Google on June 15, 2011, 07:57:04 PM
Movie Guide: RISE OF THE PLANET OF THE APES

ตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง RISE OF THE PLANET OF THE APES (ซับไทย)

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=8zxGDE46eRA" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=8zxGDE46eRA</a>

« Last Edit: July 24, 2011, 04:05:38 PM by Google »

FB on July 24, 2011, 03:52:33 PM
ดูภาพการ์ตูน ก่อนดูหนัง Rise of the Planet of the Apes (กำเนิดพิภพวานร)



      มาแล้ว 5 ภาพการ์ตูนของ Rise of the Planet of the Apes กับภาพยนตร์เรื่อง Rise of the Planet of the Apes (กำเนิดพิภพวานร) เป็นการผสมผสานของการบอกเล่าเรื่องราวในจินตนาการกับการก้าวกระโดดของวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ขั้นต่อไป สำหรับภาพยนตร์ประสบการณ์ของภาพยนตร์ที่มีอารมณ์ความรู้สึกและฉากแอ็คชั่นที่ไม่เหมือนภาพยนตร์เรื่องไหนมาก่อน โดยเป็นการเริ่มต้นจากความถือดีของมนุษย์ซึ่งเป็นชนวนเหตุการณ์ต่างๆ ที่นำไปสู่ความฉลาดของฝูงวานร และเป็นการท้าทายแห่งดินแดนของเราซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีอำนาจในการครองโลก ซีซ่าเป็นวานรอัจฉริยะตัวแรกที่ถูกมนุษย์ล่อลวง และลุกขึ้นมานำเผ่าพันธุ์ของเขาเพื่อแข่งขันกับอิสรภาพอย่างน่าตื่นเต้น และเผชิญหน้ากับมนุษยชาติในท้ายที่สุด สำหรับตัวละครซีซ่าร์ บริษัท WETA ทีมวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์เบื้องหลังภาพยนตร์เรื่อง Avatar ที่คว้ารางวัล Oscar ได้สร้างวานรขึ้นมาด้วยเทคนิค CGI ทำให้เกิดการแสดงอารมณ์และความฉลาดที่น่าตื่นเต้นอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

          4 สิงหาคมนี้ ได้ชมกันแน่นอน
          Rise of the Planet of the Apes (กำเนิดพิภพวานร)
          ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น

FB on July 24, 2011, 03:54:45 PM
Rise of the Planet of the Apes กำเนิดพิภพวานร



ภาพยนตร์เรื่อง RISE OF THE PLANET OF THE APES (กำเนิดพิภพวานร) เป็นภาพยนตร์ไลฟ์-แอ็คชั่นเรื่องแรกในวงการภาพยนตร์เพื่อแสดงและถ่ายทอดเรื่องราวจากมุมมองของสัตว์ที่มีการรับรู้ความรุ้สึก ซึ่งเป็นตัวละครที่มีลักษณะเหมือนมนุษย์ สามารถวางแผนจัดการและนำการปฏิวัติในท้ายที่สุดได้ ซึ่งเป็นตัวละครที่ผู้ชมจะเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกได้อย่างแท้จริง ภาพยนตร์ไม่สามารถสร้างให้สำเร็จได้ จนกระทั่งมีเทคโนโลยีที่ใช้สร้างภาพยนตร์เรื่อง Avatar ขึ้นมา และตอนนี้ได้ก้าวขยับมาสู่มิติใหม่ จนเข้าถึงไอเดียที่อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์แล้ว
          ผลงานชิ้นนี้สำเร็จออกมาอย่างโดดเด่นและสมบูรณ์แบบได้โดย แอนดี้ เซอร์คิส นักแสดงผู้มีฝีมือในยุทธวิธีจับการเคลื่อนไหวในการแสดงระดับโลก ผู้ปลุกปั้นให้ซีซาร์มีความแตกต่างเพียงเล็กน้อย มีจิตวิญญาณ ความคิดและความรู้สึก
          นี่เป็นความสำเร็จอีกครั้งในประวัติศาสตร์ของภาพยนตร์ ที่มีการใช้วิชวลเอ็ฟเฟ็กต์และจับภาพจากลักษณะการแสดงภายนอกสถานที่จริงของสภาพแวดล้อมที่ถูกควบคุมด้วยรั้วล้อมรอบ ทำให้การจับภาพการแสดงมีการผสมผสานกับการแสดงการแสดงจริงอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งถือเป็นการทำลายข้อจำกัดระหว่างวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์และไลฟ์แอ็คชั่นออกไปได้
          นอกจากการนำเสนอเหล่าวานรที่มีการสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกด้วยภาพที่ดูสมจริงแล้ว ฉากของภาพยนตร์ยังเป็นที่จดจำและเข้าถึงได้อีกด้วย ภาพยนตร์เรื่อง RISE OF THE PLANET OF THE APES (กำเนิดพิภพวานร) เป็นเรื่องราวต้นกำเนิดในรูปลักษณ์แห่งความรู้สึกที่สมจริงที่สุด ซึ่งเป็นฉากที่ซานฟรานซิสโก ณ ปัจจุบัน ภาพยนตร์อ้างอิงมาจากความเป็นจริงผสมกับข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์แนวไซไฟ เกี่ยวกับการทดลองมนุษย์กับพันธุวิศวกรรมที่นะไปสู่วิวัฒนาการความฉลาดของเหล่าวานร และจุดกำเนิดของสงครามมหาอำนาจ
“นี่เป็นมุมมองปัจจุบันของตำนาน Planet of the Apes” ไดแลน คลาร์ก ผู้อำนวยการสร้างกล่าว “มันเป็นหนังเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่สำคัญที่ให้ความสำคัญกับลักษณะการถ่ายทอดเรื่องราว การแสดงอารมณ์และความลึกซึ้งของตัวละคร ส่วนสำคัญของเรื่องราวคือตัวละครที่ขับเคลื่อนเนื้อเรื่องไป”
          อารมณ์ความรู้สึกที่สำคัญของหนังเป็นสิ่งที่สร้างความสนใจให้นักแสดง ซึ่งนั่นรวมถึง จอห์น ลิธโกว์ “มันเป็นเรื่องไม่ธรรมดาจริงๆ ที่สร้างหนังไซไฟฟอร์มยักษ์บนความรู้สึกและความขัดแย้งของมนุษย์” นักแสดงผู้เข้าชิงรางวัล Oscar กล่าว “ผมรู้สึกแปลกใจกับอารมณ์ความรู้สึกที่สมจริงของบท หนังเรื่องนี้จะนำความคาดหวังของผู้ชมและปลูกฝังเข้าไปในความคิดอย่างสมบูรณ์”
          เนื้อหาส่วนใหญ่ของเรื่องเหมือนกับเรื่องราวดั้งเดิมอย่าง Planet of the Apes ภาคต้นฉบับ ภาพยนตร์ภาคใหม่ใช้ความเป็นไซไฟมาสำรวจโลกและแง่คิดที่มีความยิ่งใหญ่มากขึ้น ภาพยนตร์เรื่อง “RISE OF THE PLANET OF THE APES (กำเนิดพิภพวานร) เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความเจริญของเราที่มาถึงทางตันแล้ว” รูเพิร์ท ไวแอตต์ ผู้กำกับกล่าวว่า “เหตุการณ์ต่างๆ ตีแผ่ผ่านมุมมองของ ซีซาร์ ลิงชิมแปนซีที่ฉลาดเป็นกรด ตั้งแต่เล็กมันมองมนุษย์ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่สร้างสรรค์แต่สิ่งมหัศจรรย์ เช่น งานศิลปะและการใช้เหตุผล จากนั้นมันเริ่มเห็นด้านมืดของมนุษย์ เช่น การกดขี่ การดื้อรั้น และการขับไล่สิ่งของหรือคนที่เราไม่ยอมรับ”
          ประเด็นสำคัญอื่นคือความเย่อหยิ่งของมวลมนุษยชาติ การถือตัวของเราที่คิดว่าเราสามารถพลิก พยายาม โกงหรือหลีกเลี่ยงกฏของธรรมชาติได้โดยไม่มีผลสืบเนื่องตามมา “ในภาพยนตร์เรื่อง Planet of the Apes ภาคต้นฉบับ ความหยิ่งของมนุษย์ได้หล่อหลอมตัวละครของผู้พัน เทย์เลอร์ [แสดงโดย ชาร์ลตัน เฮสตัน] ที่ชายหาดนั้น เพื่อพบกับรูปปั้นเทพีเสรีภาพและเรื่องจริงที่น่าประหลาดของชะตากรรมมนุษย์” ริค แจฟฟ่า ผู้เขียน-ผู้อำนวยการสร้างชี้ชัดว่า “มันไม่ใช่การพลิกชะตากรรมหรือการเปลี่ยนแปลงธรรมชาติหรอกที่นำไปสู่โลกที่กลับตัลปัตร” เช่นเดียวกับภาพยนตร์เรื่อง RISE OF THE PLANET OF THE APES (กำเนิดพิภพวานร) ที่ล่อมนุษย์ให้มาต่อสู้กับธรรมชาติและต่อสู้กับตัวเอง จนนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่เรามองว่ามนุษย์และเหล่าวานรอยู่บนทางเดินที่เราจะพาพวกเขาไปสู่ระบอบโลกแบบใหม่ที่น่าสะเทือนขวัญ
         
GEN-SYS: จากจุดเริ่มต้น
          วิล ร็อดแมน (เจมส์ ฟรังโก) เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานภายในบริษัทเกี่ยวกับยาขนาดใหญ่ชื่อ Gen-Sys ทำหน้าที่ควบคุมการวิจัยยีนเพื่อพัฒนาไวรัสที่สามารถเพิ่มพูนได้เพื่อฟื้นฟูเนื้อเยื่อสมองของมนุษย์ที่ถูกทำลาย เขาได้รับมอบหมายให้ค้นหาวิธีรักษาโรคอัลไซเมอร์ ซึ่งเป็นโรคที่สร้างความทรมานให้แก่ ชาร์ลส (จอห์น ลิธโกว์) พ่อของเขา วิลจึงมีความตั้งใจอย่างไม่ยอมลดละ “เขาแต่งงานกับหลักวิทยาศาสตร์ของเขา” แจฟฟ่ากล่าว เขาปิดกั้นความสัมพันธ์ส่วนตัว แต่หมกมุ่นกับการวิจัยของเขา และโรคของชาร์ลสก็นำทั้งสองมาอยู่ร่วมกัน แม้จะอยู่ภายใต้สภาวะที่บีบคั้นจิตใจที่สาหัส “วิลเป็นคนโดดเดี่ยวและเย็นชา” เจมส์ ฟรังโก ผู้เข้าชิงรางวัล Oscar สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากผลงานของเขาในเรื่อง 127 Hours กล่าวว่า “พลังของเขาโดยส่วนใหญ่จะทุ่มเทให้กับงาน ชาร์ลสซึ่งเป็นพ่อของเขาได้รับความทรมานจากโรคความจำเสื่อม เขาจึงย้ายไปอยู่ที่บ้านของพ่อ ซึ่งครึ่งหนึ่งเคยเป็นบ้านของวิลตอนเป็นเด็กเพื่อดูแลพ่อ การรับบทแสดงเป็นคนแก่คือบทที่วิลไม่เคยแสดงมาก่อนเลย”
          สิ่งสำคัญในการเริ่มทดลองมนุษย์ของ Gen-Sys คือเรื่องความหวังและผลกำไรจากยาตัวใหม่ที่ชื่อว่า ALZ-112 ซึ่งเมื่อใช้ทดสอบกับลิงของวิลแล้ว ได้ปรากฏพฤติกรรมก้าวร้าวขึ้นทันทีอย่าง่นาประหลาด คณะผู้บริหารเชื่อว่าการวิจัยล้มเหลวและวิลต้องปิดโครงการของเขาลงไป
          ท่ามกลางความสับสนเรื่องการยุติการศึกษาอย่างกระทันหัน วิลพบว่าตัวเองต้องดูแลลิงชิมแปนซีแรกเกิดตัวผู้ ซึ่งเป็นทายาทกำพร้าตัวล่าสุดจากโครงการทดลองที่เปี่ยมไปด้วยความหวังของเขา ลิงชิมแปนซีน้อยที่มีชะตากรรมสำคัญนั้นมีชื่อว่า ซีซาร์

ต้นกำเนิด : วิวัฒนาการแห่งการปฏิวัติ
          วิลเลี้ยงเจ้าซีซาร์น้อยด้วยตัวเองอย่างลับๆ ที่บ้านขณะเดียวกับที่ดูแลพ่อผู้เจ็บป่วย “ตอนนี้วิลต้องเป็นผู้ดูแล ไม่ใช่แค่ดูแลชาร์ลสเท่านั้น แต่ดูแลลิงชิมแปนซีน้อยด้วย” ฟรังโกกล่าว “เมื่อเรื่องราวเดินหน้าไป วิลกลายเป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งมากกว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ และเริ่มใส่ใจซีซาร์มากกว่าความสำเร็จในเรื่องยา”
          ซีซาร์เป็นเหมือนสัตว์เลี้ยงของวิลมากกว่า อันที่จริงวิลเป็นเหมือนพ่อของเจ้าลิงชิมแปนซีที่ไม่ธรรมดานี้ด้วยซ้ำ “ในบางมุมนี่เป็นเหมือนเรื่องราวของพ่อกับลูก” อแมนด้า ซิลเวอร์ ผู้เขียน-ผู้อำนวยการสร้างที่เขียนบทภาพยนตร์ร่วมกับ ริค แจฟฟ่า สามีและผู้ร่วมเขียนของเธอกล่าวว่า “วิลกลายเป็นพ่อของพ่อเขาเอง รวมถึงเป็นพ่อซีซาร์ด้วย”
          จอห์น ลิธโกว์ กล่าวว่า “เรื่องของวิล-ชาร์ลส-ซีซาร์ เดินหน้าไปจนเกินธรรมดา วิลสูญเสียพ่อให้กับโรคอัลไซเมอร์ในเวลาเดียวกับที่เขากำลังจะได้รับ ‘เด็กน้อย’ ซีซาร์ ความตึงเครียดในความรู้สึกนั้นทำให้เรื่องราวเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง”
          ซีซาร์นำวิลไปหาแคโรลีน (ฟรีด้า พินโท) ผู้เชี่ยวชาญด้านวานรผู้ปรนนิบัติกับซีซาร์เหมือนสัตว์เลี้ยง และเป็นผู้ที่กลายเป็นตัวละครสำคัญในชีวิตของทั้งคู่ “แคโรลีนรักที่วิลเอาใจใส่ลิงชิมแปนซีมากจนปรนนิบัติเหมือนเป็นลูกของเขา” พินโทกล่าว “เธออุทิศชีวิตของเธอให้กับเหล่าวานร เธอจึงรักและใส่ใจพวกเขาอย่างแท้จริงสุดหัวใจ”
          เนื่องจากมดลูกของแม่ซีซาร์น้อยทำปฏิกิริยากับยา ALZ-112 ซีซาร์น้อยได้แสดงความฉลาดและพฤติกรรมที่ผิดปกติไปจากวานรทุกวัย ซึ่งเป็นแรงผลักดันมาจากการเฝ้าสังเกตความสามารถพิเศษที่คาดไม่ถึงของซีซาร์ วิลแอบไปเอาตัวอย่าง ALZ-112 มาจาก Gen-Sys ในปริมาณที่มากพอ และถึงแม้จะขัดกับจรรยาบรรณส่วนตัวในการทดลองของเขาต่อไปที่บ้าน โดยใช้พ่อและซีซาร์เป็นข้อมูลทดลอง เมื่อเวลาผ่านไปด้วยความช่วยเหลือของยาลิงชิมแปนซีมีพฤติกรรรมการแสดงออกถึงความสามารถด้านความคิดและความฉลาด ในเวลาเดียวกันอาการของโรคอัลไซเมอร์ของชาร์ลสก็บรรเทาลงอย่างน่าออัศจรรย์ การแหกกฏการทดลองห้องปฏิบัตการของวิลดูเหมือนจะไปได้ดีกว่าที่เขาหวังไว้ แต่ในไม่นานเขาก็พบว่ามันสร้างหายนะให้เขาและมวลมนุษย์ทั้งหมดในท้ายที่สุด
          “วิลได้ก้าวล้ำเส้น” ริค แจฟฟ่า กล่าวว่า “เขาคิดว่า เอาล่ะ เราสามารถรักษาโรคอัลไซเมอร์และเพิ่มความฉลาดได้ ซึ่งเมื่อนั้นเองที่เราเริ่มล้อเล่นกับพระเจ้าแล้ว นั่นแหละความเสี่ยงได้มาเยือนแล้ว”
          “ภาพยนตร์เรื่อง RISE OF THE PLANET OF THE APES (กำเนิดพิภพวานร) เป็นการสำรวจประเด็นสำคัญที่มีการโต้เถียงกันมากที่สุดในปัจจุบัน” ปีเตอร์ เชอร์นิน กล่าวว่า “เรามีหลักวิทยาศาสตร์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่น่าเหลือเชื่อในการใช้สอยของเรา และเราถามข้อสงสัยขึ้นมาว่า เราจะนำพาสิ่งเหล่านี้ไปได้ไกลแค่ไหน หากเรากำลังท้าทายกับธรรมชาติ? อะไรคือขีดจำกัด?”
          วิล ร็อดแมน ฉุดข้อจำกัดเหล่านั้นไปถึงจุดวิกฤติและที่ไกลกว่านั้นคือผลลัพธ์ที่เป็นหายนะ แต่ก่อนที่ผลร้ายเหล่านั้นจะปรากฏให้เห็น เราได้รู้ว่าซีซาร์เป็นสัตว์น้อยในวัยเยาว์ที่เหมือนกับเด็กมนุษย์ ที่มีความอยากรู้อยากเห็นโลกรอบตัวเขา แต่ถึงอย่างไรเมื่อซีซาร์เจริญเติบโตเต็มที่แล้ว ความฉลาดของเขาที่มีการพัฒนามาอย่างสูงเป็นที่ขัดแย้งต่อเหล่าวานรตัวผู้ที่โตเต็มวัย ซึ่งมีความก้าวร้าวเปรียบเสมือนสัญชาตญาณปกป้องตัวเองที่อันตราย ต่อมาไม่นานซีซาร์กลายเป็นสิ่งที่ยากเกินกว่าวิลและแคโรลีนจะรับมือไหว วิลต้องฝืนใจพรากจากซีซาร์ที่เป็นเหมือนลูกชายของเขา แคโรลีนเข้าใจความสับสนภายในจิตใจของวิลดี แต่เธอรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้แล้วที่ซีซาร์จะอยู่ร่วมกับเขา “แคโรลีนยืนยันว่าสัตว์ทุกตัวต้องการพื้นที่กว้าง และเราไม่อาจคาดคะเนในสัตว์ขนาดใหญ่จนปล่อยให้เติบโตอยู่ภายในบ้านได้ แม้แต่สัตว์ที่มีความพิเศษอย่างซีซาร์ก็ตาม” พินโทอธิบายว่า “แน่นอนว่าเธอรักวิลกับซีซาร์ และเข้าใจว่าทำไมมันการถูกพรากจากซีซาร์ถึงเป็นเรื่องยากสำหรับเขา”
          วิลพาซีซาร์มาอยู่ร่วมกับวานรตัวอื่นๆ ในพื้นที่จำกัดของ San Bruno Primate Sanctuary แต่วิลไม่รู้เลยว่า “สถานที่หลบภัย” เป็นเหมือนที่คุมขังอันเสื่อมโทรมมากกว่า ที่นั่นเป็นพื้นที่ปล่อยทิ้งของเหล่าวานรที่ไม่เป็นที่ต้องการหรือถูกทอดทิ้ง ดำเนินารโดยแลนดอน (ไบรอัน ค็อกซ์ ผู้แสดงผลงานของผู้กำกับรูเพิร์ท ไวเอ็ตต์ ครั้งแรก ในภาพยนตร์ที่ได้รับคำชมเรื่อง The Escapist) และ ดอดจ์ ลูกชายของแลนดอน รับบทแสดงโดย ทอม เฟลตัน ผลงานที่ตามมาในภาพยนตร์เรื่อง RISE OF THE PLANET OF THE APES (กำเนิดพิภพวานร) เป็นการแสดงบทร้ายอีกครั้งหลังจากบทบาทจอมอันธพาล เดรโก มัลฟอย ของเขาในภาพยนตร์ชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่ล่าสุดเฟลตันได้รับรางวัล MTV Movie Award® สำหรับบทตัวร้ายยอดเยี่ยม
          เนื่องจากมันไม่ใช่วานรที่มีร่างกายแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม ซีซาร์รับรู้อย่างรวดเร็วว่าเพื่อความอยู่รอดเขาต้องแสดงอำนาจด้านความฉลาดให้เหนือกว่า ร็อคเก็ต วานรตัวเก่งที่น่าเกรงขาม, บัค ลิงกอริลล่าจอมอัปลักษณ์ที่ดูลึกลับและขี้โมโห และ Maurice ลิงอุรังอุตังถูกทำร้ายในเชิงจิตวิทยา ต่อมาไม่นานซีซาร์มีอำนาจเหนือกว่าวานรทั้งหลายและได้สร้าง การปกครองทางสังคมใหม่ขึ้นมา ในช่วงเวลาสำคัญอันน่าตื่นเต้นนี้เองที่ซีซาร์ลุกขึ้นมาแก้แค้นผู้ดูแลมนุษย์จอมทารุณของพวกเขา
          ไดแลน คลาร์ก กล่าวว่า “เราสร้างส่วนประกอบของหนังเราขึ้นมารายล้อมฉากนั้น” โดยเฉพาะสิ่งที่ผู้สร้างภาพยนตร์อยากคงความเซอร์ไพรส์เอาไว้ “มันจะดูมีพลังและมีความรู้สึกมาก” รูเพิร์ท ไวแอ็ตต์ กล่าวเสริมว่า “เราอยากให้มันเป็นช่วงเวลาที่ ‘โลกหยุดหมุน’ ซึ่งเล่นกับไอเดียของวิวัฒนาการทั้งหลาย รวมถึงพัฒนาการของสายพันธุ์” ความชัดเจนนั้นนำสู่การหลบหนีอย่างกล้าหาญทันที มีการเผชิญหน้ากันครั้งใหญ่ที่สะพาน Golden Gate ในซานฟรานซิสโก ซึ่งเป็นการกลับมาพบกันในรูปแบบที่ซื่อสัตย์แบบไม่จริงใจระหว่างวิลและซีซาร์ โดยการปฏิวัตินั้นจะเปลี่ยนแปลงโลกไปตลอดกาล

FB on July 24, 2011, 03:55:44 PM
การสร้างซีซาร์ให้มีชีวิต
          สำหรับการสร้างซีซาร์และโลกที่เขาอาศัยอยู่เป็นการควบคุมของ Weta Digital เช่นเดียวกับเรื่อง Avatar และ Lord of the Rings ไตรภาค ที่พาผู้ชมสู่โลกที่ไม่เคยเห็นมาก่อน โดยผู้ควบคุมอาวุโสด้านวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ของภาพยนตร์เรื่อง RISE OF THE PLANET OF THE APES (กำเนิดพิภพวานร) โจ เล็ทเทอรี่ เจ้าของรางวัล Oscar 4 สมัยอธิบายว่า “สำหรับภาพยนตร์เรื่อง Avatar จิม คาเมรอน ได้สร้างโลกในจินตนาการที่มีความสมบูรณ์แบบที่ไม่มีใครเคยสัมผัสได้มาก่อน การท้าทายในเรื่อง RISE OF THE PLANET OF THE APES (กำเนิดพิภพวานร) ต่างจากเรื่องนั้นมาก มันน่ากังวลกว่าในบางประการ เราประยุกต์ใช้เทคโนโลยีบางอย่างที่เราพัฒนามาจากเรื่อง Avatar เพื่อสร้างโลกที่สมจริง เข้าใจได้ ดูเป็นซานฟรานซิสโกในยุคปัจจุบัน ทุกๆ อย่างตั้งแต่เหล่าวานร สถานที่ ต้องรู้สึกสมจริง เพราะเรากำลังสืบค้นเรื่องราวที่สร้างขึ้นจากความจริง ไม่มุ่งไปที่แนวไซไฟนัก”
          เล็ทเทอรี่ยกความดีความชอบให้แก่รูเพิร์ท ไวแอ็ตต์ สำหรับการนำความคิดด้านเนื้อเรื่องที่สร้างขึ้นจากเรื่องจริงและเอ็ฟเฟ็กต์ทั้งหลาย “รูเพิร์ทค่อยๆ ซึมซับไอเดียทั้งหมดของพวกเราที่เรานำลิงชิมแปนซีให้มีการผสมผสานที่ดูเหมือนจริง เราจึงเริ่มจากศูนย์ มันเป็นการถ่ายทำแบบใหม่กับภาพยนตร์ชุด Planet of the Apes เรากำลังนำเสนอสัตว์เลี้ยลูกด้วยนมแบบที่พวกเรารู้จัก เรากำลังทำให้มันมีความฉลาดเพิ่มขึ้นและมีนิสัยเจ้าเล่ห์เหมือนมนุษย์”
          สำหรับเล็ทเทอรี่ ภาพยนตร์เรื่อง Planet of the Apes คล้ายคลึงกับบัญญัติที่สำคัญสำหรับเหล่าทีมงานด้านวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ เพราะต้นฉบับเมื่อปี 1968 เป็นมาตรฐานของภาพยนตร์ทั้งด้านภาพที่ปรากฏและเนื้อหาของเรื่อง “สำหรับผม” เล็ทเทอรี่กล่าวว่า
          “ภาพยนตร์เรื่อง Planet of the Apes (กำเนิดพิภพวานร) เหมือนหนังคลาสสิคและเป็นหนังในดวงใจที่มีไอเดียของการสร้างเรื่องราวต้นกำเนิดขึ้นมา เป็นเนื้อเรื่องที่บอกเล่าว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นได้อย่างไร มีความน่าสนใจ โดยเฉพาะการโฟกัสไปที่มุมมุองของซีซาร์ ที่เรามองเหมือนมันแป็นตัวละครหลักของเรา”
          เมื่อ Weta Digital ใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์อันทันสมัยเพื่อเร็นเดอร์ภาพเหล่าวานรให้ดูสมจริง ทีมงานได้จับภาพการแสดงของนักแสดงชายแอนดี้ เซอร์คิส ผู้มีฝีมือระดับโลกเข้ามาใส่ในโปรเจ็กต์ เพื่อทำให้ซีซาร์มีความแตกต่างเพียงน้อยนิด มีอารมณ์ ชีวิตจิตใจ ความฉลาดและความรู้สึก ความช่วยเหลือของเซอร์คิสในภาพยนตร์เรื่อง RISE OF THE PLANET OF THE APES (กำเนิดพิภพวานร) ไม่อาจประเมิณค่าได้ ไวแอ็ตต์กล่าวว่า “แอนดี้ เซอร์คิสคือชาร์ลี แชปลิน ในยุคของเรา ซึ่งนั่นผมหมายถึงเขาเป็นหนึ่งในนักแสดงรอบตัวเราเพียงไม่กี่คน ที่สามารถใช้เทคโนโลยีวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ได้ เพราะเขาเข้าใจถึงศักยภาพของสิ่งที่ผมสามารถเข้าถึงได้อย่างแท้จริง ผมคิดว่านักแสดงบางคนถูกวิธีการจับภาพการแสดงมาข่มขวัญ เพราะพวกเขาคิดว่ามันต่างจากการแสดงจริงๆ ของพวกเขาในภาพยนตร์ที่ความเป็นจริงนั้นอยู่ตรงกันข้ามกัน แอนดี้เข้าใจดีว่าความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ เช่น ทุกลมหายใจ ทุกการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อที่เขาแสดงต่อหน้ากล้องเป็นการอธิบายจากการมองเห็น ภาพยนตร์คือสื่อกลางที่ใช้การมองเป็นส่วนสำคัญ และหากเราทำให้ตัวละครของเราบอกเล่าเรื่องราวได้ด้วยถ้อยคำที่น้อยที่สุด นั่นแหละคือสิ่งที่ดีที่สุด”
          ในแง่มุมตัวละครของซีซาร์เล่นกับลิงชิมแปนซีแรกเกิดไปจนถึงโตเต็มวัยและเป็นผู้นำของการปฏิวัติ เซอร์คิสเป็นผู้มอบการแสดงที่ได้รับคำชมในบทของ กอลลัม ในภาพยนตร์ไตรภาค Lord of the Rings และเป็นคิงคองในเรื่อง King Kong เขากล่าวว่า “ซีซาร์เป็นบทบาทที่ลำบากที่สุดเท่าที่ผมเคยรับหน้าที่มา ทั้งทางกายภาพและทางอารมณ์ความรู้สึก มันแสดงเป็นลิงชิมแปนซีอย่างเดียว แต่การแสดงตั้งแต่วัยแรกเกิดไปจนถึงโตเต็มวัยและเป็นผู้นำการปฏิวัติ มันเป็นคนละเรื่องเลย แต่สำหรับผมมันก็เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ในฐานะของนักแสดง
“ส่วนหนึ่งของการเดินทางคือการแสดงเขาให้เป็นเหมือนเด็กวัยหัดเดิน และเพลิดเพลินไปกับการค้นหา จากนั้นก็พบว่าเขามีความฉลาดเหนืออายุ” เซอร์คิสกล่าวต่อว่า “เขาเลียนแบบพฤติกรรมมนุษย์ที่อยู่รอบตัวเขา และมีความรู้สึกว่าเขามีความสามารถเหนือกว่าปกติ จากนั้นก็เข้าใจว่าโลกเป็นสถานที่ที่โหดร้ายอย่างใหญ่หลวง ซีซาร์มีภูมิปัญญาที่ถูกยัดเยียดในตัวเขา เพียงแต่เขาไม่รู้ มีภาระความรับผิดชอบหลายอย่างที่เขาต้องแบกรับไว้ โดยที่เขาไม่ต้องเอ่ยปากขอเลย”
          โดยองก์ที่ 2 ของเรื่อง “ซีซาร์ต้องสูญเสียอิสรภาพ” เซอร์คิสกล่าว “เขาถูกพลัดพรากจากสภาพแวดล้อมที่เขารักและรู้สึกว่าไม่เป็นที่ยอมรับ เขาถูกขังใน San Bruno Sanctuary ซึ่งต้องอยู่ในกรงที่รายล้อมไปด้วยเหล่าสิ่งมีชีวิตที่ดุร้าย มีอาการทางประสาทหลังจากถูกมนุษย์ ผู้ซึ่งเป็นเหมือนพ่อแม่ของเขาและคนที่เขารักทอดทิ้งไป เขาตั้งข้อสงสัยในลักษณะตัวตนของเขา ต่อมาเขาพบอำนาจในการเป็นผู้นำและรวมตัวเหล่าวานรตัวอื่นๆ ซึ่งผมคิดว่าตอนนั้นเขาได้แปรเข้าสู่ขั้นที่ 3… นั่นคือการปฏิวัติ เขาใช้ความฉลาดมากระตุ้นวานรเหล่านี้ และใช้พลังอำนาจมาชักจูงพวกมัน นั่นคือการเดินทางครั้งพิเศษสำหรับผมในฐานะของนักแสดง”
          บทบาทที่ต้องใช้ร่างกายอย่างเข้มงวด แสดงให้เห็นถึงการเดินทางที่แตกต่างออกไป ความแม่นยำในการฝึกซ้อมและการโฟกัสคือสิ่งสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการจับภาพการเคลื่อนไหวของวานรที่สมจริง ผู้ควบคุมสตั๊นท์ เทอร์รี่ โนทารี่ อดีตผู้ชำนาญการที่ Cirque du Soleil มีส่วนช่วยเหลือในการจับภาพการแสดงของเหล่านักแสดงที่ต้องสร้างบทบาทของพวกเขาขึ้นมา โนทารี่ยังมีส่วนช่วยเหลือที่สำคัญในการจับภาพการแสดงของตัวละครวานรอื่นๆ ที่สำคัญอีกด้วย
          เมื่อการจับภาพการเคลื่อนไหวของแสดงของเหล่านักแสดงได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ ในการแสดงอารมณ์และท่าทางในบทบาทของพวกเขาแล้ว เช่นเดียวกับ Weta Digital ที่ต้องขยายผลงานที่สร้างสรรค์ในภาพยนตร์เรื่อง Avatar สำหรับเรื่อง RISE OF THE PLANET OF THE APES (กำเนิดพิภพวานร) เป็นครั้งแรกที่ Weta Digital ถ่ายทำวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ที่สถานที่จริงภายนอกการควบคุมสภาพแวดล้อมของฉากที่มีการกั้นรั้ว ซึ่งรู้จักกันในชื่อ Volume
          เล็ทเทอรี่อธิบายว่า “ที่เราเคยทำในเรื่อง Avatar คือเราใช้ชุดจับการเคลื่อนไหวและใช้เฮดเกียร์เพื่อจับการแสดงออกทางใบหน้าของนักแสดง เพื่อให้ได้การแสดงของพวกเขาที่ครอบคลุมอย่างสมบูรณ์แบบ แต่สำหรับเรื่องนี้เป็นครั้งแกรที่เราใช้การจับภาพการแสดงแบบผสมผสานการแสดงไลฟ์แอ็คชั่นอย่างเต็มตัว การทำงานในเรื่อง RISE OF THE PLANET OF THE APES (กำเนิดพิภพวานร) กลายเป็นการแสดงที่เหล่านักแสดงทั้งหมดต้องแสดงร่วมกับคนอื่นๆ และเราค่อยกลับมาให้ความสนใจเรื่องวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ที่สมจริงทีหลัง”
Weta Digital ได้ออกแบบฐานเคลื่อนที่เพื่อใช้ในการจับต้องการเคลื่อนไหวของการแสดง ที่สามารถจัดตั้งในหลายๆ สถานที่และเป็นครั้งแรก ผู้ควบคุมเอ็ฟเฟ็กต์ด้านภาพ แดน เล็มมอน กล่าวว่า “ที่เราจะมีการเคลื่อนไหวภายใต้แสงแดดโดยตรง”
          ความท้าทายของ Weta Digital และการผลิตทั้งหมดเกิดขึ้นระหว่างการถ่ายทำจุดสำคัญของภาพยนตร์ ที่ทุกอย่างปรากฏให้เห็นจากทั้งด้านบนและด้านข้างและด้านใต้สะพาน Golden Gate (การถ่ายทำสร้างฉากขนาดยักษ์ที่ด้านนอกแวนคูเวอร์ขึ้นมา) ฉากนั้นบรรยายถึงการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างมนุษย์และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีความละเอียดซับซ้อนของฉากต่อสู้ เปลวไฟ ระเบิด เฮลิคอปเตอร์ รถนับร้อยคัน เหล่านักแสดงนมทบ และเมฆหมอกในบรรยากาศของซานฟรานซิสโก เช่นเดียวกับปฏิสัมพันธ์ขั้นสูงสุดของฉากดราม่า อารมณ์ความรู้สึกและตัวละครทั้งหมด
          ฉากนี้และฉากใหญ่อื่นๆ ของภาพยนตร์อยู่ในการช่วยเหลือของโครงเรื่องที่สะท้อนถึงแกนความรู้สึก แอนดี้ เซอร์คิส กล่าวเสริมว่า “ภาพยนตร์เรื่อง RISE OF THE PLANET OF THE APES (กำเนิดพิภพวานร) ไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนภาพยนตร์ที่เดินหน้าไปด้วยฉากวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ มันรู้สึกเหมือนเนื้อเรื่องที่มีอานุภาพ พร้อมด้วยฉากหลังที่มีขนาดใหญ่ ฉากแอ็คชั่นและภาพที่น่าตื่นเต้นสร้างเข้ากับเรื่องราวได้อย่างประณีต นั่นคือเหตุผลที่ทำไมผมคิดว่ามันมีพลังมาก เพราะมันไม่มี ‘ความตระการตา’ มาปรากฏอยู่บนหน้าของคุณ ทั้งหมดคือการพบความสมจริงและความถูกต้อง”
          “ภาพยนตร์เข้าถึงความกลัวเมื่อแรกเริ่มของเราเกี่ยวกับจุดเริ่มต้นการแย่งชิงโลกของเรา พูดง่ายๆ คือการปล่อยให้สิ่งมีชีวิตสายพันธุ์อื่นมาครองโลก และเป็นการถามว่ามันจะออกมาเป็นอย่างไร” รูเพิร์ท ไวแอ็ตต์ กล่าวสรุป

FB on July 29, 2011, 06:30:48 PM
RISE OF THE PLANET OF THE APES ใช้เทคโนโลยีที่พัฒนามาจาก Avatar เพื่อสร้างซีซาร์ให้มีชีวิตเหมือนจริง







          สำหรับการสร้างซีซาร์และโลกที่เขาอาศัยอยู่เป็นการควบคุมของ Weta Digital เช่นเดียวกับเรื่อง Avatar และ Lord of the Rings ไตรภาค ที่พาผู้ชมสู่โลกที่ไม่เคยเห็นมาก่อน โดยผู้ควบคุมอาวุโสด้านวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ของภาพยนตร์เรื่อง RISE OF THE PLANET OF THE APES (กำเนิดพิภพวานร) โจ เล็ทเทอรี่ เจ้าของรางวัล Oscar 4 สมัยอธิบายว่า “สำหรับภาพยนตร์เรื่อง Avatar จิม คาเมรอน ได้สร้างโลกในจินตนาการที่มีความสมบูรณ์แบบที่ไม่มีใครเคยสัมผัสได้มาก่อน การท้าทายในเรื่อง RISE OF THE PLANET OF THE APES (กำเนิดพิภพวานร) ต่างจากเรื่องนั้นมาก มันน่ากังวลกว่าในบางประการ เราประยุกต์ใช้เทคโนโลยีบางอย่างที่เราพัฒนามาจากเรื่อง Avatar เพื่อสร้างโลกที่สมจริง เข้าใจได้ ดูเป็นซานฟรานซิสโกในยุคปัจจุบัน ทุกๆ อย่างตั้งแต่เหล่าวานร สถานที่ ต้องรู้สึกสมจริง เพราะเรากำลังสืบค้นเรื่องราวที่สร้างขึ้นจากความจริง ไม่มุ่งไปที่แนวไซไฟนัก”
 
          เล็ทเทอรี่ยกความดีความชอบให้แก่รูเพิร์ท ไวแอ็ตต์ สำหรับการนำความคิดด้านเนื้อเรื่องที่สร้างขึ้นจากเรื่องจริงและเอ็ฟเฟ็กต์ทั้งหลาย “รูเพิร์ทค่อยๆ ซึมซับไอเดียทั้งหมดของพวกเราที่เรานำลิงชิมแปนซีให้มีการผสมผสานที่ดูเหมือนจริง เราจึงเริ่มจากศูนย์ มันเป็นการถ่ายทำแบบใหม่กับภาพยนตร์ชุด Planet of the Apes เรากำลังนำเสนอสัตว์เลี้ยลูกด้วยนมแบบที่พวกเรารู้จัก เรากำลังทำให้มันมีความฉลาดเพิ่มขึ้นและมีนิสัยเจ้าเล่ห์เหมือนมนุษย์”

          เมื่อ Weta Digital ใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์อันทันสมัยเพื่อเร็นเดอร์ภาพเหล่าวานรให้ดูสมจริง ทีมงานได้จับภาพการแสดงของนักแสดงชายแอนดี้ เซอร์คิส ผู้มีฝีมือระดับโลกเข้ามาใส่ในโปรเจ็กต์ เพื่อทำให้ซีซาร์มีความแตกต่างเพียงน้อยนิด มีอารมณ์ ชีวิตจิตใจ ความฉลาดและความรู้สึก ความช่วยเหลือของเซอร์คิสในภาพยนตร์เรื่อง RISE OF THE PLANET OF THE APES (กำเนิดพิภพวานร) ไม่อาจประเมิณค่าได้ ไวแอ็ตต์กล่าวว่า “แอนดี้ เซอร์คิสคือชาร์ลี แชปลิน ในยุคของเรา ซึ่งนั่นผมหมายถึงเขาเป็นหนึ่งในนักแสดงรอบตัวเราเพียงไม่กี่คน ที่สามารถใช้เทคโนโลยีวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ได้ เพราะเขาเข้าใจถึงศักยภาพของสิ่งที่ผมสามารถเข้าถึงได้อย่างแท้จริง ผมคิดว่านักแสดงบางคนถูกวิธีการจับภาพการแสดงมาข่มขวัญ เพราะพวกเขาคิดว่ามันต่างจากการแสดงจริงๆ ของพวกเขาในภาพยนตร์ที่ความเป็นจริงนั้นอยู่ตรงกันข้ามกัน แอนดี้เข้าใจดีว่าความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ เช่น ทุกลมหายใจ ทุกการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อที่เขาแสดงต่อหน้ากล้องเป็นการอธิบายจากการมองเห็น ภาพยนตร์คือสื่อกลางที่ใช้การมองเป็นส่วนสำคัญ และหากเราทำให้ตัวละครของเราบอกเล่าเรื่องราวได้ด้วยถ้อยคำที่น้อยที่สุด นั่นแหละคือสิ่งที่ดีที่สุด” 
 
          บทบาทที่ต้องใช้ร่างกายอย่างเข้มงวด แสดงให้เห็นถึงการเดินทางที่แตกต่างออกไป ความแม่นยำในการฝึกซ้อมและการโฟกัสคือสิ่งสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการจับภาพการเคลื่อนไหวของวานรที่สมจริง ผู้ควบคุมสตั๊นท์ เทอร์รี่ โนทารี่ อดีตผู้ชำนาญการที่ Cirque du Soleil มีส่วนช่วยเหลือในการจับภาพการแสดงของเหล่านักแสดงที่ต้องสร้างบทบาทของพวกเขาขึ้นมา โนทารี่ยังมีส่วนช่วยเหลือที่สำคัญในการจับภาพการแสดงของตัวละครวานรอื่นๆ ที่สำคัญอีกด้วย

          เมื่อการจับภาพการเคลื่อนไหวของแสดงของเหล่านักแสดงได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ ในการแสดงอารมณ์และท่าทางในบทบาทของพวกเขาแล้ว เช่นเดียวกับ Weta Digital ที่ต้องขยายผลงานที่สร้างสรรค์ในภาพยนตร์เรื่อง Avatar สำหรับเรื่อง RISE OF THE PLANET OF THE APES (กำเนิดพิภพวานร) เป็นครั้งแรกที่ Weta Digital ถ่ายทำวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ที่สถานที่จริงภายนอกการควบคุมสภาพแวดล้อมของฉากที่มีการกั้นรั้ว ซึ่งรู้จักกันในชื่อ Volume

          เล็ทเทอรี่อธิบายว่า “ที่เราเคยทำในเรื่อง Avatar คือเราใช้ชุดจับการเคลื่อนไหวและใช้เฮดเกียร์เพื่อจับการแสดงออกทางใบหน้าของนักแสดง เพื่อให้ได้การแสดงของพวกเขาที่ครอบคลุมอย่างสมบูรณ์แบบ แต่สำหรับเรื่องนี้เป็นครั้งแกรที่เราใช้การจับภาพการแสดงแบบผสมผสานการแสดงไลฟ์แอ็คชั่นอย่างเต็มตัว การทำงานในเรื่อง RISE OF THE PLANET OF THE APES (กำเนิดพิภพวานร) กลายเป็นการแสดงที่เหล่านักแสดงทั้งหมดต้องแสดงร่วมกับคนอื่นๆ และเราค่อยกลับมาให้ความสนใจเรื่องวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ที่สมจริงทีหลัง”

Weta Digital ได้ออกแบบฐานเคลื่อนที่เพื่อใช้ในการจับต้องการเคลื่อนไหวของการแสดง ที่สามารถจัดตั้งในหลายๆ สถานที่และเป็นครั้งแรก ผู้ควบคุมเอ็ฟเฟ็กต์ด้านภาพ แดน เล็มมอน กล่าวว่า “ที่เราจะมีการเคลื่อนไหวภายใต้แสงแดดโดยตรง”

ความท้าทายของ Weta Digital และการผลิตทั้งหมดเกิดขึ้นระหว่างการถ่ายทำจุดสำคัญของภาพยนตร์ ที่ทุกอย่างปรากฏให้เห็นจากทั้งด้านบนและด้านข้างและด้านใต้สะพาน Golden Gate (การถ่ายทำสร้างฉากขนาดยักษ์ที่ด้านนอกแวนคูเวอร์ขึ้นมา) ฉากนั้นบรรยายถึงการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างมนุษย์และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีความละเอียดซับซ้อนของฉากต่อสู้ เปลวไฟ ระเบิด เฮลิคอปเตอร์ รถนับร้อยคัน เหล่านักแสดงนมทบ และเมฆหมอกในบรรยากาศของซานฟรานซิสโก เช่นเดียวกับปฏิสัมพันธ์ขั้นสูงสุดของฉากดราม่า อารมณ์ความรู้สึกและตัวละครทั้งหมด

ฉากนี้และฉากใหญ่อื่นๆ ของภาพยนตร์อยู่ในการช่วยเหลือของโครงเรื่องที่สะท้อนถึงแกนความรู้สึก แอนดี้ เซอร์คิส กล่าวเสริมว่า “ภาพยนตร์เรื่อง RISE OF THE PLANET OF THE APES (กำเนิดพิภพวานร) ไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนภาพยนตร์ที่เดินหน้าไปด้วยฉากวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ มันรู้สึกเหมือนเนื้อเรื่องที่มีอานุภาพ พร้อมด้วยฉากหลังที่มีขนาดใหญ่ ฉากแอ็คชั่นและภาพที่น่าตื่นเต้นสร้างเข้ากับเรื่องราวได้อย่างประณีต นั่นคือเหตุผลที่ทำไมผมคิดว่ามันมีพลังมาก เพราะมันไม่มี ‘ความตระการตา’ มาปรากฏอยู่บนหน้าของคุณ ทั้งหมดคือการพบความสมจริงและความถูกต้อง”

“ภาพยนตร์เข้าถึงความกลัวเมื่อแรกเริ่มของเราเกี่ยวกับจุดเริ่มต้นการแย่งชิงโลกของเรา พูดง่ายๆ คือการปล่อยให้สิ่งมีชีวิตสายพันธุ์อื่นมาครองโลก และเป็นการถามว่ามันจะออกมาเป็นอย่างไร” รูเพิร์ท ไวแอ็ตต์ กล่าวสรุป

เตรียมพบกับฉากสมจริงอลังการเหล่านี้ได้ใน
Rise of the Planet of the Apes (กำเนิดพิภพวานร)
4 สิงหาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น

FB on July 29, 2011, 06:31:58 PM
ภาพยนตร์เรื่อง Rise of the Planet of the Apes

           ภาพยนตร์เรื่อง RISE OF THE PLANET OF THE APES (กำเนิดพิภพวานร) เป็นภาพยนตร์ไลฟ์-แอ็คชั่นเรื่องแรกในวงการภาพยนตร์เพื่อแสดงและถ่ายทอดเรื่องราวจากมุมมองของสัตว์ที่มีการรับรู้ความรุ้สึก ซึ่งเป็นตัวละครที่มีลักษณะเหมือนมนุษย์ สามารถวางแผนจัดการและนำการปฏิวัติในท้ายที่สุดได้ ซึ่งเป็นตัวละครที่ผู้ชมจะเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกได้อย่างแท้จริง ภาพยนตร์ไม่สามารถสร้างให้สำเร็จได้ จนกระทั่งมีเทคโนโลยีที่ใช้สร้างภาพยนตร์เรื่อง Avatar ขึ้นมา และตอนนี้ได้ก้าวขยับมาสู่มิติใหม่ จนเข้าถึงไอเดียที่อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์แล้ว

           ผลงานชิ้นนี้สำเร็จออกมาอย่างโดดเด่นและสมบูรณ์แบบได้โดย แอนดี้ เซอร์คิส นักแสดงผู้มีฝีมือในยุทธวิธีจับการเคลื่อนไหวในการแสดงระดับโลก ผู้ปลุกปั้นให้ซีซาร์มีความแตกต่างเพียงเล็กน้อย มีจิตวิญญาณ ความคิดและความรู้สึก

          นี่เป็นความสำเร็จอีกครั้งในประวัติศาสตร์ของภาพยนตร์ ที่มีการใช้วิชวลเอ็ฟเฟ็กต์และจับภาพจากลักษณะการแสดงภายนอกสถานที่จริงของสภาพแวดล้อมที่ถูกควบคุมด้วยรั้วล้อมรอบ ทำให้การจับภาพการแสดงมีการผสมผสานกับการแสดงการแสดงจริงอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งถือเป็นการทำลายข้อจำกัดระหว่างวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์และไลฟ์แอ็คชั่นออกไปได้

          นอกจากการนำเสนอเหล่าวานรที่มีการสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกด้วยภาพที่ดูสมจริงแล้ว ฉากของภาพยนตร์ยังเป็นที่จดจำและเข้าถึงได้อีกด้วย ภาพยนตร์เรื่อง RISE OF THE PLANET OF THE APES (กำเนิดพิภพวานร) เป็นเรื่องราวต้นกำเนิดในรูปลักษณ์แห่งความรู้สึกที่สมจริงที่สุด ซึ่งเป็นฉากที่ซานฟรานซิสโก ณ ปัจจุบัน ภาพยนตร์อ้างอิงมาจากความเป็นจริงผสมกับข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์แนวไซไฟ เกี่ยวกับการทดลองมนุษย์กับพันธุวิศวกรรมที่นะไปสู่วิวัฒนาการความฉลาดของเหล่าวานร และจุดกำเนิดของสงครามมหาอำนาจ

“นี่เป็นมุมมองปัจจุบันของตำนาน Planet of the Apes” ไดแลน คลาร์ก ผู้อำนวยการสร้างกล่าว “มันเป็นหนังเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่สำคัญที่ให้ความสำคัญกับลักษณะการถ่ายทอดเรื่องราว การแสดงอารมณ์และความลึกซึ้งของตัวละคร ส่วนสำคัญของเรื่องราวคือตัวละครที่ขับเคลื่อนเนื้อเรื่องไป”

           อารมณ์ความรู้สึกที่สำคัญของหนังเป็นสิ่งที่สร้างความสนใจให้นักแสดง ซึ่งนั่นรวมถึง จอห์น ลิธโกว์ “มันเป็นเรื่องไม่ธรรมดาจริงๆ ที่สร้างหนังไซไฟฟอร์มยักษ์บนความรู้สึกและความขัดแย้งของมนุษย์” นักแสดงผู้เข้าชิงรางวัล Oscar กล่าว “ผมรู้สึกแปลกใจกับอารมณ์ความรู้สึกที่สมจริงของบท หนังเรื่องนี้จะนำความคาดหวังของผู้ชมและปลูกฝังเข้าไปในความคิดอย่างสมบูรณ์”

          เนื้อหาส่วนใหญ่ของเรื่องเหมือนกับเรื่องราวดั้งเดิมอย่าง Planet of the Apes ภาคต้นฉบับ ภาพยนตร์ภาคใหม่ใช้ความเป็นไซไฟมาสำรวจโลกและแง่คิดที่มีความยิ่งใหญ่มากขึ้น ภาพยนตร์เรื่อง “RISE OF THE PLANET OF THE APES (กำเนิดพิภพวานร) เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความเจริญของเราที่มาถึงทางตันแล้ว” รูเพิร์ท ไวแอตต์ ผู้กำกับกล่าวว่า “เหตุการณ์ต่างๆ ตีแผ่ผ่านมุมมองของ ซีซาร์ ลิงชิมแปนซีที่ฉลาดเป็นกรด ตั้งแต่เล็กมันมองมนุษย์ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่สร้างสรรค์แต่สิ่งมหัศจรรย์ เช่น งานศิลปะและการใช้เหตุผล จากนั้นมันเริ่มเห็นด้านมืดของมนุษย์ เช่น การกดขี่ การดื้อรั้น และการขับไล่สิ่งของหรือคนที่เราไม่ยอมรับ”

          ประเด็นสำคัญอื่นคือความเย่อหยิ่งของมวลมนุษยชาติ การถือตัวของเราที่คิดว่าเราสามารถพลิก พยายาม โกงหรือหลีกเลี่ยงกฏของธรรมชาติได้โดยไม่มีผลสืบเนื่องตามมา “ในภาพยนตร์เรื่อง Planet of the Apes ภาคต้นฉบับ ความหยิ่งของมนุษย์ได้หล่อหลอมตัวละครของผู้พัน เทย์เลอร์ [แสดงโดย ชาร์ลตัน เฮสตัน] ที่ชายหาดนั้น เพื่อพบกับรูปปั้นเทพีเสรีภาพและเรื่องจริงที่น่าประหลาดของชะตากรรมมนุษย์” ริค แจฟฟ่า ผู้เขียน-ผู้อำนวยการสร้างชี้ชัดว่า “มันไม่ใช่การพลิกชะตากรรมหรือการเปลี่ยนแปลงธรรมชาติหรอกที่นำไปสู่โลกที่กลับตัลปัตร” เช่นเดียวกับภาพยนตร์เรื่อง RISE OF THE PLANET OF THE APES (กำเนิดพิภพวานร) ที่ล่อมนุษย์ให้มาต่อสู้กับธรรมชาติและต่อสู้กับตัวเอง จนนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่เรามองว่ามนุษย์และเหล่าวานรอยู่บนทางเดินที่เราจะพาพวกเขาไปสู่ระบอบโลกแบบใหม่ที่น่าสะเทือนขวัญ

FB on August 04, 2011, 12:58:28 PM
Comicon Piece

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=O7gkwwYJhJA" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=O7gkwwYJhJA</a>

Machete Clip (ซับไทย)

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=0tChhfspYhE" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=0tChhfspYhE</a>

Kitchen Clips (ซับไทย)

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=uu5BmtRm3p8" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=uu5BmtRm3p8</a>
« Last Edit: August 04, 2011, 01:00:28 PM by FB »

FB on August 06, 2011, 02:07:58 PM
"แอนดี้ เซอร์คิส" ผู้ที่ทำให้ "ซีซาร์" มีความรู้สึก ใน "Rise of the Planet of the Apes"



          ในภาพยนตร์ ใน “Rise of the Planet of the Apes” มีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่พัฒนามาจากภาพยนตร์เรื่อง Avatar ซึ่ง WETA ใช้เทคโนโลยีที่ถูกปฏิวัติเพื่อบันทึกการแสดงท่าทางของนักแสดง และเพื่อทำให้การออกแบบตัวละครถูกยกขึ้นสู่ระดับใหม่ แรงบันดาลใจในการออกแบบให้กับตัวละครทั้งหมดมาจากสถานที่จริงๆ ที่สวนสัตว์เวลลิงตันแห่งนี้ พวกเขาใช้เวลาที่นับไม่ถ้วนเพื่อศึกษาเจ้าพวกนี้ พฤติกรรม การแสดงสีหน้า การเคลื่อนไหวร่างกาย แม้ท่าทางเพียงเล็กน้อยก็จะถูกนำไปสร้างขึ้นให้กับซีซาร์และพวกลิงตัวอื่นๆ ในหนังวานรเรื่องอื่นๆ เราจะเห็นการใช้คนใส่ชุดวานรเข้าฉาก เราไม่อยากทำอะไรแบบนั้น เราตั้งใจทำเรื่องใหม่ๆ ให้กับผู้ชมร่วมสมัย

          แอนดี้ เซอร์คิส กล่าวว่า

          ครั้งแรกที่ผมได้เห็นภาพซีซาร์ที่เสร็จสมบูรณ์บนจอ ผมรู้สึกเหมือนตัวลอยได้ ผมรู้ว่ามันเป็นการแสดงของผม การเคลื่อนไหวสายตา ท่าทาง แต่ทุกอย่างถูกปกคลุมไว้ด้วยผิวหนังและขนของลิงชิมแปนซีดิจิตัล และที่ทำให้ผมทึ่งมากที่สุดคือสุดยอดเทคโนโลยีที่ WETA สร้างขึ้นมาตั้งแต่ “อวตาร” ที่ช่วยให้เกิดผลงานแบบใหม่ขึ้นบนจอได้ในที่สุด มันดูมีพลังมากๆ

          เนื่องจากความต้องการด้านเทคนิคของกล้องจับการเคลื่อนไหว การทำงานจึงถูกจำกัดให้นักแสดงต้องสวมชุดจับการเคลื่อนไหว และใช้กล้องจำนวนมากมายจนเรานึกไม่ถึง แต่ใน “Rise of the Planet of the Apes” WETA ได้เปิดโลกใบใหม่เอี่ยมในการสร้างภาพยนตร์

          ขั้นตอนคือเราต้องสวมชุดจับการเคลื่อนไหวที่ติดจุดเครื่องหมาย และในระยะใกล้เราจะติดตัวส่งสัญญาณที่สะท้อนคลื่นได้ แต่เพราะเราต้องออกไปถ่ายกันในโลเคชั่นด้วยแสงของกล้อง เราจึงต้องติดจุดสะท้อนแสงสีสดจำนวนมาก และมีจุดที่จะถูกเก็บสัญญาณโดยพวกกล้องจับการเคลื่อนไหวที่ซ่อนอยู่

          แต่เราก็ต้องใช้ตัวช่วยอีกมากมาย เพราะหลายครั้งที่นักแสดงลิงจะหลบเข้าไปอยู่ระหว่างรถ เราจึงติดตั้งกล้องไว้เป็นแนวยาวตามกำแพงกรีนสกรีน แต่เราก็ยังมีกล้องบนคานเคลื่อนที่ซึ่งเราปรับทิศทางระหว่างการถ่ายทำได้ มันจึงมีงานเยอะมากเพื่อให้งานเสร็จตามตารางเวลา และเราไม่สามารถให้ความจำเป็นกลายเป็นตัวถ่วงของเรา

          แอนดี้ เซอร์คิส ได้ร่วมงานในวงการภาพยนตร์ โทรทัศน์และโรงละครในฐานะนักแสดง ผู้สร้างภาพยนตร์ ผู้กำกับ และผู้บุกเบิกการจับภาพการแสดงมามากว่า 20 ปี เขาเป็นที่รู้จักกันดีจากการแสดงเป็น กอลลัม ในนภาพยนตร์ไตรภาคที่ได้รับคำชมเรื่อง The Lord of the Rings และการรับบทเป็นคิงคองในเรื่อง King Kong เซอร์คิสมีส่วนเกี่ยวข้องในด้านการพัฒนาศิลปะและการถักทอการแสดงในรูปแบบดิจิตอลเป็นอย่างมาก ตอนนี้เขากำลังควบคุม ‘The Imaginarium’ สตูดิโอที่ตั้งถิ่นฐานในลอนดอน และเป็นสถาบันที่ให้บริการด้านภาพยนตร์และเกมส์ ผลิตวัสดุเอง และให้บริการห้องแล็ปสำหรับศิลปินผู้ชำนาญการด้านการจับการเคลื่อนไหว และความสามารถด้านภาพที่ก้าวหน้าเพื่อมาสำรวจโปรแกรมจับภาพการแสดงแบบใหม่

          ในฐานะของนักแสดงละครเวที เซอร์คิสปรากฏตัวในการแสดงมากกว่า 40 เรื่องที่ลอนดอนและโรงละครทั่วประเทศอังกฤษ ล่าสุดเขารับบทของ อีอาโก ในเรื่อง Othello ผลงานของวิลเลียม เช็คสเปียร์ ส่วนภาพยนตร์และผลงานทางทีวีของเซอร์คิส เขาแสดงภาพยนตร์มาแล้วกว่า 60 เรื่อง ได้รับทั้งคำวิจารณ์ยอดเยี่ยม การเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลและรางวัลต่างๆ มาแล้วสำหรับบทบาทการแสดงของเขา เมื่อไม่นานมานี้เขารับบทแสดงเป็น อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ในเรื่อง Einstein and Eddington และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Golden Globe และ BAFTA ที่ Longford เซอร์คิสได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล BAFTA สำหรับบทบาทของเขาที่แสดงเป็นนักดนตรีโพรโต-พังค์ เอียน ดูรี่ ชาวอังกฤษแห่งตำนาน ในภาพยนตร์อัตชีวประวัติเรื่อง Sex & Drugs & Rock & Roll และแสดงร่วมกับไซมอน เพ็กก์ ในภาพยนตร์ของจอห์น แลนดิส เรื่อง Burke & Hare ปีนี้จะได้เห็นผลงานของสตีเฟ่น สปีลเบิร์ก และ ปีเตอร์ แจ็คสัน ที่สร้างขึ้นจากฮีโร่ในหนังสือการ์ตูนของ Hergé’s French เรื่อง Tintin โดยเซอร์คิสรับบทแสดงเป็นกัปตันแฮดด็อค

          ในฐานะผู้กำกับ เซอร์คิสได้ร่วมงานในสื่อการแสดงทุกสาขามาแล้ว เขากกำกับการแสดงในเกมเพลย์สเตชั่น 3 ยอดฮิตที่ชื่อ Heavenly Sword ของ _Ninja Theory/Sony ซึ่งเป็นการสร้างมาตรฐานแห่งเสน่ห์ของตัวละครในวีดีโอเกมขึ้นมาใหม่ โปรเจ็กต์เกมชิ้นที่ 2 ของเขาคือ Enslaved ซึ่งเป็นการร่วมงานอีกครั้งกับ Ninja Theory เซอร์คิสกำกับและอำนวยการสร้างหนังสั้นเรื่อง Snake และ The Double Bass ให้กับละครเวที

          ในปี 2009 เซอร์คิสร่วมทีมกับผู้อำนวยการสร้างโจนาธาน คาเว็นดิช (Bridget Jones, Elizabeth: The Golden Age) เพื่อสร้าง Caveman Films เขามีโปรเจ็กต์ภาพยนตร์ในการพัฒนาหลายเรื่องและมีการวางแผนจะถ่ายทำภาพยนตร์ที่เขาเป็นผู้กำกับครั้งแรกเรื่อง The Giant ที่นิวซีแลนด์ในปี 2011

          เตรียมพบกับฉากสมจริงอลังการเหล่านี้ได้ใน
          Rise of the Planet of the Apes (กำเนิดพิภพวานร)
          4 สิงหาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น