happy on July 04, 2011, 04:06:42 PM
คลังเปิดตัวกองทุนการออมแห่งชาติ
เตรียมรับสมัครสมาชิกปีหน้า ๘ พฤษภาคม ๒๕๕5 เป็นต้นไป



               กระทรวงการคลังจัดงานเปิดตัวกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ในวันนี้ ภายใต้สโลแกน “เกษียณสุขใจ   มีบำนาญใช้กับ กอช.” มุ่งหวังให้ประชาชนเข้าถึงช่องทางการออมเงินที่เหมาะสม และสร้างหลักประกันทางสังคมแก่ประชาชนอย่างทั่วถึง โดยปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน พร้อมด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประชาชนผู้ประกอบอาชีพอิสระ และนักเรียนนักศึกษา ร่วมเป็นสักขีพยาน



               นายนริศ ชัยสูตร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการกองทุน  การออมแห่งชาติในวาระแรก ได้กล่าวรายงานว่า กองทุนการออมแห่งชาติเป็นกองทุนเพื่อการเกษียณอายุ   ภาคสมัครใจ สำหรับผู้ที่ยังไม่มีหลักประกันทางสังคมเพื่อการชราภาพ เพื่อให้มีรายได้หลังเกษียณในรูปบำนาญ และการเปิดตัวกองทุนการออมแห่งชาติในวันนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนได้ทราบถึงช่องทางการเข้าถึงหลักประกันทางสังคม เข้าใจหลักเกณฑ์ของกองทุน และเตรียมพร้อมในการเป็นสมาชิกและออมกับกองทุน  เมื่อกองทุนเปิดรับสมาชิกตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2555 เป็นต้นไป

          นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงที่มาของการจัดตั้งกองทุนการออมแห่งชาติว่า “จากความท้าทายของประเทศที่เข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีความเสี่ยงที่ประชาชนจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ด้อยลงเมื่อย่างเข้าสู่วัยชรา และแม้ว่าประเทศไทยจะมีระบบประกันสังคมในหลายรูปแบบ แต่ที่ผ่านมาผู้ที่ได้รับความคุ้มครองทางสังคมเพื่อการชราภาพจะเป็นผู้ที่มีอาชีพอยู่ในระบบ เช่น ข้าราชการ พนักงานบริษัทเอกชน และพนักงานรัฐวิสาหกิจ เป็นต้น รวมจำนวนทั้งสิ้น 14.6 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 37  ของประชากรทั้งประเทศ ขณะที่ประชากรวัยแรงงานอีก 35 ล้านคน หรือร้อยละ 53 ของประชากรทั้งประเทศ  ยังไม่ได้รับความคุ้มครองให้มีหลักประกันทางสังคมเพื่อการชราภาพอย่างเหมาะสม จึงได้จัดตั้งกองทุนการออมแห่งชาติขึ้น เพื่อเป็นช่องทางการออมเงินของประชาชนกลุ่มดังกล่าว โดยมีรัฐดูแลส่งเงินสมทบให้”

          นายนริศฯ ได้กล่าวถึงหลักเกณฑ์การออมเงินกับกองทุนว่า ผู้มีสิทธิจะต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย อายุ 15 – 60 ปี ไม่เป็นสมาชิกกองทุนอื่นใดที่ได้รับเงินสมทบจากรัฐหรือนายจ้าง และไม่ได้อยู่ในระบบบำเหน็จบำนาญภาครัฐหรือเอกชน โดยสมาชิกสะสมเงินเข้ากองทุนไม่ต่ำกว่าครั้งละ 50 บาท แต่ไม่เกิน 13,200 บาท ต่อปี และรัฐบาลจะให้เงินสมทบตามช่วงอายุของสมาชิกและเป็นอัตราส่วนกับจำนวนเงินที่สมาชิกสะสม  เข้ากองทุน ตั้งแต่ร้อยละ 50 ถึงร้อยละ 100 โดยไม่เกินเงินสมทบสูงสุดตามที่กฎหมายกำหนด สำหรับประโยชน์ตอบแทนที่สมาชิกจะได้รับ สมาชิกจะได้รับบำนาญรายเดือนจนตลอดชีวิตเมื่อสมาชิกอายุครบ 60 ปีเป็นต้นไปและมีเงินออมที่มากพอ ซึ่งสมาชิกที่ออมมาก ก็จะได้รับบำนาญมากตามไปด้วย และในกรณีที่สมาชิกทุพพลภาพก่อนอายุครบ 60 ปี จะมีสิทธินำเงินออมของตนออกมาใช้ก่อนได้ นอกจากนี้ หากสมาชิกมีความจำเป็นต้องลาออกจากกองทุน จะได้รับคืนเฉพาะเงินที่ได้ออมไว้ โดยไม่รวมเงินสมทบ อย่างไรก็ดีสมาชิกจะกลับมาเป็นสมาชิกของกองทุนได้อีกตามความสมัครใจ และหากสมาชิกเสียชีวิต กองทุนจะจ่ายเงินให้แก่ผู้ที่สมาชิกได้แจ้งชื่อไว้หรือให้แก่ทายาทของสมาชิก

          “สิทธิประโยชน์ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ รัฐบาลค้ำประกันผลตอบแทนให้สมาชิกได้รับดอกผลจาก  เงินออมไม่น้อยกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำประเภท 12 เดือน โดยเฉลี่ยของธนาคาร นอกจากนี้ ผู้ที่ได้รับบำนาญจาก กอช. จะยังมีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุอีกด้วย และที่สำคัญ ในปีแรกที่กองทุนเปิดรับสมาชิก คือระหว่างวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ จนถึงวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๖ จะเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มีสิทธิสมัครเป็นสมาชิกของกองทุนด้วย”

          นายอารีพงศ์ฯ กล่าวสรุปว่า “การสร้างโอกาสในการออม และการส่งเสริมให้ประชาชนมีวินัยการออม เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญต่อการสร้างรากฐานชีวิตที่มั่นคง การออมเงินกับ กอช. ในจำนวนขั้นต่ำเพียง 50 บาท     ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถออมได้ โดยเงินออมนี้จะเพิ่มพูนขึ้นจากเงินที่รัฐร่วมสมทบให้ และจากการนำเงินไปลงทุนโดยมืออาชีพ ภายใต้นโยบายการลงทุนตามที่กฎหมายกำหนด อีกทั้ง รัฐยังค้ำประกันผลตอบแทนของสมาชิกอีกด้วย และทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้กองทุนสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการออมทรัพย์ของสมาชิก และเป็นหลักประกันการจ่ายบำนาญและให้ประโยชน์ตอบแทนแก่สมาชิกเมื่อสิ้นสมาชิกภาพ”[size]


« Last Edit: July 04, 2011, 04:08:20 PM by happy »

happy on July 04, 2011, 04:15:22 PM

          
ในโอกาสนี้ นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวแสดงความยินดีความสำเร็จ  ในการจัดตั้งกองทุนการออมแห่งชาติอย่างเป็นรูปธรรม และดีใจกับประชาชนที่จะได้มีหลักประกันในชีวิตที่ร่วมสร้างได้ด้วยเงินออมของตนเอง

“นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปประชาชนในภาคส่วนที่เป็นแรงงานนอกระบบ อาชีพอิสระ นักเรียนนักศึกษา และ ผู้ที่ไม่ได้รับความคุ้มครองทางสังคมเพื่อการชราภาพ จะมีหลักประกันในชีวิตที่เกิดขึ้นจากการร่วมออมเงินกับภาครัฐ ผมจึงใคร่ขอเชิญชวนให้ท่านทั้งหลาย ร่วมเป็นสมาชิกของกองทุนการออมแห่งชาติ เพื่อความมั่นคงในชีวิตของท่าน และกองทุนจะเป็นตัวจักรสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนและเสริมสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในระยะยาวได้อีกด้วย” นายกรณ์ฯ กล่าวในท้ายที่สุด





« Last Edit: July 04, 2011, 04:23:34 PM by happy »