UNITED//SEEKING JUSTICE/ทวงแค้น ล่าเก็บแต้ม/17 พฤศจิกายน 2554

SEEKING

JUSTICE

ทวงแค้นล่าเก็บแต้ม

17 พฤศจิกายนนี้ เฉพาะที่ SFW เซ็นทรัลเวิล์ด

“โลกคือสถานที่อันตราย ไม่ใช่เกิดจากผู้คนที่ชั่วร้าย
แต่เป็นเพราะผู้คนที่นิ่งดูดาย”
- อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ -

นักแสดง – นิโคลาส เคจ, กาย เพียร์ซ, แจนยูอารี โจนส์, เจนนิเฟอร์ คาร์เพนเตอร์

ผู้กำกับ – โรเจอร์ โดนัลสัน

ประเภท – ระทึกขวัญ

เรื่องย่อ

                วิล เจอราร์ด (นิโคลัส เคจ) คือครูสอนวิชาภาษาอังกฤษผู้ทุ่มเทในโรงเรียนไฮสคูลแห่งหนึ่ง เขามีชีวิตคู่ที่น่าอิจฉากับลอรา (แจนยัวรี โจนส์) ภรรยาผู้เป็นนักดนตรีฝีมือเยี่ยม ทั้งสองมีความสุขอยู่กับการไปชมคอนเสิร์ตวงออร์เคสตรา, การปิ้งบาร์บีคิวกินกันที่สวนหลังบ้าน และงานอดิเรกสุดโปรดของวิล นั่นคือการประลองเกมหมากรุกกับครูใหญ่ (แฮโรลด์ เปอร์ริโน)ของโรงเรียนที่วิลสอนอยู่ แต่แล้วคืนที่เลวร้ายคืนหนึ่งก็ทำให้ชีวิตแสนสุขของวิลต้องพังทลายลง เมื่อลอราตกเป็นเหยื่อของการกระทำชำเราทางเพศอันโหดร้าย
             ระหว่างรอดูอาการบาดเจ็บของภรรยาด้วยความกระวนกระวายใจ วิลได้พบกับชายแต่งตัวภูมิฐานคนหนึ่ง (กาย เพียร์ซ) ผู้เสนอแนะให้วิลตามทวงความยุติธรรมคืนโดยทันทีตามวิธีการของเขา ด้วยความแค้นที่อัดแน่นอยู่เต็มอก วิลตกลงรับข้อเสนอนั้น มันทำให้เขาต้องก้าวเข้าไปยังองค์กรลับใต้ดิน ซึ่งจะนำไปสู่เหตุการณ์สุดระทึกที่มีอันตรายเพิ่มขึ้นทุกขณะ

เบื้องหลังงานสร้าง

                ลองจินตนาการว่าคุณเป็นวิล เจอราร์ด แล้วพบเหตุการณ์ที่สะเทือนใจในคืนนั้น คนที่คุณรักที่สุดในชีวิตถูกทำร้ายสาหัสปางตาย โดยไม่รู้ว่าเธอจะมีโอกาสกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมหรือไม่ คุณว้าวุ่นใจและโกรธแค้นจนพร้อมจะทำอะไรก็ได้ และแล้วก็มีชายแปลกหน้าคนหนึ่งเสนอตัวเข้ามาแก้ปัญหาของคุณให้จบสิ้นเดี๋ยวนั้น คุณจะยอมรับข้อเสนอของเขาไหม ใน Seeking Justice ความคิดชั่ววูบขณะที่เรากำลังอยู่ในอาการเศร้าโศก อาจทำให้เราตัดสินใจทำสิ่งที่รุนแรงและโหดร้ายได้ เช่นเดียวกับวิล เจอราร์ด ชายผู้เป็นสามีและครูผู้ทุ่มเท ได้ตกลงใจทวงถามความยุติธรรมด้วยการตามล่าคนที่ทำร้ายภรรยาของเขาด้วยตัวเอง โดยไม่ยอมรอความยุติธรรมจากอำนาจรัฐ “นี่คือเรื่องราวของชายคนหนึ่ง ผู้ยอมรับข้อเสนอบางอย่าง และไม่นานเขาก็รู้ว่าตัวเองได้ทำข้อตกลงกับปิศาจ” ผู้กำกับ โรเจอร์ โดนัลด์สันกล่าว “เขาก้าวเข้าไปเจอกับเรื่องที่ใหญ่โตกว่าที่เขาคิดไว้มาก”
              ภาพยนตร์เรื่องนี้เขียนบทโดยโรเบิร์ต แทนเนน และยูริ เซลท์เซอร์ ซึ่งแทนเนนผู้อยู่ขัดเกลาบทร่วมกับผู้กำกับ โดนัลด์สัน ในนิวออร์ลีนส์ เป็นเวลานานหลายสัปดาห์ก่อนการถ่ายทำ บอกว่ารู้สึกตื่นเต้นที่รู้ว่าบทภาพยนตร์ของตัวเองตกไปอยู่ในมือของโดนัลด์สัน และนิโคลัส เคจ ซึ่งเป็นนักแสดงคนโปรดของเขา ส่วนเคจก็บอกว่าเขาติดใจบทเรื่องนี้เพราะมันแสดงให้เห็นถึงธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ “นี่คือสาเหตุที่ผมมาร่วมด้วย ผมหวังว่าผู้ชมจะมองเห็นประเด็นที่ไซม่อนใช้ล่อหลอกให้วิลเปิดเผยสัญชาตญาณดิบของมนุษย์ทุกคนออกมา”
              ผู้อำนวยการสร้าง แรม เบิร์กแมน ได้รับบทภาพยนตร์จากไบรอัน ไดรย์ฟัส ผู้เป็นทั้งเพื่อนและเอเยนต์ของเขา “ผมคิดว่าเนื้อหามันน่าตื่นเต้น และดูลึกลับดี ทำให้ผมนึกถึงเรื่อง The Game ที่มีแง่มุมทางจิตวิทยา” เบิร์กแมนนำบทภาพยนตร์ไปเสนอบริษัท Endgame ที่เขาเคยร่วมงานด้วยใน The Brothers Bloom ประธานและซีอีโอของ Endgame เจมส์ ดี สเทิร์น กล่าวว่า “ผมชอบแนวคิดเรื่องสิ่งที่เราคาดไว้ ไม่เป็นไปตามที่คาด และโชคดีที่ตอนนี้ Endgame ของเราไม่ต้องรอใคร แค่พูดว่า ‘นี่คือหนังที่เราอยากทำ’ เราก็ลงมือทำเลย”
              สเทิร์นและเบิร์กแมนตัดสินใจเลือกโรเจอร์ โดนัลด์สัน มาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ โดนัลด์สันผู้ที่สเทิร์นพูดถึงว่า “ทำงานได้ยอดเยี่ยม และเชี่ยวชาญหนังแนวนี้ เขาดึงศักยภาพของนักแสดงออกมาได้อย่างน่าทึ่ง และยังเป็นผู้ชำนาญในการวางมุมกล้อง คุมจังหวะและอารมณ์ของหนัง” โดนัลด์สันบอกว่าบทภาพยนตร์ “ได้ตั้งคำถามสำคัญเกี่ยวกับระบบยุติธรรมที่มีอยู่ในสังคมเราทุกวันนี้ ตัวละครของนิค (เคจ) เปลี่ยนจากคนที่เชื่อว่าความรุนแรงไม่เคยแก้ปัญหาอะไรได้ ไปเป็นคนที่ใช้ความรุนแรงเสียเอง วิลไม่ใช่คนก้าวร้าว เขาไม่ชอบปืน แต่เขาอยากแก้แค้นคนที่ทำร้ายเมียเขา เรื่องนี้เองที่ทำให้เขาเปลี่ยนไป”
              เมื่อได้เคจและโดนัลด์สันแล้ว ทีมผู้สร้างก็ติดต่อไปยังนักแสดงสาว แจนยัวรี โจนส์ ผู้ที่เคจอยากร่วมงานด้วย และกาย เพียร์ซ คนที่เบิร์กแมนบอกว่า “เขาเป็นนักแสดงที่สวมบทบาทได้แนบเนียนที่สุด เขาทำให้เราเชื่อว่าตัวละครที่เขาแสดงกำลังทำสิ่งที่ถูกที่ควรอย่างมีเหตุผล” ซึ่งเพียร์ซก็พูดถึงตัวละครของเขาว่า “ไซม่อนรู้สึกว่าระบบยุติธรรมที่มีอยู่นี้ล้มเหลว เขาจึงต่อต้านมัน และคิดค้นระบบที่เหมาะกับตัวเขาขึ้นมา ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ถูกชักจูงได้ง่าย และบางคนก็แยกแยะไม่ออกระหว่างการทำผิดกับการทำถูก” แต่เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ที่ชอบตั้งตนเป็นลูกขุน, ผู้พิพากษา หรือเพชฌฆาต ไซม่อนกลายมาเป็นอันตรายสำหรับตัวเขาเอง
              Seeking Justice เปิดกล้องวันที่ 7 ธันวาคม 2009 สองวันต่อมา ทีมงานได้ไปถ่ายทำฉากภายในอพาร์ทเมนท์ของวิลกับลอรา ระหว่างการทำงาน โดนัลด์สันและเคจพูดคุยปรึกษากันทุกเรื่อง รวมถึงเรื่องการบูรณะเมืองนิวออร์ลีนส์ซึ่งใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ “ผมยินดีร่วมหัวจมท้ายกับโรเจอร์ เขาว่ายังไง ผมก็ว่ายังงั้น ผมชอบแกล้งเขาเหมือนที่เขาชอบแกล้งผม แต่จริงๆ แล้ว ผมอยากทำให้เขาพอใจที่สุด เหมือนตอนที่เราถ่ายกัน 18 เทค แล้วสิ่งที่เราต้องการก็เกิดขึ้นจนได้ เพราะอย่างนี้ เราจึงได้ทำหนังที่น่าตื่นเต้นด้วยกัน” เคจกล่าว และเพียร์ซเสริมว่า “ตอนแรกผมไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ เพราะผมมาทีหลังคนอื่น แต่ทำไปทำมา ผมก็มั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ นิคเยี่ยมมาก เขายอมรับทุกคำวิจารณ์ แจนยัวรีด้วย เธอจริงใจมาก และพร้อมลุยเต็มที่ ไม่มีอิดออด”
              “กายเป็นคนชอบคิดชอบลอง มีนักแสดงไม่มากนักที่เป็นแบบเขา ส่วนแจนยัวรี เธอทุ่มเทและเอาจริงเอาจัง แต่ก็ยังมีเสน่ห์แบบเด็กๆ ด้วย เธอเป็นนักแสดงที่ดี และเป็นเพื่อนร่วมงานที่สนุกสนาน” เคจกล่าวทิ้งท้าย การถ่ายทำ Seeking Justice เสร็จสิ้นสมบูรณ์เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2010

นักแสดง
นิโคลัส เคจ  (วิล เจอราร์ด)

               เจ้าของรางวัลออสการ์ นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมประจำปี 1995 จาก Leaving Las Vegas บทบาทการแสดงของเคจในภาพยนตร์เรื่องนี้ยังทำให้เขาได้รับรางวัลลูกโลกทองคำ และรางวัลจากชมรมนักวิจารณ์ภาพยนตร์แห่งนิวยอร์ค, สมาคมนักวิจารณ์ภาพยนตร์แห่งลอส แองเจลีส, ชมรมนักวิจารณ์ภาพยนตร์แห่งชิคาโก และคณะกรรมการนักวิจารณ์แห่งชาติ นอกจากนี้ ในปี 2002 เคจได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์, ลูกโลกทองคำ, Screen Actors Guild และ BAFTA จากบทบาทของเขาในเรื่อง Adaptation
              เคจเริ่มต้นอาชีพนักแสดงตั้งแต่ยังเรียนอยู่ไฮสคูล ในภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่อง The Best of Times (1981) ภาพยนตร์จอใหญ่เรื่องแรกของเขาคือ Rumble Fish ที่ออกฉายเมื่อปี 1983 จากนั้นก็มีผลงานในยุคแรกตามมามากมาย เช่น Valley Girl (1983), The Cotton Club (1984), Racing with the Moon (1984), The Boy in Blue (1986), Peggy Sue Got Married (1986), Raising Arizona (1987), Vampire’s Kiss (1988) และ Fire Birds (1990)
              ในปี 1984 เคจนำแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Birdy ซึ่งพิชิตรางวัล Jury Prize จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทองคำอีกสองครั้ง จากบทบาทในภาพยนตร์เรื่อง Moonstruck (1987) และ Honeymoon in Vegas (1992)
              ผลงานโดดเด่นเรื่องอื่นของเคจ ได้แก่ Wild at Heart (1990), Guarding Tess (1994), It Could Happen to You (1994), Kiss of Death (1995), The Rock (1996), Con Air (1997), Face/Off (1997), City of Angels (1998), Bringing Out the Dead (1999), The Family Man (2000), Matchstick Men (2003), Lord of War (2005), The Weather Man (2005) และ Kick-Ass (2010)

กาย เพียร์ซ  (ไซม่อน)

                นักแสดงที่เก่งกาจที่สุดคนหนึ่งในบรรดานักแสดงรุ่นเดียวกัน เพียร์ซเกิดที่ประเทศอังกฤษเมื่อปี 1967 ก่อนที่ครอบครัวจะย้ายมาอยู่ออสเตรเลียตอนที่เขาอายุสามขวบ เพียร์ซเริ่มต้นอาชีพนักแสดงในวงการละครเวทีตั้งแต่อายุ 18 และก้าวเข้าสู่วงการโทรทัศน์กับซีรีส์เรื่อง Neighbours (1986-1989) ตามด้วยผลงานอย่าง Home and Away (1991-1992), Snowy River: The McGregor Saga (1994-1996), The Devil Game (1997) และ Halifax f.p: Deja Vu (1997)
              สำหรับวงการภาพยนตร์ เพียร์ซเริ่มเป็นที่จดจำจากบทกระเทยหนุ่มใน The Adventures of Priscilla, Queen of the Desert (1994) ก่อนที่จะมาโด่งดังถึงขีดสุดกับหนังชั้นเยี่ยมสองเรื่องคือ L.A. Confidential (1997) และ Memento (2000) ผลงานเด่นเรื่องอื่นของเขา ได้แก่ Ravenous (1999), The Count of Monte Cristo (2002), The Proposition (2005), Traitor (2008), The Hurt Locker (2008), The Road (2009), Animal Kingdom (2010) และ The King’s Speech (2010)  

แจนยัวรี โจนส์  (ลอรา เจอราร์ด)

                นักแสดงสาวผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทองคำ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมสำหรับภาพยนตร์ซีรีส์โทรทัศน์ จาก Mad Men สองครั้งซ้อนคือปี 2009 และ 2010 อีกทั้งยังได้เข้าชิงรางวัลเอ็มมีด้วย ผลงานภาพยนตร์เด่นเรื่องอื่นของโจนส์ ได้แก่ Love Actually (2003), The Three Burials of Meliquiades Estrada (2005), We Are Marshall (2006), The Boat That Rocked (2009), Unknown (2011) และ X-Men: First Class (2011)

แฮร์โรลด์ เปอร์ริโน  (จิมมี)

                โด่งดังขึ้นมาจากบท “ไมเคิล ดอว์สัน” จากซีรีส์โทรทัศน์สุดฮิตเรื่อง Lost (2004-2010) นอกจากนี้ เปอร์ริโนยังมีผลงานจอแก้วเรื่องดังอีกมากมาย อาทิ ER (1997), Oz (1997-2003), Dead Like Me (2003), CSI: Crime Scene Investigations (2007) และ The Unusuals (2009) ส่วนผลงานจอเงินของเขามีตั้งแต่แนวเชคสเปียร์จนถึงแนวไซไฟ อาทิ Blood and Wine (1996), Romeo + Juliet (1996), The Edge (1997), The Best Man (1999), Woman on Top (2000), The Matrix Reloaded (2003), The Matrix Revolutions (2003), 28 Weeks Later (2007) และ Felon (2008)

ทีมงาน

โรเจอร์ โดนัลด์สัน  (ผู้กำกับภาพยนตร์)
              เกิดที่บอลลารัท ประเทศออสเตรเลีย และย้ายไปอยู่นิวซีแลนด์เมื่อปี 1965 ที่นั่นเขาประกอบอาชีพเป็นช่างถ่ายภาพนิ่ง ก่อนจะเปลี่ยนสายงานเข้าสู่วงการโทรทัศน์ โดยเป็นทั้งผู้สร้าง/ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณา และภาพยนตร์สารคดี ซึ่งรวมถึงสารคดีการผจญภัยของเซอร์ เอ๊ดมุนด์ ฮิลลารี นักปีนเขาและนักสำรวจชื่อก้อง
              ในปี 1977 โดนัลด์สันสร้างและกำกับ Sleeping Dogs ภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่องแรกซึ่งเป็นภาพยนตร์สีเรื่องแรกของประเทศนิวซีแลนด์ ตามด้วย Smash Palace (1982) ที่ช่วยเปิดประตูให้เขาก้าวไปสู่ฮอลลีวูด และผลิตผลงานต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีเรื่องเด่นดังต่อไปนี้ The Bounty (ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลปาล์มทองคำในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ประจำปี 1984), No Way Out (1987), Cocktail (1988), Cadillac Man (1990), White Sands (1992), Species (1995), Dante’s Peak (1997), Thirteen Days (2000), The Recruit (2003), The World’s Fastest Indian (2005) และ The Bank Job (2008) 

เจมส์ ดี. สเทิร์น  (ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์)
              สเทิร์นจบปริญญาตรีสาขาการกำกับภาพยนตร์จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และปริญญาโทสาขาการตลาดจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ปัจจุบันเขาดำรงตำแหน่งประธานและหัวหน้าฝ่ายบริหารของ Endgame Entertainment บริษัทผู้ผลิตภาพยนตร์, โชว์บรอดเวย์ และดีวีดีซีรีส์สำหรับเด็ก ผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้บริษัทนี้คือ ภาพยนตร์เรื่อง Hotel Rwanda (2004), Proof (2005), Stay Alive (2006), I’m Not There (2007), Easy Virtue (2008), The Brothers Bloom (2008), An Education (2009), A Good Old Fashioned Orgy (2011) และดีวีดีซีรีส์สำหรับเด็กเรื่อง Meteor the Monster Truck (2006)
              สเทิร์นเป็นผู้สร้างและกำกับภาพยนตร์สารคดีโด่งดังสองเรื่องคือ The Year of Yao (2004) และ So Goes the Nation (2006) อีกทั้งยังเป็นผู้ผลิตและกำกับภาพยนตร์ IMAX สุดฮิตเรื่อง Michael Jordan to the Max (2000) ภาพยนตร์ดรามาเรื่อง It’s the Rage ที่เขาสร้างและกำกับในปี 1999 ไปคว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม และบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จากเทศกาลภาพยนตร์มิลาน
              ผลงานการสร้างโชว์ทั้งในและนอกบรอดเวย์ที่โด่งดังของเขาได้แก่ Hairspray, The Diary of Anne Frank (นำแสดงโดย นาตาลี พอร์ทแมน), The Sound of Music, Little Shop of Horrors, Stomp, The Wedding Singer, Swing และ Redwood Curtain 

แรม เบิร์กแมน  (ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์)
              เบิร์กแมนคือผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่องดังอย่าง Stranger Than Fiction (2000), Dancing at the Blue Iguana (2000), Kill Me Later (2001), Zoe (2001), Brick (2005), Conversations with Other Women (2005) และ The Brothers Bloom (2008)
              ในปี 2005 ชื่อของเบิร์กแมนได้รับการยกย่อง ให้เป็น ‘หนึ่งในผู้อำนวยการสร้างที่น่าจับตามอง’ โดยนิตยสาร Vareity อันทรงอิทธิพล และในปีถัดมา เขาก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Independent Spirit Awards สาขาผู้อำนวยการสร้างยอดเยี่ยม

ดั๊กลาส อี. แฮนเซน  (ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร)
              เจ้าของประสบการณ์การทำงานเกือบ 20 ปี กับบทบาทนักการเงินและที่ปรึกษาในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ แฮนเซนเป็นผู้บริหารเงินทุนในการสร้างภาพยนตร์เป็นจำนวนมากกว่า 150 เรื่อง ซึ่งทำรายได้รวมกันเป็นเงินกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ เขาจบการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และจบ MBA จากโรงเรียนการจัดการแอนเดอร์สันแห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย (UCLA) ก่อนที่จะมาทำงานที่ Endgame เขาเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายจัดการที่ Union Bank of California, Banque Paribas และ Bank of America
 
โรเบิร์ต แทนเนน  (ผู้เขียนบทภาพยนตร์)
              เติบโตในนิวยอร์ค, ออสเตรเลีย และแคนาดา ปู่ของเขาคือนักมายากล ลู แทนเนน ผู้ก่อตั้งร้าน Tannen’s Magic Store ในนิวยอร์ค Seeking Justice คือผลงานการเขียนบทเรื่องที่สองของโรเบิร์ต แทนเนน ส่วนเรื่องแรกคือ Even Money ภาพยนตร์ระทึกขวัญที่นำแสดงโดย คิม เบซิงเจอร์, แดนนี เดอวิโต, ฟอร์เรสท์ วิธเทเกอร์ และคาร์ลา จูจิโน ซึ่งออกฉายเมื่อปี 2006

ยูริ เซลท์เซอร์  (ผู้เขียนบทภาพยนตร์)
              เกิดที่กรุงมอสโคว ประเทศรัสเซีย และอพยพมาอยู่สหรัฐอเมริกาพร้อมกับครอบครัวตอนที่เขาอายุ 19 ปี เซลท์เซอร์เข้าศึกษาที่โรงเรียนภาพยนตร์แห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ค ต่อด้วยสถาบัน AFI ในลอส แองเจลิส ผลงานบทภาพยนตร์ของเขา ได้แก่ Bad Dreams (1988), Mirror Mirror (1990), Eye of the Storm (1991), Midnight Edition (1993), Playmaker (1994), Black and White (1999), High Crimes (2002), Spinning Boris (2003) และ The Circle (2005)

เดวิด แททเทอร์ซอลล์  (ผู้กำกับภาพ)
              ผู้กำกับภาพมากประสบการณ์ที่มีผลงานมากกว่า 50 เรื่อง แททเทอร์ซอลล์เป็นผู้กำกับภาพระบบดิจิทัลให้ Star Wars I-III ของลูคัสฟิล์ม และเคยร่วมงานกับนิโคลัส เคจมาแล้วสองครั้งในภาพยนตร์เรื่อง Con Air (1997) และ Next (2007) ผลงานเด่นเรื่องอื่นของเขาได้แก่ The Green Mile (1999), Vertical Limit (2000), The Majestic (2001), Die Another Day (2002), Lara Croft Tomb Raider: The Cradle of Life (2003), The Matador (2005), xXx: State of the Union (2005), The Hunting Party (2007), Speed Racer (2008), The Day the Earth Stood Still (2008), The Walking Dead (TV series 2010) และ Gulliver’s Travels (2010)

เดนนิส วอชิงตัน  (ผู้ออกแบบงานสร้าง)
              เกิดที่ซานตา โมนิคา รัฐแคลิฟอร์เนีย เขามีพื้นฐานมาจากการเป็นสถาปนิก และผู้ออกแบบฉากในโรงละคร วอชิงตันร่วมงานกับผู้กำกับ โดนัลด์สันเป็นครั้งที่ 5 นับตั้งแต่ No Way Out (1987), Dante’s Peak (1997), Thirteen Days (2000) และ The World’s Fastest Indian (2005) ผลงานเด่นเรื่องอื่นของเขา ได้แก่ Prizzi’s Honor (1985), Stand by Me (1986), The Dead (1987), Another You (1991), White Men Can’t Jump (1992), The Fugitive (1993), Angels in the Outfield (1994), Paulie 91998), The General’s Daughter (1999), Life as a House (2001), Dark Blue (2002) และ Shooter (2007)

แคโรไลน์ เอสลิน-แชฟเฟอร์  (ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย)
              สำเร็จการศึกษาวิชาภาพยนตร์จากมหาวิทยาลัยซัทเทิร์น มิสซิสซิปปี และก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการออกแบบเครื่องแต่งกายในภาพยนตร์สั้นที่เล่าเรื่องของนักกีตาร์ผู้เป็นตำนาน โรเบิร์ต จอห์นสัน แล้วจึงได้งานในภาพยนตร์สารคดีของ HBO เรื่อง Unchained Memories: Reading from the Slave Narratives (2003) ซึ่งเปิดโอกาสให้เธอได้ออกแบบเสื้อผ้าในสารคดีเรื่อง The Blues (2003) ที่อำนวยการสร้างโดย มาร์ติน สกอร์เซซี และกำกับโดย วิม เวนเดอร์ส
              ผลงานอันโดดเด่นชิ้นต่อมาของเอสลิน-แชฟเฟอร์ อยู่ในภาพยนตร์เรื่องดัง เช่น Don’t Come Knocking (2005), Stay Alive (2006), The Yellow Handkerchief (2008), American Violet (2008), Leaves of Grass (2009), Dylan Dog: Dead of Night (2010) และ The Courier (2011)