“เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ” รับบท “โป้ง”
“เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ”หนุ่มหล่อมาดเซอร์ ขวัญใจสาวน้อยสาวใหญ่ ที่มีผลงานมากมาย
ทั้งถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา งานเพลง งานหนัง และงานละคร ล่าสุดตัดสินใจขอพลิกบทบาท ของตัวเอง ก้าวเข้าสู่สำนักเส้าหลิน ฝึกกลยุทธ์วิชากังฟู พร้อมกับผองเพื่อนอีก 3 คน เพื่อกลับมาล้างแค้นแก็งค์ค้ามนุษย์สุดเดือดที่เป็นต้นเหตุทำให้ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
ผมรับบทเป็น โป้งเป็นเด็กกำพร้า เด็กใบ้หัวเเข็งที่มีความสามารถมากที่สุดในกลุ่ม เเต่เป็นคนที่มีจิตใจบอบช้ำที่สุด วิทยายุทธที่มีคือ "วิชาหัตย์มัจจุราช" ไม่ว่าสิ่งของใดที่หยิบจับได้ เมื่อขว้างออกไป มันจะกลายเป็นอาวุธร้ายขึ้นมาทันที โป้งเป็นนักฆ่าจริงจัง ในแววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ซ่อนไว้จากเบื้องหลังชีวิตในวัยเด็กของเขา จากเด็กที่เคยรู้ว่า การพูดเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขามีเพื่อนร่วมชีวิต กลับกลายเป็นเด็กที่ไม่พูดอีกเลย เนื่องจากพวกอันธพาลได้ตัดลิ้นเค้าไป บทจะแตกต่างไปจากบทคนอื่นๆ ก็คือ ผมเล่นเป็นบทคนใบ้ พูดเป็นเสียง “อ๋า อ๋า” ตอนแรกก็กังวลอยู่เหมือนกัน แต่“พี่ต้อม”บอกว่า
เค้าทำแบบคอมมาดี้ เค้าไม่ได้กะเอาเหมือนคนใบ้จริงๆ ก็คือ พูดให้เหมือนไม่ชัดไป ประมาณนั้น
ภาพยนตร์ “บางกอกกังฟู” ถือเป็นการกลับมาร่วมงานกับอีกครั้งของ “หนุ่มเป้” กับ ผู้กำกับ “ต้อม ยุทธเลิศ”…
ผมมีโอกาสได้เล่นหนังกับพี่ต้อมมาก่อน พอมาถึงเรื่องนี้ พี่ต้อมบอกว่า “มาเล่นเรื่องนี้หน่อย เป็นกังฟู” ผมก็บอกว่า ไม่เคยเล่นแบบนี้เหมือนกันนะ ผมไม่เคยเล่นแบบกังฟูมาก่อนเลย แล้วก็ไม่เคยเล่นบู้แบบเต็มขั้น และด้วยคาเรคเตอร์ที่ได้รับเป็นคนใบ้ด้วย แต่ความใบ้ของพี่ต้อมก็ไม่ได้ใบ้แบบจริงจัง เหมือนใบ้แบบตลกๆ ซึ่งมันก็จริง ก็สนุกดีครับ ถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 2 แบบเต็มตัวที่มีโอกาสได้เล่นหนังกับพี่ต้อม พอมาเล่นหนังแอ็คชั่นแน่นอนต้องมีหลุดคิว ผมก็มีหลุดคิวล้ม มีกลิ้งผิดคิวนิดๆ หน่อยๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก ผมคิดว่า เป็นเรื่องปกติของฉากแอ็คชั่น ที่ต้องมีผิดคิวกันบ้าง แต่สนุกครับ
“มาริโอ้ เมาเร่อ” รับบท “นา”
“มาริโอ้ เมาเร่อ” พูดได้ว่าไม่มีใครไม่รู้จัก หนุ่มสุดฮอตงานชุกข้ามปีผู้นี้กับผลงาน และข่าว
ที่มีให้เห็นผ่านตาตลอดเวลาไม่ขาดสาย แต่หนุ่มโอ้ก็ยังมีเวลา สะเดอะกลอน เปิดประตูเข้าสำนักเส้าหลิน ฝึกวิชากังฟู พร้อมรับศึกหนัก ในภาพยนตร์ แอ็คชั่นเต็มรูปแบบ
“โอ้”รับบทเป็น “นา”เด็กสติไม่เต็มเต็งผู้อ่อนเเอที่สุดเเต่สุดท้าย กลับกลายเป็นตัวแปร
ที่สำคัญที่สุด วิทยายุทธที่มีคือ "ฝ่ามือจันทรา" สุดยอดวิชาเเห่งพรรคจันทราที่ไม่มีใคร
ผู้ใดสามารถต้านทาน คาเรคเตอร์ที่ได้รับจะแตกต่างจากทุกเรื่องที่ผ่านมา เป็นเด็กหนุ่มที่มีชีวิตที่สดใส เฉลียวฉลาดแต่ต้องกลับกลายเป็นคนที่ไร้แม้กระทั่ง
…สติ…ของตัวเอง เขาถูกแก็งค์ค้ามนุษย์จับตัว มาอยู่รวมกับเพื่อนๆ อีก 3 คน นาถูกทุบตีที่หัวอย่างหนัก จนกระทั่งสมองของเขาได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ภายนอกดูเหมือนปกติดี แต่ภายในเลอะๆ เลือนๆ โชคดีที่มีคนมาช่วย มีโอกาสได้เข้าไปอยู่ในสำนักเส้าหลิน ได้ฝึกกังฟู คือในเรื่องต้องมีบทกังฟู แอ็คชั่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ตอนแรกก็เครียดเลยครับ เพราะบทมันค่อนข้างยาก แล้วก็เป็นอะไรที่เราไม่เคยลองสัมผัสมาก่อน แต่พอลองแล้ว ติดใจ ชอบครับ
นอกจากนั้นก็ยังมีโอกาสได้ไปเรียนกังฟูเพิ่มเติมด้วย ไปฝึกซ้อมที่สำนักเส้าหลิน
เป็นอีกหนึ่งบทบาทที่ท้าทายความสามารถ และที่สำคัญไปกว่านั้นยังทำให้ โอ้ เห็นใจ และเข้าใจเด็กพิการมากขึ้น…
พอมีโอกาสได้มารับบทนี้ก็รู้สึกว่า เด็กเหล่านี้เป็นเด็กพิเศษครับ คือเค้ามีความสามารถพิเศษ เรียกว่าเป็นคนพิเศษจริงๆ บางคนอาจจะเห็นเค้าเหมือนไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวอะไร แต่จริงๆ เค้าจะรู้อะไรทุกอย่าง อาจจะเป็น Genius เลยก็ได้ครับ ก็รู้สึกเห็นใจเค้ามากๆ ครับ รู้สึกว่าสงสารเค้า พอหันมามองกับตัวเอง เราโชคดีที่เราเกิดมาเราครบ 32 เพราะะนั้นถ้ามีโอกาสได้ไปช่วยเหลือ หรือทำอะไรให้กับเด็กที่เป็นเด็กพิเศษ หรือว่าใครที่ลำบากกว่าเรา ผมก็อยากจะช่วย เพราะผมรู้ว่ามันเป็นอะไรที่เราเลือกเกิดไม่ได้
ก็อยากฝากให้ดูกันนะครับ เพราะว่าเป็นหนังที่ผมว่าน่าสนใจ คาเรคเตอร์โอ้ก็เปลี่ยนไปเยอะเลย
ก็อยากให้ติดตามกันด้วย ทุกคนเต็มที่มากๆ ครับ ที่สำคัญเป็นหนังที่แหวกแนว ยังไม่เคยมีมาก่อน
เพราะว่ามุมมองของพี่ต้อม เค้าเป็นอาร์ตติส ผมว่า งานของพี่ต้อมออกมายังไงก็น่าดู