลับบ้าน

                ระหว่างฉากไคลแม็กซ์ที่คริสและแดนนี่จะต้องซิ่งรถกลับมาที่เรือของแค้มป์โดยพวกเขาต้องแข่งกับเวลา ที่ท่าเรือนิวออร์ลีนส์นั้นคราคร่ำไปด้วยนักแสดงที่แต่งกายเป็นเจ้าหน้าที่ต.ม.และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะที่เฮลิคอปเตอร์หลายลำบินว่อนอยู่บนฟ้า “หน่วยงานปราบปรามยาเสพติดก็เข้ามาช่วย” เลอวินสันเล่า “พวกเขานำพรมแดงมาและให้เรายืมทั้งข้าวของ กำลังพล และแนะนำวิธีการต่างๆ ทุกคนอยากมีส่วนเกี่ยวข้องและพวกเขาก็ตื่นเต้นกับการถ่ายหนังของเรา”
   “มันเป็นฉากที่คุณคิดว่าคริสกำลังแย่ที่สุดแล้ว” คอร์มาเกอร์อธิบาย “จากนั้นเมื่อคุณคิดว่าเขาคงไม่มีทางรอดแล้วนั้น คุณเห็นเฮลิคอปเตอร์, เครื่องแบล็คฮอว์ก และเรือกำลังแล่นมาตามแม่น้ำ มีเสียงสุนัขหลายตัวเห่าอยู่ทุกมุมของเรือ มันวิเศษมาก แต่ต้องประกอบงานหลายส่วนเข้าด้วยกันเยอะมาก”
   วอเตอร์สอธิบายว่าก้าวแรกในการขอรับความช่วยเหลือในการถ่ายทำชอตนั้น คือการติดต่อหาเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ “ก่อนอื่นเราต้องติดต่อหน่วยซีบีพี ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของกระทรวงมหาดไทย” วอเตอร์สเล่า “พวกเขาตรวจสอบพิจารณาบทภาพยนตร์ของเราเพื่อให้แน่ใจว่าบทภาพยนตร์ไม่ได้พูดถึงพวกเขาในแง่ลบ พวกเขาใส่ใจในเรื่องภาพลักษณ์มาก ดังนั้นเราก็เลยรีไรท์ฉากแอ็คชั่นใหม่ โดยอิงจากหลักการทำงานของพวกเขา”
   เพื่อให้แน่ใจว่าสถานการณ์นี้ออกมาสมจริงที่สุด ทางทีมงานปฏิบัติงานตามหลักการนี้ “มีอยู่หลายหน่วยงานด้วยกัน” วอเตอร์สเล่า “มีทั้งฝ่ายอากาศและฝ่ายน้ำ มีฝ่ายปฏิบัติการ พวกเขาใส่ชุดไม่เหมือนกัน รวมถึงขั้นตอนการขอขึ้นเรือ เราต้องยึดวิธีการทำงานของซีบีพี”
หนึ่งในฉากที่ซับซ้อนที่สุดก็คือตอนที่คริสจะต้องซิ่งรถกลับมาที่เรือ โดยมีศัตรูไล่ตามมาติดๆ และจะต้องขับรถเข้าไปยังตู้คอนเทนเนอร์ สำหรับฉากนี้ วอห์ลเบิร์กขับรถเข้าไปในตู้คอนเทนเนอร์ ฮาส ซึ่งนั่งอยู่ในรถด้วย เล่าว่า “มาร์กขับรถเข้าไปในตู้คอนเทนเนอร์ห้าครั้ง ติดๆ กัน เขาไม่เคยขับชนอะไรเลย เขารู้สึกเชื่อมั่นในสิ่งที่เขาทำอยู่ มันทำให้คุณรู้สึกเชื่อมั่นไปด้วย”
   วอห์ลเบิร์กเป็นคนออกมากล่าวสรุปด้วยการกล่าวว่า เขาหวังว่าคนดูคงจะสนุกไปกับการผจญภัยครั้งนี้ “ผมหวังว่าคนดูคงจะรู้สึกตื่นเต้นและเร้าใจ” วอห์ลเบิร์กกล่าว “แต่สุดท้ายแล้ว มันก็ย้อนกลับไปหาความสัมพันธ์ระหว่างคริสกับเคท ถ้าคนดูอินตั้งแต่แรก พวกเขาก็จะอินในตอนท้ายด้วย ผมหวังว่าพวกเขาคงจะลุ้นจนแทบตกเก้าอี้ คอยนั่งดู ตั้งความหวัง และเฝ้ารอที่จะเชื่อมโยงระหว่างจุดต่างๆ เข้าด้วยกัน”
****
   ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอ ผลงานความร่วมมือกับ รีเลทิวิตี้ มีเดีย ผลงานการสร้างของเวิร์กกิ้ง ไทเทิล โดยความร่วมมือกับบลูอายส์/ เลฟเวอเรจ/ โคสเซสท์ ทู เดอะโฮล ภาพยนตร์ของบัลทาซาร์ คอร์มาเกอร์ โดยมี มาร์ก วอห์ลเบิร์ก และเคท เบ็คกินเซล แสดงนำในภาพยนตร์เรื่อง Contraband ซึ่งร่วมแสดงโดย เบน ฟอสเตอร์, จิโอวานนี่ ริบิซี่, เคเล็บ แลนดรี้ โจนส์ และเจเค ซิมมอนส์ ดนตรีประกอบเป็นฝีมือของ คลินตัน ชอร์ทเตอร์, ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายคือ เจนนี่ อีแกน, ผู้ทำหน้าที่ลำดับภาพ ได้แก่ เอลิซาเบ็ท โรนัลด์ส และโปรดักชั่น ดีไซเนอร์ ได้แก่ โทนี่ แฟนนิ่ง, ผู้กำกับภาพคือ แบร์รี่ แอ็ครอยด์, บีเอสซี ส่วนทีมผู้อำนวยการสร้างบริหาร ได้แก่ ลิซ่า ชาซิน, อีแวน เฮย์ส, บิลล์ จอห์นสัน ภาพยนตร์เรื่องนี้อำนวยการสร้างโดย ทิม บีแวน, เอริค เฟลล์เนอร์, บัลทาซาร์ คอร์มาเกอร์, สตีเฟ่น เลอวินสัน, มาร์ก วอห์ลเบิร์ก Contraband อิงเนื้อหาจากภาพยนตร์เรื่อง Reykjavik-Rotterdam ซึ่งเขียนบทโดย อาร์นัลเดอร์ อินดริเดสัน และออสการ์ โยนัสสัน และสร้างจากบทภาพยนตร์ที่เป็นฝีมือการเขียนบทของ แอรอน กูซิคาวสกี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย บัลทาซาร์ คอร์มาเกอร์  © 2012 Universal Studios  www.contrabandmovie.net