happy on August 03, 2009, 12:56:24 PM
แปซิฟิคไอส์แลนด์ฟิล์ม...เปิดตัวหนังยิ่งใหญ่
“สามชุก (ขอเพียงโอกาสอีกสักครั้ง)”
เนรมิตตลาดร้อยปีสามชุกมาไว้ที่โรงภาพยนตร์ พารากอน ซีนีเพล็กซ์
แปซิฟิคไอส์แลนด์ฟิล์ม นำโดยนายสมชาย องอาจ ประธานกรรมการบริษัท จัดงานเปิดตัวภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์เรื่อง “สามชุก (ขอเพียงโอกาสอีกสักครั้ง)” เมื่อวันอังคารที่ 28 กรกฎาคม ที่ผ่ามา โดยเนรมิตลานอินฟินิซิตี้ฮอลล์ โรงภาพยนตร์ พารากอนซีนีเพล็กซ์ เป็นตลาดสามชุก ตลาดเก่าร้อยปีอันดับหนึ่งของประเทศ โดยมีบู้ทสินค้าของที่ระลึกมายมาย รวมถึงอาหารนานาชนิด ซึ่งสั่งตรงมาจากตลาดสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรีกันเลยทีเดียว
เปิดงานด้วยการแสดงชุดระบำถวายมาลัย จากโรงเรียนสามชุกรัตนโภคาราม ต่อจากนั้น นีน่า-กุลนัดดา ปัจฉิมสวัสดิ์ รับหน้าที่ดำเนินรายการ โดยเชิญ รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม นายธีระ สลักเพชร ในฐานะตัวแทน นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ติดภารกิจด่วนกระทันหันไม่สามารถมาร่วมงานได้ นายธีระได้กล่าวถึงที่มาที่กระทรวงวัฒนธรรมประกาศร่วมสนับสนุนภาพยนตร์เรื่องนี้ และยังได้รับเกียรติจากนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เดินทางมาร่วมกล่าวแสดงความยินดีพร้อมร่วมชมภาพยนตร์ ต่อด้วยการแสดงดนตรีประกอบภาพยนตร์ “กอดฉันไว้” จากวง “พาราดอกซ์” จากนั้นเป็นการพูดคุยถึงการทำงานทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังกับ นายธนิตย์ จิตนุกูล ผู้กำกับภาพยนตร์, ทีมนักแสดง ปรเมศร์ น้อยอ่ำ, แม่เล็ก-แม่ของตั๊กบงกช, ตุ๊ก-วิมลเลขา ศิริชัยราวรรณ, ธีรภัทร แย้มศรี, พิเชษฎ์พงษ์ โชคประดับ, อำนาจ บัวปรอด, พงศธร ศรีบุญเพ็ง, ศุภณัฐ มีสมศักดิ์, ณัฐชนน ศุภลักษณ์, นวพล เจริญธรรมรักษา, จารุวรรณ สมตัว, สิริกานดา บุญธรรม และปานไพลิน เนตรเพชร ฯลฯ โดยระหว่างนั้น ตั๊ก – บงกช คงมาลัย ได้หอบดอกไม้ช่อใหญ่มาแสดงความยินดีกับแม่เล็ก ปิดท้ายด้วยการถ่ายภาพที่ระลึกร่วมกันระหว่างประธานในพิธี ผู้บริหารจากแปซิฟิคไอส์แลนด์ฟิล์ม นายสมชาย องอาจ และผู้กำกับพร้อมทีมนักแสดง ก่อนเข้าชมภาพยนตร์
ติดตามชม “สามชุก (ขอเพียงโอกาสอีกสักครั้ง)” ภาพยนตร์เรื่องแรกที่กระทรวงวัฒนธรรมภูมิใจเสนอให้ ประชาชนทั้งประเทศได้ชม ในวันที่ 5 สิงหาคม นี้ (เลื่อนวันฉาย) ทุกโรงภาพยนตร์
สามชุก
Sam Chuk
“หลายคน...ซื้อชีวิตด้วยยา
แต่บางคน...กลับใช้ยาเพื่อทำลายชีวิต”
ผู้ถือลิขสิทธิ์ บริษัท แปซิฟิคไอร์แลนด์ ฟิลม์ จำกัด
ชื่อไทย สามชุก
เวปไซต์ http://www.samchukmovie.com
ภาพยนตร์แนว ดราม่า
กำหนดฉาย 5 สิงหาคม 2552
ณ โรงภาพยนตร์ ทุกโรงภาพยนตร์
ผู้กำกับภาพยนตร์ ปื๊ด-ธนิตย์ จิตนุกูล
เกี่ยวกับภาพยนตร์
เรื่องราวชีวิตของวัยรุ่นไทยกลุ่มหนึ่งที่กำลังอยู่ในวัยที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต กลายเป็นทาสของยาเสพติดที่ระบาดเข้ามาในโรงเรียนอย่างเงียบๆ ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่ด้วยความรักและความเข้าใจของอาจารย์ในโรงเรียน จึงทำให้พวกเขารอดพันจากจุดจบที่น่าเศร้าในชีวิตไปได้ สร้างจากเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2536 ในโรงเรียน สามชุกรัตนโภคาราม อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี
จากเรื่องจริง ของเด็ก 7 คนในอำเภอสามชุก ที่มีชีวิตวัยมัธยมเหมือนเด็กทั่วไป มีความรัก มีความคะนอง ทั้ง 7 คน ได้แก่ วาล พัน ยอด เอก นักเรียนตัวแสบชั้น ม. 5 และรุ่นน้องม.4 ที่สนิทกันอีก 3 คน เทพ ปอด โบ๊ะ ชีวิตเด็กทั้ง 7 คนกำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อวาลต้องเริ่มทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระหนี้สิน แม่และวาลต้องแบกหนี้สินของพ่อที่เสียไปแล้วทิ้งไว้ให้ตามลำพังแม่ลูก วาลต้องทำงานพิเศษหลังเลิกเรียนหลายอย่าง และนี่คือช่องทางแรกที่ยาบ้าแทรกเข้ามาในกลุ่มเด็ก 7 คน ไอ้ดำเพื่อนที่อู่แนะนำให้วาลรู้จักยาบ้า ที่จะทำให้วาลทำงานได้ทั้งวันทั้งคืนโดยไม่เหน็ดเหนื่อย กว่าจะรู้ตัวชีวิตวาลก็ตกอยู่ใต้อำนาจของมันอย่างช้าๆ แล้ววาลเป็นสะพานที่นำยาไปสู่เพื่อนๆ อีกหกคน แทนที่ยาจะช่วยให้วาลมีเงินช่วยแม่ใช้หนี้ แต่มันกลับกลายเป็นความต้องการยามากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อนทั้งหกหันมาทดลองยาด้วยหลากหลายเหตุผล เทพที่บ้านมีฐานะที่สุดเป็นสปอนเซอร์ให้เพื่อนๆ ทำให้พวกวาลไม่เคยขาดยา
ทุกคนรู้ว่ามันคือสิ่งผิด และไม่ดี แต่พวกเขาไม่สามารถเลิกได้ เรื่องราวเริ่มลุกลามจนถึงตำรวจ ทุกคนพร้อมจะตราหน้าพวกเขาว่าเป็นเด็กเหลือขอ ไม่มีอนาคต อาจารย์พินิจได้ยื่นมือเข้าช่วยเด็กๆไว้ เด็กๆจึงไว้ใจอาจารย์ ทำให้อาจารย์ได้รู้เรื่องราวและปัญหา อาจารย์พินิจพยายามปรับความคิดของเด็กโดยให้ใช้ปัญญาและยืดอกรับปัญหาต่างๆ รวมทั้งปรับความเข้าใจของคนใกล้ชิดเด็ก และชาวบ้านในชุมชนสามชุกไปพร้อมๆกัน ให้ทุกคนได้รู้ว่าปัญหายาเสพติดไม่ได้เป็นความผิดของเด็กฝ่ายเดียว ผู้ปกครองต้องเอาใจใส่ ชุมชนต้องป้องกัน ท่ามกลางเสียงเซ็งแซ่ด่าทอโยนความผิดให้กัน อาจารย์พินิจพยายามตะโกนดังๆ ให้ทุกคนในชุนชน และสังคมรู้ว่าปัญหาของเด็ก 7 คนนี้เป็นเพียงลางบอกเหตุ หากทุกคนเลือกที่ปัดปัญหาออกไปง่ายๆ โดยการตัดโอกาศเด็กพวกนี้และปล่อยให้เด็กทั้ง 7 จมหายไปกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อนาคตก็ต้องมีเด็กๆ ลูกๆหลานๆ ของคนในชุมชน ที่ต้องพลาดติดมันอีกอย่างแน่นอน อาจารย์พินิจขอโอกาสให้เด็กๆ ได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง และรับปากจะทำให้เด็ก 7 คน เลิกยากลับมาเป็นคนดีและอยู่ร่วมในชุมชนอย่างสงบสุขให้ได้
อาจารย์พินิจนำเด็ก 7 คน เข้ามาอยู่ค่ายประจำที่โรงเรียน และดูแลอย่างใกล้ชิด ให้เด็กทำกิจกรรมต่างๆ เป็นกิจวัตร ทุกเช้าต้องออกกำลังกาย ปลูกกุหลาบ และทำอาหารกินกันเอง การเลิกยาอาจไม่ใช่เรื่องยาก แต่ท่ามกลางปัญหา และสิ่งยั่วยุมากมาย ถ้าหัวใจ และมิตรภาพของเด็กทั้ง 7 ไม่เข้มแข็งพอ พวกเขาก็จะไม่สามารถผ่านพ้นมันไปได้ อาจารย์พินิจทำได้มากสุดก็แค่ยืนเคียงข้าง และเฝ้ามองวันที่เด็กทั้ง 7 จะก้าวผ่านพ้นมันไปได้ในที่สุด วันนี้ดอกกุหลาบต้นเล็กๆ ที่เด็กและอาจารย์ช่วยกันฟูมฟักออกดอกโชว์ความงาม มันคือตัวแทนของความฝัน และความหวังของทุกคน หากไม่ได้รับโอกาสในวันนั้น คงไม่มีวันนี้ เด็กทั้ง 7 เรียนจบ มีงานดีๆทำ และวันนี้เด็ก 7 คนกลายเป็นพลังผลักดัน และเป็นแรงบันดาลใจให้สามชุกกลายเป็นชุมชนที่เข้มแข็ง คอยต่อต้านภัยจากยาเสพติดอย่างยั่งยืนตลอดไป
ที่มาของภาพยนตร์
อะไรจะเกินขึ้นในอนาคต หากเยาวชนของชาติตกเป็นทาส “ยาบ้า”
สามชุก ภาพยนตร์จากเค้าโครงเรื่องจริง ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก อาจารย์พินิจ พุทธิวาส อาจารย์โรงเรียนสามชุกรัตนโภคาราม อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ที่มองว่ามหันตภัยยาบ้าไม่เพียงระบาดหนักไปทั่วประเทศ แต่ยังได้ลุกลามเข้าสู่สถานศึกษาอันเป็นแหล่งปลูกฝังวิชาความรู้แก่เยาวชนของชาติ หลายโรงเรียนประสบกับปัญหานี้รวมถึงโรงเรียนสามชุกรัตนโภคาราม แม้ว่าผู้เกี่ยวข้องจะมีการแก้ไขกันอย่างเต็มที่ แต่ก็ยังไม่สำเร็จ
จากความเชื่อที่ว่า “หากใครสักคนที่ได้ให้ความรักแท้จริงกับผู้ที่ประสบความล้มเหลว โดยไม่มีเงื่อนไข จะทำให้ผู้นั้นมีพลังในการเปลี่ยนแปลง” ทำให้อาจารย์พินิจ พุทธิวาส เลือกที่จะเชื่อใจและหยิบยื่นโอกาสให้แก่ลูกศิษย์ที่หลงผิดติดยาบ้างอมแงมทั้ง 7 คน ในขณะที่สังคมรุมตราหน้าเด็กเหลือขอเหล่านี้ว่าไม่มีทางกลับตัวได้ อาจารย์พินิจพาเข้าโครงการณ์ “สู่ชีวิตใหม่” ซึ่งเป็นการบำบัดการติดยาแบบแยบยลและเป็นธรรมชาติ และจากโครงการณ์นี้เองที่เป็นที่มาของสารคดี “ยาม้า มหันตภัยในสถานศึกษา” (ปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็น ยาบ้า) ผลิตโดยบริษัทเจเอสแอล ออกอากาศทางช่อง 7 เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2537 ซี่งได้สร้างกระแสอันเป็นปรากฏการณ์ระดับชาติ เนื่องจากเป็นตัวจุดประกายเร่งเร้าให้ผู้มีส่วนรับผิดชอบบ้านเมืองตั้งแต่ระดับนายกรัฐมนตรีถึงขั้นประกาศเปรี้ยงต้องรีบแก้ไขด่วน โดยให้กระทรวงศึกษาธิการดูแลเป็นพิเศษ และขอความร่วมมือผู้ปกครองร่วมสกัดกั้นมหันตภัยร้ายอย่างเข้มงวด
รายละเอียดเกร็ดงานสร้างหนังเรื่องสามชุก
ในการถ่ายทำ ทีมงานได้ยกกองถ่ายไปปักหลักถ่ายทำที่อำเภอสามชุกกันเลยเพื่อให้ได้ภาพและบรรยากาศที่สมจริง นอกจากนี้ยังใช้นักแสดงหลักที่เป็นทั้งเยาวชนและผู้คนในอำเภอสามชุกมาร่วมแสดงเพื่อให้ได้อรรถรสทางด้านภาษาท้องถิ่น
สำหรับนักแสดงเด็กหลักๆ ทางทีมงานได้ใช้วิธีการคัดเลือกโดยการรับสมัครเด็กจากในชุมชนรวมถึงอำเภอใกล้เคียงกันเลยทีเดียว โดยเปิดให้มีการแคสติ้งกันที่ลานโพธิ์ ซึ่งก็มีเด็กมาสมัครมากมาย
ในภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีฉากบางส่วนที่เป็นฉากแรงๆ อย่างฉากเสพยาบ้า ฉากสูบบุหรี่
ฉากบางส่วนในเรื่องจะใช้การอิมโพรไวส์ หรือการด้นสด เนื่องจากอยากได้อารมณ์ที่แท้จริงของตัวละคร อย่างบางฉากไม่รู้จะเขียน ยังไงให้มันเหมือนจริงได้ คือตัวละครในเรื่องพอแสดงมาถึงจุดหนึ่งก็จะรู้ว่าคาแรคเตอร์ของเขาคืออะไร จะพูดอะไร ก็บอกสถาณการณ์เข้าไป เค้าก็จะอิมโพรไวส์ได้เอง ซึ่งมันก็จะเป็นคำพูดที่ค่อนข้างสดและเป็นธรรมชาติกว่า ในเรื่องมีหลายฉากพอสมควร อย่างฉากลานโพธิ์ ซึ่งบางทีไม่รู้ว่าชาวบ้านเขาจะใช้ภาษายังไง เวลาเราเขียนมันดูไม่ใช่ชาวบ้าน ซึ่งผลที่ได้มันดูน่าเชื่อกว่าและสมจริง
« Last Edit: August 03, 2009, 12:59:17 PM by happy »
Logged