MSN on September 22, 2011, 01:58:40 PM
ไทโก้ อิเล็กทรอนิกส์ เดินเกมรุกเปลี่ยนชื่อเป็น ทีอี คอนเน็คทิวิตี้ เพิ่มความแข็งแกร่งโดยควบรวม ADC Krone ตั้งเป้าครองส่วนแบ่งตลาดเกิน 50 เปอร์เซ็นต์
 

 


กรุงเทพฯ 20 กันยายน 2554: บริษัท ไทโก้ อิเล็กทรอนิกส์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สายสัญญาณและอุปกรณ์เชื่อมต่อในแบรนด์ AMP Netconnect ประกาศเปลี่ยนชื่อเป็น ทีอี คอนเน็คทิวิตี้ จำกัด  หลังควบรวม ADC Krone เพื่อเสริมศักยภาพด้าน เน็ตเวิร์คโซลูชั่นที่ครบครันให้แก่ลูกค้า รองรับการเติบโตของตลาดระบบเชื่อมต่อการสื่อสาร

นายรักเกียรติ หงษ์กาญจนพงษ์ ผู้อำนวยการผ่ายขาย ประจำภาคพื้นอาเซียนเหนือ กล่าวว่า “การเปลี่ยนชื่อของ ไทโก้ อิเล็กทรอนิกส์ เป็น ทีอี คอนเน็คทิวิตี้ ในครั้งนี้ เพื่อสะท้อนความเชี่ยวชาญและความเข้มแข็งในธุรกิจของทีอี นั่นก็คือ การที่เรามีผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นส์ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อข้อมูลเข้าด้วยกัน รวมไปถึงการปกป้องการเดินทางของข้อมูลหรือพลังงาน โดยชื่อใหม่นี้ก็บอกตัวตนของเราได้เป็นอย่างดี ผลิตภัณฑ์ของ ทีอี ทั้งหมด ณ ปัจจุบันมีกว่า  5 แสน ผลิตภัณฑ์ที่ถูกใช้งานกันอยู่ในชีวิตประจำวัน เรียกได้ว่ามีผลิตภัณฑ์ของ ทีอี อยู่ในเกือบทุกสิ่งที่รายล้อมรอบตัวเรา โดยใน ทีอีนั้น เราแบ่งสายธุรกิจเป็น 3 หลักๆ ได้ 3 ภาคส่วน ส่วนแรกการขนส่ง (Transportation Solution) เช่น อุปกรณ์การเชื่อมต่อ ที่เกี่ยวกับยานพาหนะทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ เครื่องบิน ไปจนถึงยานอวกาศ เป็นต้น ส่วนที่ 2 การสื่อสารและอุตสาหกรรม ได้แก่ผลิตภัณฑ์เชื่อมต่อในเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ คอมพิวเตอร์ ส่วนสุดท้ายเน็ตเวิร์กโซลูชั่น ได้แก่ ผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อทั้งในอาคาร ดาต้าเซ็นเตอร์ ภายนอกอาคาร และตามที่พักอาศัย ตลอดจนด้านพลังงาน

ในประเทศไทย ทีอี ถือว่ามีความเข้มแข็งด้านเน็ตเวิร์คโซลูชั่นมากที่สุด โดยแต่เดิมมี AMP Netconnect เป็นผู้นำของตลาดตลอดระยะเวลา 20 ปี และเมื่อปลายปี 2010 ทางบริษัทแม่ได้ทำการเข้าควบกิจการของ ADC Krone เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีอี เพื่อเสริมศักยภาพด้านเทคโนโลยี และการตลาดให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น

ปัจจุบันการขยายตัวของตลาดไอทีในประเทศมีการเติบโต อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเติบโต ของระบบโครงสร้างพื้นฐาน ไอซีที และการเชื่อมต่อระบบผ่านระบบสื่อสารต่างๆ รวมถึงด้านระบบออนไลน์ เช่น ของธนาคาร ล้วนต้องการเสริมประสิทธิภาพด้านดาต้าเซ็นเตอร์ของตัวเองให้สูง รองรับการใช้งานที่มากขึ้นของผู้บริโภค การประหยัดพลังงาน และลดมลภาวะควบคู่กันไปรวมไปถึงความง่ายในการตรวจสอบ และทราบความพร้อมในการใช้งานได้ตลอดเวลา

นอกจากนี้ ปัจจุบันการเปิดตัวอย่างเป็นทางการด้าน 3G ของประเทศไทย ทำให้เหล่าโอเปอเรเตอร์มีความต้องการในการที่จะขยายเครือข่ายให้รองรับการใช้งานของลูกค้าให้ได้มากที่สุด ทำให้ตลาดส่วนนี้เติบโตขึ้นอย่างเป็นประวัติการณ์ รวมไปถึงตลาดระบบเครือข่ายไร้สาย ที่ยังต้องอาศัยโครงสร้างพื้นฐานการเชื่อมต่อผ่านสายที่มีประสิทธิภาพ รองรับการใช้งานที่มีการรับส่งข้อมูลในขนาดใหญ่ขึ้น รวมไปถึง อินเตอร์เน็ตความเร็วสูงตามบ้านที่เติบโตและแข่งกันเรื่องของความเร็วอินเตอร์เน็ต ล้วนมีความต้องการด้านการใช้งานด้านสายเชื่อมต่อคุณภาพสูง ทั้งผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ เพื่อให้เหมาะสมกับความเร็วที่จะเร็วขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคตอีกด้วยซึ่งสิ่งเหล่านี้เรามองว่าไม่ว่าอย่างไรตลาดของอุปกรณ์เชื่อมต่อย่อมโตขึ้นอย่างแน่นอน

ช่องทางการจำหน่ายของ TE ในเมืองไทย ได้มีการขายผ่านช่องทางหลักอยู่ 2 ช่องทางได้แก่

1.       ผ่านตัวแทนจำหน่าย (Distributor) 4 รายหลัก ได้แก่ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน)  , บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) , บริษัท จีเน็ต เน็ตเวิร์ค โซลูชั่น จำกัด และ บริษัท เอดับบลิวเอส. ไวร์ เวิร์คส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งจะทำการขายทั้งในรูปแบบขายปลีก และการนำเสนอโครงการต่างๆ ให้แก่ลูกค้า

2.       ผ่านตัวแทนจำหน่ายโครงการ (value added reseller) ได้แก่ บริษัท แลนโทร (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท สเกต เน็ตเวิร์คส์ อินติเกรเตอร์ จำกัด บริษัท ทรีไอ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด บริษัท ไซท์ เพรพพาเรชั่น แมเนจเมนท์ จำกัด และ บริษัท พีแอนด์พี เทเลคอม จำกัด ซึ่งคู่ค้าของเราในกลุ่มนี้ จะทำการขายเข้าไปสู่โครงการต่างๆ

และด้วยการขายผ่านช่องทางหลักทั้งสองช่องทาง นายรักเกียรติ เชื่อว่า เป็นการขายที่ครบวงจร ทั้งด้านการขายเป็นโซลูชั่นใหญ่ระดับโครงการ และการขายปลีกไปยังผู้บริโภคตามบ้าน ซึ่งจะทำให้ ผลิตภัณฑ์ของ TE เป็นที่รู้จักได้กว้างมากยิ่งขึ้น และรองรับการเติบโตของตลาดไอทีในอนาคตอีกด้วย
                                                                       
# # #
 
เกี่ยวกับทีอี

TE Connectivity เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกที่มีมูลค่า 12,100 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ หรือในราว 363,000 ล้านบาท โดยเป็นบริษัทฯ ที่ออกแบบและผลิตผลิตภัณฑ์กว่า 500,000 ชนิดเพื่อเชื่อมต่อและปกป้องการไหลของพลังงานและข้อมูลภายในผลิตภัณฑ์ที่สัมผัสกับทุกแง่มุมของการใช้ชีวิตของผู้คนในทุกๆ วัน เรามีบุคลากรเกือบ 100,000 คนเพื่อให้บริการลูกค้าในทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภค, พลังงาน, การดูแลสุขภาพ, ยานยนต์, การบิน และเครือข่ายระบบสื่อสาร โดยนำเสนอเทคโนโลยีที่ดีกว่า เร็วกว่า ฉลาดกว่าเพื่อการเชื่อมต่อผลิตภัณฑ์อันนำไปสู่ความเป็นไปได้ในทุกรูปแบบของการดำเนินชีวิตสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.te.com