บลจ. แอสเซท พลัส เสนอขายกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ 2 กองทุน วันที่ 8 และ 11 ก.ค. นี้ชูผลตอบแทน 3% และ 3.10%**
วันที่ 8 กรกฎาคม นี้ บลจ.แอสเซท พลัส จะ Rollover กองทุนเปิดแอ็คทีฟเอฟไอเอฟ 5 (ACFIF5) ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และตั๋วแลกเงินธนาคาร อายุประมาณ 3 เดือน ผลตอบแทน 3.00% ต่อปี* และในวันที่ 11 กรกฎาคม บริษัทฯ จะ Rollover กองทุนเปิดแอสเซทพลัสแอ็คทีฟตราสารหนี้ 1 (ASP-ACFIXED1) ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย อายุประมาณ 5 เดือน ผลตอบแทน 3.10% ต่อปี*
นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการขายและการตลาด กล่าวว่า ในช่วงนี้อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะสั้นของไทยปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามช่วงอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน น่าจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง ในการประชุมวันที่ 13 ก.ค. นี้ หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานได้ปรับขึ้นจาก 2.48% มาอยู่ที่ระดับ 2.55% ขณะที่ตราสารหนี้ในต่างประเทศที่ให้ผลตอบแทนในระดับสูงเริ่มมีปริมาณลดน้อยลง
ในด้านแผนการเสนอขายกองทุนได้ปรับนโยบายเน้นลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศมากขึ้น โดยได้มีการแก้ไขโครงการกองทุนเปิดแอ็คทีฟเอฟไอเอฟ 5 (ACFIF5) ซึ่งจะครบรอบ Rollover ใหม่ในวันที่ 8 กรกฎาคม นี้ จากกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ เป็นกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ เพื่อให้กองทุนสามารถดำรงสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศได้อย่างเหมาะสมกับภาวะการลงทุน และเปลี่ยนชื่อเป็น กองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้ทวีทรัพย์ 4 (ASP-TFIXED4) ซึ่งจะมีผลตั้งแต่รอบลงทุนถัดไปตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม นี้
โดยกองทุน ACFIF5 จะลงทุนในลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ระยะสั้น และตั๋วแลกเงินธนาคารในประเทศไทย อายุประมาณ 3 เดือน เช่น หุ้นกู้ระยะสั้นของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ (SCBT) และธนาคารดอยช์แบงก์ (DB) ตั๋วแลกเงินของธนาคารทิสโก้ (TISCO) และธนาคารนครหลวงไทย (SCIB) โดยคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 3.00% ต่อปี*
นอกจากนี้ ในวันที่ 11 กรกฎาคม นี้ บริษัทฯ จะ Rollover กองทุนเปิดแอสเซทพลัสแอ็คทีฟตราสารหนี้ 1 (ASP-ACFIXED1) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ ที่เปิดเสนอขายเป็นรอบระยะเวลา โดยรอบการลงทุนนี้ จะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลอายุประมาณ 5 เดือน โดยคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 3.10% ต่อปี*
“ทั้งนี้ กองทุน Rollover ทั้งสองกองทุนมีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ และสามารถสร้างโอกาสผลตอบแทนในระดับที่ดีสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะสั้นๆ ตามช่วงการปรับตัวของดอกเบี้ยขาขึ้น” นางสาวจารุลักษณ์ กล่าว