กรุงศรี ออโต้ ได้รับเครดิตเรทติ้ง A+ ออกหุ้นกู้ 3,000 ล้านบาท
กรุงศรี ออโต้ ผู้นำสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร ออกหุ้นกู้ 3,000 ล้านบาท ล่าสุดได้รับ การจัดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทและหุ้นกู้ที่ระดับ A+ จากทริสเรทติ้ง เผยผลงาน 5 เดือน สินเชื่อใหม่เติบโต 62% และมียอดสินเชื่อคงค้างรวม 135,000 ล้านบาท
นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) หรือ กรุงศรี ออโต้ เปิดเผยว่า บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของกรุงศรี ออโต้ ที่ระดับ “A+” และจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “A+” เช่นกัน
“อันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ A+ แสดงให้เห็นว่า บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพใน การเติบโต โดยทริสเรทติ้งให้ความเห็นว่า อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทมาจากฐานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ตลอดจนคณะผู้บริหารที่มากประสบการณ์และมีผลงานเป็นที่ยอมรับ รวมถึงระบบการบริหารความเสี่ยงที่ดี”
นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งพิจารณาว่า ทิศทางธุรกิจของบริษัทจะมีความสอดคล้องกับกลยุทธ์ธุรกิจของกลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยา (กรุงศรี กรุ๊ป) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น และบริษัทจะยังคงได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากธนาคารต่อไป โดยแนวโน้มอันดับเครดิตสะท้อนถึงความสามารถของผู้บริหารของบริษัทในการรักษาฐานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ด้วย ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าปัจจัยเอื้ออำนวยต่าง ๆ เช่น ผู้บริหารที่มีประสบการณ์ ระบบบริหารความเสี่ยงที่ดี และการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากธนาคารกรุงศรีอยุธยาและประสบการณ์ของบริษัทที่ยาวนานในธุรกิจเกือบ 20 ปีจะช่วยให้บริษัทสามารถรักษาคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีและปรับปรุงฐานะทางการเงินให้ดีขึ้น
นายไพโรจน์ กล่าวต่อไปว่า บริษัทได้ออกหุ้นกู้ 3,000 ล้านบาทเพื่อใช้ในการลงทุนเพื่อรองรับการขยายกิจการต่อไปในอนาคต พร้อมทั้งเป็นเงินทุนหมุนเวียนทั่วไปเพื่อสนับสนุนธุรกิจของบริษัทและรองรับการขยายธุรกิจต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ผลประกอบการของบริษัทมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องโดยคาดว่าไตรมาส 2/2554 จะมีตัวเลข ผลประกอบการดีกว่าไตรมาส 1/2554 โดยในช่วง 5 เดือน บริษัทมียอดสินเชื่อคงค้างรวม 135,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% และยอดสินเชื่อปล่อยใหม่จำนวน 42,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 62% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา