MSN on September 14, 2011, 08:03:39 PM
KTAMจับมือบัตรเครดิตอัดโปรโมชั่นRMF-LTF 
                                                                                                     
              นายสมชัย  บุญนำศิริ  กรรมการผู้จัดการ  บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน  กรุงไทย จำกัด (มหาชน)   เปิดเผยว่า     บริษัทได้ร่วมออกบูธในงานตลาดนัดกองทุน  ระหว่างวันที่  15 - 18  กันยายน 2554   ณ  พาราไดซ์พาร์ค  ศรีนครินทร์   โดยบริษัทได้จัดโปรโมชั่นเพื่อมอบให้กับลูกค้า  โดยเฉพาะ กองทุนประเภท  RMF – LTF   โดยยอดเงินลงทุนในปีนี้ ทุกๆ 1 ล้านบาท  รับเงินคืน 12,000  บาท      นอกจากนี้    บริษัทยังได้รับความร่วมมือที่ดีจากบริษัทบัตรเครดิต    ในการอำนวยความสะดวกลูกค้าที่ซื้อกองทุน พร้อมเพิ่มโปรโมชั่นพิเศษ   โดยซื้อผ่านบัตรเคทีซี  ตั้งแต่ 100,000  บาท  ขึ้นไป  รับบัตรของขวัญเซ็นทรัล 400  บาท   นอกจากนี้  ยังสามารถผ่อนชำระได้นาน 4 - 10 เดือน  ดอกเบี้ย 0.69%  ต่อเดือน

           บัตรซิตี้แบงก์  เฉพาะลูกค้าที่ซื้อกองทุน  LTF  เท่านั้น  โดยลงทุน 120,000 บาทขึ้นไป  รับ  Polo  Innovative   Bag   มูลค่า 790  บาท    และสามารถผ่อนชำระ นาน 4 , 6 ,  และ10 เดือน ดอกเบี้ย 0.50% ต่อเดือน    พร้อมรับคะแนนสะสม   ,  บัตรในเครือกรุงศรี     เฉพาะลูกค้าที่ซื้อกองทุน  LTF       ลงทุน 100,000 บาท  ขึ้นไป  รับหม้อนึ่ง 3 ชั้น   Digital   มูลค่า 2,990  บาท    สำหรับลูกค้าที่แบ่งชำระ  3, 4 , 6 เดือน   หรือ บัตรของขวัญเซ็นทรัล  มูลค่า 3,000  บาท   สำหรับลูกค้าที่แบ่งชำระ นาน 9,10 เดือน  ดอกเบี้ย 0.69%  ต่อเดือน   และ   เทสโก้ บัตรเครดิต  สำหรับลูกค้าที่ซื้อ LTF  เท่านั้น   ลงทุน 50,000  บาท ขึ้นไป  รับ   บัตรของขวัญ  MK   มูลค่า 500 บาท   สามารถผ่อนชำระได้นาน 4,6,9, และ 10 เดือน  ดอกเบี้ย 0.50% ต่อเดือน   

                  นายสมชัย  กล่าวต่อไปว่า  ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมาก จากจุดสูงสุดในปีนี้   SET  อยู่ที่ 1,148.28  จุด   และวันที่ 12 กันยายน ที่ผ่านมา    SET  ปิดตลาดที่  1,040 .83  จุด  ปรับตัวลดลง - 9.41  จุด       นับว่าเป็นจังหวะที่ดี  สำหรับการลงทุนในกองทุนประเภท RMF / LTF  โดยเฉพาะกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 
 
                ในช่วงที่ผ่านมา   ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ มีความผันผวน โดยมีการแกว่งตัวอยู่ในระดับ 940-1150 จุด อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดต่างประเทศ ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนที่เป็นบวก ในขณะที่ตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนที่เป็นลบ  ปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนที่ดี คือ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนมีการเติบโตต่อเนื่อง  ภาวะทางการเมืองมีความมั่นคงมากขึ้น ประกอบกับนโยบายของภาครัฐที่สนับสนุนการบริโภคภายในประเทศ  อย่างไรก็ตาม ปัจจัยต่างประเทศเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะความกังวลต่อปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป ความกังวลต่อการชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ สหรัฐอเมริกา

                  สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงปลายปี บลจ.กรุงไทย คาดว่าตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 1200 จุด คิดเป็น PE 13 เท่า จากนโยบายภาครัฐที่มีการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศผ่านการลงทุนต่างๆ การปรับลดภาษีของบริษัทจดทะเบียน และแนวโน้มเงินเฟ้อที่คาดว่ามีการปรับตัวลดลงในไตรมาสที่ 4
 
                     นอกจากนี้    บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 17 ( KTSUPB17)   อายุโครงการ  6  เดือน  ในวันที่  14-20  กันยายนนี้    เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ    ประกอบด้วย  พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย    ตราสารการเงินระยะสั้นธนาคารพาณิชย์ไทย    ในสัดส่วน 56 %  ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน    ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ    ได้แก่  เงินฝากประจำ  Bank  of   China   สาขามาเก๊า   สกุล CNY   และบัตรเงินฝาก  Wing  Lung  Bank  (ฮ่องกง) สกุล CNY   ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนประมาณ  3.50 %  ต่อปี

               นอกจากนี้  บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่าย กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท  อินเวส  3 เดือน 3 ( KTSIV3M3 )        ตั้แต่วันนี้  ถึงวันที่ 16  กันยายน 2554   อายุโครงการ  3 เดือน   เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย บัตรเงินฝากธนาคารนครหลวงไทย  และธนาคารไอซีบีซี  (ประเทศไทย )    ตั๋วแลกเงินของภาคเอกชนที่มีอันดับเครดิตตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป    ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.30%  ต่อปี