ปลุกตำนานทหารเสือ + ดาตาญัง และสามทหารเสือ
โรเบิร์ต คัลเซอร์ และ เจเรมี่ โบลท์ สองผู้อำนวยการสร้าง กลับมาร่วมงานกับผู้กำกับ พอล ดับบลิวเอส แอนเดอร์สัน อีกครั้งใน The Three Musketeers แต่มันแตกต่างจากผลงานก่อนหน้าอย่างแฟรนไชส์ Resident Evil เพราะครั้งนี้พวกเขาต้องย้อนยุคไปเล่าตำนานแห่งการผจญภัยในยุควิคตอเรียน
ผู้อำนวยการสร้าง โรเบิร์ต คัลเซอร์ พูดถึงจุดเริ่มต้นในการสร้างว่า "ผมกับ พอล ร่วมงานกันมานานกว่า 10 ปี ปกติหนังแล้วของเราจะเกี่ยวกับ ซอมบี้ อสุรกาย และยานอวกาศ แต่ครั้งนี้จะเป็นอะไรที่แตกต่างออกไป ผมคิดว่า พอล ได้รับแรงบันดาลใจมาจากลูกสาวในการสร้างเรื่องราวการผจญภัย มันเป็นโอกาสเหมาะที่จะแสดงให้เห็นว่า พอล ไม่ใช่แค่ผู้กำกับหนังแอ็คชั่น แต่เขายังเป็นนักเล่าเรื่องที่สามารถถ่ายทอดทั้ง การต่อสู้ ความรัก อารมณ์ขัน และเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจ"
การคัดเลือกตัวนักแสดงถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญ เพราะตัวละครในเรื่องต่างก็เป็นที่รู้จัก และเคยถูกถ่ายทอดมาแล้วในโลกภาพยนตร์ คัลเซอร์ เล่าว่า "ความท้าทายอยู่ที่การคัดเลือกนักแสดง เพราะทุกคนต้องเข้าใจบทบาทของตัวละคร และยังต้องมีความทุ่มเทอีกด้วย เมันต้องมีทั้งการฟันดาบ ขี่ม้า หรือห้อยตัวอยู่อากาศ นักแสดงที่เข้ามารับบทจะต้องมีความสามารถรอบด้าน"
โลแกน เลอร์แมน เป็นนักแสดงคนแรกที่ถูกเลือกให้เข้ามารับบทเป็น ดาตาญัง เขาเผยว่า "ดาตาญัง เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นหนุ่ม เป็นตัวละครที่เต็มไปด้วยแรงใจ ที่ช่วยจุดประกายให้สามทหารเสือกลับมาสู้อีกครั้ง ถึงแม้ตอนแรกเขาจะเป็นเด็กที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง แต่เขาก็ได้เรียนรู้ที่จะยอมรับผู้อื่นเมื่อเดินทางถึงปารีสและพบกับคนมากหน้าหลายตา"
ผู้อำนวยการสร้าง เจเรมี่ โบลท์ ก็พูดถึงความคล้ายคลึงระหว่าง เลอร์แมน กับตัวละครของเขาว่า "เราอยากให้ ดาตาญัง มีอายุเท่ากับในหนังสือ นั้นคือประมาณ 17-18 ปี เขาเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ ถึงแม้ร่างกายและความสามารถจะยังไม่มากพอ แต่เขามีไหวพริบและเข้ากับคนง่าย และยังมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ผมมีความรู้สึกว่า โลแกน เกิดมาเพื่อรับบทเป็น ดาตาญัง จริงๆ"
เลอร์แมน รู้สึกตื่นเต้นในการได้ร่วมงานกับ พอล ดับบลิวเอส แอนเดอร์สัน เขาเผยว่า "การทำงานร่วมกับ พอล และทีมงานของเขาถือเป็นประสบการณ์ที่สุดยอด เพราะคุณสามารถทำความเข้าใจกับตัวละคร และสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามที่คุณรู้สึก พอล เปิดรับความคิดเห็นของทุกคน"
นอกจากนั้น เลอร์แมน ก็ยังตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับนักแสดงที่เข้ามารับบทเป็นสามทหารเสือ ถึงแม้การพบกันครั้งแรกของพวกเขาในหนังไม่ได้เป็นอย่างที่ ดาตาญัง จินตนาการเอาไว้ "เมื่อ ดาตาญัง พบสามทหารเสือ เขาก็รู้สึกผิดหวังอย่างรุนแรง เขาคิดว่าสามทหารเสือจะเป็นวีรบุรุษเหมือนที่ถูกเล่าขาน แต่กลับกลายเป็นพวกขี้เมาและไม่มีจุดหมายในชีวิต อย่างไรก็ตาม ดาตาญัง ก็ได้รับการยอมรับจากสามทหารเสือ และทำให้พวกเขาพร้อมกลับไปต่อสู้กับศัตรูอีกครั้ง"
การคัดเลือกนักแสดงเข้ามาเป็นสามทหารเสือไม่ใช่เรื่องซับซ้อน เพราะในหนังสือของ ดูมาส์ ก็ได้อธิบายบุคลิกของแต่ละคนเอาไว้ชัดเจน ไม่วาจะเป็น อารามิส ผู้ลึกลับ, ปอร์โต ผู้น่าเกรงขาม และ อาโตร์ ผู้เศร้าโศก
เจเรมี่ โบลท์ พูดถึงนักแสดงที่เข้ามารับบทเป็นสามทหารเสือว่า "พวกเขาต้องสร้างความสมดุลให้แก่กันและกัน เพราะสามทหารเสือต้องมีความเท่าเทียมกัน แมทธิว แม็กเฟเดียน เข้าใจความเศร้าที่ถูกซ่อนในตัว อาโตร์ ในขณะที่ เรย์ สตีเวนสัน ก็สามารถถ่ายทอด ปอร์โต ที่สนุกและเต็มที่กับชีวิตได้อย่างดี และ ลุค อีแวน ก็เหมาะกับ อารามิส ที่รูปงามแต่ก็เต็มไปด้วยปริศนา"
แมทธิว แม็กเฟเดียน รู้สึกดีใจกับบทบาทที่ได้รับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมิติของตัวละคร "อาโตร์ ถูกหักหลังโดยคนรักของเขา เมื่อ มิลาดี หันไปร่วมมือกับ บัคกิ้งแฮม และทำให้ อาโตร์ กลายเป็นคนที่หมดความเชื่อในชีวิต เขาเป็นตัวละครที่มีด้านมืดและใช้การดื่มเพื่อซ่อนความเศร้า"
แม็กเฟเดียน เล่าถึงประสบการณ์ในการร่วมงานกับผู้กำกับว่า "พอล มีพลังงานที่ไม่มีวันหมด ความตื่นตัวของเขาทำให้พวกเรารู้สึกตื่นเต้นไปด้วย นี่คือสิ่งที่ผู้กำกับทุกคนควรมี นั้นคือมีแรงใจกับสิ่งที่พวกเขากำลังทำ เพราะอย่างน้อยมันจะช่วยทำให้นักแสดงมีแรงบันดาลใจ"
ถึงแม้จะเป็นเพื่อนสนิท แต่สามทหารเสือต่างก็มีบุคลิกที่แตกต่างกัน ลุค อีแวน ที่รับบทเป็น อารามิส ก็หลงไหลในนิยายสามทหารเสือมาตั้งแต่เด็ก เขาพูดถึงการที่ ดาตาญัง เข้ามาในชีวิตของสามทหารเสือ "พวกเรารับ ดาตาญัง เข้ามาเป็นครอบครัวเดียวกัน อาโตร์ เปรียบเสมือนพ่อของเขา ส่วน ปอร์โต ก็เหมือนกับคุณลุง และสำหรับ อารามิส เขาก็เป็นเหมือนพี่ชายของเขา เราเปรียบเสมือนกับครอบครัวใหญ่"
อีแวน พูดถึงรายละเอียดในตัวละครของเขาว่า "อารามิส เคยเป็นนักบวชมาก่อน เขามักจะอ่านไบเบิ้ลหรือสวดมนต์อยู่เสมอ เขามีจิตวิญญาณที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมและยังเป็นเพื่อนที่ดี เขาไม่เคยทรยศผู้อื่น และสวดให้กับศัตรูทุกคนที่เขาสู้ด้วย ในสนามรบ อารามิส จะมีสไตล์การต่อสู้ที่ทั้งโดดเด่น คล่องแคล่ว และงดงาม เขาเป็นเหมือน เจมส์ บอนด์ แห่งศตวรรษที่ 17”
เรย์ สตีเวนสัน รับบทเป็น ปอร์โต ผู้เปี่ยมไปด้วยพลังในการใช้ชีวิต เขาเผยถึงการเตรียมตัวเพื่อรับบทเป็นตัวละครนี้ว่า "สิ่งที่สำคัญคือเราต้องสร้างสรรค์ตัวละครในแนวทางของตัวเอง คุณไม่สามารถลอกเลียนแบบจากหนังที่เคยมีมา การต่อสู้ของ ปอร์โต มีความแตกต่าง การแต่งตัวและมีทัศนคติก็แตกต่างจากคนอื่น แต่ภายในจิตใจเขาก็ยังมีเลือดของทหารเสืออยู่เต็มเปี่ยม นั้นคือสิ่งที่เชื่อมทั้งสามคนเข้าด้วยกัน"
สตีเวนสัน ถือเป็นนักแสดงที่เข้าฉากต่อสู้มากที่สุด โดยเขาได้นักกีฬาฟันดาบเหรียญทองโอลิมปิด อิมเค่ ดูพริเซอร์ มาช่วยฝึก เขาเล่าถึงประสบการณ์ว่า "อิมเค่ เป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยม โดยเมื่อเราต้องถ่ายทำแบบ 3D ถูกอย่างที่คุณทำจะจะต้องออกมาเป๊ะทุกมุม ดังนั้นกฏระเบียบของการถ่ายทำในระบบ 3D ก็จะต้องมีมากกว่าปกติ และอย่าลืมว่าคุณต้องเหวี่ยงดาบไปหาเพื่อนนักแสดง ดังนั้นคุณก็ต้องมีความแม่นยำกว่าการถ่ายทำในระบบปกติ"