happy on November 05, 2011, 09:35:22 PM
Dirty Girl


จัดจำหน่ายโดย      เอ็ม พิคเจอร์ส  
ชื่อภาษาไทย      นางสาวแซ่บเวอร์      
ภาพยนตร์แนว      ดราม่า
จากประเทศ      สหรัฐอเมริกา
กำหนดฉาย      10  พฤศจิกายน  2554
ณ โรงภาพยนตร์   เฉพาะในเครือเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์
ผู้กำกับ         Abe Syvia (เอบ ซิลเวีย)
อำนวยการสร้าง      Rob Paris (ร็อบ ปารีส)

นักแสดง         Milla Jovovich (มิลล่า โจโววิช)   จาก Resident Evil
         Juno Temple (จูโน่ เทมเปิ้ล) จาก The Three Musketeers, Atonement
         และ Jeremy Dozier (เจเรมี โดเซียร์)


จุดเด่น    Dirty Girl ถือว่าเป็นภาพยนตร์ชั้นเยี่ยมอีกเรื่องหนึ่งหลังจากได้รับเลือกให้เข้าฉายในเทศกาลโตรอนโต้ ฟิล์ม เฟสติวัล ที่เป็นการรวมตัวกันของเหล่านักแสดงแสบซ่าส์ของฮอลลีวู้ด อาทิ จูโน่ เทมเปิ้ล และ มิลล่า โจโววิช ภาพยนตร์เรื่องนี้ผสมผสานระหว่าง ความเป็นดราม่าโดยในความ ดราม่าก็ใส่ความตลกเข้าไป ทำให้ผู้ชมได้หัวเราะและร้องไห้ไปในเวลาเดียวกัน




เรื่องย่อ

               ทุกคนยังคงจดจำสาวแสบสมัยไฮสคูลของพวกเขาได้ ไฮสคูลทุกที่มีสาวแสบทั้งนั้นแหละ และ     แดเนียลก็เป็นสาวแสบประจำโรงเรียนนอร์แมน ไฮ ปีนั้นเป็นปี 1987 สถานที่คือนอร์แมน, โอกลาโฮมา ในยุคที่กางเกงยีนส์ลายดอกและการลดละเลิกเหล้ายังเป็นกระแสฮ็อตฮิตอยู่ เมื่อพฤติกรรมสุดป่วนของแดเนียลทำให้เธอโดนไล่ออกจากคลาสเรียนพิเศษ เธอก็ได้พบกับคลาร์ค เกย์หนุ่มขี้อายที่ไม่มีเพื่อน เมื่อถูกบีบให้ทำงานโปรเจ็กต์ร่วมกัน พวกเขาก็กลายเป็นพ่อแม่จำเป็นของถุงแป้งที่มีชื่อว่า “โจน” แดเนียลมุ่งมั่นที่จะเดินทางไปแอลเอเพื่อตามหาพ่อที่เธอไม่เคยพบหน้า ส่วนคลาร์คก็ดิ้นรนที่จะหนีการถูกพ่อผู้เกลียดชังเกย์ส่งไปเรียนโรงเรียนทหาร แม้ไม่มีเงิน แต่ภายใต้แรงผลักดันโดยบทเพลงที่ยอดเยี่ยมแห่งยุค 80s ก็ส่งครอบครัวเล็กๆ ที่ไม่สมประกอบนี้ให้ตั้งต้นเดินทางสู่แคลิฟอร์เนีย เพื่อหนีจากเมืองเล็กๆ ที่กีดกันไม่ให้พวกเขาเป็นตัวของตัวเอง
« Last Edit: November 06, 2011, 12:13:33 AM by happy »

happy on November 06, 2011, 12:21:26 AM



ผู้กำกับ

Abe Syvia (เอบ ซิลเวีย)

               เอบ ซิลเวีย เริ่มต้นทำงานในแวดวงบันเทิงด้วยการเป็นนักเต้นและนักแสดงละครบรอดเวย์ ด้วยการ “แสดงสองปี” ใน Cats ตามมาด้วยการแสดงในละครฮิตโดยเมล บรูคส์เรื่อง The Producers เขาเคยร่วมงานกับผู้กำกับชั้นนำอย่างซูซาน สโตรแมน, เทรเวอร์ นันน์, กิลเลียน ลินน์, เจเรมี แซมส์, ไมเคิล เบย์, เจอร์รี มิทเชล, เจฟฟ์ คัลฮูนและทอมมี จูนมาแล้ว เขาหันไปสนใจงานจอแก้ว จอเงินและโฆษณาในปี 2001 เขาสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนภาพยนตร์ยูซีแอลเอ ที่ซึ่งเขาได้เรียนกับกิวลา แกซแด็ค, เจอร์ซี แอนท์แซ็ค, แนนซี ริชาร์ดสันและเคอร์ติส เคลย์ตัน เขาได้รับรางวัลแจ็ค นิโคลสัน ดิสติงกวิช ไดเร็คเตอร์ อวอร์ด, รางวัลเจมส์ บริดเจสสาขากำกับ และรางวัลวิโต้ รุสโซสาขาการเขียนบท ผลงานภาพยนตร์ของเขาได้เข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกว่า 100 แห่ง เขาได้กำกับและ/หรือออกแบบท่าเต้นในโฆษณาสำหรับสเว็ดก้า ว้อดก้า, โคคา-โคลาและไครส์เลอร์ ล่าสุด เอบได้เขียนบทและกำกับตอนไพล็อตให้กับมายสเปซ เทเลวิชัน เกี่ยวกับชีวิตของนักศึกษาวิทยาลัยศิลป์ชื่อดังหกคน
               Dirty Girl ซึ่งเขาเขียนบทด้วย เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา


สารจากผู้กำกับ

               “มันเป็นปี 1986 และผมก็ยืนอยู่ในกลุ่มที่โรงเรียนวิทเทียร์ มิดเดิล สคูลในนอร์แมน, โอกลาโฮมา ผมอ้วนเกินพิกัด ยังปิดบังตัวเองอยู่และแอบฝันลับๆ ว่าซักวันหนึ่ง ผมจะได้เป็นนักเต้น ผมมีความฝันที่ยิ่งใหญ่สำหรับตัวเอง แต่ตอนนั้น ผมพยายามอย่างที่สุดไม่ให้ตัวเองสะดุดตาใคร และเฝ้ารอให้เวลาพักเที่ยงสุดสยองสิ้นสุดลงเสียที ในตอนที่ทอร์นาโดพัดเข้ามาในรูปแบบของ ‘เดอร์ตี้ เด็บบี้’
               เด็บบี้อายุ 16 ยังเรียนเกรดเจ็ดอยู่ โจน เจ็ทท์บอกว่าเธอ “ไม่ยี่หระ” กับ “ชื่อเสีย” ของตัวเองเลยจนกระทั่งตอนนั้น เธอเดินนวยนาดผ่านกลุ่มนักเรียนมา โดยที่เสื้อเธอเปิดออกหมด เผยให้ทุกคนได้เห็นหน้าอกที่อวบอิ่มของเธอ เธอฉีกยิ้มกว้างและหัวเราะเหมือนไฮยีนาเสียสติ ผมไม่รู้ว่าเด็บบี้พบตัวเองอยู่ในสถานการณ์นี้ได้อย่างไร เธอหนีจากหนุ่มที่ลวนลามเธอรึเปล่า หรือเธอทำตามคำท้าของคนอื่น หรือในตอนนั้น เธอตัดสินใจว่าที่นี่มันน่าเบื่อเกินไป ก็เลยอยากจะทำให้มันมีสีสันขึ้นซักหน่อยรึเปล่า
               ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไร เด็บบี้สนุกกับการกระทำของตัวเองมาก…ต่างจากพวกเราที่เหลือ เธอชื่นชอบการเป็นเด็กสาวคนนั้น ในเมืองแห่งนี้ ที่ที่เด็กหนุ่มอย่างพวกผมถูกกีดกันไม่ให้เป็นตัวของตัวเอง ยังมีเด็บบี้ ที่เป็นตัวแทนของการทำตามใจตัวเองอย่างสุดกู่ เธอถูกลดค่า แต่ก็พัฒนาขึ้น เธอบุบสลาย แต่ก็สมบูรณ์พร้อม…และผมก็ชอบเธอครับ ผมไม่รู้เลยว่าเดอร์ตี้ เด็บบี้ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง แต่ผมก็หวังว่าเธอคงจะมีความสุขดี และผมก็หวังว่าเธอจะชอบหนังที่ผมสร้างขึ้นเกี่ยวกับมิตรภาพในจินตนาการระหว่างเรานะครับ”

เอบ ซิลเวีย กันยายน ปี 2010

               “เอบ ซิลเวีย มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับทุกแง่มุมของหนังเรื่องนี้ ตั้งแต่เรื่องของการออกแบบงานสร้างไปจนถึงเครื่องแต่งกาย เขาสร้างบรรยากาศในกองถ่าย ที่ทำให้คนรู้สึกเหมือนพวกเขาสามารถลองเสี่ยงและเสนอความคิดที่อาจจะทำให้โปรเจ็กต์นี้ดีขึ้นได้ครับ”
ทิม แม็คกรอว์

               “การร่วมงานกับเอบเป็นเหมือนความฝันครับ วิสัยทัศน์ที่น่าทึ่งและความคิดสร้างสรรค์ของเขาทำให้ทุกคนในกองถ่ายตื่นเต้น ผมคิดว่าทุกคนรู้ดีว่าเอบเป็นคนพิเศษและด้วยเหตุนั้น พวกเขาก็เลยรู้ดีว่าโปรเจ็กต์นี้จะต้องเป็นอะไรที่พิเศษสุดครับ”
เจเรมี โดเซียร์

               “เอบ ซิลเวียเกิดมาเพื่อกำกับค่ะ เขามีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับทุกแง่มุมของหนังเรื่องนี้ ตั้งแต่เรื่องของการออกแบบงานสร้างไปจนถึงเครื่องแต่งกาย และทรงผมสุดฮาของฉัน นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้กำกับแบบที่ทำให้นักแสดงอยากจะเดินลุยไฟเพื่อเขา เขาสร้างบรรยากาศในกองถ่าย ที่ทำให้คนรู้สึกเหมือนพวกเขาสามารถลองเสี่ยงและเสนอความคิดที่อาจจะทำให้โปรเจ็กต์นี้ดีขึ้นได้ค่ะ ฉันอยากจะร่วมงานกับเขาอีกครั้ง”
แมรี สทีนเบอร์เกน

               “การร่วมงานกับเอบมหัศจรรย์มากค่ะ ฉันเชื่อใจเขาด้วยชีวิตของฉันเอง ซึ่งหมายความว่าฉันสามารถปลดปล่อยตัวเองและทุ่มเทให้กับตัวละครที่วิเศษสุดที่เขาได้สร้างขึ้น เขามีวิสัยทัศน์ที่น่าทึ่งและช่วงเวลาแต่ละนาทีก็โลดแล่นมีชีวิตในจินตนาการของเขาอยู่แล้ว ฉันตื่นเต้นมากที่ได้ร่วมงานกับผู้กำกับที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทุกแง่มุมของหนังเรื่องนี้ (เอบเป็นคนพบและซื้อเสื้อผ้าของฉันบางชุดด้วยซ้ำไป) เขามีอนาคตที่รุ่งโรจน์รออยู่ข้างหน้า และฉันก็รู้สึกเป็นเกียรติและซาบซึ้งอย่างยิ่งที่เขาเชื่อว่าฉันสามารถแสดงในเรื่องนี้ได้ ฉันหวังจริงๆ ว่าฉันจะมีโอกาสได้ร่วมงานกับเขาอีกครั้ง เราสนุกกันสุดๆ จริงๆ ค่ะ!”
จูโน เทมเปิล
« Last Edit: November 06, 2011, 06:15:21 PM by happy »

happy on November 06, 2011, 06:27:25 PM







Juno Temple (จูโน่ เทมเปิ้ล) รับบทเป็น Danielle (แดเนียล)

               จูโน เทมเปิล มีชื่อเสียงเป็นครั้งแรกจากบทบาทเล็กๆ ที่น่าจดจำใน Atonement, Notes On A Scandal และ The Other Boleyn Girl หลังจากนั้น เธอก็ได้ชิมลางงานคอเมดีด้วยภาพยนตร์สุดฮิตสัญชาติอังกฤษเรื่อง St Trinian’s นับตั้งแต่นั้นมา เธอก็โด่งดังขึ้นด้วยบทนำในภาพยนตร์โดยจอร์แดน สก็อตเรื่อง Cracks และการได้แสดงประกบไมเคิล เซราใน Year One ในปีถัดไป นอกเหนือจากบทแดเนียลใน Dirty Girl แล้ว เธอยังจะได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์โดยซัมมิท เอนเตอร์เทนเมนต์และคอนสแตนติน ฟิล์มส์เรื่อง The Three Musketeers อีกด้วย
   จูโน เทมเปิลกล่าวว่า “ฉันชื่นชอบสคริปต์เรื่องนี้มากค่ะ จริงๆ แล้ว ฉันวางมันไม่ลงด้วยซ้ำ มันกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกในตัวฉันและฉันก็คิดว่าแดเนียลเป็นผู้หญิงที่พิเศษสุด และเป็นบทที่ท้าทายมากจนฉันอยากจะรับบทนี้เหลือเกิน นอกจากนั้น นักแสดงคนอื่นๆ ก็ด้วย กลุ่มคนที่ทำงานในโปรเจ็กต์นี้เป็นกลุ่มคนที่เหลือเชื่อจริงๆ และหลังจากได้พบและออดิชันกับเอบ ฉันก็รู้ว่าฉันอยากจะเป็นส่วนหนึ่งของ Dirty Girl มันไม่เหมือนเรื่องไหนๆ ที่ฉันเคยอ่านมาก่อนเลยค่ะ”


Jeremy Dozier (เจเรมี โดเซียร์) รับบทเป็น Clarke (คลาร์ค)

               เจเรมี โดเซียร์ไม่เคยได้รับบทสำคัญมาก่อนหน้าที่จะได้รับเลือกให้แสดงใน Dirty Girl การค้นหานักแสดงสำหรับบทคลาร์คดำเนินไปในวงกว้างและไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย เพราะนักแสดงคนนั้นจะต้องมีความสามารถหลากหลายพิเศษขณะที่ตัวละครตัวนี้จะค่อยๆ ก้าวออกจากเปลือกตัวเอง นอกเหนือจากนั้น เขายังจะต้องมีท่าเต้นสุดยอดด้วย หลังจากที่เอบ ซิลเวียได้ทดสอบหน้ากล้องของเจเรมี เขาก็จับโดเซียร์ไปทดลองเต้นในสตูดิโอเพื่อดูลีลาของเขา ผลที่ออกมาค่อนข้างจะ…น่าตื่นตาตื่นใจ และเรื่องหลังจากนั้นก็เป็นเรื่องอดีตไปแล้วล่ะ
   เจเรมี โดเซียร์กล่าวว่า “สิ่งที่ทำให้ผมทึ่งที่สุดเกี่ยวกับบทคลาร์คคือความเข้มแข็งภายใน แม้ว่าเขาจะมาจากครอบครัวที่ทุบตีเขาและถูกกลั่นแกล้งที่โรงเรียน คลาร์คก็ยังเป็นคนที่ติดดิน ตลก มีเสน่ห์ ฉลาดและน่ารัก ต้องเป็นคนที่มีความเข้มแข็งมหาศาลเลยนะครับถึงจะสามารถรักษาความเป็นตัวเองอยู่ได้ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมแบบนั้น คนที่อ่อนแอกว่านั้นคงจะโดนเล่นงานจนน่วมไปแล้วล่ะครับ”


Milla Jovovich (มิลลา โจโววิช) รับบทเป็น Sue-Ann (ซู-แอน)

               มิลลา โจโววิชเป็นนักแสดง ซูเปอร์โมเดล นักออกแบบแฟชันและนักร้องหญิงชาวยูเครน ผู้เคยขึ้นปกนิตยสารหลายร้อยเล่มมาแล้ว นับตั้งแต่เธอหันมาโฟกัสที่งานแสดง เธอก็ได้แสดงในภาพยนตร์มากมายเช่น The Fifth Element, Zoolander, The Perfect Vacation และแฟรนไชส์ Resident Evil ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ใน Dirty Girl เธอรับบท    ซู-แอน แม่ของแดเนียลผู้เป็น “สาวใจแตกกลับใจ”
   มิลลา โจโววิชกล่าวว่า “มันเป็นหนึ่งในการทำงานที่สนุกที่สุดเท่าที่ฉันมีโอกาสได้ร่วมงานและฉันรู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ ที่เอบ ซิลเวียพิจารณาฉันในบทตลกประกบทีมนักแสดงที่มีพรสวรรค์และได้รับการเคารพอย่างสูงชุดนี้ ฉันสนุกสุดเหวี่ยงเลย ตัวละครของฉันแตกต่างจากบทอื่นๆ ที่ฉันเคยเล่นมาก่อน การใช้สำเนียงโอกลาโฮมาเป็นความท้าทายจริงๆ เธอเป็นผู้หญิงแปลกๆ ไร้เดียงสา ซื่อบื้อ ที่มีหัวใจดีงามและความตั้งใจดีงาม เธอไม่รู้วิธีการเลี้ยงลูกเลยซักนิด ในตอนจบเรื่อง การที่เธอได้ฟื้นฟูความสัมพันธ์กับลูกสาวของเธอเป็นเรื่องที่สร้างแรงบันดาลใจได้อย่างดีค่ะ”


William H. Macy (วิลเลียม เอช. เมซี) รับบทเป็น Ray (เรย์)

               วิลเลียม เอช. เมซี ผู้อาจเป็นที่รู้จักดีที่สุดจากการแสดงที่ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี อวอร์ดเรื่อง Fargo ได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในฐานะนักแสดงผู้สามารถเล่นได้ทั้งภาพยนตร์อินดีระดับสูงและภาพยนตร์สตูดิโอฟอร์มยักษ์ นอกจากจะสานสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับผู้กำกับพี.ที. แอนเดอร์สันและเดวิด มาเม็ต ผู้ซึ่งเขาได้ร่วมงานด้วยใน Boogie Nights, Magnolia และ The House of Game แล้ว เขายังได้แสดงใน Wild Hogs, Jurassic Park III และ Air Force One อีกด้วย เมซีได้รับบท เรย์ คู่หมั้นมอร์มอน ที่ตกใจง่ายของซู-แอน
   เอบ ซิลเวียกล่าวว่า “ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาเป็นหนึ่งในนักแสดงอเมริกันที่เก่งที่สุด เป็นมือโปรตัวจริงและเป็นผู้ที่ทุ่มเทให้กับตัวละครของตัวเองอย่างสุดตัว เขาดึงเอาคุณสมบัติที่ดีที่สุดออกจากตัวทุกคน ทุกวันผมต้องหยิกตัวเองว่าหนึ่งในฮีโรของผมอยู่ในหนังของผมน่ะครับ”


Mary Steenburgen (แมรี สทีนเบอร์เกน) รับบทเป็น Peggy (เพ็กกี้)

               นับตั้งแต่เธอถูกค้นพบในโรงถ่ายพาราเมาท์โดยแจ็ค นิโคลสันในปี 1978 แมรี สทีนเบอร์เกนก็ได้ทำให้ผู้ชมตื่นตะลึงในภาพยนตร์กว่าห้าสิบเรื่องตลอดกว่ายี่สิบปีที่ผ่านมา นอกเหนือจากการคว้าอคาเดมี อวอร์ดจากการแสดงใน Melvin และ Howard แล้ว เธอยังได้แสดงในภาพยนตร์หลายเรื่องเช่น Back to the Future III, Parenthood, Philadelphia และ Nixon ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เธอได้แสดงอย่างยอดเยี่ยมในคอเมดี ซึ่งรวมถึง Elf, Step Brothers และภาพยนตร์ปี 2009 The Proposal ที่ได้แสดงประกบแซนดรา บุลล็อคและไรอัน เรย์โนลด์ส แมรีรับบทเพ็กกี้ แม่ปากร้ายของคลาร์ค
   แมรี สทีนเบอร์เกนกล่าวว่า “ฉันชอบสคริปต์เรื่อง Dirty Girl ค่ะ แล้วฉันก็ประทับใจกับทีมนักแสดงที่เหลือเชื่อ ที่รู้สึกถูกดึงดูดเข้าหาโปรเจ็กต์นี้เหมือนกับฉัน”


Dwight Yoakam (ดไวท์ โยแคม) รับบทเป็น Joseph (โจเซฟ)

               ดไวท์ โยแคม เป็นนักร้อง/นักแต่งเพลง นักแสดงและผู้กำกับชาวอเมริกัน ที่โด่งดังที่สุดจากดนตรีคันทรีบุกเบิกของเขา เขามียอดขายอัลบัมกว่า 25 ล้านชุด นอกจากนี้ เขายังได้สร้างชื่อในฐานะนักแสดงที่ตราตรึงใจและได้รับการยกย่องสูงสุดในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการแสดงที่ได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมของเขาในบทชายขี้เหล้าใช้ความรุนแรงใน Sting Blade บทฆาตกรโรคจิตใน Panic Room และบทนายอำเภอใน The Three Burials of Melquiades Estrada ดไวท์รับบทโจเซฟ พ่อผู้เกลียดชังเกย์ของคลาร์ค
   เอบ ซิลเวีย กล่าวว่า “ดไวท์ผู้ชาญฉลาดและจริงจังในแบบที่ยอดเยี่ยมที่สุด ดไวท์เข้าใจความคิดของโจเซฟจริงๆ ดไวท์เป็นศิลปินตัวจริง เขาเป็นผู้ร่วมมือที่มีความคิดสร้างสรรค์เป็นเยี่ยม เขาชื่นชอบการค้นพบวิธีการใหม่ๆ ในการสร้างตัวละครโจเซฟ ผมชื่นชอบผู้ชายคนนี้จริงๆ เขาผลักดันตัวเองมากยิ่งขึ้นไปอีกเรื่อยๆ ในทุกๆ เทคครับ”


Tim McGraw (ทิม แม็คกรอว์) รับบทเป็น Danny Briggs (แดนนี บริกส์)

               ทิม แม็คกรอว์เป็นนักร้องคันทรีและนักแสดงชาวอเมริกัน เขาทำยอดขายอัลบัมกว่า 40 ล้านชุดตลอดอาชีพนักร้องของเขา ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาได้ทดลองชิมลางงานแสดง ด้วยการรับบทสมทบในภาพยนตร์ฮิตที่ได้รับรางวัลอคาเดมี อวอร์ด The Blind Side, Friday Night Lights, The Kingdom และ Four Christmases ที่ร่วมแสดงกับวินซ์ วอห์นและรีส วิทเธอร์สปูน ใน Dirty Girl เขารับบทแดนนี พ่อผู้ห่างเหินของแดเนียล
   เอบ ซิลเวียกล่าวว่า “ทิมได้นำความอ่อนไหวที่มีมิติและความละเอียดอ่อนมาสู่การแสดงของเขา เขารับบทตัวละครที่ซับซ้อนอย่างไม่น่าเชื่อใน Dirty Girl และผมก็ชื่นชมกับสมาธิที่เขานำมาสู่กองถ่าย ทิมมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนว่าเขาเป็นใครและสร้างการแสดงที่เพอร์เฟ็กต์ออกมา เขาเป็นตัวเลือกในฝันสำหรับบทนี้ของผมและผมก็ดีใจสุดๆ ตอนที่เขาตอบตกลงน่ะครับ”


Nicholas D’Agosto (นิโคลัส ดิ อากอสโต) รับบทเป็น Joel (โจเอล)

               นิโคลัสถูกค้นพบโดยอเล็กซานเดอร์ เพย์นในไฮสคูลที่ซึ่งเขาถ่ายทำ Election ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเขาได้แก่ Rocket Science และ Fired Up แต่เขาอาจจะเป็นที่รู้จักดีที่สุดจากบท “เวสต์” จากซีรีส์ Heroes

happy on November 06, 2011, 06:39:30 PM

เกี่ยวกับดนตรี

               เอบ ซิลเวียกล่าวว่า “ดนตรีเป็นเครื่องมือการรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ที่ช่วยทำให้ผู้ชมเข้าถึงตัวละครได้ทันที ดังนั้น บางทีคุณอาจไม่รู้ก็ได้ว่าการเป็นแม่บ้านปากเปราะ ที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความกลัวสามีบ้าอำนาจในโอกลาโฮมายุค 80s เป็นอย่างไร แต่พวกเราทุกคนต่างก็ทึ่งไปกับเพลง I Want Candy ของบาววาววาว บางทีคุณอาจไม่รู้เนื้อร้องเพลง Lovegirl ของทีนา มารีย์ก็ได้ แต่เราทุกคนต่างก็เคยร้องเพลงคลอไปกับเพื่อนซี้ในรถทั้งนั้น (ถ้าคุณไม่เคยทำแบบนั้นล่ะก็ ผมก็เสียใจด้วย เพราะมันเป็นเรื่องที่สนุกที่สุดเรื่องหนึ่งในชีวิตเลยครับ)
              หวังว่าคุณจะรู้สึกตื่นเต้นเหมือนโจเอล นักเต้นระบำเปลื้องผ้าตอนที่เขาได้ยินท่อนเปิดของเพลง Your Love ของเดอะ เอาท์ฟิลด์ ความตื่นเต้นที่ทรงพลังจนมันทำให้เขาต้องขยับเท้าเต้น ผมสนับสนุนโจเอลครับ คุณจะยั้งใจไม่เต้นไม่ได้เลยเมื่อคุณได้ยินคำร้องว่า ‘Josie’s on a vacation far away…’” 


               แต่แรงบันดาลใจด้านดนตรีของ Dirty Girl คือเมลิสซา แมนเชสเตอร์ เธอเป็นแสงนำทางของคลาร์ค เป็นแหล่งพักพิงใจของเขา ดนตรีของเมลิสซาคือสิ่งที่ทำให้เขาสามารถเผชิญหน้ากับวันใหม่ได้ด้วยความหวังในหัวใจว่าซักวันหนึ่ง “ทุกอย่างจะไม่เลวร้าย” อย่างที่โจเอลบอกก็ได้ ความลึกซึ้งและความกว้างขวางของงานของเธอทำให้การเลือกเพลงสำหรับช่วงเวลาสะเทือนอารมณ์ของคลาร์คเป็นไปได้ในรูปแบบที่มีสีสัน น่าตื่นเต้นและคาดไม่ถึง Midnight Blue เพลงสำหรับคู่รัก จะเปิดในจังหวะที่คลาร์คมีช่วงเวลาเป็นส่วนตัวในการทำการบ้านกับแดเนียล เขาพยายามอย่างไร้ผลที่จะสร้างมู้ดโรแมนติกด้วยเพลง Through The Eyes of Love และเพลงที่เป็นส่วนตัวมากๆ ของเมลิสซาเกี่ยวกับยายของเธอ ‘Jenny’ ซึ่งอาจจะเป็นเพลงที่งดงามที่สุด จะเล่นคลอไปในฉากที่คลาร์ค, โจเอลและแดเนียลแลกเปลี่ยนเรื่องราวที่ว่าพวกเขาไม่เคยได้สัมผัสกับความรักจากพ่อแม่ ที่เมลิสซาร้องถึงอย่างอบอุ่น
              และเมื่อแดเนียลถูกทิ้งให้เดินทางตามลำพัง คลาร์คก็ส่งเมลิสซา แมนเชสเตอร์ไปครวญเพลงใหม่ Rainbird (ที่ร่วมแต่งโดยแมรี สทีนเบอร์เกน สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้โดยเฉพาะ) เพื่อกระตุ้นให้เธอทำตามความหวัง และไม่ยอมทิ้งความปรารถนาจากหัวใจตัวเอง เสียงของเมลิสซาคือสิ่งที่ทำให้แดเนียลมั่นใจว่า ความรักจะ “มาถึงคุณ” จริงๆ
              เราปิดฉากภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยเพลงสามเพลงจากเมลิสซา แมนเชสเตอร์ เพลงคลาสสิกของเธอ Don’t
Cry Out Loud ที่ร้องโดยคลาร์คและแดเนียล (โดยมีเมลิสซานั่งอยู่หน้าเปียโน ถ้าคุณสังเกตดูดีๆ ล่ะก็) ตามมาด้วยเพลงคัฟเวอร์ Whenever I Call You Friend (ที่ร่วมแต่งโดยเมลิสซาและเคนนี ล็อกกินส์) โดยไฟฟ์ แดนเจอร์ฟิลด์และอินารา จอร์จ แล้วในตอนจบ เมลิสซาได้พาเรากลับบ้านด้วยเพลง Still Myself เพลงจากอัลบัมล่าสุดของเธอ เมลิสซาส่งเพลงนี้ให้ผมระหว่างที่เรากำลังอยู่ระหว่างการลำดับภาพ และพอผมได้ยินเพลงนี้ ผมก็รู้ทันทีเลยว่ามันสอดคล้องกับสิ่งที่ตัวละครแต่ละตัวได้เรียนรู้เกี่ยวกับชีวิต และมันเพอร์เฟ็กต์แค่ไหนที่หนังที่ยกย่องว่าเธอเป็นศิลปินที่มีความสำคัญต่อเรามากแค่ไหนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จะปิดท้ายด้วยเพลงใหม่ที่แสดงให้เห็นว่าเธอยังคงเป็นอิทธิพลสำคัญในแวดวงเพลงมากแค่ไหนน่ะ
              จาก Only You ไปจนถึง Delta Dawn, Elvira และ The Life โดยเวนดี้และลิซา ผมพยายามจะใช้เพลงที่เราเก็บไว้ในความทรงจำร่วมกันเพื่อดึงดูดความสนใจของคุณ ห้อมล้อมคุณด้วยความรู้สึกโหยหาถึงอดีต และหวังว่าคุณจะรู้สึกถึงมันในรูปแบบใหม่ที่น่าตื่นเต้น และถ้าคุณเพิ่งเคยได้ยินเพลงพวกนี้เป็นครั้งแรกล่ะก็ ผมก็ยินดีที่ได้เป็นดีเจที่ทำให้คุณสนใจเพลงพวกนี้ และผมก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่คุณได้เริ่มรู้จักเพลงเหล่านี้จาก Dirty Girl ครับ”


สารจากผู้อำนวยการสร้าง

               “เกือบห้าปีมาแล้วที่เอบ ซิลเวียเดินผ่านประตูเข้ามาหาผม จริงๆ แล้ว ผมไม่เต็มใจจะนัดพบกับเขาครั้งนั้น
ด้วยซ้ำไป พบกับมือเขียนบทโนเนมรึ ขอร้องล่ะ ผมเป็นคนสำคัญกว่านั้นนะ แล้วชื่อของเขาน่ะหรือ ผมมองเห็นภาพของคู่สามีภรรยาเชื้อสายยิว เถียงกันท่ามกลางอาทิตย์อัสดงในโบคา แต่ผู้จัดการก็โทรหาผมไม่หยุด เพื่อเป็นการป้องกันตัวเอง ผมก็เลยนัดเขา และตามธรรมเนียมของผู้บรริหารฝ่ายพัฒนาของฮอลลีวูด ผมก็เลยไม่ได้อ่านบทของเขาจนกระทั่งคืนก่อนหน้าที่เราจะพบกัน และถึงกระนั้น ผมก็คิดว่าผมจะอ่านไปแค่ประมาณยี่สิบกว่าหน้าแล้วค่อยเลิก แล้วพอเขาเข้ามา ผมก็จะยื่นน้ำให้เขาดื่ม แล้วทุกอย่างก็จะจบเสียที
              แต่ภาพการตอบปฏิเสธที่รวดเร็วในจินตนาการของผมก็ถูกลบเลือนไปเมื่อผมพบว่าตัวเองพลิกบทหน้าแล้ว
หน้าเล่า ทั้งหัวเราะและร้องไห้ไปพร้อมๆ กันในตอนที่ผมมาถึงตอนจบที่ยอดเยี่ยม ให้ตายเถอะ แล้วนี่ผมจะทำยังไงดี คู่มือเขียนบทวัยดึกกำลังมาหาผมแล้ว! ผมเสร็จแน่ ผมก็เลยทำใจรอรับความผิดหวังที่เลี่ยงไม่ได้
              แล้วปรากฏว่าคนที่เดินผ่านประตูผมเข้ามาคือชายหนุ่มร่างสูง ที่หน้าตาหล่อเหลาเหมือนนักแสดง แน่นอน
ว่าเขาจะต้องเป็นพนักงานวิ่งเอกสาร ที่มาหาเงินระหว่างการออดิชัน “สวัสดีครับ ผมชื่อเอบ” ให้ตายเถอะ ผมสามารถบอกได้ภายในไม่กี่นาทีว่าเขาเป็นผู้กำกับ มันปฏิเสธไม่ได้เลย เวลาสิบปีในฐานะนักเต้นและนักออกแบบท่าเต้นบนเวทีบรอดเวย์ทำให้เขามีมาดและความมั่นใจและฝึกฝนเขาสำหรับวินัยในการกำกับภาพยนตร์
การเดินทางทุกครั้งก็เริ่มต้นด้วยก้าวแรกเสมอ ในวันนั้น เราจับมือกันและตกลงกันว่าเราจะสร้าง
              ภาพยนตร์เรื่องนี้ ตลอดเวลากว่าห้าปี นายทุนสี่คนที่แตกต่างกัน งบประมาณสิบสองครั้งที่แตกต่างกัน นักแสดงยี่สิบคนที่แตกต่างกันและท้ายที่สุด โลเกชันยี่สิบห้าแห่งที่แตกต่างกัน ซึ่งครอบคลุมอาณาบริเวณที่สวยงามของลอสแองเจลิส ที่ถูกใช้แทนโอกลาโฮมา ในที่สุด เราก็ได้ภาพยนตร์เรื่องนี้มา
              ผมภาคภูมิใจอย่างยิ่งกับภาพยนตร์เรื่องนี้และผมก็ซาบซึ้งมากที่มีโอกาสได้เป็นส่วนหนึ่งของมัน หลังจากที่
เราเปิดรอบปฐมทัศน์โลกในโตรอนโต ผมก็วางแผนที่จะหยุดพักผ่อนเสียที ผมได้ยินว่าโบคาก็ไม่เลวนะครับ”

ร็อบ ปารีส
   

ผู้อำนวยการสร้าง จากปารีส ฟิล์มส์

Rob Paris (ร็อบ ปารีส) 

               ผู้อำนวยการสร้างร็อบ ปารีสเริ่มต้นทำงานในปี 1994 ในฐานะเอเจนท์วรรณกรรมสายภาพยนตร์ที่ครีเอทีฟ อาร์ติสท์ เอเจนซี และได้เป็นตัวแทนของผู้กำกับที่ประสบความสำเร็จมากมายเช่นจอห์น แพทริค แชนลีย์, เจอร์รี บรัคไฮเมอร์, โรแลนด์ เอ็มเมอร์ริค, ดีน เดฟลิน, มาร์ค โรมาเน็คและริชาร์ด เคลลี ในปี 2002 ร็อบออกจากซีเอเอเพื่อก่อตั้งมิสชัน เอนเตอร์เทนเมนต์ บริษัทพัฒนาและสร้างภาพยนตร์ที่ได้รับการสนับสนุนจาก CEO ของคอมคาสท์/สเป็คเทเคอร์ เอ็ด สไนเดอร์ ในฐานะหัวหน้าฝ่ายโปรดักชัน ปารีสได้ซื้อสิทธิภาพยนตร์กว่าสิบเรื่อง ซึ่งรวมถึง Whip It! ที่เขาพัฒนาเพื่อเป็นผลงานกำกับของดรูว์ แบร์รีมอร์ ในปี 2006 ร็อบได้ก่อตั้งปารีส ฟิล์ม, อิงค์ และได้ซื้อสิทธิ The Maiden Heist บทภาพยนตร์ดั้งเดิมโดยไมค์ เลอซิเออร์ (You, Me and Dupree) ทันที ปารีสได้รวมทีมนักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์และผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงออสการ์หลายคน ซึ่งรวมถึงมอร์แกน ฟรีแมน, คริสโตเฟอร์ วอลเคน, วิลเลียม เอช. เมซีและมาร์เซีย เกย์ ฮาร์เดน ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำเสร็จในปี 2007 ปารีส ฟิล์มส์, อิงค์. เพิ่งเสร็จสิ้นการถ่ายทำภาพยนตร์โดยเอบ ซิลเวียเรื่อง Dirty Girl ที่นำแสดงโดยจูโน เทมเปิล, มิลลา โจโววิชและวิลเลียม เอช. เมซี