FB on November 06, 2011, 11:47:39 AM
หวานทุกสถานีที่เปิด บอย ตรัย แต่ง แดน ร้อง เพลงประกอบหนัง “The melody รักทำนองนี้”



          ได้เสียงตอบรับอย่างดีเปิดฟังกันไปทั่วประเทศจนหวานซึ้งทุกสถานีวิทยุและรายการเพลงแล้ว สำหรับเพลง “เดอะเมโลดี้” เสียงร้องชวนฝันของพระเอกหนุ่ม “แดน วรเวช ดานุวงศ์” ในเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง “The melody รักทำนองนี้” แนวโรแมนติก-ดราม่า เรื่องล่าสุดของค่ายสหมงคลฟิล์ม ที่ได้นางเอกสาวหน้าใสอย่าง “ฉัตร” ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร (รับบทเป็นหมอก) และ “แดน” วรเวช ดานุวงศ์ (รับบทเป็นวิน) นักร้องนักดนตรีมากฝีมือ มาสวมบทบาทและร่วมร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ในครั้งนี้

          เพราะเรื่องราวความรักของคู่พระนางในเรื่อง ใช้เสียงดนตรีเป็นสื่อกลางความรักความผูกพัน และความรู้สึกผ่านบทเพลงอันไพเราะที่ออกมาจากใจลึกๆ ของทั้งสองฝ่ายได้อย่างเรียกว่า เพลงนั้นคือตัวบทภาพยนตร์เลยทีเดียว ดังนั้นเรื่อง “The melody รักทำนองนี้” จึงต้องมีบทเพลงพิเศษที่ต้องเรียบเรียงใหม่โดยเฉพาะสำหรับบิ้วอารมณ์คนดูให้ซาบซึ้งยิ่งขึ้น ซึ่งครั้งนี้ได้นักดนตรีมากฝีมืออย่าง “บอย ตรัย ภูมิรัตน” เป็นผู้แต่งคำร้องและทำนองและได้แดน วรเวช ทำหน้าที่ขับร้อง ในเพลงที่ชื่อว่า “เดอะเมโลดี้” เพลงแรกที่ออกอากาศกันไปแล้วทั้งทางสถานีวิทยุทั่วประเทศ และ MV สวยๆ ทางสื่อต่างๆ ที่ได้รับเสียงตอบรับจากแฟนๆ เป็นอย่างมาก

          และอีกบทเพลงนึงที่ไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะพระเอกหนุ่มแสดงฝีไม้ลายมือเอาไว้ได้อย่างลงตัวในบทเพลงที่ชื่อว่า “เพลงรักไม่มีคำว่ารัก” เป็นเพลงที่มีเนื้อหาแสดงถึงความรู้สึกของวินที่มีให้กับหมอก แต่ไม่รู้จะสื่อสารออกมาด้วยวิธีไหนต้องอาศัยฝากความรู้สึกผ่านเสียงเพลงออกไป ซึ่งกว่าจะได้บทเพลงนี้ออกมาตรงกับเนื้อหาของบทภาพยนตร์ นักแสดงต้องอินไปกับบทและใช้เวลากับการถ่ายทำจนรู้สึกถึงความหมายอย่างแท้จริง เพื่อให้เข้าถึงแก่นแท้ของหนังอย่างสมบูรณ์แบบ

          “(ผู้กำกับ) คือด้วยชื่อของภาพยนตร์และเนื้อเรื่องของภาพยนตร์ มันบอกเลยว่าขาดบทเพลงดีๆ ไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเอาเพลงรักอะไรมาประกอบหนังก็ได้ แต่เนื้อหาของเพลงต้องมีที่มาที่ไป มีความหมายตามบทภาพยนตร์ เพราะเส้นเรื่องทั้งหมดมันคือเพื่อเพลงๆ นึงของพระเอกกับนางเอกเพลงนั้นจะไม่มีความหมายอะไรเลย ถ้าเราเอาความรู้สึกแบบอื่นมาใส่ เพลงๆ นี้ต้องเป็นเพลงที่คนฟังจะต้องรู้ว่านี่คือเพลงของวินและหมอก ผมรู้สึกว่าต้องเป็นแบบนั้น ทางทีมงานก็เคาะกันแล้วว่าต้องเป็นพี่บอยตรัย และอีกเพลงต้องเป็นแดน ทั้งสองคนเป็นคนเพลงที่มีคุณภาพ แดนจะต้องลึกซึ้งอยู่แล้วเพราะแดนสวมบทตัวละครตัวนี้อยู่ เขาเข้าใจฟิลลิ่งมันแน่นอน ส่วนพี่บอยเรื่องเพลงรักคงไม่มีอะไรต้องบรรยาย ทุกเพลงที่เขาแต่งออกมามันการันตีความสามารถของเขา”

          “(แดน วรเวช) ตอนที่แต่งเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ อ่านบทจบไปแล้วครับ เริ่มถ่ายทำกันไปแล้ว วันนึงพี่โอ๊คบอกว่าอยากให้ผมแต่งเพลงประกอบขึ้นมาเพลงนึงขอเป็นเพลงที่ไม่มีคำว่ารักอยู่ในเนื้อเพลงเลย แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ผู้ชายคนนึงหลงรักผู้หญิงคนนึงไปแล้ว แต่ไม่รู้จะบอกยังไง ไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงกับเขา ซึ่งถามว่ายากไหมก็ค่อนข้างยากครับต้องใช้เวลาเหมือนกัน แต่ทางผู้กำกับก็ไม่ได้เร่งรีบอะไรเขาอยากให้เราซึมซับกับหนังไปเรื่อยๆ ระหว่างทางที่เราเล่น ความรู้สึกแต่ละอย่างแต่ละทำนองแต่ละประโยคที่มันออกมาเป็นเพลงมันค่อยๆ ถูกเติมให้เต็มระหว่างเล่นหนังเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ ถึงเวลาแต่งจริงเพลงนี้แต่งไม่นาน แต่รอทุกอย่างตกตะกอน เราต้องเข้าใจความรู้สึกของตัวละครตัวนี้ให้อย่างลึกซึ้ง เพราะวินเป็นคนที่ยากต่อการเข้าถึงความรู้สึกจริงๆ ในช่วงแรกของตัวหนัง”
« Last Edit: December 04, 2011, 08:14:13 PM by FB »

FB on November 09, 2011, 03:53:45 PM
MOVIE GUIDE: “The Melody รักทำนองนี้”

เมื่อดนตรีนำพาทั้งคู่ให้เจอกัน ...
เนื้อเพลงและความหมายที่มีอยู่ต่อจากนี้...
เต็มไปด้วยความรู้สึกและความรัก...ที่มีอยู่จริง

ตัวอย่าง “The Melody รักทำนองนี้”
 
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=Gq6PydSHYHM" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=Gq6PydSHYHM</a>

FB on November 09, 2011, 03:56:10 PM

   
ผู้กำกับ The Melody อึ้ง “ฉัตร” นางเอกในฝันเซอร์ไพรส์วันคัดตัว เป๊ะทุกอย่างทั้งดราม่าทั้งเปียโน รับบท “หมอก” ประกบคู่ “แดน”
 
         ภาพยนตร์สุดซาบซึ้งส่งท้ายปี พร้อมเข้าฉายวันที่ 8 ธันวาคมนี้ กับภาพยนตร์โรแมนติก-ดราม่า เรื่องใหม่ของค่ายสหมงคลฟิล์ม ในชื่อเรื่อง “ The Melody รักทำนองนี้” โดยได้นางเอกสาวหน้าหวานใสอย่าง “ฉัตร” ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร (หมอก) มาเล่นบทสุดดราม่าประกบคู่กับ “แดน วรเวช ดานุวงศ์” (วิน)

          งานนี้ผู้กำกับ “ทศพล ศรีสุคนธรัตน์” เปิดเผยว่ากว่าจะได้ตัว 2 นักแสดงนำมาเล่นบทนี้ยากเย็นแสนเข็ญขนาดไหนโดยเฉพาะกับบทบาทของ “หมอก” สาวนักเปียโนคนเก่งมองโลกในแง่ดี แต่มีความลับในใจ ซึ่งเป็นบทบาทที่ค่อนข้างซับซ้อนในความรู้สึกที่ต้องเก็บเอาไว้แต่แสดงออกอีกอย่างหนึ่ง ต้องเล่นดราม่าถึง บวกกับความสามารถในการเล่นเปียโน และร้องเพลงได้ด้วย แต่เวลาผ่านล่วงเลยมานานจนเกือบจะเปิดกล้องก็แล้ว ยังหาคนมารับบท “หมอก” ให้พระเอกหนุ่ม แดน วรเวช ไม่ได้สักทีจนวันคัดตัวครั้งสุดท้ายอยู่ๆ น้องฉัตรก็โผล่เข้ามาในสตูดิโอ ทำเอาผู้กำกับและทีมงานคัดเลือกถึงกับอึ้งกิมกี่ เพราะเป็นนางเอกในแบบฉบับที่ตัวเองวางเป้าหมายเอาไว้ชัดเจนที่สุด และน้องฉัตรก็ทดลองเล่นบทดราม่าได้ดี ดีดนิ้วปุ๊ปน้ำตามาปั๊ปจนคนที่ร่วมแคสติ้งถึงกับให้คะแนนเต็มร้อย แต่เซอร์ไพร์สกว่านั้นสำหรับผู้กำกับคือ นางเอกคนนี้มีความสามารถในการเล่นเปียโนได้เป็นอย่างดี โดยที่ไม่ได้ซักซ้อมหรือเตรียมตัวมาก่อน มารับโจทย์กันวันแคสติ้งเลย แถมเสียงร้องก็จับใจมีความใสบริสุทธิ์ตรงกับคาแรกเตอร์ทุกประการ ทำเอาผู้กำกับฟันธงเลือกฉัตรทันที

          “(ผู้กำกับ) จริงๆ ผมเคยอยากได้น้องเขามารับบทนางเอกเรื่องนี้ วางไว้แล้วว่าจะเอาแบบนี้เลย ผมไปหาโฆษณาชิ้นนึงที่น้องฉัตรเคยเล่นเอาไว้นานแล้ว แล้วเรียกทีมงานมาบอกว่าให้ไปตามหาตัวน้องคนนี้มาแคสดู แต่ทีมงานไม่รู้จะติดต่อจากที่ไหน ตอนนั้นไม่รู้ว่าน้องเขาชื่ออะไร จนกระทั่งวันที่แคสติ้งวันสุดท้าย ตอนนั้นแคสอยู่ประมาณ 3 วัน ผู้ช่วยบอกวันนี้จะมีนางเอกช่อง 7 มาแคสนะ เราก็เอ๊ะ..เล่นละครมาแล้วจะมาเล่นหนังได้หรอ แล้วอยู่ๆ น้องฉัตรก็ก้าวเข้ามาในสตูแคสตัว ผมเงยหน้าไปแล้วอึ้งเลย ใช่เลยน้องคนนี้มาได้ไงเซอร์ไพร์สมาก เพราะผมเกือบจะต้องเลื่อนเปิดกล้องแล้วเพราะหานางเอกไม่ได้ ผมก็เลยให้น้องฉัตรลองเล่นบทดราม่าดู น้องเขาก็เล่นได้นิ่งมากเสียงเครือมาน้ำตามาเป๊ะทุกอย่าง แล้วเขาเป็นคนร้องไห้สวยเศร้าจากข้างใน บทดราม่าผ่านแล้วผมก็ลิงโลดเหลือแต่ความยากเรื่องการเล่นเปียโนกับร้องเพลงเท่านั้นซึ่งก็หินไม่แพ้กัน เพราะผมวางเป้าไว้ว่าอยากให้นักแสดงของเราได้เล่นเองจริงไม่เอาแบบมาวางมือเล่นฉาบฉวยแล้วมันไม่ได้ความรู้สึกอะไร

          แต่เซอร์ไพร์สชั้นที่ 2 คือฉัตรเล่นเปียโนได้ด้วยเพราะน้องเคยเล่นมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วซึ่งถ้าได้รื้อฟื้นมากกว่านี้ก็เรียกว่าคล่องเลย มันเป็นอะไรที่ลงตัวมากๆ ไม่คิดว่านางเอกที่เราฝันเอาไว้จะลงล๊อคทุกอย่าง ตอนแรกตั้งความหวังไว้แค่เล่นบทดราม่าได้แต่ไม่ได้คาดหวังเรื่องเปียโน แต่น้องฉัตรเป็นอะไรที่ทำได้หมดทุกอย่างที่บทวางเอาไว้ วันนั้นพอคัดเลือกตัวเสร็จผมบอกทีมงานเลยว่า คนนี้คนเดียวเท่านั้นที่จะต้องมาเป็น “หมอก” ให้กับ “วิน” ของเรา แล้วก็ไม่ผิดหวังเลยขนาดวันเล่นเปียโนกันครั้งแรกร่วมกับกับแดน แดนเขายังอึ้งเลย ไม่คิดว่าน้องฉัตรจะเล่นเปียโนคู่กับเขาได้จริงๆ แถมเพลงที่เล่นเป็นเพลงยากระดับโชแปงเลยทีเดียว”

FB on November 09, 2011, 03:58:46 PM
เซ็ทอลังทั้งตลาด โชว์ประเพณีเก่ากระทงสวรรค์ “แดน-ฉัตร” อธิฐานขอพรสวีทหน้าวัดจองคำ



          มีโลเคชั่นสวยๆ ให้เห็นกันตลอดทั้งเรื่องแล้วไม่ว่าจะเป็นทุ่งดอกบัวตอง ห้วยน้ำดัง หรือปางอุ๋ง แต่อีกฉากนึงที่เรียกว่าสวยไม่แพ้กันแถมยังเหนื่อยปนประทับใจกันทั้งทีมงาน นักแสดง และชาวบ้านทั้งระแวกแถวนั้นอีกต่างหาก เพราะเป็นฉากอลังการงานสร้างเซ็ทสถานที่กันทั้งตลาดถนนคนเดิน หน้าวัดจองคำ (วัดจองกลาง) ที่มีประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อจัดเป็นฉากสวีทยามค่ำคืนให้กับสองพระนาง “แดน” วรเวช ดานุวงศ์ (รับบทเป็นวิน) และ “ฉัตร” ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร (รับบทเป็นหมอก) ในภาพยนตร์โรแมนติก-ดราม่าเรื่องล่าสุด 8 ธันวาคมนี้ ของค่ายสหมงคลฟิล์มในภาพยนตร์เรื่อง “The Melody รักทำนองนี้”

          เกาะติดกองถ่ายกันมาตั้งแต่หัวค่ำเพื่อดูทีมงานเซ็ทร้านขายสินค้าพื้นบ้านตลอดทั้งซอยย่านถนนคนเดินหน้าวัดจองคำ จังหวัดแม่ฮ่องสอน จนนักท่องเที่ยวแถวนั้นคิดว่าวันนี้มีตลาดนัดเปิดจริงๆ จนกระทั่งทีมงานและนักแสดงย้ายเข้ามาถ่ายทำ แฟนๆ ที่มารออยู่กรี๊ดกันสนั่นถนนคนเดินเลยทีเดียว ซึ่งเหตุการณ์ในฉากนี้เป็นฉากที่ “วินและหมอก” ออกมาเดินเล่นตลาดหน้าวัดจองคำ แล้วเกิดไฟฟ้าดับตลอดทาง หมอกเลยชี้ชวนให้วินแหงนมองดูความสวยงามของดวงดาวบนท้องฟ้าแทน และเป็นโอกาสเหมาะที่เป็นเทศกาลปล่อยกระทงสวรรค์ประเพณีดั้งเดิมของคนที่นั่น หมอกเลยชวนวินไปซื้อกระทงพร้อมอธิฐานขอพรก่อนจะปล่อยกระทงขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างสวยงาม เป็นบรรยากาศที่โรแมนติกของทั้งคู่ท่ามกลางผู้คนที่เดินควักไขว่ตามท้องถนน
 
          ซึ่งการถ่ายทำในครั้งนี้นอกจากจะมีการเซ็ทซอยทั้งซอยให้กลายเป็นตลาดนัดถนนคนเดินแล้ว ยังต้องมีการนัดคิวกับทีมไฟเพื่อตัดไฟฟ้าทั้งหมดทั่วบริเวณนั้น ในขณะที่วินและหมอกกำลังเพลิดเพลินกับการเดินซื้อของท่ามกลางผู้คนมากมาย เพื่อให้เหมือนสถานการณ์ไฟดับจริงๆ และได้ภาพตลอดแนวถนนเหลือแต่ไฟจากแสงเทียนที่ร้านค้าพากันจุดแทนไฟฟ้าที่ดับ พอถึงคิวดับไฟนักท่องเที่ยวที่หลงเข้ามาเดินอยู่ในฉากถ่ายทำจริงก็แตกตื่นตกใจที่อยู่ๆ ไฟก็ดับกะทันหันทีมงานเลยได้บรรยากาศสมจริง แต่กว่าจะได้ฉากนี้เวลาก็ล่วงเลยไปจนดึกดื่นเพราะตอนที่แดนกับฉัตรลงไปยืนอยู่กลางถนน นักท่องเที่ยวบางคนที่เดินเข้ามาเห็นพระเอกนางเอกของเราถึงกับกรี๊ดลั่นขอลายเซ็นกันยกใหญ่ กว่าจะอธิบายให้เข้าใจว่ากำลังถ่ายทำภาพยนตร์กันอยู่ทีมงานก็วิ่งบอกกันชุลมุนวุ่นวายเลยทีเดียว

          แต่อีกจุดนึงที่มีความน่าสนใจไม่แพ้บรรยากาศตลาดถนนคนเดินก็คือฉากที่วินและหมอกไปปล่อยกระทงสวรรค์ ซึ่งการถ่ายทำในจุดนี้เป็นบริเวณด้านหน้าวัดจองคำและวัดจองกลาง วัดเก่าแก่กว่า 200 ปีศูนย์กลางแห่งวัฒนธรรมและประเพณีของชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอน ในแต่ละปีช่วงลอยกระทง ทางจังหวัดจะจัดให้มีพิธีการปล่อยกระทงสวรรค์ ลักษณะเป็นกระทงที่ทำจากกระดาษสีขนาดใหญ่กว่าแก้วน้ำนิดหน่อย มีลูกโป่งสวรรค์ติดอยู่ด้านบนไม่เหมือนกับการปล่อยโคมลอยอย่างจังหวัดอื่นๆ ทางทีมงานได้เตรียมกระทงสวรรค์ไว้นับไม่ถ้วน โดยมีชาวบ้านที่มารอดูการถ่ายทำตั้งแต่หัวค่ำช่วยกันสูบลมลูกโป่งเอาไว้มากมาย เพราะความสวยงามโรแมนติกของฉากนี้นอกจากเนื้อเรื่องที่ทั้งคู่ต่างอธิฐานขอพรสิ่งที่อยู่ในใจร่วมกันแล้ว บรรยากาศการปล่อยกระทงที่จุดเทียนเอาไว้ขึ้นสู่ท้องฟ้ายามค่ำคืนนับร้อยนับพันดวงพร้อมๆ กันจนท้องฟ้าเต็มไปด้วยลูกโป่งและดวงไฟเล็กๆ เหมือนดวงดาวพร่างพราวจะเป็นภาพที่สวยงามประทับใจทุกคนแน่นอน ขนาดชาวบ้านที่อยู่รอบๆ บริเวณคุ้นเคยกับประเพณีแบบนี้อยู่แล้วยังอดเฮลั่นและสนุกสนานไปกับการปล่อยกระทงสวรรค์ในการถ่ายทำในครั้งนี้ด้วย

          และพอถึงเวลาซักซ้อมก่อนถ่ายจริงวินและหมอกต้องมายืนมองตากันหวานซึ้งก่อนจะหลับมาพริ้มอธิฐานความหวังในใจ แฟนคลับที่อดหลับอดนอนรอดูฉากนี้อยู่รอบๆ ถึงกับร้องฮิ้วแซวจนแดนและฉัตรสมาธิแตกกระเจง เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะกลบความง่วงได้ดีในกลางดึกคืนนั้น และหลังจากที่ถ่ายทำเสร็จพระเอกนางเอกของเรายังติดลมขนาดในฉากถ่ายทำได้ปล่อยกระทงสวรรค์ไปแล้ว แต่ทางทีมงานยังมีกระทงเหลือยังไปจุดเล่นปล่อยไปอีกหลายลูกเลยทีเดียว สร้างบรรยากาศของค่ำคืนนั้นให้โรแมนติกเพิ่มขึ้นไปอีกแม้ว่าจะถ่ายทำล่วงเลยไปมากกว่าตี 2 แล้วก็ตาม

          “(แดน วรเวช) คืนนี้เป็นฉากที่เราต้องถ่ายกัน 2 ฉากใหญ่ๆ ฉากนึงเป็นฉากที่วินและหมอกต้องไปเดินเล่นแล้วเกิดไฟดับจึงชี้ชวนกันดูดาวบนท้องฟ้าแบบอารมณ์ไม่สนใคร จะสวีทกันสองคน (หัวเราะ) ตอนที่ผมมาถึงกองถ่ายก็เห็นน้องฉัตรไปเดินเล่น ผมก็ยังคิดว่านี่คือตลาดจริงๆ เพิ่งมารู้ตอนจะถ่ายนี่แหละครับว่าทางทีมงานเซ็ทสถานที่เอาไว้ยาวตลอดทั้งถนน ทางผู้กำกับก็บอกว่าก็ชาวบ้านที่เขาขายของจริงน่ะแหละ แต่ขอให้เขามาขายวันนี้เพิ่มขึ้นอีกวันด้วยเพราะจริงๆ เขาจะขายกันช่วงปลายอาทิตย์ แต่วันนั้นเราถ่ายทำกันในวันธรรมดาซึ่งความเป็นจริงแล้วจะเงียบเลย ทีนี้ฉากนี้เราก็ต้องมีคิวดับไฟก็นานมากกว่าเราจะคอนโทรลจังหวะดับไฟให้พอดีกับบทพูดกับจุดที่ทำการบล็อกเอาไว้ ทีมงานก็ดับไฟกันไป 2-3 ทีกว่าจะได้ตรงตามกับที่ผู้กำกับอยากได้ แต่ที่เซอร์ไพรส์กว่านั้นคือบางคนเขาเดินเข้ามาในเซ็ทถ่ายทำจริงๆ แล้วเขาไม่รู้ว่ากำลังถ่ายหนัง พอเขาเห็นผมกับฉัตรก็วิ่งมาขอลายเซ็นกัน ทีมงานที่อยู่ใกล้ๆ จะคอยวิ่งมาบอกว่ากำลังถ่ายทำ ก็สนุกดีครับพอถ่ายเสร็จก็แจกลายเซ็นกันต่อแก้ง่วงครับ ต้องขอขอบคุณแฟนๆ มากที่ไปเจอกันที่นั่นแล้วยังให้การต้อนรับเป็นอย่างดี”

          “(ฉัตร ปริยฉัตร) อีกฉากนึงคือฉากที่ต้องมีการปล่อยกระทงสวรรค์เป็นอีกฉากที่ฉัตรชอบมากเหมือนกันค่ะ ตอนนั้นยอมรับเลยว่าง่วงแล้วเลยเที่ยงคืนแล้วกว่าจะได้ถ่ายฉากนี้ แต่พอเห็นลูกโป่งกับกระทงที่เขาจุดไฟให้ดูแล้วรู้สึกสนุก แล้วเป็นกระทงสวรรค์ที่ชาวบ้านช่วยกันสูบเอาไว้ เราเห็นแบบนี้แล้วจะท้อไม่ได้ พอถึงตอนที่ซ้อมแฟนๆ เขาก็ร้องแซวกันพวกเราก็หัวเราะฉัตรไม่ได้เขินพี่แดนแต่ขำที่ถูกแซว พี่โอ๊คผู้กำกับก็บอกว่าอธิฐานจริงเลยก็ได้นะ ฉัตรแอบเห็นพี่แดนทำปากขยุบขยิบไม่รู้อธิฐานขออะไรไป (หัวเราะ) แล้วพอถ่ายจริงทีมงานและชาวบ้านช่วยกันปล่อยกระทงขึ้นฟ้าพร้อมๆ กัน บนฟ้าก็เต็มไปด้วยลูกโป่งกับแสงเทียนสวยมากค่ะ ถ้าใครได้มีโอกาสไปที่นั่นไปอธิฐานขอพรกันประทับใจความสวยงามของฉากนี้มากเลยค่ะ”

          เตรียมพบกับความประทับใจในความรักของวินและหมอก และภาพ+เพลงที่สวยงามไพเราะเป็นของขวัญในเดือนโรแมนติกที่ใกล้จะมาถึง 8 ธันวาคมนี้ทุกโรงภาพยนตร์

FB on November 09, 2011, 04:01:21 PM
MOVIE: The Melody รักทำนองนี้ เพลงรักนับล้านที่มีมากมายอยู่บนโลก แต่มีแค่เพลงเดียวที่มันเป็นของเราสองคน


 


เพลงรักนับล้านที่มีมากมายอยู่บนโลก แต่มีแค่เพลงเดียวที่มันเป็นของเราสองคน
กำหนดฉาย 14 กุมภาพันธ์ 2555
ประเภท รัก-ชีวิต (Romantic-Drama)
นำแสดงโดย แดน-วรเวช ดานุวงศ์, ฉัตร-ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร,
ด.ญ. ชินารดี อนุพงษ์ภิชาติ, วาสนา สิทธิเวช
ดำเนินงานสร้าง บริษัทยักษ์คู่สตูดิโอจำกัด
บทภาพยนตร์ ทศพล ศรีสุคนธรัตน์,มนชยา พานิชสาส์น,วรลักษณ์ กล้าสุคนธ์
เพลงประกอบภาพยนตร์โดย แดน-วรเวช ดานุวงศ์, บอย-ตรัย ภูมิรัตน
ดนตรีประกอบ กฤษณะศักดิ์ กันตธรรมวงศ์
ผู้กำกับภาพยนตร์ ทศพล ศรีสุคนธรัตน์
ผู้ควบคุมการผลิต จาตุศม เตชะรัตนประเสริฐ
ผู้อำนวยการสร้าง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ
กำกับศิลป์ อนิรุตร์ จิตร์สมนึก
กำกับภาพ สิทธิพงษ์ กองทอง
ลำดับภาพ รัชพันธุ์ พิศุทธิ์สินธพ, ทวีลาภ เอกธรรมกิจ,มานุสส วรสิงห์
บันทึกเสียง กันตนา
ฟิล์มแล็ป กันตนา
ออกแบบเครื่องแต่งกาย กรกนก สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
แต่งหน้า-ทำผม พัชริกา บัวรุ่ง, ศุภชัย สิงห์น้อย
บริษัทจัดจำหน่าย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
เรื่องย่อเมื่อดนตรีนำพาทั้งคู่ให้เจอกัน ...
เนื้อเพลงและความหมายที่มีอยู่ต่อจากนี้...
เต็มไปด้วยความรู้สึกและความรัก...ที่มีอยู่จริง

          เมื่อเส้นทางชีวิตของ วิน (แดน-วรเวช ดานุวงศ์) นักร้องและนักแต่งเพลงยอดนิยมผู้มีความมั่นใจในตัวเองสูง กำลังเข้าสู่ช่วงขาลงแบบสุดสุด ความเปลี่ยนแปลงที่ยากจะยอมรับทำให้วินหนีไปซ่อนตัวที่แม่ฮ่องสอน เมืองเล็กๆบนภูสูง ที่ที่ทำให้เขาบังเอิญพบกับ หมอก (ฉัตร-ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร) นักเปียโนฝีมือดี สาวจอมตื๊อที่มักชอบบังคับให้เขาทำในสิ่งที่เกลียดอยู่เสมอ และแล้วเธอก็เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาโดยไม่รู้ตัว ความใกล้ชิดและดนตรีทำให้วินได้เรียนรู้ว่า ทำนองเพลงที่บรรเลงได้ไพเราะที่เขาค้นหามาตลอดชั่วชีวิตคือเสียงหัวใจของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าของเขานี่เอง แต่กว่าวินจะรู้ตัว โชคชะตาก็นำพาอุปสรรคสำคัญเข้ามา สิ่งที่จะทำให้วินและหมอกเรียนรู้ที่จะเป็นแรงบันดาลใจของกันและกัน บททดสอบที่จะทำให้คู่รักทุกคู่รู้จักไคว่คว้าความสุข แม้ว่าจะอยู่ในมุมมืดมิดของความทุกข์ที่กำลังก่อตัวขึ้นมา เพลงที่เธอแต่งทำนองและเขาช่วยแต่งคำร้องที่บริสุทธิ์ที่สุดที่บทเพลงทั้งหมดเคยบรรเลงมา

ร่วมซึ้งไปกับบรรยากาศสุดโรแมนติกในเมืองแห่งสายหมอก กับบทเพลงอันไพเราะด้วยฝีมือการแต่งเพลงจากนักแสดงนำ แดน วรเวช และนักร้องเสียงอบอุ่นอย่าง บอย ตรัย ที่จะมาเปลี่ยนแปลงฤดูหนาวของใครหลายคน กลายเป็นฤดูที่หัวใจเต้นเป็นทำนองใหม่ที่อบอุ่นที่สุด
« Last Edit: December 04, 2011, 08:15:07 PM by FB »

FB on November 09, 2011, 04:02:53 PM
ตัวโน๊ตที่เคลื่อนไหวได้จริงบนแผ่นฟิล์ม

          จากมุมมองความรักที่ลึกซึ้งของผู้ชายคนนึงที่ชื่อว่า “ทศพล ศรีสุคนธรัตน์” ผู้ซึ่งคลุกคลีอยู่กับวงการโทรทัศน์โดยเน้นความรักของชายและหญิง และทัศนะอันอบอุ่นบวกกับประสบการณ์ความรักที่น่าประทับใจของตนเองและคนรอบข้าง และความสามารถทางการโปรดิวซ์ของ “ จาตุศม เตชะรัตนประเสริฐ” นักทำงานรุ่นใหม่ผู้ปลุกปั้นภาพยนตร์คุณภาพมาโดยตลอด มาเรียงร้อยเป็นบทภาพยนตร์โรแมนติก-ดราม่า ที่พูดถึงวัยหนุ่มสาวผู้ซึ่งค้นหาตนเอง ค้นหาเป้าหมายในชีวิตและความรัก ซึ่งเนื้อหาของเรื่องไม่ได้พูดถึงความรักที่ฉาบฉวยหรือความรักตามกระแสวัยรุ่น แต่เป็นความรักที่เกิดจากการเรียนรู้ เกิดจากการรู้จักที่จะแบ่งปันให้กับผู้อื่น ความรักที่อาจจะดำเนินไปแค่ช่วงเวลาหนึ่งแต่เต็มไปด้วยเป้าหมาย ข้อคิด จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ ทำให้ความรักเกิดการแตกแขนงออกไปหาคนรอบข้างพร้อมที่จะหยิบยื่นให้กับทุกๆ คน และแน่นอนก่อให้เกิดความรักของชายหญิงอันลึกซึ้งขึ้นในใจ เป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ไม่ว่าอะไรก็พรากความรู้สึกนั้นออกไปจากใจของเขาและเธอไม่ได้

          “ (ผู้กำกับ) ผมเอามาจากประสบการณ์ความรักทั้งด้านดีและไม่ดีที่ผมเคยเจอมา และเราก็ย้อนนึกกลับไปว่า คงจะดีถ้ามีความรักสักครั้งที่ทำให้เราคิดถึงมันไว้ได้ตลอดไป เป็นแรงผลักดันในชีวิตที่ทำให้เราสามารถจะลุกขึ้นมาทำอะไรได้อีกมากมาย

          แล้ววันนึงมานั่งฟังเพลงอยากส่งความรักของโต๋ “อยากส่งความรัก ผ่านเพลงนี้ ให้เธอคนที่แสนดีให้รู้ทุกๆ วันที่ฉันมี เป็นได้เพราะเธอ ไม่ใช่เพราะใคร” ท่อนนี้เลย เราฟังท่อนนี้แล้วเออ ถ้าหากมีใครสักคนมาร้องเพลงนี้ให้เราฟังว่าทุกสิ่งที่เขาประสบความสำเร็จได้ก็เพราะความรักของเราที่มอบให้ มันคงเป็นความรู้สึกที่ดีมาก มันคือเจ๋งมากมันแสดงว่าความรู้สึกของเรามันมีค่ามาก ผมเลยมาคิดกันว่าจะทำยังไงดีที่จะทำให้คนมีความรู้สึกแบบนี้ ก็มานั่งคิดว่าคนส่วนมากเวลาคบกันเป็นแฟนมันก็เป็นช่วงเวลาที่ดี แต่พอเวลาเลิกกันแบบว่าไม่ไปได้ไหมจะต้องตีโพยตีพายทำร้ายตัวเองด่าโน่นด่านี่แล้วความรักมันก็พังทลายลง ทุกอย่างมันคือแง่ลบไปหมด

          ผมก็มามองว่า เออ...ถ้างั้นก็เอาความรักมาเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับชีวิตกันดีกว่า เพื่อวันนึงที่เขารู้ขึ้นมาทุกวันนี้ที่เราประสบความสำเร็จได้เพราะความรักที่เขาเคยมีให้เรา เขาจะรู้สึกดีกับเรานั่นคือที่มาของหนัง

          อีกเหตุผลนึงคือตัวผมเองอยากเล่นเปียโน เป็นคนชอบเปียโนมาก อยากเรียนเปียโนมาตั้งแต่เด็กแต่ไม่มีสตางค์ ชอบบีโธเฟน ชอบโมสาร์ท ชอบฟังแต่ไม่มีปัญญาเล่น เวลาเห็นคนเล่นจะชอบมาก ผู้หญิงในฝันก็ต้องเล่นเปียโนเป็น คือฝันเอาไว้อย่างนี้มาตลอด พอเราคิดแล้วเรารู้สึกว่าเปียโนเป็นดนตรีที่มันมีเสียงเยอะมาก มันถ่ายทอดความรู้สึกได้หลากหลาย เราก็เลยคิดว่าเราจะทำยังไงดี ในเมื่อเราชอบเปียโน เราก็อยากให้ทั้งพระเอกและนางเอกเป็นนักเปียโน มันเป็นแบบนี้ได้หรือเปล่า แต่จะทำยังไงให้นักเปียโน 2 คนนี้ที่จะมาเล่นเป็นพระนางเนี่ย มีอะไรที่มันแตกต่างกัน”

          และแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ภาพยนตร์สมบูรณ์แบบคือนักแสดงที่มีความพร้อม สามารถตอบโจทย์ของผู้กำกับได้อย่างแม่นยำ รวมถึงความสามารถที่ตรงใจกับผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในด้านดนตรีและด้านการแสดงอย่าง แดน วรเวช ดานุวงศ์ และ ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร 2 นักแสงนำวัยรุ่นที่กำลังอยู่ในจุดเริ่มต้นของการมีความรักในรูปแบบทีต้องการความมั่นคงในชีวิตเหมือนอย่างในภาพยนตร์ที่ต้องการนำเสนอ

          “ (แดน วรเวช) เหตุผลหลักๆ ในการเลือกเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้คือ เดอะเมโลดี้เป็นภาพยนตร์โรแมนติก-ดราม่าที่มีเรื่องราวความรักดีๆ สอดแทรกตลอดทั้งเรื่อง ผมเชื่อว่าพอภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกฉายให้คนไทยได้ดู มันน่าจะทำให้เรารู้สึกได้ว่า เราควรจะมีส่วนได้ช่วยเหลือกัน เผื่อแผ่กัน แบ่งปันความรักให้กันและกัน เพราะเนื้อเรื่องนี้เขาอยากจะถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ออกมาให้คนได้รู้สึกกัน พี่โอ๊คไม่ได้เคยบอกผมว่าทำไมเรื่องนี้ต้องเป็นผมอย่างโจ่งแจ้ง พอผมอ่านบทเสร็จผมก็ตอบตกลง จนมาวันนึงได้นั่งคุยกันระหว่างรอจะถ่ายทำ ผมถามผู้กำกับว่ารู้ไหมทำไมผมถึงมาเล่นหนังเรื่องนี้ พี่โอ๊คเงียบไปและบอกไม่รู้แต่หน้าตาอยากรู้มาก (หัวเราะ) ผมบอกว่า”พี่น่ะเหมือนผม อยากทำอะไรแล้วต้องทำ พี่รู้จักหนังพี่ดีเพราะพี่อยู่กับมันตลอด ผมไม่รู้หรอกว่ามันจะเป็นยังไงแต่ผมจะเล่นเรื่องนี้”

          “ (ปริยฉัตร) ตอนไปแคสติ้งหนังเรื่องนี้ นอกจากบทที่ผู้กำกับจะให้ลองทำดูแล้ว พี่โอ๊คถามก่อนเลยค่ะว่าเล่นเปียโนได้ไหม ฉัตรก็บอกว่าเล่นได้ พี่เขาก็บอกว่าดีเลยเพราะพี่ต้องการให้นางเอกเล่นเปียโนได้จริงๆ ไม่หลอกคนดูทั้งพระเอกและนางเอกที่ได้มาเล่นเรื่องนี้ต้องมีความสามารถด้านดนตรีจริงๆ อย่างพี่แดนไม่ต้องพูดถึงเขาคือศิลปินจริงอย่างที่ในคาแรกเตอร์เป็น

          อีกอย่างที่ฉัตรได้จากการมาเล่นเรื่องนี้คือ เรื่องความรู้สึกกับคำว่ารักนี่แหละค่ะ คือจากบทแล้วความรักแบบที่วินและหมอกมีให้กัน มันไม่ใช่ความรักแบบรุ่นพี่รักรุ่นน้อง หรือแอบจีบกันในวัยเรียน แต่มันมีความหมายอีกมุมนึงในวัยที่มากกว่านั้น มันเป็นความรักที่รู้จักที่จะแบ่งปัน รู้จักที่ใช้มัน มันเป็นความรักที่เกิดจากการเรียนรู้ การเปลี่ยนแปลง การปรับตัวของคนนึงให้เข้ากับอีกคนนึงโดยไม่รู้ตัว มันไม่ใช่การฝืนทำหรือฝืนความรู้สึกอะไร ทั้งวินและหมอกใช้เวลา ใช้ความรู้สึก บางอย่างที่มันแสดงออกมาไม่ได้แต่มันกลับรู้สึกได้ มันทำให้ฉัตรรู้สึกว่าความรักมันมีอีกรูปแบบนึงที่มันสำคัญมากกว่ารักแรกพบ หรืออะไรที่ฉาบฉวย ฉัตรว่าวัยรุ่น หรือวัยทำงาน หรือคนที่กำลังจะเริ่มต้นมีความรักกับใครสักคน น่าจะได้ข้อคิด หรือการมองความรักในมุมแบบนี้ดูบ้าง จะทำให้สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมีความหมายมากขึ้น และมันก็สวยงามดีทีเดียว”

FB on November 09, 2011, 04:04:07 PM
บรรยากาศโรแมนติกที่สุดในสายหมอก

          เดอะเมโลดี้เป็นภาพยนตร์ที่ใช้เวลาในการเขียนบทอย่างเดียวยาวนานกว่า 2 ปี และหาข้อมูลจากสถานที่ถ่ายทำมากกว่า 1 ปี ผู้กำกับ ทศพล ศรีสุคนธรัตน์ และทีมงานต้องเดินทางไปยังเหนือสุดของไทยเพื่อค้นหาโลเกชั่นที่สวยประทับใจ และช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับฉากโรแมนติกมากมายที่ปรากฎในภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็นทุ่งดอกบัวตอง (ดอยแม่อูคอ), โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง), วัดจองคำอันงดงามที่สร้างมากว่า 200 ปี จ.แม่ฮ่องสอน, อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง จ.เชียงใหม่ ฯลฯ โดยสถานที่ถ่ายทำเหล่านี้มีความเป็นธรรมชาติ วิถีชีวิตอันเป็นเอกลักษณ์มากมายที่น่าสัมผัส รวมไปถึงความแปรปรวนของสภาพอากาศที่บางครั้งก็เป็นอุปสรรคของการถ่ายทำเพื่อให้ได้ภาพที่สมบูรณ์แบบ

          “ (ผู้กำกับ) ผมชอบจังหวัดแม่ฮ่องสอน กว่า 70-80 เปอร์เซ็นต์เราถ่ายทำที่นี่ ฤดูหนาวที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนมันสวยจริงๆ มันสวยจนหลงไหลมันมีเอกลักษณ์ของมัน ใครอยากแต่งตัวแบบไหนก็ได้ ทำตัวแบบไหนก็ได้ มันไม่เหมือนปายหรือเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอนมันค่อนข้างจะมีกลิ่นอายของวัฒนธรรมเก่าๆ ความรู้สึกอบอุ่นมากกว่า ก็เลยเลือกจังหวัดนี้ ผมเดินทางขึ้นไปจังหวัดแม่ฮ่องสอนมาทั้งหมด 13 ครั้ง ไปตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 51 ครั้งสุดท้ายก่อนถ่ายก็คือเดือนตุลาคมปี 53 ประมาณ 2 ปีกว่า

          จริงๆ พล๊อตเรื่องทั้งหมดเสร็จหมดแล้ว แต่ไปเพื่อซึมซับกับบรรยากาศ ในหัวเรามันมีทุกอย่าง เรารู้เรื่องของเราเราเขียนเรื่องไว้หมดแล้ว แต่เราต้องไปหาโพซิชั่นของการที่จะวางเรื่องราว ต้องหาโลเกชั่น ในหัวมีอยู่แล้วว่าเราจะเลือกอะไร เรามีทุ่งบัวตองนะ วัดจองคำ เราเลือกไว้แล้ว แต่ก็มีบางส่วนที่เรายังไม่รู้ ก็ต้องไปตระเวนเลือกที่ไปเรื่อยมีรุ่นพี่พาไป ก็ไปเจอที่ๆ เราชอบเพิ่มขึ้น ไปทุกครั้งก็จะไปซึมซับ ไปครั้งละ 5-7 วัน ขึ้นรถทัวร์ไปเองเลยประเมินดูว่าถ้าเราพยายามที่จะไปร่วมกับคนอื่นด้วย เดินทางประมาณ 15 ชม. ทรมานเหมือนกันนะ ไปแล้วก็ลองไปนอนที่ต่างๆ ไปลองนอนที่ดอยแม่อูคอ(ทุ่งดอกบัวตอง) ดูสิจะนอนได้ไหม ประทับใจมากเห็นดาวทุกดวงบนท้องฟ้าเราก็แบบต้องที่นี่แหละ เพีงแต่จะเป็นกลางวันหรือกลางคืน เราก็ตะเวนหาไปทุกที่จนได้โลเกชั่นครบ แล้วทิ้งให้ตกผลึกกับเรื่องราวของมัน เรียกว่าเราคัดสรรสุดๆ สำหรับทุกโลเกชั่นไม่ใช่แค่สวยตามสถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น แต่เราอยากได้ที่ที่โรแมนติกที่สุด ที่ๆ เหมาะกับเนื้อเรื่องของเรา ที่ๆ คนเห็นแล้วต้องเกิดความประทับใจ อยากไป อยากสัมผัส อยากจูงมือใครสักคนไปยังสถานที่แห่งนั้น นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงเลือกแม่ฮ่องสอน

          แล้วในแต่ละที่ๆ เราไปไม่ใช่ว่าทุกอย่างราบรื่น มันเมืองหมอก หมอกก็เป็นอุปสรรค ความหนาวเย็นก็เป็นอุปสรรค เราไปในที่ๆ บางครั้งหมอกลงหนามากมองอะไรไม่เห็นเลย เดินทางไปไม่ได้ รถวิ่งไม่ได้ต้องจอดรอจนกว่าพายุหมอกจะหายไป บางแห่งสวยสุดตอนหมอกลงแต่ไปแล้วหมอกกลับไม่มีก็มี บางแห่งฟ้าต้องโปร่งต้องเห็นทิวทัศน์สุดลูกหูลูกตา แต่ไปแล้วเจอทั้งฝนทั้งหมอกก็มี ที่กองถ่ายก็อดทนกันมากต้องรอจังหวะ รอเวลาวันนี้ไม่ได้พรุ่งนี้มาใหม่ พระเอกนางเอกเราหนาวปากม่วงปากสั่นก็มี แต่ก็สนุกสนานและเพลินไปกับบรรยากาศตลอดการทำงานบนโลเกชั่นเหล่านี้ครับ”

          “ (แดน วรเวช) มันมีอยู่วันนึงครับที่เรียกว่าโหดมากสำหรับทีมงานและนักแสดง เป็นวันที่พวกเราต้องไปถ่ายทำกันที่ห้วยน้ำดัง วันนั้นฝนตกตลอดหมอกก็หนาทึบมาก แล้วเป็นฉากที่ตั้งใจถ่ายกันตั้งแต่เช้ามืดเพื่อรอพระอาทิตย์ขึ้น แต่ 9 โมงกว่าแล้วก็ยังไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นเป็นดวงเลย แล้วอากาศแปรปรวนคือมาทั้งหมอกทั้งวินสมชื่อตัวละครเลย จากนั้นเราก็ย้ายกันไปถ่ายทำถนนแถวปายต้องมีริกรถเป็นฉากที่พระเอกกับนางเอกคุยกันขับรถเที่ยวด้วยกัน แต่วันนั้นหมอกลงหนามากระยะการมองเห็น 2 เมตรก็อาจจะไม่ถึงด้วยซ้ำ และมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นตลอดรถมอเตอร์ไซด์ไถลลงเขามั่ง รถตู้เกิดอุบัติเหตุบ้าง พี่โอ๊คก็มองแล้วว่ามันไม่มีความปลอดภัยเลยจำเป็นต้องยุติการถ่ายทำในวันนั้น ทุกคนก็ติดไปไหนไม่ได้ต้องไปอาศัยต้มมาม่ากินกันที่จุดชมวิวปางมะผ้ากันตลอดวันจนมืดทำอะไรไม่ได้ คือมันเป็นพายุหมอกและฝนเลยนะครับแต่มันก็ได้บรรยากาศร่วมกันไปอีกแบบ มันก็สวยงามไปอีกแบบที่นี่เลยมีอะไรที่น่าประทับใจหลายอย่าง”

          “ (ฉัตร ปริยฉัตร) ประทับใจสุดก็ที่ทุ่งดอกบัวตองเลยค่ะ สวยมากเหลืองอร่ามไปหมด มันไม่ใช่แค่สวนหรือเป็นไร่ๆ แต่มันคลุมไปทั้งภูเขาเลย บรรยากาศเย็นๆ มองไปได้รอบตัว มันเหมาะมากกับฉากโรแมนติกของคนหนุ่มสาว ไม่ต้องมาถ่ายทำหนังแค่มาเที่ยวกับครอบครัวหรือมาเที่ยวกับคนรักก็ประทับใจแล้วค่ะ แล้วปีๆ นึงจะมีความงามแบบนี้ให้เห็นอยู่ไม่กี่วัน ทางทีมงานก็เป๊ะมากเลือกวันเวลาได้กำลังดีเลย ฉากที่เราถ่ายทำในวันนั้นก็เลยเป็นฉากที่เรียกว่าเป็นภาพจำของพวกเราเลย พอนึกถึงเรื่องนี้ในหัวของฉัตรก็จะมีทุ่งดอกบัวตองลอยมาเลยค่ะ ประทับใจที่นี่มาก”

FB on November 09, 2011, 04:05:04 PM
เดอะเมโลดี้ พยานรักที่แสนไพเราะ
บทเพลงที่ทรงคุณค่าจะมีความหมายมากขึ้น
เมื่อได้ยินแล้วทำให้เราคิดถึงใครสักคน

          เมื่อความสวยงามของบรรยากาศโรแมนติกสมบูรณ์แล้ว ภาพยนตร์เรื่องเดอะเมโลดี้ยังได้นักร้องนักดนตรีที่มีฝีมือเข้าร่วมแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ ซึ่งได้รับเกียรติจากคุณบอย ตรัย ภูมิรัตน นักร้องยอดนิยมเสียงชวนฝัน รวมไปถึงพระเอกของเรื่อง แดน วรเวช ที่ปัจจุบันเป็นทั้งโปรดิวเซอร์ด้านดนตรีให้กับวงอื่นๆ และอัลบั้มของตัวเองในครั้งล่าสุด ที่การันตีถึงความหวานได้ดี และด้วยเนื้อหาของเรื่องกล่าวถึงการแต่งเพลงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่แท้จริงของตัวละคร ทำให้แดน วรเวช ร่วมลงมือแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ขึ้นมา เพื่อเป็นหลักฐานความในใจของวินและหมอก ซึ่งแดน วรเวชได้บรรจงเต็มเติมภาพยนตร์ด้วยตัวโน๊ตและทำนองที่เขารักที่สุดออกมาเป็นผลงานให้ประทับใจไม่รู้ลืม

          “ (แดน วรเวช) ตอนที่แต่งเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ อ่านบทจบไปแล้วครับ เริ่มถ่ายทำกันไปแล้ว วันนึงพี่โอ๊คบอกว่าอยากให้ผมแต่งเพลงประกอบขึ้นมาเพลงนึงขอเป็นเพลงที่ไม่มีคำว่ารักอยู่ในเนื้อเพลงเลย แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ผู้ชายคนนึงหลงรักผู้หญิงคนนึงไปแล้ว แต่ไม่รู้จะบอกยังไง ไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงกับเขา ซึ่งถามว่ายากไหมก็ค่อนข้างยากครับต้องใช้เวลาเหมือนกัน แต่ทางผู้กำกับก็ไม่ได้เร่งรีบอะไรเขาอยากให้เราซึมซับกับหนังไปเรื่อยๆ ระหว่างทางที่เราเล่น ความรู้สึกแต่ละอย่างแต่ละทำนองแต่ละประโยคที่มันออกมาเป็นเพลงมันค่อยๆ ถูกเติมให้เต็มระหว่างเล่นหนังเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ

          “ (ผู้กำกับ) คือด้วยชื่อของภาพยนตร์และเนื้อเรื่องของภาพยนตร์ มันบอกเลยว่าขาดบทเพลงดีๆ ไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเอาเพลงรักอะไรมาประกอบหนังก็ได้ แต่เนื้อหาของเพลงต้องมีที่มาที่ไป มีความหมายตามบทภาพยนตร์ เพราะเส้นเรื่องทั้งหมดมันคือเพื่อเพลงๆ นึงของพระเอกกับนางเอก

          เพลงนั้นจะไม่มีความหมายอะไรเลย ถ้าเราเอาความรู้สึกแบบอื่นมาใส่ เพลงๆ นี้ต้องเป็นเพลงที่คนฟังจะต้องรู้ว่านี่คือเพลงของวินและหมอก ผมรู้สึกว่าต้องเป็นแบบนั้น ทางทีมงานก็เคาะกันแล้วว่าต้องเป็นพี่บอยตรัย และอีกเพลงต้องเป็นแดน ทั้งสองคนเป็นคนเพลงที่มีคุณภาพอยู่แล้ว แดนจะต้องลึกซึ้งอยู่แล้วเพราะแดนสวมบทตัวละครตัวนี้อยู่ เขาเข้าใจฟิลลิ่งมันแน่นอน ส่วนพี่บอยเรื่องเพลงรักคงไม่มีอะไรต้องบรรยาย ทุกเพลงที่เขาแต่งออกมามันการันตีความสามารถของเขาอยู่แล้ว
จริงๆ เรามีเพลงประกอบภาพยนตร์อยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 เพลง เพลงธีมของหนังชื่อเพลง “เดอะเมโลดี้” พี่บอย ตรัยแต่งแล้วแดนร้อง ผมเขียนคอนเซ็ปต์ให้พี่บอยในความหมายมันบอกเรื่องราวของหนังได้ครบ เพลงนี้คือในเรื่องพระเอกเป็นคนแต่งคำร้อง ส่วนทำนองนางเอกเป็นคนแต่ง ฉะนั้นฟิลลิ่งมันจะมีความรู้สึกของคนสองคนอยู่ในเพลงเดียวกัน เพลงมันจะบอกความรู้สึกของพระเอกทั้งหมด ถ้าดูหนังจบแล้วเพลงมันจะยิ่งมีความหมายมากขึ้นไปอีก ท่อนที่นางเอกแต่งเอาไว้ให้ “เราอาจไม่เจอกันไม่ได้คุยกัน” แล้วมันก็ให้ความรู้สึกที่ลึกซึ้งดี

          อีกเพลงนึงชื่อเพลง “เพลงรักที่ไม่มีคำว่ารัก” แดนเป็นคนแต่งและร้องเพลงนี้เองเลยเป็นเพลงที่สะอาดฟังสบาย ก็เล่าความรู้สึกให้แดนฟังในตอนแรก ตัวเรื่องราวนี้พระเอกไม่เคยรักใครมาก่อนอยู่ดีๆ ก็มามีความรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงคนนี้ มันก็เลยแต่งออกมาตามความรู้สึกของตัวละครออกมาได้ค่อนข้างชัดเจนแล้วเพลงมันก็เพราะมาก อีกเพลงเป็นเพลงคู่ “ความรักไม่มีวันสุดท้าย” เป็นเพลงที่ร้องคู่กับระหว่างพระเอกกับนางเอก ทั้งหมดเป็นเพลงที่ฟังง่ายสบายๆ มันลึกซึ้งทั้งเนื้อหาและทำนอง เพราะทุกอย่างคือมันทำไปตามเนื้อเรื่องมันเป็นเนื้อเรื่องที่ทุกคนอินกับมัน อย่างเพลงที่พี่บอยตรัยแต่งเป็นเพลงที่มีความหมายดีมาก ฟังแล้วมันเพราะขึ้นเรื่อยๆ พวกเราก็ภูมิใจมากกับบทเพลงที่จะมาประกอบภาพยนตร์ในเรื่องนี้ครับ”

FB on November 09, 2011, 04:05:47 PM
“แต่งเพลงมาเป็นร้อยเป็นพันเพลง มีแฟนเพลงนับล้านคน
แต่มีเพลงเดียวเท่านั้นที่มีความรู้สึกผมอยู่ในนั้น
และคุณคือคนเดียวที่ผมอยากให้ฟังมากที่สุด”

          คนแต่งคำร้องวิน แสดงโดย (แดน) วรเวช ดานุวงศ์ นักแต่งเพลงรุ่นใหม่ไฟแรง มีผลงานเพลงติดอันดับท็อปชาร์ท แม้ผลงานเพลงจะเป็นที่ยอมรับ และลึกซึ้งไม่มีข้อติ แต่นิสัยที่แท้จริงของวินกลับกลายเป็นคนฉุนเฉียว เจ้าอารมณ์จนเป็นที่เอือมระอาของทีมงานและผู้ใกล้ชิด ความใจร้อนและเอาแต่ใจอย่างถึงที่สุดทำให้เพลงของวินตกอันดับ ตามมาด้วยข่าวซุบซิบถึงพฤติกรรมที่แท้จริงของเขา วินผู้ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้หนีจากวงการบันเทิงมุ่งหน้าสู่แม่ฮ่องสอน แต่การเดินทางในครั้งนี้วินได้ค้นพบกับทำนองที่เขาไม่เคยได้รู้สึกมาก่อน ทำนองแห่งรักแบบใหม่ที่เขาสัมผัสได้จริงๆ

          “ (แดน วรเวช) เป็นครั้งแรกในเลยครับสำหรับการมาเล่นบทที่ไม่เหมือนตัวเอง มันยากดีครับเพราะว่ามันต้องมีอาการเหวี่ยงวีน ต้องขมวดคิ้วอยู่ตลอดเวลา ในเรื่องนี้ผมเล่นเป็นคนที่เห็นอะไรก็ขัดหูขัดตาไม่พอใจไปหมด เห็นเด็กก็ไม่ชอบ เห็นนั่นนี่ก็ไม่พอใจ แล้วชีวิตมันจะมีความสุขได้ยังไงครับ แต่แตกต่างจากตัวเราจริงๆ เลย ผมเป็นคนค่อนข้างมองโลกในแง่บวก ชอบเล่นกับเด็กตลกดี มาเล่นเรื่องนี้ทุกอย่างแทบจะแตกต่างจากตัวผมโดยสิ้นเชิง ช่วงแรกๆ ที่เข้าฉากพี่โอ๊คผู้กำกับต้องคอยบอกว่า “เฮ้ย...แดน เอาคาแรกเตอร์ตัวเองออกมาน้อยๆ หน่อย” คือบางทีผมก็ตั้งใจมาขรึมนะวันนี้ หน้าผมอาจจะดูตลกไปหน่อย หรือไม่คนก็ยังจำภาพแต่ผมเล่นทะเล้นๆ อยู่ ช่วงแรกๆ ก็ทำการบ้านหนักพอสมควรครับ

          “หลักๆ เลยคงเป็นเรื่องของการสงบสติอารมณ์ครับ ต้องพยายามอย่าอารมณ์ดีมาก ก่อนจะเข้าฉากต้องพยายามนึกก่อนว่า ตัววินเขาไม่ชอบสิ่งนี้นะ เราต้องอารมณ์เสีย เราต้องวีนอะไรอย่างนี้ ก่อนผู้กำกับจะสั่งแอคชั่นมันต้องคิดให้ได้ก่อน เพราะโดยปรกติเวลาผมไปเล่นละครทีวี ผมก็จะไม่ค่อยได้ตั้งสติเท่าไหร่ จะปล่อยให้อารมณ์ไหลไปตามเรื่องเรื่อยๆ แต่พอมาเล่นเรื่องนี้ต้องคุมคาแรกเตอร์ให้อยู่ในเนื้อเรื่องให้ได้ครับ”

          “อีกเหตุผลนึงคงเป็นเพราะผมอยากจะเปลี่ยนคาแรกเตอร์ในการเล่นภาพยนตร์บ้าง หลังๆ มานี่ผมเล่นแต่บทภาพยนตร์ที่เป็นคอเมดี้หนักๆ มาแล้ว 2 เรื่อง พอมาอ่านบทเรื่องนี้มันได้เล่นอะไรที่เราอยากจะเล่น เป็นนักร้องนักดนตรีนักแต่งเพลงอย่างที่เราอยากจะเป็น ได้เล่นเปียโนอย่างที่เราชื่นชอบ ได้เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ซึ่งอันนี้ก็มีความชื่นชอบมากอยู่แล้ว แล้วยิ่งพอมาได้เห็นความตั้งใจของพี่โอ๊คผู้กำกับแล้ว ผมยิ่งอยากเล่นเข้าไปอีกเพราะผมชอบคนที่มีความตั้งใจและเอาใจใส่ในชิ้นงานของตัวเอง แล้วพี่โอ๊คมีมุมมองความรักที่หวานมาก มากจนบางทีเราก็นึกไม่ถึงแกเป็นคนมองโลกในแง่ดีกับความรักมาก ไม่ว่าจะดีหรือเลวแกจะมองหาจุดดีของความรักเป็นหลัก แกอินกับบทและรักงานตัวเองอย่างถ่องแท้ พี่โอ๊คสามารถหาคำอธิบายเหตุผลต่างๆ ในเรื่องได้อย่างละเอียดหมดทุกอย่าง”

FB on November 09, 2011, 04:06:52 PM
ประวัตินักแสดง

วรเวช ดานุวงศ์ (แดน)เกิด 16 พฤษภาคม 2527 ศิลปินนักร้องยอดนิยม มีผลงานเพลงหลายอัลบั้ม เจ้าของรางวัลด้านดนตรีตั้งแต่เด็กๆ จนถึงปัจจุบัน
แดนมีความสามารถทางด้านดนตรีมากมายไม่ว่าจะเป็น กีต้าร์ คีย์บอร์ด กลองโฟร์ทอม กลองใหญ่ กลองแทร็ก ขลุ่ย รวมไปถึงการอ่านทำนองเสนาะ (ที่ 3 ของประเทศเมื่อครั้งมีประกวด)
เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงจากการประกวดร้องเพลงในโครงการ “พานาโซนิค สตาร์ ชาเลนจ์” ปี 2543 ได้ตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 2 ในการแข่งขันระดับประเทศ เข้าเซ็นสัญญาเป็นศิลปินในสังกัด “อาร์เอส โปรโมชั่น” ขณะนั้นทางบริษัทได้คัดสรรเด็กหนุ่มเพื่อสร้างวงบอยแบนด์กลุ่มใหม่ขึ้น จนในที่สุดแดนได้มาเป็นส่วนหนึ่งของวง “ดีทูบี” (ปี2544) จนมีผลงานออกมาหลายอัลบั้ม ต่อมาปี 2548 ออกผลงานเพลงในนามนักร้องดูโอ “แดน-บีม” ปัจจุบันแดนย้ายมาเป็นศิลปินในสังกัดค่าย “โซนี่ มิวสิค” และมีอัลบั้มเพลงในฐานะศิลปินเดี่ยวครั้งแรกคือ อัลบั้มบลู (2552)
ปัจจุบันมีผลงานอัมบั้ม “Solo Motion” (2544) ซึ่งแดนทำหน้าที่โปรดิวเซอร์ แต่งเพลง และร้องนำ นอกจากนี้แดน วรเวชยังมีความสามารถในการแต่งและร้องเพลงประกอบละคร ภาพยนตร์ อีกมากมายหลายเรื่อง รวมไปถึงเป็นผู้กำกับ ผู้จัดและทำงานเบื้องหลังละครทางโทรทัศน์,ผู้กำกับภาพยนตร์โทรทัศน์, ครีเอทีฟงานคอนเสิร์ต, มิวสิคไดเรคเตอร์ อีกด้วย

ผลงานภาพยนตร์
- “สังหรณ์” ปี 2546
- “แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า” ปี 2549
- “ห้าแพร่ง” ปี 2552
- “32 ธันวา” ปี 2552
- The Melody ปี 2554
ผลงานด้านละครวัยร้ายเฟรชชี่, คู่กรรม2, พี่น้องสองเลือด, ฮอยอัน ฉันรักเธอ, นายกระจอก, มนต์รักล๊อตเตอรี่, พี่ชาย, ภูติรักนะโม, ปี่แก้วนางหงส์, สายลับเดอะซีรีส์ กับ 24 คดีสุดห้ามใจ, กุหลาบซ่อนหนาม, สืบสวนป่วนรัก, ช็อคโกแลต 5 ฤดู, สุดยอด, สืบสวนป่วนกำลัง 3, ช่วยด้วยครับ ผมรักลูกสาวเจ้าพ่อ

คงจะดีนะถ้าเพลงที่เราแต่งจะอยู่ในใจใครหลายๆ คน

คนแต่งทำนอง

หมอก แสดงโดย (ฉัตร) ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร
          หมอก หญิงสาวที่มารักษาตัวอยู่ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนมีความสามารถในด้านดนตรี มีพรสวรรค์ ความสุขของเธอคือการแบ่งปันสิ่งต่างๆ ที่เธอสามารถทำได้ให้กับคนรอบข้าง และใช้เสียงเพลงบรรเทาความทุกข์ให้กับคนทุกคน เธอใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแต่มีจุดหมายในชีวิต
          หมอกเป็นเด็กรุ่นใหม่ที่รักและภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองทำ สิ่งนึงที่หมอกทำได้ดีคือการเล่นดนตรีที่ให้ความสุขกับทุกๆ คน หมอกค้นพบตัวเองว่าอะไรคือสิ่งที่เธอต้องการ และวันนึงเสียงดนตรีของเธอก็นำพาใครบางคนเข้ามาในชีวิต เป็นบางคนที่มีค่าพอกับช่วงเวลาที่สำคัญของเธอ
          “(ปริยฉัตร) อ่านบทครั้งแรกก็ชอบเลยค่ะ ส่วนตัวแล้วฉัตรเป็นคนชอบเล่นเปียโนอยู่แล้ว เคยเรียนเมื่อตอนเด็กๆ แล้วเป็นคนชอบบทแบบนี้มันลึกซึ้งและมีความหมายดีๆ ส่วนเรื่องคาแรกเตอร์ก็ไม่ถึงกับเปลี่ยนอะไรมาก ส่วนใหญ่บทที่ฉัตรเคยได้รับก็ใกล้เดียงกัน แต่นี่ถือเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของฉัตรเลยค่ะ เรื่องการแสดงยังคงต้องพัฒนาอีกเยอะ เพราะการเล่นภาพยนตร์มันต้องเล่นซ้ำหลายครั้ง เราต้องจำได้ว่าเราเล่นความรู้สึกแบบไหนไปตอนไหน พี่โอ๊คช่วยได้เยอะค่ะ เขาจะคอยอธิบายความรู้สึกของตัวละครอยู่ตลอดเวลา ให้การบ้านกลับไปทำบ้าง
          คาแรกเตอร์ของหมอกดูเผินๆ อาจจะเป็นวัยรุ่นผู้หญิงธรรมดาคนนึง แต่ลึกๆ กว่านั้นเขามีอีกความรู้สึกซ่อนอยู่ เหมือนจะมีความสุขแต่ก็สุขไม่เต็มร้อย ถึงตัวหมอกจะเป็นคนที่สร้างกำลังใจให้คนอื่น แต่ก็เป็นคนที่ต้องการกำลังใจที่จะต่อสู้ต่อไปอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน มันเลยค่อนข้างที่จะซับซ้อน พี่โอ๊คก็จะคอยบอกความรู้สึก ณ ตอนนั้นตอนนี้ของหมอกให้เข้าใจ
          ในอีกอย่างที่สำคัญเลยคือ เรื่องนี้ก็จะได้เห็นพี่แดนและฉัตรเล่นเปียโนเองค่ะ พี๋โอ๊คจะให้เราไปฝึกมาก่อนถึงเวลามีอาจารย์มาเทรนให้อีกทีแต่ทุกฉากที่เห็นในเรื่องฉัตรก็จะเล่นเอง มันไม่หลอกไม่เขินดี พี่โอ๊คเป็นคนมีรายละเอียดเยอะมากเขาอยากให้ทุกอย่างออกมาสมจริง บรรยากาศจริง รู้สึกจริง ส่วนพี่แดนก็เป็นครั้งแรกที่ร่วมงานกัน
          พี่แดนเป็นคนมีโลกส่วนตัวตอนแรกก็เกร็งๆ เหมือนกันแต่ตอนหลังเริ่มคุยได้พี่แดนก็จะมีแต่มุกตลก แกล้งทีมงาน ปล่อยมุกตลอดเวลาเลยไม่เครียดกับการทำงานเท่าไหร่ แล้วไปเจอกับบรรยากาศที่แม่ฮ่องสอนก็ดูทุกคนมีความสุขไปกับบรรยากาศนั้น เป็นภาพยนตร์แนวโรแมนติกด้วยก็เลยทำงานกันโอเคค่ะ แล้วเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ตัวพี่โอ๊คเท่านั้นที่มีความโรแมนติก ตัวพี่ผู้ช่วย พี่แดน และทีมงานคนอื่นๆ ก็จะเข้าใจความรักเป็นอย่างดีทุกคนจะอินกับมันมากค่ะ”

ประวัตินักแสดง ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร (ฉัตร)เกิด 11 เมษายน 2534
การศีกษา- มัธยมจากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา
- คณะบริหารธุรกิจ สาขาบัญชี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
น้ำหนักส่วนสูงสูง 171
ผลงานที่ผ่านมา
- นางเอกมิวสิควิดีโอ เพลง “นาทีเดียวในตอนสุดท้าย” ของโจ-ป๊อป
- นางเอกมิวสิควิดีโอ เพลง “ถ้าพรุ่งนี้ ฉันไม่ตื่น” ก้อง กรุณ
- ละครช่อง 7 เรื่อง ตะวันดั่งภูผา
- ละครช่อง 7 เรื่อง ลูกผู้ชายไม้ตะพด บริษัท กันตนากรุ๊ปจำกัด (มหาชน) แสดงคู่กับ ศรัณย์ ศิริลักษณ์
- ละครช่อง 7เรื่อง เสือสั่งฟ้า (ดาริณ) บริษัท กันตนากรุ๊ปจำกัด (มหาชน) แสดงคู่กับ ชนะพล สัตยา
- ผลงานสร้างชื่อ ละครร่วมทุนสร้างระหว่างไทย-เกาหลี เรื่อง “ใต้ฟ้าตะวันเดียว” (วินดี้) บริษัท โฟร์ วัน วัน เอ็นเตอร์เทรนเม้นต์ จำกัด แสดงคู่กับ มาริโอ้ เมาเร่อ ช่อง 9

ผลงานโฆษณาวัตสัน, M&M, เป็ปซี่, ดีแทค, สแปลช, พรีเซนเตอร์ร้านกูซ เกซ โมบาย, Levi’s ประกบ เซี่ยะถิงฟง
ครีมอาบน้ำโชกุบุสซึ สูตร orange peel oil

FB on November 09, 2011, 04:07:33 PM
นักแสดงร่วม

ด.ญ. ชินารดี อนุพงษ์ภิชาติ (น้องใยไหม)
รับบทเป็น “น้องพลอย”
จุดเชื่อมต่อเล็กๆ ที่แสนน่ารักของวินและหมอก ที่ทำให้วินได้เรียนรู้ว่าตัวของเขาสามารถสร้างจุดเปลี่ยนที่ใหญ่หลวงให้กับใครบางคนได้
ประวัติ เกิด 3 ก.ค 2548
รางวัล
1. รองชนะเลิศ ประกวด M&C Baby Contest 2008
2. รองชนะเลิศ ประกวด หนูน้อย ALACTA 2008
ผลงาน
TVC บรีส เอ็กเซล สูตรน้ำชนิดซอง ,TVC เบบี้มายด์ ครีมอาบน้ำ, TVC ซิตี้แบงค์ เรดดี้เครดิต, TVC จอห์นสัน แป้งเย็นเด็ก ( On Air ฟิลิปปินส์),TVC ปูน SCG,รายการ TV อัฒจรรย์มันยกบ้าน ช่อง 9

วาสนา สิทธิเวช รับบทเป็น “แม่ของหมอก”
นักแสดงรุ่นใหญ่ที่มีความสามารถทางด้านการแสดงทั้งทางภาพยนตร์กว่า 20 เรื่อง และละครทีวีมากมายทั้งในอดีตและปัจจุบัน
ประวัติ ภาพยนตร์เรื่องแรก “ครูบ้านนอก” 2521

DIRECTOR NOTE
ทศพล ศรีสุคนธรัตน์
          ภาพยนตร์เรื่องนี้มันจะเป็นความรู้สึกเหมือนทุกสิ่งในโลกถึงแม้จะสวยงาม แต่มันก็จะแทรกไปด้วยความรู้สึกหลายอย่างปะปนกันไป ทุกความรู้สึกมีมันจะมีความรักแทรกอยู่ด้วยตลอด ภาพยนตร์เรื่องนี้มีมุมให้เราเลือกมองได้อยู่ที่ว่า ณ เวลานั้นคุณมีความรู้สึกอย่างไร
ประเด็นหนึ่งก็คือ เรื่องของความรักที่แท้จริง หลายคนถามว่า รักที่แท้จริงคืออะไร? จริงๆ แล้วมันจะตอบอย่างไรก็ได้ อยู่ที่มุมมองของแต่ละคน แต่สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้นั้น ผมพยายามตอบคำถามว่าความรักที่แท้จริงนั้นคืออะไร? และมันต้องทำอย่างไร? ในมุมมองของผม ผมมองว่าความรักนั้นเป็นสิ่งที่ดีงาม แต่บางครั้งถ้าเราไม่รู้จักความรักให้ถ่องแท้
          รักแท้ไม่ใช่แค่การครอบครองร่างกาย แต่มันหมายถึงการครอบครองจิตใจ คือถ้าคนเรารักกัน ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ความรักมันก็ยังคงอยู่อย่างเข้าใจ เราเลือกยืนอยู่ได้หลายมุมมองของความรัก ทั้งโกรธ เกลียด หลง ปลื้ม เสน่หา อาลัย คิดถึง ผูกพัน ราคะ หวังดี ความรักทำให้เราเห็นอะไรได้ตั้งหลายมุม แต่มันอยู่ที่เราเลือกว่าจะยืนมองความรักของเราในมุมไหน ผมเชื่อว่ารักที่ดีจะเกิดขึ้นได้นั้นก็อยู่ที่เราเลือกมุมที่เรายืนมองความรักว่ามันเป็นมุมที่ดีจริงหรือไม่ รักไม่มีคำจำกัดความ แต่รักมีการจำกัดมุมได้ เลือกมุมความรักที่ดีได้ ความรักที่ดีก็ย่อมตามมา

ประวัติผู้กำกับ
ปัจจุบัน ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง เดอะเมโลดี้ รักทำนองนี้

2007 – ปัจจุบัน กรรมการผู้จัดการบริษัท ยักษ์คู่ สตูดิโอ จำกัด
ผลิตรายการโทรทัศน์ สารคดี โฆษณา ละคร และภาพยนตร์
2006 - 2007 บริษัท BEC Tero Entertainment จำกัด (มหาชน)
Producer รายการ Arsenal Dreams เรียลลิตี้ฟุตบอล
2005 – 2006 บริษัท แกรมมี่ เทเลวิชั่น จำกัด
Co-Producer รายการเกมวัดดวง, เกมใกล้ตัว, Open’9
Producer รายการThe Games กีฬามหาสนุก, รายการ Unseen TV
ผู้ช่วยผู้กำกับละครเรื่อง พ่อแกกับแม่ฉัน
2003 – 2004 บริษัท บรอดคาสไทย เทเลวิชั่น จำกัด
Creative ผู้คิดรายการ Siam Games เกมคนสยาม, รายการเรื่องเด็ดเกร็ดอาชีพ, รายการชิงฝันปั้นดาว
2000 – 2003 บริษัท ว็อชด๊อก จำกัด
Creative รายการ ชูรัก ชูรส, รายการดูละครย้อนดูตัว
Producer รายการสารคดีกว่า 200 สารคดีของบริษัท

FB on November 12, 2011, 12:35:28 PM
แดนประทับใจฉัตรนางเอกสุดอึด ร่วมซีนหวานใน “The Melodyรักทำนองนี้”
   
 
         
          เป็นการจับคู่กันขึ้นจอใหญ่ครั้งแรกของสองพระ-นาง ใน The Melody รักทำนองนี้ ภาพยนตร์ โรแมนติก-ดราม่า ของค่าย สหมงคลฟิล์มฯ ที่ได้หนุ่ม แดน วรเวช ดานุวงศ์ (วิน) พลิกคาแรคเตอร์มารับบทนักดนตรี ขี้วีน หยิ่งยโส และสาวสวยหน้าใส ฉัตร ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร (หมอก) หญิงสาวนักเปียโน ที่ภายนอกดูบอบบาง แต่จิตใจนั้นเข้มแข็ง เป็นผู้ที่มาทำให้ชีวิตของวินเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง โดยมีท่วงทำนองแห่งบทเพลงเป็นสื่อกลาง และเรียนรู้ที่จะสร้างกำลังใจแก่กันและกัน
         
           นอกจากเรื่องคาแรคเตอร์ที่ถือว่าเปลี่ยนจากเดิมโดยสิ้นเชิง เรื่องของความโรแมนติก สวีทหวานของคู่พระ-นางก็ถือว่ายากทีเดียว เพราะเป็นการร่วมงานกันครั้งแรกของทั้งคู่ ซึ่งแดนได้กล่าวถึงการร่วมงานกันในครั้งนี้ว่า

          “น้องฉัตรเป็นเด็กผู้หญิงตัวสูง สูงมาก มีความตั้งใจไม่เห็นและก็ไม่เคยได้ยินน้องบ่นอะไร ขนาดไปในที่หนาวสั่น ฝนตก อากาศไม่เป็นใจเลยบางครั้งก็ยังเฉย อยู่ได้ทุกที่จริงๆ ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นหนังรัก แต่การถ่ายทำในแต่ละทีก็ค่อนข้างจะทรหดมาก มีการทำงานที่ต้องเดินทางตลอดเวลา ไปกลับแม่ฮ่องสอน ปางอุ๋ง ปาย ห้วยน้ำดัง ขึ้นเขาลงห้วย ต่อรถ ต่อเครื่องบิน นั่งรถนาน อากาศหนาวมาก พักผ่อนน้อย หมอกลงจัด ก็ไม่เคยเห็นน้องฉัตรบ่นสักครั้ง ถ่ายดึกแค่ไหน หรือบางทีถึงเช้าก็มีก็ไม่พูดยังมีพลังเหลือเฟือมากๆ นี่แหละครับถือว่าเป็นสปิริตนักแสดงที่ดี

          แล้วตอนที่เล่นเรื่องนี้ด้วยกันใหม่ๆ ผมยังไม่รู้ว่าน้องเขาเล่นเปียโนได้จริง อย่างเก่งก็น่าจะจับคอร์ดได้ก๊องแก๊งทำแค่พอเหมือนว่าเล่นเป็นได้...มั้ง ในเรื่องนี้ต้องเล่นเพลงคลาสิคของโชแปงอยู่ฉากนึงไง พอน้องมาก็เล่นเปียโนเลยคล่องแคล่วด้วย ก็ประทับใจ ดีใจเออ..เล่นได้จริงด้วยน้องคนนี้ ผมถือว่านี่มันทำให้หนังมีความน่าเชื่อถือขึ้นมามันมีความจริงเข้ามาว่านางเอกเราเล่นเปียโนได้จริงๆ เพราะฉะนั้นคนที่ดูเรื่องนี้ไม่ผิดหวังแน่ รับรองได้เลยว่านักแสดงในเรื่องสามารถเล่นเปียโนได้เองจริงๆ ได้ใช้ความสามารถที่มีอยู่ได้จริงครับ”

FB on November 16, 2011, 01:22:31 PM
เติมเต็มเพลงรักของคุณให้จบท่อนกับ“The Melody รักทำนองนี้” ชิง iPad 2 พร้อม The Melody Case และของที่ระลึกมากมาย



          บริษัท สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และภาพยนตร์เรื่อง “The Melody รักทำนองนี้” ขอเชิญชวนผู้ที่มีใจรักในเสียงเพลงทุกท่าน ร่วมเติมเต็มเพลงรักให้จบท่อนกับ “The Melody รักทำนองนี้” ในสไตล์ของคุณเอง เพื่อลุ้นรับ iPad 2 16GB พร้อม The Melody Case และ เสื้อยืด The Melody รักทำนองนี้ จำนวนจำกัด

          กติกาง่ายๆ เพียงแค่เติมแต่งเนื้อเพลงในแบบของคุณ โดยเติมจากท่อนเพลงที่ขาดหายไปของเพลง The Melody ซึ่งเป็นเพลงประกอบ

          ภาพยนตร์ของเรื่อง “The Melody รักทำนองนี้” ในท่อนที่ว่า
 
          “ไม่ว่าเมื่อไหร่ จะเป็นกำลังใจ ต่อให้จากนี้เรานั้นอาจไม่ได้เจอ
          .........................................................................”
 
           แล้วส่งเนื้อร้อง พร้อมชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ มาที่ movieactivity@sahamongkolfilm.com หรือ เขียนลงหลังโปสการ์ด The Melody รักทำนองนี้ แล้วส่งกลับมาที่ บ. สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล จก. เลขที่ 388 อาคารเอส.พี สามเสนใน พญาไท กรุงเทพฯ 10400 วันนี้ – 11 ธ.ค. นี้ ประกาศผล 19 ธ.ค. 54 ทางโทรศัพท์ พร้อมติดตามอัพเดทเนื้อเพลงที่ทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่งได้ทาง www.facebook.com/sahamongkolfilmint และฟังเพลงฉบับเต็มได้ที่ www.youtube.com/sahamongkolfilmint เมื่อดนตรีนำพาทั้งคู่ให้เจอกัน ...เนื้อเพลงและความหมายที่มีอยู่ต่อจากนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกและความรัก...ที่มีอยู่จริง 8 ธันวาคมนี้ ทุกโรงภาพยนตร์

หมายเหตุ
          - เนื้อร้องท่อนที่เติมเข้ามาจะต้องไม่ซ้ำกับเนื้อเพลงเดิม คำที่ใช้ต้องมีความหมายและถูกต้อง และมีความหมายตามบทเพลง
          - การตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นสิทธิ์ขาดฯ และเนื้อเพลงที่แต่งเป็นลิขสิทธิ์ของบริษัทฯ และรางวัลที่มีมูลค่าเกิน 1,000 บาท ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 5 เปอร์เซนต์

FB on November 20, 2011, 03:52:23 PM
เมื่อความรักที่ไม่จำเป็นต้องมีถ้อยคำ แต่สื่อสารได้ด้วย “The Melody” คำการันตีจาก ผกก. มากฝีมือ โอ๊ค-ทศพล
   

   
           The Melody รักทำนองนี้ ภาพยนตร์เคล้าไออุ่นของความรัก ที่ได้นักแสดงมากฝีมืออย่างแดน – วรเวช ดานุวงศ์ และฉัตร – ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร ร่วมถ่ายทอดเรื่องราวผ่านบทเพลง ซึ่งงานนี้ได้ผู้กำกับฝีมือดีอย่าง โอ๊ค - ทศพล ศรีสุคนธรัตน์ จากคนทำงานเบื้องหลังที่สั่งสมประสบการณ์มากมายจนตกผลึกไอเดียที่อยากจะส่งความรักออกไปโดยไม่ต้องสื่อสารเป็นคำพูด ได้พูดถึงผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาว่า

          “ผมอยากทำหนังรักที่ตอบโจทย์ความรู้สึกของความรักในแบบที่ผมคิด เวลาคนเรารักกันมักจะไม่มีเหตุผลว่าทำไมเรารักกัน แต่จะมีเหตุผลเสมอเวลาที่เราเลิกกัน บางคนอาจเป็นหนักร้องไห้หรืออาจถึงขั้นทำร้ายตัวเอง คิดสั้น ผมรู้สึกว่ามันไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น เราก็เลยอยากทำหนังรักที่อยากให้คนดูรู้สึกถึงวันที่คนเรามีความรักดีๆให้แก่กัน เปลี่ยนจากเสียใจ เกลียดขี้หน้ากัน กลายมาเป็นแรงผลักดันให้เราทำอะไรให้ประสบความสำเร็จดีกว่า ความรู้สึกเหล่านี้เอามาบวกกับความชอบของตัวเราเอง ผมเป็นคนชอบดนตรี รักเปียโนชอบมาตั้งแต่เด็ก ชอบแม่ฮ่องสอนเป็นเมืองที่เงียบสงบและเข้าถึงจิตวิญญาณของคนได้ง่าย ผมก็คิดว่าอยากจะทำหนังโรแมนติกที่บอกความรู้สึกให้คนดูรู้โดยที่จะไม่มีคำว่ารักเลย คนดูต้องรู้สึกว่าความรักไม่จำเป็นต้องพูดแต่มันบอกได้ด้วยอย่างอื่น บางคนพูดคำว่ารักจนมันกลายเป็นคำที่เฝือทั้งที่บางครั้งเราพูดจริงตลอด แต่บางคนที่ไม่พูดคำว่ารักเลยนานๆ พูดทีบางทีกลายเป็นว่ามีค่ากว่า ทั้งที่ไม่รู้คำนั้นพูดจริงหรือเปล่า เราเลยอยากลองนำเสนอด้วยวิธีอื่น”

          “เรื่องนี้มีเพลงประกอบภาพยนตร์ เป็นส่วนหนึ่งในเนื้อเรื่องของหนังเลยก็ว่าได้ มีเพลงหนึ่งซึ่งเป็นเพลงธีม มันสำคัญมากต้องสื่อความรู้สึกของคนสองคนได้ทุกอย่างได้ภายในเพลงนั้น ผมก็โทรหาพี่บอย ตรัยเลย ก็บอกกับพี่บอยว่าผมอยากให้พี่มาแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ให้หน่อย ผมก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้พี่บอยฟัง พอฟังจบปุ๊ปประโยคแรกที่พูดคือ “เราอยากแต่งเพลงนี้ให้นาย เราชอบ เราเข้าใจความรู้สึกนี้เลย” พี่บอยก็แต่งเลยเพลงนึงชื่อเพลงว่า “เดอะเมโลดี้” ฟังแล้วน้ำตาแทบร่วง รู้สึกว่านี่แหละใช่เลยเพลงที่เราอยากได้ มันเป็นความรู้สึกของพระเอกและนางเอกที่ผ่านเสียงดนตรีเหล่านี้ออกมา มันเป็นเพลงของเขาสองคนจริงๆ ทุกคนก็จะอินกับเพลงนี้มาก

          ส่วนเพลงที่ 2 เป็นเพลงที่เราอยากให้แดนแต่งตั้งชื่อไว้ตั้งแต่แรกที่เขียนไว้เลยว่าจะให้เพลงนี้ชื่อว่า “เพลงรักที่ไม่มีคำว่ารัก” คอนเซปต์คือพระเอกไม่เคยบอกรักใครแล้วก็ไม่รู้ใจตัวเองว่าแบบนี้คือรักหรือเปล่า แต่ความรู้สึกที่ถ่ายทอดในบทเพลง ผู้หญิงฟังก็จะรู้ว่ารักนี่แหละเขากำลังบอกรักเรา แดนเขาก็แต่งออกมาจากความรู้สึกที่มีกับตัวละครตลอดการทำงานที่เขาจับความรู้สึกตัวละครได้ ถ้าได้ฟังแล้วก็จะรู้เลยว่านี่แหละใช่ ส่วนอีกเพลงนึงก็เป็นเพลงคู่ที่พี่บอยแต่งให้พระเอกกับนางเอกในเรื่องได้ร้องไว้ ชื่อเพลง “ความรักไม่มีวันสุดท้าย” ทำนองจะเป็นมิดเดิลหน่อย แล้วก็ได้น้องฉัตรกับแดนร้องคู่กับจริงๆ มันฟังแล้วน่ารักลงตัวมาก ผู้หญิงส่วนใหญ่จะชอบเพลงประมาณนี้ รวมแล้วก็มีทั้งหมด 3 เพลงหลักๆ แล้วก็มีเพลงประกอบอื่นอีก ก็จะมีของพี่บอย โกสิยพงษ์ ยังไม่รวมกับเพลงคลาสิคอีก 2 เพลงที่พระเอกเล่นกับนางเอกในเรื่องด้วย ซึ่ง 2 คนนี้เล่นเองเลย”

          เตรียมพบกับเรื่องราวความรักของคน 2 คน ที่บางครั้งไม่ต้องมีคำพูดว่ารัก แต่สามารถสื่อสารและส่งถึงกันได้อย่างง่ายดายใน “THE MELODY รักทำนองนี้” 8 ธันวาคม นี้ทุกโรงภาพยนตร์

FB on November 23, 2011, 02:44:11 PM
ผกก. “THE MELODY รักทำนองนี้” ลงตัวเลือกแม่ฮ่องสอน พร้อมส่งแดน-ฉัตรถ่ายทอดอารมณ์รักโรแมนติครับหน้าหนาว


 
          เป็นความตั้งใจของ “โอ๊ค-ทศพล ศรีสุคนธรัตน์” ผู้กำกับ “THE MELODY รักทำนองนี้” ภาพยนตร์รักโรแมนติคภาพสวยเพลงเพราะที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนดูเกิดความสุขผ่านเคมีทางการแสดงที่ลงตัวที่สุดของคู่พระ-นาง แดน-วรเวช ดานุวงศ์ และฉัตร- ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร ซึ่งผู้กำกับเลือดใหม่ก็ยืนยันว่าภาพยนตร์เรื่องนี้คงจะไม่เกิดขึ้นถ้าไม่ได้ถ่ายทำที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยเก็บภาพความงามของทุ่งดอกบัวตองสีเหลืองที่บานสะพรั่งทั่วทั้งหุบเขาของดอยแม่อูคอ อ.ขุนยวมซึ่งเบ่งบานเพียงแค่ปีละครั้งเท่านั้นในช่วงเดือน พ.ย. ในฉากเล่นเปียโนดอกไม้ท่ามกลางอากาศหนาว หรือในฉากพระนางจิบกาแฟหอมกรุ่นท่ามกลางบรรยากาศที่โอบล้อมด้วยทิวเขาบนยอดดอยกองมู ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ยังไม่รวมกับการปิดถนนคนเดินหน้าวัดจองคำและวัดจองกลาง ในฉากที่พระเอกนางเอกลอยกระทงสวรรค์พร้อมอธิษฐานคำรักท่ามกลางหมู่ดาวทั่วท้องฟ้า และที่จะพลาดไปไม่ได้เลยคือ ภาพบรรยากาศของทะเลหมอกขาวริมทะเลสาปปางอุ๋งที่ปกคลุมผืนน้ำซึ่งล้อมรอบด้วยทิวเขาและป่าสนที่สร้างความประทับใจให้กับทุกคนที่เดินทางไปจังหวัดแม่ฮ่องสอน

          “เป็นความตั้งใจของผมตั้งแต่แรกแล้วว่า หนังเรื่องนี้จะต้องใช้โลเกชั่นที่แม่ฮ่องสอน จำได้ว่าขึ้นลงกรุงเทพ-แม่ฮ่องสอนทุกๆ 2 เดือนตลอด 2 ปี ลุยดูโลเกชั่นทุกที่ตั้งแต่ยังไม่มีบท ซึมซับทุกอย่างไว้ในหัวและถ่ายทอดให้กับคนเขียนบทจนในที่สุดก็ได้บอลรูม มือเขียนบทสิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก และบี เพื่อนตั้งแต่มัธยม ที่ผ่านงานเขียนมามากมาย มาช่วยเขียนบทอีกแรง ทำไมต้องแม่ฮ่องสอน มันเป็นความประทับใจและเป็นความฝันเลยว่าอยากถ่ายเรื่องนี้ที่แม่ฮ่องสอนผมไปๆ มาๆ กว่า 13 ครั้ง ได้เจอผู้คนได้เจอบรรยากาศแล้วมันทำให้เรารู้สึกสงบ คนมีน้ำใจ แม้แต่คนที่ย้ายไปอยู่ที่นั่นยังบอกเลยว่าเวลาที่นั่นเหมือนโลกเดินช้าลง 1 วินาทีมีค่าเท่ากับ 1 นาที ทุกอย่างมันค่อยๆ ดำเนินไป ผมไปอยู่นั่นก็อยู่ร้านกาแฟ เดินทางไปภูเขา ไปทุ่งดอกไม้ ไปในที่ๆ เขาว่าสวย หนังเรื่อง THE MELODY ใช้โลเกชั่นที่สวยที่สุดของแม่ฮ่องสอนหลายๆที่ในการถ่ายทำ เพราะเรื่องทุกอย่าง ความสัมพันธ์ของพระเอกนางเอกเกิดขึ้นที่นี่ ค่อยๆ เรียนรู้ ผูกผัน จนรักกัน ธรรมดาๆ ใครที่อยู่คนเดียวในช่วงหน้าหนาวว่าเหงาแล้ว ยิ่งหนาวมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งเหงามากขึ้นไปอีก ผมเชื่อว่าคนไม่มีคู่มาดูหนังเรื่องนี้ จะรู้สึกอบอุ่น จะรู้สึกมีความสุข ด้วยบรรยากาศของตัวละคร เรื่องราว และเมืองแม่ฮ่องสอนที่มีเสน่ห์มากๆ แล้วแดนกับฉัตรเองก็เป็นนักแสดงที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์โรแมนติคของคน 2 คนที่รักกันและต่างเป็นแรงบันดาลใจให้แก่กันด้วยความรักได้อย่างพิเศษสุดจริงๆ”

นอกจากจะสมใจผู้กำกับแล้ว งานนี้ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งของขวัญพิเศษสำหรับพี่น้องชาวไทยที่ทางสหมงคลฟิล์มฯ ตั้งใจมอบให้ในช่วงหน้าหนาวที่จะถึงนี้ กับภาพยนตร์รักโรแมนติค “THE MELODY รักทำนองนี้”และขอให้ปีหน้าฟ้าใหม่คนไทยจะได้พบกับสิ่งดีๆ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะโดยเร็ว