บทสัมภาษณ์ TAE JOO (แท จู)
แนะนำตัว
ชื่อ แทจู รับบทเป็น แทยัง ในภาพยนตร์เรื่อง THE KICK
บทบาทของ แทยัง มีคาแรกเตอร์เป็นอย่างไร
แทยังเป็นลูกชายคนโตของเป็นครอบครัวเกาหลีที่ย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองไทย เป็นคนที่เรียนหนังสือเก่ง ร้องเพลงก็เก่ง เล่นเทควันโดก็เก่ง มีความมั่นใจในตัวเองสูง และมีความฝันอยากเป็นนักร้อง จะไม่ชอบให้ใครมาสั่ง ก็เป็นธรรมดาของเด็กวัยรุ่นอายุ 21 ปีครับ
เรื่องราวของTHE KICK
เป็นครอบครัวเกาหลีที่ย้ายมาอยู่เมืองไทยและเปิดร้านอาหารเกาหลี โดยมีพ่อ แทยังกับพ่อจะชอบทะเลาะกันและขัดคอกันตลอด เพราะแทยังมีความฝันที่อยากจจะเป็นนักร้อง แต่ว่าพ่อพยายามเคี่ยวเข็ญให้แทยังเป็นนักกีฬาเทควันโดระดับโอลิมปิกให้ได้ ส่วนแม่จะเป็นคนน่ารัก อ่อนโยน แอบดุอย่างเวลาที่แทยังทำความผิดก็จะต้องโดนลงโทษ จะต้องรีบช่วยแม่ทำงานในร้านด้วยการเสิร์ฟอาหาร ส่งอาหาร หรือช่วยทุบเนื้อบ้างเพื่อเป็นการลงโทษ มีน้องสาวกับน้องชาย น้องสาวชื่อ แทมิ นิสัยจะออกห้าวๆ คล้ายผู้ชาย เล่นกีฬาเก่ง แต่ก็เป็นน้องที่ผมรัก ส่วนน้องชายคนเล็กชื่อ แทพุง ชอบเล่นเกมส์ และซน แทยังจะต้องคอยดูแลน้องๆเพราะเป็นพี่คนโตครับ จนเมื่อครอบครัวของแทยังถูกตามล่าจากแก็งค์ผู้ก่อการร้ายข้ามชาติ ทำให้ต้องหลบหนีไปอยู่บ้านต่างจังหวัดของน้าหม่ำ ซึ่งเป็นเพื่อนคนไทยกับพ่อของแทยัง ที่คอยให้ความช่วยเหลือ แทยังจึงได้สนิทกับน้าหม่ำมีอะไรก็จะปรึกษาตลอดเวลา และทำให้แทยังได้เจอกับหลานสาวคนเก่งของน้าหม่ำ หว่าหวาเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง มีความชำนาญเก่งด้านมวยไทย แทยังก็แอบชอบหว่าหวาอยู่ในใจด้วยครับ และก็ได้หว่าหวาช่วยฝึกการต่อสู้เพื่อปกป้องครอบครัวของตัวเองจากเหล่าแก็งค์ผู้ร้าย
เดิมแทจู เป็นนักกีฬาเทควันโดระดับแชมป์ด้วย (POOMSAE CHAMPION จากการแข่งขันชิงแชมป์ KNSU ครั้งที่ 4) พอได้มารับบทเป็น “พระเอกACTION” ในเรื่องนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง
ครับผมเล่นเทควันโดอยู่แล้วแต่จะเป็นสายโชว์ ซึ่งการแสดงภาพยนตร์ครั้งนี้ผมจะต้องเล่นจริง ต่อยจริง เตะจริง ยอมรับว่าตอนแรกรู้สึกประหม่า เพราะจะต้องต่อยคนจริงๆ ก็จะรู้สึกไม่กล้า ก่อนถ่ายทำจริงผมมาอยู่เมืองไทยเพื่อมาฝึกซ้อมกับีมสตันท์แมน ทำให้สนิทสนมกันและคนไทยนิสัยดีครับ พอจะต้องต่อยเขาจริงๆ ก็ปวดใจนะ มีตอนถ่ายที่ผมต้องเตะจริง เตะโดนคุณเล็ก สตันท์แมน โดนจนเขาเป็นลมล้มไปเลยครับ ถึงขั้นต้องหามส่งโรงพยาบาล ผมก็ขอโทษเขาและสงสารเขามากครับ
การมาอยู่เมืองไทย ฝึกซ้อมแอ็คชั่นก่อนถ่ายทำจริงเป็นอย่างไร
ตอนมาอยู่เมืองไทยช่วงแรกๆ ไม่ค่อยรู้อะไรเลยครับ พูดไทยก็ไม่เป็น แต่พอเริ่มอยู่ไปหลายเดือนก็ค่อยๆ เรียนรู้ มีหลายอย่างที่ผมไม่รู้ แต่ผมก็ได้เรียนรู้และฝึกฝนจาก พี่ท็อป (วีระพล ภูมาตย์ฝน-ผู้ออกแบบฉากต่อสู้ และผู้กำกับ Action) ซึ่งจะคอยสอนเทคนิคต่างๆ เช่น ต่อยยังไงถึงจะโดนจริง ใช้สลิงต้องทำยังไง สอนท่ารำมวยไทย รวมถึงเทคนิคการต่อสู้ต่างๆ ที่ต้องใช้ในการถ่ายทำจริง
นอกจาก พี่ท็อป ที่สอนทางด้านแอ็คชั่นมันส์ๆ รวมถึงการต่อสู้แบบมวยไทยแล้ว ก็ยังมี AN CHANG BUM (อาน ชัง บอม) เป็นผู้ออกแบบท่าเทควันโดจากค่าย K-Tigers มาร่วมฝึกสอนด้วย
คือในภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับการต่อสู้แบบเทควันโด จึงต้องมีครูผู้รู้เกี่ยวกับศาสตร์เทควันโดก็จะเป็น Mr. An (มิสเตอร์อาน) เขาเป็นครูที่สอนผมมาตั้งแต่มัธยมปลาย เขาเป็นโค้ชของผมครับ แต่ถ้าทางด้านผู้เชี่ยวชาญแอ็คชั่นด้านภาพยนตร์ก็ต้องเป็น พี่ท็อปครับ ทั้งสองคนก็ช่วยกันแสดงความคิดเห็นเพื่อให้มันออกมาดีที่สุด เช่น ทางด้าน Mr. An ก็คอยดูท่วงท่า เทควันโด จะใช้ท่าไหนให้มันออกมาดีออกมาสวย ทางด้านพี่ท็อปก็จะดูอีกทีว่าพอท่าจะเอามาใช้กับแอ็คชั่นทางภาพยนตร์ แล้วต้องออกมาในรูปแบบไหน ส่วนผมก็จะคอยเรียนรู้จากทั้งสองคนครับ
ฉากที่ยากสำหรับแทจู คือฉากอะไร
การทำท่าเตะของเทควันโดมีหลายท่าที่ยาก สำหรับฉากที่ยากจะเป็นฉากกระโดดหมุนตัวเตะกลางอากาศในเรื่องผมจะต้องหมุนตัวให้ได้ 900 องศา ซึ่งเป็นท่าที่ไม่ง่ายเลยจริงๆ ส่วนตัวแล้วผมก็อยากทำให้ได้ ผมจึงตั้งใจทุ่มเทฝึกฝนตัวเองเป็นอย่างหนัก ซ้อมแล้วซ้อมอีกครับ นับว่าเป็นฉากที่ยากมากๆ (ปัจจุบันแทจูสามารถกระโดดหมุนตัวเตะกลางอากาศได้ถึง 1080 องศา ซึ่งมีเพียงไม่กี่คนในโลกนี้ที่ทำได้)
แล้วฉากไหนที่แทจูประทับใจมากที่สุด
ฉากในสวนสัตว์ครับ ฉากประทับใจเป็นตอนที่แทยังโดนตามล่าจากผู้ร้าย ทำให้เกิดการต่อสู้กันแล้วฉากนั้นผมก็เอาชนะผู้ร้ายได้ด้วยการเตะ 15 คนทีเดียวรวดเลยครับ หลายเทคเหนื่อยหน่อยแต่ประทับใจ แต่ปกติผมเป็นคนจิตใจดีนะ (ยิ้ม) ถึงแม้จะพยายามต่อยไม่ให้โดนแต่สุดท้ายก็ต้องต่อยให้โดน พอหลังจากถ่ายเสร็จผมจะเข้ามาขอโทษทุกครั้งครับ คือมันจะต้องให้โดนจริงๆครับ ก็เพื่อทั้งสตันท์แมนและผมจะได้ไม่ต้องเหนื่อยเยอะ เพราะถ้าทำซ้ำบ่อยๆ ไม่ผ่านก็ยิ่งเหนื่อยเข้าไปอีกเจ็บอีกด้วย แต่เราเข้าใจกันครับ พออยู่หลังกล้องพวกเราก็เล่นเกมด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน กินส้มตำด้วยกัน ผมรู้สึกสนิดกับสตันท์แมนมากที่สุดครับและก็ฉากที่ผมกับน้าหม่ำอาบน้ำช้างในสวนสัตว์ด้วยครับ เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้สัมผัสโดนตัวช้างจริงๆ และเป็นครั้งแรกที่ได้อาบน้ำช้างด้วยครับ ช้างเนี่ยมันตัวใหญ่มากๆ แล้วขนมันก็จะแข็งด้วย (หัวเราะ) เป็นสัตว์ที่ดูซื่อๆ น่ารักเหมือนเด็กเลยครับ ฉากนี้ผมตื่นเต้นมาก นับว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ สำหรับผมเลย ถึงแม้ในใจจะมีแอบกลัวเพราะว่าตัวใหญ่ (หัวเราะ)
นอกจากฝึกซ้อมแอ็คชั่นแล้ว ทราบมาว่ายังต้องฝึกซ้อมเต้นสไตล์ K-POP อีกด้วย
ในเรื่องนี้ตามคาแร็คเตอร์ของแทยัง คือมีความฝันอยากเป็นนักร้อง และจะต้องไปออดิชั่นแข่งขันกับคนอื่นๆ ผมก็ต้องไปเริ่มฝึกซ้อมการเต้น ต้องใช้เวลาซ้อม10-12 ชั่วโมงเลยในแต่ละวัน ไม่ต่างกับการถ่ายหนังเลยครับ เพราะปกติแล้วผมเต้นไม่เก่ง ก็ต้องฝึกอย่างหนักเพื่อแสดงในหนังเรื่องนี้ ทั้งเต้น ร้องเพลง จนตอนนี้ผมเริ่มชินคุ้นเคยกับมันมากขึ้นแล้วครับ พอต้องถ่ายฉากนี้ ผมก็จินตนาการว่าผมจะต้องเป็นนักร้องให้ได้ ทั้งร้องทั้งเต้นเต็มที่ ให้กล้องถ่ายไปเต็มจอเห็นหน้าชัดๆ เลยครับ
ความรู้สึกที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับซูเปอร์สตาร์ของเกาหลีอย่าง CHO JAEHYUN และ YE JIWON
ทั้งคู่ถือว่าเป็นนักแสดงที่มีฝีมือยอดเยี่ยมมากครับ ทำให้ผมเองรู้สึกว่าผมยังเก่งสู้ไม่ได้เลย จนถึงทุกวันนี้ผมยังกังวลว่าผลงานจะออกมาดีหรือเปล่า แต่ก็เป็นจุดที่ทำให้ผมตั้งใจที่จะเรียนรู้มากขึ้นครับ ทั้งคุณโจแจฮุนและคุณเยจีวอน จะคอยแนะนำผมเรื่องการแสดงตลอด ผมก็พยามเรียนรู้จดจำสอนให้ผมได้รียนรู้ในหลายๆ อย่างครับ (ยิ้ม)
นอกจากซูเปอร์สตาร์เกาหลีแล้วยังได้ร่วมงานกับซูเปอร์สตาร์ตลก หม่ำ จ๊กม๊ก และซูเปอร์สตาร์แอ็คชั่นหญิง จีจ้า ญาณิน รู้สึกอย่างไรบ้าง
สำหรับน้าหม่ำ เขาเป็นนักแสดงตลกที่มีชื่อเสียงมาก บางทีเขาพูดอะไรมาแต่ละคำผมก็จะงงๆ เอ๊ะพูดอะไรอยู่นะ อีกอย่างผมเองก็ยังฟังภาษาไทยไม่ค่อยออกด้วย แต่จะพยามสังเกตุจากสีหน้าของน้าหม่ำ ก็พอจะเริ่มเดาออกว่ามันต้องตลกๆ ขำๆ แน่นอน เวลาอยู่กับน้าหม่ำจะสนุกจริงๆ ครับ น้าหม่ำก็แสดงเก่งมากด้วย และก็ได้น้าหม่ำที่ช่วยสอนให้พูดไทยด้วยครับ ต่างคนก็ต่างสอนภาษากันและกัน ดีใจที่ได้ร่วมงานกับน้าหม่ำอย่างมากครับ
ส่วนจีจ้า เขาเป็นรุ่นพี่ที่น่ารักครับ อยู่ในกองพวกเราอยู่แบบพี่น้องก็จะชอบล้อเล่นบ่อย ได้มาร่วมงานก็รู้สึกดีใจมากเช่นกันครับ กับจีจ้าตอนที่เราจะถ่ายฉากแอ็คชั่นตอนนั้นผมแอบกลัวนะ เพราะจีจ้าเขาเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียง ทั้งน่ารักและก็เก่งมาก มวยไทยก็เก่ง อย่างฉากที่มวยไทยต้องมาเจอกับเทควันโด สุดยอดมากครับ
อีกคนนึงที่ผมได้ร่วมแสดงด้วย คือ น้องยูโร เป็นเด็กที่น่ารัก และเป็นเด็กที่ฉลาดมากครับ ตอนเจอครั้งแรกๆ ผมนึกว่าเป็นเด็กเกาหลีนะ หน้าตาคล้ายมากครับ (หัวเราะ) ผมกับยูโรจะชอบเล่นชอบแหย่กันเวลาอยู่ที่กอง อีกอย่างยูโรเขามีการพัฒนาทางด้านการแสดงที่ดีขึ้นมากเก่งครับ
การได้มีโอกาสแสดงภาพยนตร์แอ็คชั่น ของผู้กำกับแอ็คชั่นไทยที่มีชื่อเสียงอย่าง ปรัชญา ปิ่นแก้ว รู้สึกตื่นเต้นหรือว่าเกร็งบ้างไหม
ก่อนที่จะได้ร่วมงานกับคุณปรัชญา ผมทราบมาว่าเขาเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงด้านการกำกับภาพยนตร์แอ็คชั่นมาก อย่างเรื่อง องค์บาก ต้มยำกุ้ง เป็นภาพยนตร์ที่โด่งดังหลายคนทั่วโลกรู้จักดี ก็รู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมากที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับคุณปรัชญา ตื่นเต้น ดีใจมากครับรวมถึงนักแสดงคนอื่นก็ด้วยเช่นกัน ตอนแรกๆ ก็แอบเกร็งนิดหน่อเพราะเวลาทำงานคุณปรัชญาจะนิ่งๆ ขรึมๆ แต่อีกมุมนึงเขาเป็นคนน่ารัก กุ๊กกิ๊กมาก สามารถกินไอติมพร้อมกัน 2 อันได้ด้วย (หัวเราะ) เหมือนเด็กเลย คุณปรัชญาน่ารักมากครับ
ส่วนตัวของแทจูมีมุมมองความคิดเกี่ยวกับภาพยนตร์แอ็คชั่นไทยอย่างไร
ผมเคยได้ดูภาพยนตร์เรื่อง องค์บาก ตอนที่อยู่เกาหลี ผมรู้สึกตื่นเต้นว่าเป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นที่ยิ่งใหญ่มากครับ เรื่องถัดมาที่ได้ดูคือ ช็อคโกแลต ที่จีจ้าแสดงก็สนุกลีลาแอ็คชั่นยอดเยี่ยมมาก เอาเป็นว่าผมชอบหนังแอ็คชั่นไทยมากดูแล้วตะลึงเลยครับ
ความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่อง THE KICK
เป็นภาพยนตร์แนว Action Comedy และเป็นครั้งแรกที่ประเทศเกาหลีร่วมมือกับประเทศไทย เพื่อสร้างภาพยนตร์แนวแอ็คชั่น ครบสมบูรณ์อย่างเต็มรูปแบบมีการนำศิลปะการต่อสู้ระหว่างเทควันโดและมวยไทยมาผสมผสานกันด้วย และยังได้มีการออกแบบดีไซน์ท่าทางแอ็คชั่นการต่อสู้ใหม่อย่างสวยงาม ผมหวังว่าทั้งคนไทยและคนเกาหลีน่าจะชอบภาพยนตร์เรื่องนี้ครับ
ฝากผลงานภาพยนตร์
สำหรับภาพยนตร์ครั้งนี้ ผมตั้งใจทุมเท่เป็นอย่างหนัก เต็มที่กับทุกอย่างเพราะผมอยากให้ออกมาดีและเป็นภาพยนตร์ที่ดีสมบูรณ์ครับ รวมถึงทีมงานทุกคนที่ทุ่มเทเช่นกัน หวังไว้ว่าอยากให้คนที่ได้ชมภาพยนตร์ดูแล้วต้องร้องว๊าว! ดูแล้วจะต้องจดจำไปตลอด มาเป็นกำลังให้ผมมากๆ นะครับ ติดตามชมภาพยนตร์เรื่อง THE KICK ด้วยครับ ขอบคุณครับ (ยิ้ม)