Don’t Be Afraid of the Dark
เรื่องย่อสิ่งที่เก่าแก่และชั่วร้ายยังคงมีชีวิตอยู่ในอนธกาลใต้คฤหาสน์แบล็ควู้ด
เมื่อแซลลี่ เฮิร์สท์ (เบลีย์ เมดิสัน) มาเยือนโร้ด ไอส์แลนด์ เพื่อเยี่ยมอเล็กซ์ (กาย เพียร์ซ) พ่อของเธอและคิม (เคที่ โฮล์มส์) แฟนสาวคนใหม่ของเขา ที่คฤหาสน์ทรงวิคตอเรียน ที่พวกเขากำลังบูรณะอยู่ เธอก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนนอก และบ้านใหม่ที่หรูหราของเธอก็ดูเหมือนจะเป็นคุกที่เหน็บหนาวและไร้การเหลียวแล
อเล็กซ์ ที่มัวแต่สนใจโปรเจ็กต์ยิ่งใหญ่และความใฝ่ฝันในฐานะสถาปนิกของตัวเอง ห่างเหินกับลูกสาวของเขา และความพยายามของคิมในการสานสายสัมพันธ์กับแซลลี่ก็ลงเอยด้วยความหงุดหงิดทุกครั้งไป
แซลลี่พบความอบอุ่นและหนทางหลบหนีด้วยการสำรวจคฤหาสน์หลังนี้ด้วยตัวคนเดียว และแม้ว่าจะได้รับคำเตือนจากผู้ดูแลบ้าน คุณแฮร์ริส (แจ็ค ธอมป์สัน) เธอก็ดึงดันจะออกผจญภัย ซึ่งนำไปสู่การค้นพบห้องใต้ดินลับ ที่ไม่มีใครย่างเท้าก้าวเข้าไปนับตั้งแต่การหายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อร้อยปีก่อนของผู้สร้างคฤหาสน์หลังนี้ นักวาดภาพธรรมชาติชื่อดัง อีเมอร์สัน แบล็ควู้ด ห้องใต้ดินที่มืดหม่นและชื้นแฉะแห่งนี้ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นสตูดิโอส่วนตัวของแบล็ควู้ด ได้เก็บงำความลับเกี่ยวกับอดีตของสถานที่ที่ไม่มั่นคงและมืดมิดนี้ รวมไปถึงบางสิ่งที่อาจจะชั่วร้ายกว่านั้น
ความอยากรู้อยากเห็นของเธอยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น แซลลี่แปลกใจเมื่อเสียงจากใต้เตาผิงเริ่มพูดกับเธอ เสียงที่ยั่วเย้า เรียกร้องและอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากเธอ เสียงนั้นเป็นของโฮมุนคลุส สิ่งมีชีวิตจอมบงการและโหดเหี้ยม ผู้ซึ่งมีต้นกำเนิดตั้งแต่สมัยที่ตำนานเล่าขานเกี่ยวกับเทพยดาและปีศาจเป็นมากกว่านิทานสอนใจ และผู้ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในความมืด กินเลือดเนื้อของเด็กๆ เป็นอาหาร!
เมื่อแซลลี่ปล่อยสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายพวกนี้ให้เป็นอิสระจากที่คุมขังโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เธอก็เป็นเพียงคนเดียวที่ค่อยๆ ตระหนักถึงตัวตนของพวกมันภายในคฤหาสน์หลังนี้ และธรรมชาติที่แท้จริงของความโหดเหี้ยมของมัน
อเล็กซ์ ที่มองไม่เห็นความกลัวที่มีต้นสายปลายเหตุของลูกสาวตัวเอง มัวแต่สนใจกับงานเลี้ยงอาหารค่ำที่เขากับคิมวางแผนจะจัดขึ้นเพื่ออวดโฉมคฤหาสน์ที่ซ่อมแซมเสร็จเรียบร้อย เกินกว่าที่จะใส่ใจกับเรื่องราวที่ดูเหมือนเป็นตำนานเกี่ยวกับปีศาจร้ายในความมืดที่ลูกสาวเขาเล่า แม้กระทั่งหลังจากที่แฮร์ริสถูกโจมตีอย่างเหี้ยมโหด พวกผู้ใหญ่ก็อธิบายว่ามันเป็นอุบัติเหตุจากงานอุตสาหกรรม
แซลลี่พบมิตรภาพที่เหลือเชื่อในคิม ผู้มองเห็นตัวเองในความเข้มแข็งที่ผสมผสานกับความเปราะบางของเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้ เธอเริ่มจะรับฟังคำกล่าวอ้างของเด็กหญิงอย่างจริงจังมากขึ้นและตัดสินใจที่จะไปสำรวจถึงที่มาของความกลัวของเธอ นำเธอไปสู่การค้นพบที่ชวนตะลึงเกี่ยวกับชะตากรรมที่แท้จริงของแบล็ควู้ด
เมื่อพวกโฮมุนคลุสโจมตีแซลลี่ในห้องน้ำ พวกมันก็เริ่มยุคสมัยแห่งความหวาดสะพรึงที่จะคุกคามทุกคนที่ผ่านเข้ามา
ครอบครัวที่ร้าวฉานนี้จะต้องรวมใจกันเป็นหนึ่งเดียวเพื่อปราบกองทัพปีศาจร้ายนี้ให้ได้ ไม่เช่นนั้น พวกเขาก็อาจจะต้องเผชิญกับชะตากรรมอันเลวร้ายอย่างเดียวกับที่อีเมอร์สัน แบล็ควู้ดเจอก็เป็นได้เกี่ยวกับงานสร้าง
ในเม็กซิโก เมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว กุยเลอร์โม เดล โทโร เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังเล่นเกมกับพี่น้องของเขา ที่พวกเขาจะทำให้อีกฝ่ายกลัวด้วยการกระซิบชื่อ “แซลลี่…”
พวกเขาเคยดูภาพยนตร์ที่แพร่ภาพทางโทรทัศน์ยุค 70s Don’t Be Afraid of the Dark ต้นฉบับมาแล้ว และมันก็ส่งผลกระทบที่ยาวนานต่อพวกเขา
“สำหรับยุคของผม มันเป็นหนังโทรทัศน์ที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่เราเคยดูมาเลย” เดล โทโรบอก “มันทำให้ครอบครัวผมขนหัวลุก และมันก็ติดตรึงอยู่ในใจผมเสมอมา”
เมื่อเดล โทโรมาอเมริกาในหลายปีให้หลัง เขาก็ค้นหาเนื้อเรื่องดั้งเดิม และใช้เวลาสามหรือสี่ปีก่อนที่เขาจะสามารถหาตัวคนเขียนและซื้อสิทธิเรื่องนี้มาได้
เดล โทโรร่วมเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้กับแมทธิว ร็อบบินส์ คู่หูของเขาและกล่าวว่าพวกเขา “สนุกสุดเหวี่ยง” จากการทำงานในเรื่องนี้ “องค์ประกอบหลายอย่างที่ผมใส่เข้าไปในบท Don’t be Afraid of the Dark เป็นองค์ประกอบที่อยู่ใน Devil’s Backbone และ Pan’ s Labyrinth ด้วย ทั้งอากัปกิริยา ท่าทาง ไอเดียเล็กๆ น้อยๆ ต่างๆ ครับ”
ในการเขียนบท เดล โทโร ชื่นชอบการสำรวจธีมที่เขาครุ่นคิดมานานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งไอเดียของพวกเทวดาฟันน้ำนม
“ผมหมกมุ่นกับพวกเทวดาฟันน้ำนมตั้งแต่ผมยังเป็นเด็ก ผมสงสัยว่า “ทำไมพวกเขาถึงอยากได้ฟันล่ะ พวกเขากินฟันเหรอ พวกเขาสร้างภาพเขียนเล็กๆ ขึ้นจากฟันรึเปล่า พวกเขาทำอะไรกับฟันที่มี ผมไม่เคยได้รับคำตอบที่น่าพึงพอใจเลย…”
ปีแล้วปีเล่าผ่านไปโดยไม่มีโปรเจ็กต์ใดเกิดขึ้น แต่ระหว่างนั้น การพัฒนาก็ดำเนินต่อไป ซึ่งก็รวมถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อเนื้อเรื่อง ที่เปลี่ยนแซลลี่ ที่เดิมเป็นผู้ใหญ่ ให้กลายเป็นเด็ก
“ในหนังที่แพร่ภาพทางโทรทัศน์เรื่องนั้น แซลลี่เป็นผู้ใหญ่ ที่รับบทโดยคิม ดาร์บี้ มันเป็นหนังที่เกี่ยวกับตัวละครผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่ในรูปแบบเรโทร ก่อนที่ผู้หญิงจะมีอำนาจ เธอก็เลยเป็นผู้หญิงขี้กลัว ที่ถูกทำร้ายด้านจิตใจ ผมไม่ชอบเรื่องนั้น และผมคิดว่าคงจะดีกว่าถ้าแซลลี่เป็นเด็กน่ะครับ”
ภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่กับมิราแมกซ์มาหลายปี และหลังจากการปรับโครงสร้างของวีนสไตน์เมื่อปี 2005 เดล โทโรก็ตัดสินใจที่จะหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นกับบทภาพยนตร์เรื่องนี้
“ผมหวังและเฝ้าภาวนาว่าบทเรื่องนี้จะถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง เพื่อที่ผมจะได้มีโอกาส แต่เมื่อปรากฏว่ามันไปอยู่กับดิสนีย์และมิราแมกซ์ ผมก็ไปหาเครี พุทแมนและแดเนียล ฮัสซิดในทันที และถามพวกเขาว่าพวกเขาอยากจะสร้างหนังเรื่องนี้โดยมีผมเป็นผู้อำนวยการสร้างรึเปล่า แล้วเราก็จะหาผู้กำกับหน้าใหม่มากำกับ”
ในช่วงนี้เองที่ผู้อำนวยการสร้างมาร์ค จอห์นสันได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับโปรเจ็กต์นี้ เขาและเดล โทโรรู้จักกันมากว่าสิบปีแล้วและมองหาโอกาสที่จะได้ร่วมงานกันอีกครั้งหนึ่ง
จอห์นสันเล่าว่า “เมื่อสิบเดือนที่แล้ว ผมกำลังอยู่ในรถตัวเองในลอสแองเจลิส เขาโทรหาผมถามว่า ‘คุณอยากจะอำนวยการสร้างหนังกับผมไหม’ แล้วเขาก็เล่าให้ผมฟังถึงหนังเรื่อง Don’t Be Afraid of the Dark”
เดล โทโรเล่าว่า “กระบวนการทั้งหมดเกิดขึ้นระหว่างปี 1993-2009 ดังนั้น เรียกได้ว่าเราใช้เวลาสร้างหนังเรื่องนี้ทั้งหมด 16 ปี ในการสร้างมันในแบบที่ผมต้องการ และหาผู้กำกับที่เหมาะสมในการใส่เอาความแปลกประหลาด พิสดารเข้าไป และผมก็คิดว่าเราพบทั้งหมดนั้นในตัวทรอย นิกซีย์ครับ”