ไบรอัน คอลเลน (รับบทเป็นตัวเอง)
ไบรอัน คอลเลน เป็นที่คุ้นหน้าจากผลงานภาพยนตร์และโทรทัศน์หลายเรื่อง ล่าสุด เขาแสดงเป็นซาเมียร์ เจ้าของคลับเปลื้องผ้าและนักฆ่าปืนชาวตะวันออกกลางใน The Hangover II รวมถึงบทเอ๊ดดี้ เจ้าของโบสถ์แต่งงานใน “The Hangover” ด้วย ในปลายฤดูร้อน เขาจะปรากฎตัวในซีรี่ย์ตลกของ MTV เรื่อง “Death Valley” ในบทกัปตันแฟรงค์ แดชเชล ผู้นำกองกำลัง Undead Task Force ซึ่งมีหน้าที่กวาดล้างซอมบี้ หมาป่า และแวมไพร์ออกจากหุบเขาลอสแองเจลลิส นอกจากนี้เขาเพิ่งถ่ายทำภาพยนตร์ความยาว 1 ชั่วโมงเรื่องใหม่ของตัวเอง “Bryan Callen: Man Class” ซึ่งจะฉายรอบปฐมทัศน์ในปีนี้
คอลเลนเกิดในฟิลิปปินส์ และใช้เวลากว่า 14 ปีในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น อินเดีย, ปากีสถาน, กรีซ และเลบานอน ก่อนย้ายมาที่สหรัฐอเมริกา เขาเรียนมัธยมปลายที่รัฐแมสซาซูเส็ต และเรียนจบสาขาประวัติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอเมริกันในวอชิงตัน ดี.ซี.
คอลเลนเดี่ยวไมโครโฟนในนิวยอร์กเมื่อปี 1993 และ 1995 เขาย้ายไปอยู่ลอสแองเจลลิสและได้แสดงซีรี่ย์โทรทัศน์ครั้งแรกโดยเป็นหนึ่งในแปดนักแสดงตั้งต้นของซีรี่ย์เรื่อง “MADtv” เขาปรากฎตัวในซีรี่ย์อยู่สองปีก่อนถอนตัวออกไปในปี 1997 ตัวละครที่ดังที่สุดของเขา ได้แก่ พูลบอยจาก Cabana Chat กับดิกซี่ เวสต์เวิร์ธ และนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ อัล แคสดี้ นอกจากนี้คอลเลนยังเคยรับบทเป็น บิล คลินตัน, โรเบิร์ท เดอ นีโร, ลุค เพอร์รี่, สตีเว่น ซีกัล, จิม แคร์รี่, อาร์โนลด์ ชวาเซเนกเกอร์ และแฟรงค์ กิฟฟอร์ด ด้วย
หลังถอนตัวจาก “MADtv” เขาก็ได้รับบทอีกมากมายในจอแก้ว เขาเคยประกบแครี่ แบรดชอว์มาแล้วในซีรี่ย์ดังของ HBO เรื่อง “Sex and the City” ในบทคู่ควงไฮเปอร์ที่ทำให้เซ็กซ์กลายเป็นประสบการณ์ไฮดรอลิกจนแครี่ย์ถึงกับขนานนามว่า “เซ็กซ์แบบกระต่าย” นอกจากนี้เขายังรับบทเป็นผู้ช่วยจอมสำบัดสำนวนของ คริสตี้ อัลลี่ย์ ในซี่รี่ย์ตลกเรื่อง “Fat Actress” และยังได้รับเชิญไปแสดงในซีรี่ย์ดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “Californication,” “Oz,” “Entourage,” “7th Heaven,” “King of Queens,” “Stacked,” “Las Vegas,” “West Wing,” “News Radio,” “Significant Others,” “CSI,” “Law and Order: SVU,” “NYPD Blue,” “Suddenly Susan” และ “Frasier” ปัจจุบันเขาปรากฎตัวประจำในซีรี่ย์อเมริกันเรื่อง “In Plain Sight” และ “How I Met Your Mother” ทางช่อง CBS
ส่วนผลงานทางจอเงินนั้น เขาปรากฎตัวในภาพยนตร์หลายเรื่อง รวมถึง “Old School” ของท้อดด์ ฟิลลิปส์, “Scary Movie 4,” “Bad Santa” และ “The Goods: Live Hard, Sell Hard” ของผู้อำนวยการสร้าง วิลล์ เฟอร์เรล
นอกจากผลงานทางโทรทัศน์และภาพยนตร์แล้ว คอลเลนยังไปเดี่ยวไมโครโฟนที่มหาวิทยาลัยและคลับหลายแห่งทั่วประเทศรวมถึงต่างประเทศด้วย ผลงานเดี่ยวไมโครโฟนทางโทรทัศน์ของเขา ได้แก่ “Live at Gotham” ของ Comedy Central และ “The Late Show w/ David Letterman” ของ CBS คอลเลนกลายเป็นนักแสดงที่ผู้ชมคุ้นหน้าอย่างรวดเร็วโดยมีผลงานการแสดงและเดี่ยวไมโครโฟนยาวเป็นหางว่าว
เควิน ดันน์ รับบท หัวหน้าไซโต้
เควิน ดันน์ มีผลงานภาพยนตร์และโทรทัศน์มากมาน ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขาคือ “Transformers: Dark of the Moon” ที่เขารับบท รอน วิทวิคกี้ พ่อจอมเหวอของ แซม วิทวิคกี้ (เชีย ลาเบิฟ) ซึ่งเป็นบทที่เขาแสดงตั้งแต่ภาคแรก หนังมีกำหนดฉายวันที่ 29 มิถุนายน 2011
ปัจจุบันเควินแสดงประกบดัสติน ออฟฟ์แมน และนิค นอลตี้ ในซีรี่ย์ช่อง HBO ว่าด้วยโลกของการแข่งม้าและการพนันเรื่อง “Luck” ซึ่งไมเคิล มานน์ เป็นผู้กำกับและบริหารงานสร้าง และเดวิด มิลช์เป็นผู้เขียนบท เควินรับบท มาร์คัส ชายผู้เกลียดชังชีวิตและตั้งสมาคมคนแปลกแยกขึ้น
ผลงานภาพยนตร์เมื่อเร็วๆ นี้ของเขาได้แก่ “Unstoppable” ของผู้กำกับโทนี่ สก็อตต์ ประกบเดนเซล วอชิงตัน และคริส ไพน์ ซึ่งเขารับบท ออสการ์ กัลวิน เจ้านายของโรซาริโอ ดอว์สันและหัวหน้าสถานีรถไฟ “Transformers: Revenge of the Fallen”, “Vicky Christina Barcelona” ของวู้ดดี้ อัลเลน ประกบ สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน และเพเนโลปี้ ครูซ ซึ่งเขากับแพตทริเซีย คลาร์กสัน รับบทเป็นเจ้าของบ้านในบาร์เซโลนาที่ตัวละครของ สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน และรีเบคกา ฮอลล์ อาศัยอยู่, “Lions For Lambs” กำกับโดยโรเบิร์ท เรดฟอร์ด ที่เขารับบทเป็นบรรณาธิการของเมอรีล สตรีพ, “The Gridiron Gang” ประกบ ดเวย์น เดอะร็อค จอห์นสัน, “Black Dahlia” และ “All the King’s Men” ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเขาได้แก่ I Heart Huckabees”, หนังคอเมดี้ของคริสโตเฟอร์ เกสต์ “Almost Heroes”, หนังระทึกขวัญ “Stir of Echoes”, “Nixon” ที่เขารับบทชาร์ลส์ คอลสัน, “Chaplin” ที่เขารับบท เจ เอ็ดการ์ ฮูเวอร์, “Godzilla”, “Chain Reaction”, “Small Soldiers”, “1492”, “Bonfire of the Vanities” และ “Mississippi Burning” บทบาทที่เป็นที่จดจำมากที่สุดของเขาคือบทเลขาธิการ อลัน รีด ประกบเควิน ไคลน์ ที่รับบทเป็นประธานาธิบดี
ดันน์ปรากฎตัวทางโทรทัศน์บ่อยๆ โดยเป็นแขกรับเชิญให้ซีรี่ย์มากมาย อาทิ บททนายความประกบทเคที่ เบทส์ ใน “Harry’s Law” ของเดวิด อี เคลลี่, บทนักต้มตุ๋นประกบตัวละครของ จอช ฮัลโลเวย์, บทซอว์เยอร์ ใน “Lost” รวมถึงบทอื่นๆ ในซีรี่ย์และภาพยนตรืโทรทัศน์หลายเรื่อง เขาได้รับคำชมอย่างมากจากบทเมอร์เรย์ วิลสัน ในมินิซีรี่ย์เรตติ้งกระฉูดเรื่อง “The Beach Boys: An American Family”
แม็กซิมิเลียโน เฮอร์นาเดซ รับบท โคลท์ บอยด์
แม็กซิมิเลียโน เฮอร์นาเดซ เกิดในบรู๊คลิน นิวยอร์ก เมื่อปี 1973 เป็นลูกคนกลางของพ่อแม่ผู้อพยพชาวฮอนดูรัส จอช แม็กซิมิเลียโน และมาเรีย เฮอร์นาเดซ เขาแสดงครั้งแรกที่โรงเรียนมัธยมบิช็อปฟอร์ด เพื่อให้พ้นจากการถูกกักบริเวณ เขาสานต่อการแสดงในมหาวิทยาลัยที่ซึ่งเขาไปคัดตัวและผ่านโครงการ BFA ที่ Leonard Davis Center For The Performing Arts ในฮาร์เล็ม
เขาออกจากโครงการเมื่อได้รับคำชวนให้เข้าร่วมโรงละคร Workhouse Theatre ในไทรเบคกา ต่อมาเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มนักแสดงแนวทดลองรุ่นบุกเบิกของ Axis Theatre Company และ The Hot Box Theatre Company ด้วย เขาตระเวนแสดงในโรงละครทั่วนิวยอร์ก รวมถึง The Public, The Lucile Lortell, The Cherry Lane และอื่นๆ อีกมากมาย
แม้ละครเวทีจะเป็นรักครั้งแรกของเขา แต่เขาก็ปันใจให้ภาพยนตร์และโทรทัศน์ด้วย แม็กซ์ได้ร่วมงานกับผู้กำกับชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น มิร่า แนร์, เกวิน โอคอนเนอร์, เคนเนธ บรานาห์, จอซซ์ วีดอน โดยร่วมงานครั้งแรกกับ เกวิน โอคอนเนอร์ ใน “Pride & Glory”
แม็กซ์มีลูกชายหนึ่งคนชื่อดิเอโก้ กับแฟนสาวที่คบกันมานาน มาร์ธา คาเบร็ต เขาอาศัยอยู่ที่เมืองพาซาดีน่า
แซม เชอริแดน (รับบทเป็นตัวเอง)
แซม เชอริแดน เรียนจบชั้นมัธยมปลายและเข้าร่วมพาณิชยนาวีสหรัฐฯ โดยไปล้างจานบนเรือ USNS Able หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและ Slade School ในลอนดอนซึ่งเขาเรียนวาดเขียน แซมทำงานหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกะลาสีเรือ (เขาเดินทางรอบโลกมาแล้ว), นักดับเพลิงหน่วย Gila Hotshots ที่นิวเม็กซิโก และงานก่อสร้างที่สถานีขั้วโลกใต้ในแอนตาร์กติกา ระหว่างนี้ เขาต่อมวยและฝึกศิลปะการต่อสู้ด้วย
“A Fighter’s Heart” หนังสือเล่มแรกของเขา เป็นบันทึกความทรงจำในโลกหมัดมวยของแซม ทั้งในประเทศไทย ญี่ปุ่น อเมริกา และบราซิล ที่ซึ่งเขาต่อสู้และฝึกกับยอดฝีมือของโลก “The Fighter’s Mind” หนังสือเล่มที่สองของเขา รวบรวมบทความเกี่ยวกับยุทธวิธีทางจิตที่บรรดาแชมป์ทั้งหลายใช้บนสังเวียน
ปัจจุบันแซมกำลังเขียนหนังสือเล่มใหม่ให้สำนักพิมพ์ Rodale Press ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับวันสิ้นโลกและความพยายามที่จะคืนแสงสว่างให้กับโลก
เฟอร์นันโด ฟูนัน เชียน รับบท เฟนรอย
เฟอร์นันโด ฟูนัน เชียน เกิดที่ไทเป เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 1974 ผ่านมาแล้วหลายบทบาทก่อนจะได้เข้ามาสู่ฮอลลีวู้ด เมื่ออายุ 17 ปี เฟอร์นันโดย้ายไปอยู่มอนทรีออลและเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแม็คกิลซึ่งจุดประกายให้เขาสนใจการแสดงและภาพยนตร์ เฟอร์นันโดเลือกเรียนชีววิทยาวิวัฒนาการเป็นวิชาเอกก็จริง แต่เขาลงเรียนคอร์สภาพยนตร์ เข้าเรียนที่โรงเรียนละครสัตว์ ฝึกศิลปะการต่อสู้ และทำงานเป็นครูฝึกส่วนตัวด้วย ในปี 2000 เขาได้แสดงในหนังแอ๊คชั่นเรื่อง “The Art of War” ประกบเวสลี่ย์ สไนป์
ปี 2002 เฟอร์นันโดย้ายไปอยู่ลอสแองเจลลิสและเริ่มฝึกการแสดงที่ Lee Strasberg Academy และต่อมาที่ Howard Fine Acting Studio เมื่อว่างจากเรียนการแสดง เฟอร์นันโดฝึกมวยไทย ยูโด และจูจิตสึ ที่ Hayastan Grappling Academy กับอาจารย์จีน เลอเบล และโกคอร์ ชีวิชญาณ และที่ Werdum Combat Team ในปี 2004 เฟอร์นันโดได้พบกับ แซม ฮาร์เกรฟ และร่วมกันสร้าง Reel Kick Films (กลุ่มศิลปะการต่อสู้ใต้ดิน) ปี 2005 เขาได้รับบท ซอล ใน “Star Trek” ทำให้เขาแจ้งเกิดในวงการสตันท์แมนและมีผลงานภาพยนตร์หลายเรื่องตามมา เช่น “Crank,” “Flags of Our Fathers,” “Pirates of the Caribbean 3”, “The Mummy 3”, “Monk” และโฆษณาเป๊ปซี่ไดเอ็ทเป็นตัวแสดงแทนให้เฉินหลง
สิ่งที่ทำให้เฟอร์นันโดแตกต่างจากสตันท์แมนคนอื่นคือความสามารถในการแสดง เขาแสดงบทบู๊ใน “24,” “Bunraku,” “Angel of Death,” “Honor”, “Crossing Jordan” และอีกมากมาย ในปี 2008 เฟอร์นันโดได้แสดในซีรี่ย์ทางเว็บไซต์เรื่อง “The Guild” ที่ทำให้เขาได้โชว์ทั้งการแสดงและทักษะคิวบู๊ ตั้งแต่นั้นมา เขาก็ได้แสดงในซีรี่ย์อีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น “My Own Worst Enemy”, “NCIS: LA” ทางช่อง CBS และ “Melrose Place” ทางช่อง CW ปี 2009 คือปีแห่งการแจ้งเกิดในวงการการแสดงของเขาอย่างแท้จริงด้วยการปรากฏตัวในภาพยนตร์รีเมคเรื่อง “Red Dawn” ในบทสารวัตรลี และล่าสุดกับบทวิลคิส ใน “Fast Five” ของค่าย Universal ประสบการณ์ด้านการทำหนังและศิลปะการต่อสู้ของเขาทำให้เขากลายเป็นตัวเลือกที่ลงตัวที่สุดสำหรับ Warriors ไม่ใช่แค่เขาได้รับบทเป็น เฟนรอย ตัวร้ายประจำโรงยิม แต่การร่วมงานกับแซมฮาร์เกรฟ และผู้ออกแบบคิวบู๊ฝีมือดีคนอื่นๆ ทำให้เกิดรูปแบบการต่อสู้ใหม่ที่อยู่บนพื้นฐานของเทคนิคที่สมจริง
เจค แม็คลัฟลิน รับบท มาร์ค แบรดฟอร์ด
เจค แม็คลัฟลิน แจ้งเกิดในวงการด้วยหนังสงครามเรื่อง “In the Valley of Elah” ของผู้กำกับพอล แฮ็กกิส ในบทพลทหารกอร์ดอน บอนเนอร์ ผู้รู้สึกผิดที่สุดในกลุ่มหลังจากมีส่วนทำให้เพื่อนร่วมกองคนหนึ่งต้องตาย แม็คลัฟลินเองเคยเข้าร่วมกองทัพไปรบในอิรักในชีวิตจริง เขาเข้าไปอ่านบทหลังจากได้ยินว่าผู้กำกับต้องการทหารผ่านศึกตัวจริงมารับบทนี้
แม็คลัฟลินเกิดที่เมืองพาราไดซ์ รัฐแคลิฟอร์เนีย เขาทำงานบนเรือหาปูในรัฐโอเรกอนและเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ Universal Studios ก่อนเข้าร่วมกองทัพสหรัฐฯ สังกัดหน่วยทหารราบที่ 3 เขาทำงานแบกอิฐถือปูนอยู่ที่เมืองชิโค รัฐแคลิฟอร์เนีย ด้วยเงิน 200 ดอลลาร์ในกระเป๋า ตอนที่ได้ข่าวเรื่องการคัดตัวนักแสดงของหนังเรื่อง “In the Valley of Elah”
หลังจากนั้น นักแสดงหนุ่มเจ้าของความสูง 6 ฟุตคนนี้ได้แสดงเป็นคนรับใช้ที่กลายเป็นฆาตกรในซีรี่ย์เรื่อง “CSI: Miami”, ทหารผ่านศึกอิรักที่ถูกพลเรือนผู้รับเหมายิงใน “Leverage”, ตำรวจมือใหม่ใน “Criminal Mind”, ผู้เข้าร่วมแข่งขันการดื่มประกบ เฮย์เด็น พาแน็ทเทียร์ใน “Heroes” และครูฝึกทหารที่เล่นงานนักเรียนเตรียมทหารในตอนสุดท้ายของปี 2009 ของซีรี่ย์เรื่อง “Cold Case” ล่าสุดแม็คลัฟลินเพิ่งถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “Safe House” ของแดเนียล เอสปิโนซ่า เสร็จซึ่งมีกำหนดฉายเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2010
เคิร์ท แองเกิล รับบท โคบา
เดือนกันยายน 2006 เคิร์ท แองเกิล เซ็นสัญญากับ TNA Wrestling ทาง Spike TV เป็นแชมป์โลกคนแรกและเพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์มวยปล้ำที่ชนะการแข่งขัน TNA และ WWE ทุกนัด นอกเหนือไปจากการแข่งขัน X Division Championship ของ TNA, WCW Championship, Intercontinental Championship, European Championship, Hardcore Championships และ King of the Ring แองเกิลยังเป็นนักมวยปล้ำคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่ชนะการแข่งขันเดี่ยวทุกรายการในปีแรกของการเป็นนักมวยปล้ำอาชีพ เมื่อห้าปีก่อน แองเกิลได้รับการโหวตจากแฟนทั่วโลกให้เป็นนักมวยปล้ำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล
แองเกิลคว้าเหรียญทองโอลิมปิกมาได้เมื่อปี 2006, เป็นแชมป์ Olympic Style World Champion ปี 1995 และเป็นแชมป์ระดับชาติของอเมริกาถึง 6 สมัย กว่าจะมาถึงจุดนี้ แองเกิลผ่านประสบการณ์กว่า 34 ปีที่แลกมาด้วยน้ำตาและหยาดเหงื่อ ปี 2003 เขาได้รับการบันทึกชื่อใน National Hall of Fame ทั้งยังได้นรับการโหวตจาก NCAA ให้เป็นหนึ่งในนักมวยปล้ำ 15 คนแรกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลและ 1 ใน 5 นักมวยปล้ำมือสมัครเล่นและนักมวยปล้ำโอลิมปิกที่เก่งที่สุดตลอดกาล ในช่วงสองปีที่ผ่านมา แองเกิลได้รับการบันทึกในหอเกียรติประวัติถึง 3 แห่งด้วยกัน (ได้แก่ที่ The Pennsylvania, Heinz Museum West PA และ South Western PA)
นอกเหนือจากทักษะความเป็นผู้นำ, คุณสมบัตินักกีฬาและพรสวรรค์ด้านบันเทิงแล้ว แองกิลยังช่วยเหลือองค์กรการกุศลอีกด้วย อาทิเช่น Make-A-Wish, Get Tough on Angina Campaign, Get Out & Vote, After School All Stars ของอาร์โนลด์ ชวาเซเนกเกอร์, Franco Harris World teen Football Combine และ Kurt Angle Ultimate Teen Challenge and World Teen Championships แองเกิลตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะเข้าแข่งขันกีฬาโอลิมปิกอีกครั้งในปี 2012 และจะตั้งตนเป็นผู้นำชุมชนและรับหน้าที่ประธานคณะกรรมการสมรรถภาพทางร่างกายด้วย
เคิร์ท แองเกิล เป็นที่รู้จักในกว่า 160 ประเทศ และร่วมงานกับริษัทยักษ์ใหญ่กว่า 500 บริษัทในฐานะนักพูดและโฆษก แองเกิลปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนทั่วโลกที่ AAFES (Amy Airforce Exchange Service), Wal-Mart, K-Mart, Coca-Cola, AT& T, NASCAR และ GMC ในฐานะทูตโอลิมปิกและสมาคมมวยปล้ำมืออาชีพ