MSN on September 13, 2011, 12:25:24 PM
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ปรับภาพลักษณ์องค์กรพร้อมเปลี่ยนโลโก้ ย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์อย่างครบวงจร


 
          พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ประกาศรุกธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์อย่างครบวงจร ล่าสุดประกาศปรับสัญลักษณ์ฉลองครบรอบ 15 ปี พร้อมเดินหมากเชิงรุก พัฒนาคุณภาพการให้บริการอย่างต่อเนื่อง หวังลูกค้าไทยและเทศต่างเชื่อมั่นในมาตรฐานบริการ ส่งผล 8 เดือนแรก 54 มีอัตราเติบโตรวม ทุกธุรกิจประมาณ 11% ซึ่งธุรกิจบริหารจัดการด้านที่พักอาศัยและธุรกิจบริหารสินทรัพย์ซึ่งเป็นธุรกิจที่เกื้อหนุนกันสามารถแตะรายได้ 136 ล้านบาท และ 125 ล้านบาทตามลำดับ ขณะที่ธุรกิจบริหารทรัพยากรอาคารก็สามารถกวาดยอดขายประทับใจที่ 73 ล้านบาท

          นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า พลัส บริษัทสัญชาติไทยถือเป็นหนึ่งในผู้นำทางธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ที่สามารถให้บริการได้อย่างครบวงจร ในเมืองไทย ปัจจุบันได้รับการยอมรับทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ ด้วยประสบการณ์ทำให้ พลัส ทราบและเข้าใจถึงความต้องการของกลุ่มลูกค้า จึงสามารถตอบโจทย์และได้รับความไว้วางใจ ส่งผลให้ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน และในปีนี้ ซึ่งบริษัทฯดำเนินธุรกิจมาครบ 15 ปี พลัส จึงมุ่งมั่นที่จะตอกย้ำให้กลุ่มลูกค้าทราบถึงขอบข่ายการให้บริการที่ครบครัน ตลอดจนเตรียมความพร้อมเพื่อรุกธุรกิจ บริษัทฯ จึงได้ประกาศนโยบายในการปรับสัญลักษณ์องค์กรที่แต่เดิมได้ระบุแยกในแต่ละธุรกิจบริการ มาสู่ความเป็นหนึ่งเดียว เพื่อสะท้อนว่า พลัส คือ องค์กรที่ดำเนินธุรกิจด้านบริการที่หลากหลาย ภายใต้พันธกิจเดียวกัน สัญลักษณ์ใหม่จึงเป็นการสื่อถึงการก้าวไปข้างหน้าอย่างพร้อมเพรียงกันขององค์กร สู่โลกแห่งนวัตกรรม ที่การบริการต้องตอบโจทย์และเป็นไปอย่างครบวงจร และเพิ่มมิติของคุณค่าด้วยคุณภาพการบริการ ที่พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง

          “เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การเปลี่ยนสัญลักษณ์องค์กร ไม่เพียงแต่จะทำให้ทิศทางในการดำเนินธุรกิจของ ผู้ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ของ พลัส ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และเมื่อ พลัส กำลังจะเดินไปข้างหน้า ฟันเฟืองหลักอย่างทรัพยากรบุคคลก็ต้องมีใจร่วมกันปฏิรูปองค์กรเพื่อให้ไปสู่จุดที่เราต่างร่วมตั้งปณิธานไว้ โดยได้วางกลยุทธ์เชิงรุกไว้เพื่อเพิ่มรายได้กำไรพร้อมกับการเพิ่มคุณภาพของการบริการ ที่จะทำให้บรรลุจุดหมายของการเติบโตอย่างยั่งยืนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งมั่นใจได้ว่ารายได้จากธุรกิจการให้บริการจะพัฒนาและเติบโตต่อไปอย่างต่อเนื่องตามกลยุทธ์ใหม่นี้” นายอภิชาติ จูตระกูล กล่าวแสดงความเชื่อมั่น

          ทั้งนี้ รายได้จากธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ของ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ระหว่างเดือนมกราคม – สิงหาคม 2554 มีจำนวนรวม 335 ล้านบาท โดยมาจาก 4 ธุรกิจ ดังนี้ คือ 1.) ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 37% สามารถสร้างยอดขายรวมได้ 125 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมา 15% จาก 2 บริการหลัก ประกอบด้วย 1.1) บริการด้าน ซื้อ-ขาย-เช่า อสังหาริมทรัพย์ โดยมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 71% และ 1.2.) บริการบริหารการขายโครงการ โดยมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 29%, 2.) ธุรกิจบริหารจัดการด้านที่พักอาศัย มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 40.9% สามารถสร้างยอดขายรวมได้ 136 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา 7% และมียอดการต่อสัญญาจากลูกค้าเดิมสูงถึง 90%, 3.) ธุรกิจบริหารทรัพยากรอาคาร มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 21.9% สามารถสร้างยอดขายรวมได้ 73 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมา 12% และ 4.) ธุรกิจอื่นๆ 0.2% (0.5 ล้านบาท) โดยรวมส่งผลให้ ณ ปัจจุบัน พลัส มีอัตราเติบโตรวมอยู่ที่ 11% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา

          เกี่ยวกับกลยุทธ์ในการยกระดับการให้บริการเพื่อเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าสูงสุดและรักษาฐานลูกค้าเดิมของ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ นั้น นายอภิชาติ จูตระกูล กล่าวเสริมว่า “เราวางแผนพัฒนาปรับปรุงเว็บไซต์ พร้อมเพิ่มความสำคัญของ ออนไลน์ มาร์เก็ตติ้ง ให้มากขึ้น คู่ขนานไปกับการพัฒนาศักยภาพของทีมขาย และสานต่อความสัมพันธ์อันดีแก่กลุ่มลูกค้าเดิม และแยกการลงลึกด้านกลยุทธ์ในแต่ละส่วนธุรกิจ ประกอบด้วย 1.) ธุรกิจบริหารจัดการด้านที่พักอาศัย ที่จะนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมการให้บริการมาตรฐานโรงแรม 6 ดาวมาปรับใช้ในโครงการ เพื่อเพิ่มระดับความพึงพอใจของลูกค้า รวมถึงสร้างความสุขและความสนุกในการทำงานแก่ทีมงาน เพื่อจะได้ส่งมอบบริการที่มีแต่รอยยิ้มแก่ลูกค้า และยังดูแลด้าน การควบคุมรายจ่ายในอาคารที่พักอาศัย (Cost Control) เพื่อให้การใช้จ่ายค่าส่วนกลางของอาคารเป็นไปอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุด 2.) ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ นั้น ในส่วนบริการด้าน ซื้อ-ขาย-เช่า อสังหาริมทรัพย์ จัดตั้งทีม Sales Development เพื่อเสริมศักยภาพการให้บริการของพนักงาน สร้างสรรค์ทีมเฉพาะที่ให้บริการกลุ่มลูกค้าต่างชาติอย่างใกล้ชิดเพื่อสนองตอบความต้องการได้อย่างตรงจุด ตลอดจนมุ่งเน้นจัดหา Leasing Stocks ที่ระดับราคา 6,000 – 15,000 บาทต่อเดือน รวมทั้ง Commercial Properties ยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและ SMEs ในปัจจุบัน และที่สำคัญคือการสร้างความรู้สึกถึง การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิม เช่นเดียวกันกับ บริการบริหารการขายโครงการ ที่เปรียบเสมือนพันธมิตรที่พร้อมให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าในทุกด้าน เพื่อมอบคำแนะนำที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการพัฒนาและขายโครงการ พร้อมทั้งพัฒนาศักยภาพของทีมที่ให้บริการและให้คำปรึกษาอย่างต่อเนื่องผ่านการฝึกอบรมโดยทีม Sales Development ขยายการให้บริการด้าน Sales Management ที่ครอบคลุม ในทุกรูปแบบของโครงการ ทั้งคอนโด บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ และรักษากลุ่มลูกค้าประเภท Loyalty Customers และสุดท้ายกับ 3.) ธุรกิจบริหารทรัพยากรอาคาร ที่ พลัส วางแผนและพัฒนารูปแบบการบริการเพื่อมอบบริการที่มากกว่าการบริหารอาคารสำนักงานด้วยการมุ่งเน้นด้านสุขภาพและความปลอดภัยของผู้ทำงานในอาคาร (Health & Safety) เป็นหนึ่งในปัจจัยหลัก นอกจากนี้ ยังได้ศึกษานวัตกรรมการบริหารอาคารสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อนำมาปรับใช้และยกระดับการบริหารอาคารสำนักงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมทั้ง อบรมพนักงานเพื่อมอบบริการที่เป็นเลิศตามมาตรฐานของพลัส (Plus Quality Service) และเพิ่มความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านยิ่งขึ้น” และเมื่อพิจารณาถึงวิสัยทัศน์โดยรวมของ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ต่อภาพรวมธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ ในอีก 1-2 ปี ข้างหน้า นายอภิชาติ จูตระกูล กล่าวแสดงความเห็นในประเด็นดังกล่าวว่า “ในอนาคตจะมีการแข่งขันด้านบริการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รุนแรงยิ่งขึ้นกว่าปัจจุบัน เพราะมีบริษัทต่างชาติและบริษัทไทยเข้าสู่ตลาดมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม พลัสจะไม่แข่งขันในเรื่องราคากับคู่แข่ง เพราะเรามีความมุ่งมั่นที่จะมอบบริการที่ครบวงจรและเป็นเลิศ ตามมาตรฐานสากลแก่ลูกค้า ดังนั้น จึงเป็นที่มาของวิสัยทัศน์บริษัทว่าจะใช้กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจด้วยการเพิ่มมูลค่าการให้บริการแก่ลูกค้าปัจจุบันให้มากยิ่งขึ้น เพื่อส่งมอบบริการที่ล้ำหน้า ทั้งในเรื่องบุคลากร ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ และมีใจบริการ ตลอดจนสรรหาเทคโนโลยี และแนวคิดนวัตกรรมในการให้บริการใหม่ๆ แก่ลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งท้ายที่สุด เมื่อลูกค้าปัจจุบันประทับใจในการให้บริการของเราก็จะนำไป สู่การบอกต่อและทำให้พลัสมีลูกค้าใหม่และรายได้ที่เพิ่มขึ้นในที่สุด”