MSN on August 18, 2011, 12:09:00 PM
ริเวอร์เบด ซื้อกิจการ Zeus Technology และ Aptimize เดินหน้าสยายปีกโซลูชันเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพไอทีครบวงจร

          การเข้าซื้อกิจการทั้งสองบริษัทนี้ ช่วยให้ ริเวอร์เบด นำเสนอเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพระบบไอทีสำหรับองค์กรที่สมบูรณ์แบบ ทั้งการเร่งความเร็วให้กับแอพพลิเคชันและคอนเทนต์บนเว็บตอบโจทย์ความต้องการของศูนย์ข้อมูลยุคใหม่ในอนาคต

          ริเวอร์เบด เทคโนโลยี (NASDAQ : RVBD) ผู้ผลิตอุปกรณ์เพิ่มประสิทธิภาพระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ประกาศเข้าซื้อกิจการ Zeus Technology และ Aptimize สองบริษัทรุ่นใหม่ชั้นแนวหน้าที่นำเสนอสุดยอดเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพระบบไอที โดยที่ Zeus Technology เป็นบริษัทเอกชนผู้ผลิตซอฟต์แวร์โหลดบาลานซ์ประสิทธิภาพสูงและโซลูชันจัดการการจราจรสำหรับสภาพแวดล้อมระบบเสมือนและคลาวด์ ตั้งอยู่ ณ เมืองแคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ ซึ่งจะกลายเป็นหน่วยงานธุรกิจใหม่ของ ริเวอร์เบด โดยมี จิม ดาราจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Zeus รับผิดชอบดูแลกลุ่มผลิตภัณฑ์หใม่ ส่วนการเข้าซื้อกิจการของ Aptimize Limited บริษัทเอกชนผู้นำตลาดระบบเพิ่มประสิทธิภาพให้กับคอนเทนต์บนเว็บ ตั้งอยู่ ณ เมืองเวลลิงตัน ประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งจะกลายเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ทางด้านสำหรับอุปกรณ์เพิ่มประสิทธิภาพให้กับคอนเทนต์บนเว็บ ซึ่ง เอ็ด โรบินสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Aptimize จะรับผิดชอบดูแลกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ดังกล่าว

          ควบคุมการขยายบนโลกเวอร์ชวล
          Zeus คือผู้นำด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ควบคุมการขยายประสิทธิภาพการทำงานแอพพลิเคชันระดับสูง (ADCs) และระบบ virtual ADC (vADC) ของ Zeus ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในระดับสูงและรองรับการใช้งานระบบเสมือนบนแพลตฟอร์ม hypervisors ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น VMware, Xen, HyperV และ KVM ณ ปัจจุบันโซลูชัน vADC ของ Zeus ได้ถูกติดตั้งใช้งานโดยลูกค้ากว่า 1,500 องค์กรทั่วโลก รวมถึง 7 ใน 10 ของผู้ให้บริการสื่อสารชั้นนำของโลกหรือจะเป็นหนึ่งในเจ้าตลาดผู้ให้บริการคลาวด์ของโลก, ธุรกิจแพร่กระจายสื่อชั้นนำและสื่อมวลชนรวมถึงธุรกิจด้านอี-คอมเมิร์ซชั้นนำ

          “ริเวอร์เบด ถือว่าเป็นบริษัทที่มีผลประกอบการดี” เจอร์รี่ เคนเนลลี่ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ ริเวอร์เบด กล่าว “เป้าหมายของเราก็คือการสร้างผลิตภัณฑ์สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพระบบไอทีที่ดีและไม่มีจุดสิ้นสุดในการแก้ปัญหาด้านประสิทธิภาพระบบไอทีด้านต่างๆ ของลูกค้า การเข้าซื้อกิจการ Zeus เป็นสิ่งที่เหมาะกับกลยุทธ์ของเรา โซลูชันของ Zeus ออกแบบให้ผู้ใช้สามารถวางโครงสร้างของแอพพลิเคชันให้ซอฟต์แวร์มีประสิทธิภาพสูงสุดบนสภาพแวดล้อมแบบคลาวด์”

          ผลิตภัณฑ์ของ Zeus นำเสนอการพัฒนาที่แตกต่างด้วยสถาปัตยกรรมบนพื้นฐานของซอฟต์แวร์สำหรับควบคุมการขยายประสิทธิภาพการทำงานแอพพลิเคชัน ด้วยโซลูชันบนพื้นฐานระบบควบคุมการขยายประสิทธิภาพการทำงานแอพพลิเคชันบนระบบเสมือนด้วยซอฟต์แวร์ ระบบดังกล่าวของ Zeus นั้นได้เปรียบระบบที่ทำงานบนฮาร์ดแวร์คือเหมาะกับการใช้งานร่วมกับสภาพแวดล้อมแบบเสมือนและคลาวด์ซึ่งสามารถทำงานข้ามระบบในสภาพแวดล้อมต่างๆ รวมถึงความสามารถในการขยายการรองรับการใช้งานได้ตามต้องการ นอกจากนั้นการที่สามารถเชื่อมโยงแอพพลิเคชันในลักษณะของการซ้อนเข้าด้วยกัน ทำให้หน่วยงานด้านสารสนเทศขององค์กรสามารถปรับแต่งการทำงานได้อย่างยึดหยุ่นและทำงานแบบอัตโนมัติ มากไปกว่านั้นโซลูชัน vADC ของ Zeus สามารถเชื่อมการใช้งานเข้ากับระบบเร่งการทำงานแอพพลิชันแบบฮาร์ดแวร์เดิมที่องค์กรมีอยู่ได้อย่างไม่มีปัญหา นอกจากนั้นยังมีการเสริมการทำงานที่ยอดเยี่ยมสำหรับการรองรับการเร่งการทำงานของแอพพลิเคชันทั้งแบบทสมมาติและอสมมาติ ซึ่งจะช่วยให้โซลูชันดังกล่าวเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานทั้งสองฝั่งทั้งคลาวด์แบบภายในและสาธารณะ

          “ผลจากการวิเคราะห์ในอุตสาหกรรม ตลาดของโซลูชันระบบควบคุมการขยายประสิทธิภาพการทำงานแอพพลิเคชันบนสภาพแวดล้อมเสมือนหรือ vADC นั้นจะโตเร็วกว่าระบบควบคุมการขยายประสิทธิภาพการทำงานแอพพลิเคชันแบบเดิมถึง 4 เท่าตัวในช่วงอีก 4 ปีต่อจากนี้” เคนเนลลี่ กล่าวเสริม “และ Zeus เองก็อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมในตลาดอยู่แล้ว สำหรับลูกค้าที่มองหาโซลูชันระบบควบคุมการขยายประสิทธิภาพการทำงานแอพพลิเคชันร่วมกับการใช้งานทั้งคลาวด์ภายในและบริการสาธารณะ ซึ่งสามารถเชื่อมรวมกันได้อย่างแท้จริงเหมือนกับเป็นแอพพลิเคชันที่ซ้อนกันอยู่”

          “ริเวอร์เบด เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งและมีโซลูชันที่พิสูจน์แล้วจากการใช้งานขององค์กรทั่วโลก” จิม ดาราจ “เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมที่สามารถผสานเทคโนโลยี, พนักงานและนโยบายของเราเข้ากับ ริเวอร์เบด และเราเองก็ได้แชร์วิสัยทัศน์กับ ริเวอร์เบด เพื่อที่จะนำเสนอโซลูชันที่มีประสิทธิภาพสูงสุดให้กับการใช้งานแอพพลิเคชันทุกรูปแบบ”

          เร่งความเร็วให้กับเว็บคอนเทนต์
          Aptimize คือผู้นำในตลาดของระบบเพิ่มประสิทธิภาพคอนเทนต์บนเว็บ นวัตกรรมใหม่ก็คือเทคโนโลยีที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้งานทั้งเว็บแอพพลิเคชันในรูปแบบได้ทั้งแบบภายในองค์กรเหมือนกับระบบ SharePoint และบริการเว็บแอพพลิเคชันให้กับบุคคลภายนอกอย่างเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซในรูปแบบที่เร็วกว่า เทคโนโลยีการเร่งความเร็วเว็บไซต์ช่วยขจัดปัญหาความไม่มีประสิทธิภาพใหญ่ๆ ให้กับเว็บแอพพลิเคชันยุคใหม่ด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบของคอนเทนต์ให้มีประสิทธิภาพ (javascript, css, รูปและอื่นๆ) แบบเรียลไทม์ เพื่อจะเร่งความเร็วของเว็บไซต์หรือบริการข้อมูลภายในด้วยการติดตั้งซอฟต์แวร์แบบง่ายๆ ไว้บนเว็บเซิร์ฟเวอร์ ไม่จำเป็นต้องเพิ่มอุปกรณ์พิเศษ, เพิ่มการเขียนโค๊ดหรือต้องไปทำการเปลี่ยนแปลงใดๆ บนโปรแกรมเว็บเบราส์เซอร์ องค์กรธุรกิจที่ติดตั้งโซลูชันของ Aptimize จะสามารถเร่งประสิทธิภาพด้านความเร็วได้สูงถึง 400% ซึ่งผู้ใช้อาจจะเคยพบเห็นอยู่บ่อยครั้งที่โซลูชันของ Aptimize จะถูกติดตั้งไปพร้อมกับอุปกรณ์ควบคุมการเพิ่มประสิทธิภาพระบบเครือข่าย WAN และระบบควบคุมการขยายประสิทธิภาพการทำงานแอพพลิเคชันของ Tandem สำหรับการเพิ่มขยายประสิทธิภาพการทำงานของเครือข่าย

          เจอร์รี่ เคนเนลลี่ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ริเวอร์เบด กล่าวว่า “Aptimize นำเสนอการเพิ่มประสิทธิภาพในรูปแบบใหม่ที่สามารถปรับใช้กับการใช้งานคอนเทนต์บนเว็บทุกรูปแบบ” และยังกล่าวเสริมอีกว่า “เช่นเดียวกับ Stellhead โซลูชันที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกระบวนการส่งข้อมูลของหน้าเว็บออกไป สิ่งที่ Aptimize จะเข้าไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้ก็คือคอนเทนต์ที่ไปสู่ผู้ใช้นั้นให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น”

          Aptimize เป็นโซลูชันที่เป็นมากกว่าการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับโปรโตคอล HTTP และ TCP และคอนเทนต์บนเว็บ ด้วยวิธีการปรับเปลี่ยนคอนเทนต์บนเว็บให้สามารถส่งถึงผู้ใช้ได้เร็วกว่าและสนองตอบประสบการณ์ผู้ใช้งานได้ดีขึ้น เทคโนโลยีของ Aptimize ทำหน้าที่บันทึก, ควบรวมและลดขนาดของคอนเทนต์ที่ถูกร้องขอโดยผู้ใช้ไม่ว่าจะมาจากที่ใดก็ตาม

          การเพิ่มประสิทธิภาพให้กับคอนเทนต์บนเว็บเป็นก้าวต่อไปที่สำคัญวิวัฒนาการของการขยายประสิทธิภาพการทำงานของระบบเครือข่าย ด้วยการเสริมโซลูชันของ Aptimize เข้าไปในระบบช่วยการใช้งานแอพพลิเคชันได้เร็วขึ้นกว่าเดิมบนเครือข่ายที่มีแบนด์วิธต่ำกว่าให้กับผู้ใช้รายใหม่ Aptimize จะช่วยสร้างความสมบูรณ์แบบและแตกต่างให้กับประสิทธิภาพของผลิตภัณ์ต่างๆ ของ ริเวอร์เบด” เคนเนลลี่ กลล่าวเสริม

          เอ็ด โรบินสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Aptimize กล่าวว่า “Aptimize และ Riverbed นำเอาสองสุดยอดเทคโนโลยีผสานเข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มความเร็วให้กับแอพพลิเคชันที่อยู่ด้านหน้าและหลังไฟร์วอลล์” และยังกล่าวเสริมว่า “การรวมกันของสองบริษัทในครั้งนี้จะช่วยให้เกิดความเป็นหนึ่งในด้านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้กับตลาด”

          รายละเอียดการเข้าซื้อกิจการ
          ภายใต้เงื่อนไขของการเข้าซื้อกิจการ ริเวอร์เบด จะต้องจ่ายเงินสด 110 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับผู้ถือหุ้นของ Zeus และอีกเกือบ 30 ล้านเหรียญสหรัฐขึ้นอยู่กับความสามารถในการทำการตลาดตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในช่วง 12 เดือน ซึ่งการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้คาดการณ์ว่า ริเวอร์เบด จะถึงจุดคุ้มการลงทุนครั้งนี้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2554 และเริ่มสร้างกำไรได้ตั้งแต่ต้นปี 2012
          องค์กรมากกว่า 13,000 แห่งทั่วโลกครอบคลุมทั่วทุกตลาด ที่เลือกริเวอร์เบดในการทำความเข้าใจปรับปรุงและควบรวมโครงสร้างระบบสารสนเทศ ริเวอร์เบดนำเสนอผลิตภัณฑ์ประเภทอุปกรณ์และโซลูชันระบบเสมือนที่ช่วยแก้ปัญหาด้านประสิทธิภาพการใช้งานระยะไกลบนระบบสารสนเทศที่กระจายตัวและปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้น เทคโนโลยีสภาพแวดล้อมเสมือนรวมถึงการควบรวมระบบและการประมวลผลแบบคลาวด์ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างมากและช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพ แต่เมื่อผู้ใช้งานเริ่มออกห่างจากข้อมูลในองค์กรสิ่งที่เกิดขึ้นคือแอพพลิเคชันและการเรียกไฟล์ข้อมูลที่ช้าลงซึ่งกลายเป็นกับดักของการใช้เทคโนโลยีดังกล่าว สิ่งที่ริเวอร์เบดช่วยให้การใช้งานของสำนักงานสาขาและผู้ใช้งานแบบเคลื่อนที่ ให้ได้รับประสิทธิภาพการใช้งานเหมือนอยู่บนเครือข่าย LAN ในสำนักงานไม่ว่าศูนย์ข้อมูลส่วนตัวจะอยู่ที่ไหนหรืออาจจะใช้งานอยู่บนคลาวด์สาธารณะ ปัจจุบันริเวอร์เบดยังคงพัฒนาประสิทธิภาพบนพื้นฐานความสำเร็จของตลาดโซลูชันการเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายสารสนเทศและการบริหารจัดการประสิทธิภาพของเครือข่าย ด้วยนวัตกรรมใหม่ที่เป็นโซลูชันในการเร่งความเร็วให้กับระบบจัดเก็บข้อมูลแบบคลาวด์และเข้าถึงแอพพลิเคชันและข้อมูลที่ติดตั้งอยู่บนคลาวด์สาธารณะ