KTAMจับมือบัตรเครดิตอัดโปรโมชั่นRMF-LTF
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมออกบูธในงานตลาดนัดกองทุน ระหว่างวันที่ 15 - 18 กันยายน 2554 ณ พาราไดซ์พาร์ค ศรีนครินทร์ โดยบริษัทได้จัดโปรโมชั่นเพื่อมอบให้กับลูกค้า โดยเฉพาะ กองทุนประเภท RMF – LTF โดยยอดเงินลงทุนในปีนี้ ทุกๆ 1 ล้านบาท รับเงินคืน 12,000 บาท นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับความร่วมมือที่ดีจากบริษัทบัตรเครดิต ในการอำนวยความสะดวกลูกค้าที่ซื้อกองทุน พร้อมเพิ่มโปรโมชั่นพิเศษ โดยซื้อผ่านบัตรเคทีซี ตั้งแต่ 100,000 บาท ขึ้นไป รับบัตรของขวัญเซ็นทรัล 400 บาท นอกจากนี้ ยังสามารถผ่อนชำระได้นาน 4 - 10 เดือน ดอกเบี้ย 0.69% ต่อเดือน
บัตรซิตี้แบงก์ เฉพาะลูกค้าที่ซื้อกองทุน LTF เท่านั้น โดยลงทุน 120,000 บาทขึ้นไป รับ Polo Innovative Bag มูลค่า 790 บาท และสามารถผ่อนชำระ นาน 4 , 6 , และ10 เดือน ดอกเบี้ย 0.50% ต่อเดือน พร้อมรับคะแนนสะสม , บัตรในเครือกรุงศรี เฉพาะลูกค้าที่ซื้อกองทุน LTF ลงทุน 100,000 บาท ขึ้นไป รับหม้อนึ่ง 3 ชั้น Digital มูลค่า 2,990 บาท สำหรับลูกค้าที่แบ่งชำระ 3, 4 , 6 เดือน หรือ บัตรของขวัญเซ็นทรัล มูลค่า 3,000 บาท สำหรับลูกค้าที่แบ่งชำระ นาน 9,10 เดือน ดอกเบี้ย 0.69% ต่อเดือน และ เทสโก้ บัตรเครดิต สำหรับลูกค้าที่ซื้อ LTF เท่านั้น ลงทุน 50,000 บาท ขึ้นไป รับ บัตรของขวัญ MK มูลค่า 500 บาท สามารถผ่อนชำระได้นาน 4,6,9, และ 10 เดือน ดอกเบี้ย 0.50% ต่อเดือน
นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมาก จากจุดสูงสุดในปีนี้ SET อยู่ที่ 1,148.28 จุด และวันที่ 12 กันยายน ที่ผ่านมา SET ปิดตลาดที่ 1,040 .83 จุด ปรับตัวลดลง - 9.41 จุด นับว่าเป็นจังหวะที่ดี สำหรับการลงทุนในกองทุนประเภท RMF / LTF โดยเฉพาะกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
ในช่วงที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ มีความผันผวน โดยมีการแกว่งตัวอยู่ในระดับ 940-1150 จุด อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดต่างประเทศ ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนที่เป็นบวก ในขณะที่ตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนที่เป็นลบ ปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนที่ดี คือ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนมีการเติบโตต่อเนื่อง ภาวะทางการเมืองมีความมั่นคงมากขึ้น ประกอบกับนโยบายของภาครัฐที่สนับสนุนการบริโภคภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยต่างประเทศเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะความกังวลต่อปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป ความกังวลต่อการชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ สหรัฐอเมริกา
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงปลายปี บลจ.กรุงไทย คาดว่าตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 1200 จุด คิดเป็น PE 13 เท่า จากนโยบายภาครัฐที่มีการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศผ่านการลงทุนต่างๆ การปรับลดภาษีของบริษัทจดทะเบียน และแนวโน้มเงินเฟ้อที่คาดว่ามีการปรับตัวลดลงในไตรมาสที่ 4
นอกจากนี้ บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 17 ( KTSUPB17) อายุโครงการ 6 เดือน ในวันที่ 14-20 กันยายนนี้ เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ ประกอบด้วย พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ตราสารการเงินระยะสั้นธนาคารพาณิชย์ไทย ในสัดส่วน 56 % ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ได้แก่ เงินฝากประจำ Bank of China สาขามาเก๊า สกุล CNY และบัตรเงินฝาก Wing Lung Bank (ฮ่องกง) สกุล CNY ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.50 % ต่อปี
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่าย กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 3 เดือน 3 ( KTSIV3M3 ) ตั้แต่วันนี้ ถึงวันที่ 16 กันยายน 2554 อายุโครงการ 3 เดือน เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย บัตรเงินฝากธนาคารนครหลวงไทย และธนาคารไอซีบีซี (ประเทศไทย ) ตั๋วแลกเงินของภาคเอกชนที่มีอันดับเครดิตตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.30% ต่อปี