happy on July 25, 2011, 02:46:44 PM
โอลิเวีย ไวลด์ รับบทเอลลา ใน COWBOYS AND ALIENS ในขณะที่นักแสดงหญิงคนอื่นๆ อาจจะกลัวกับการถูก “กระชาก” ลอยตัว 40 ฟุตจากหลังม้าที่กำลังควบปุเลงๆ แต่โอลิเวีย ไวลด์กลับยินดีที่จะลอง
จริงๆ แล้ว ในกองถ่าย Cowboys and Aliens เธอเต็มใจยอมรับฉากทรหดทุกฉากเท่าที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เตรียมไว้ให้เธอ ไม่ว่าจะเป็นการขี่ม้า ยิงปืน ต่อสู้ และที่เยี่ยมที่สุด คือฉากผาดโผนน่าตื่นตาตื่นใจบนหลังม้า
“ฉันได้แสดงฉากผาดโผนที่ฉันชื่นชอบที่สุดในหนังเรื่องนี้ค่ะ” เธอกล่าวกลั้วหัวเราะ “ฉันจินตนาการไม่ออกเลยว่าฉันเคยแสดงฉากผาดโผนที่สนุกกว่านี้รึเปล่า ฉันอยู่บนม้าที่กำลังควบอยู่ ตัวฉันถูกมัดด้วยเชือกบันจี้ที่ผูกติดกับเครน แล้วฉันก็ถูกยกตัวขึ้นสูงเหนือพื้นดิน 40 ฟุต คุณจะได้เห็นมันในเทรลเลอร์ค่ะ ฉันแสดงฉากนั้นด้วยตัวเองเลยนะคะ!”
ในซีนนั้น ไวลด์ ในบทของเอลลาคนงาม ได้ขี่ม้าเคียงข้างแดเนียล เคร็ก ในบทชายพเนจรลึกลับ ผู้ปรากฏตัวในเมืองทะเลทรายที่ทุรกันดาร แอ็บโซลูชัน ซึ่งถูกโจมตีจากฝูงเอเลียนผู้รุกราน
ชายพเนจร ที่เรารู้ภายหลังว่าชื่อเจค มีกุญแจมือเหล็กห้อยอยู่ตรงข้อมือและในตอนแรก เขาก็ไม่รู้เลยว่ามันมาจากไหน จริงๆ แล้ว เอลลารู้อดีตของเขามากกว่าตัวเขาเองเสียอีก นอกจากนี้ เธอยังรู้ด้วยว่าเจค และกุญแจมือเหล็กนั้น เป็นกุญแจสำคัญสำหรับการต่อสู้ผู้รุกราน
ขณะที่ทั้งคู่ขี่ม้าไปด้วยกัน พวกเอเลียนก็โฉบลงมาและกระชากเอลลาไปจากหลังม้า เพื่อจับเธอไปยังยานของพวกเขา ไวลด์ได้อธิบายถึงวิธีการทำงานในฉากนี้ว่า
“ฉันอยู่บนหลังม้า แต่เท้าฉันอยู่พ้นจากโกลนเพราะคุณไม่อยากให้เท้าติดโกลนหรอกนะคะ ฉันขี่ม้าอยู่ข้างๆ แดเนียล และเราก็ควบม้ากันอยู่ระหว่างเครนสองตัว ฉันมีเชือกบันจี้มัดอยู่ตรงด้านหลังกับบังเหียน แล้วพอถึงจุดๆ หนึ่ง พวกเขาก็กระชากเชือกบันจี้กลับ จนดูเหมือนฉันถูกบ่วงบาศก์กระชากไปน่ะค่ะ”
“พวกเขากระชากตัวบทสัมภาษณ์:
Q: ถ้าคุณต้องเลือก คุณจะเลือกแนวไหน เวสเทิร์นหรือไซไฟ
A: จริงๆ แล้ว ฉันเป็นแฟนของหนังทั้งสองแนวค่ะ แต่ฉันแทบไม่เจอตัวละครหญิงแกร่งในเวสเทิร์นที่ฉันเข้าถึงเลย ในขณะที่แนวไซไฟ ฉันเจอบทผู้หญิงที่ฉันรู้สึกเข้าถึงได้ ฉันนึกถึงซิเกอร์นีย์ (วีฟเวอร์) ใน Aliens ค่ะ แต่ถึงกระนั้น เวสเทิร์นก็มีผลกระทบต่อรสนิยมหนังของฉัน แนวที่ฉันโปรดปรานที่สุดคือหนังแก๊งสเตอร์ ซึ่งจริงๆ แล้วทุกเรื่องก็เป็นเวสเทิร์นหมดนั่นแหละ ดังนั้น พอฉันเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับหนังมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันก็ได้รู้ว่าองค์ประกอบหลายๆ อย่างในหนังที่ฉันชื่นชอบมาจากแนวเวสเทิร์น แล้วฉันก็ได้เรียนขี่ม้า ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความผูกพันระหว่างฉันกับพ่อของฉันค่ะ ท่านสอนฉันขี่ม้าและท่านก็อยากจะแสดงหนังเวสเทิร์นซักเรื่องมาตลอดชีวิต (หัวเราะ) หลังจากดูเทรลเลอร์ตัวแรกของหนังเรื่องนี้ พ่อฉันก็พูดว่า ‘มันเป็นทุกอย่างที่พ่อต้องการในหนังเลย!’ ฉันก็เลยคิดว่าเราน่าจะใส่คำพูดนั้นลงไปในโปสเตอร์ด้วยนะคะ (หัวเราะ)
Q: นั่นเป็นคำชมที่ยิ่งใหญ่ทีเดียว…
A: ใช่ค่ะ และนั่นก็เป็นความรู้สึกของฉันเพราะหนังเรื่องนี้ผสมผสานองค์ประกอบสองอย่างและแนวหนังสองแนวที่ฉันชื่นชอบมาก ส่วนหนึ่งของความสนุกในการค้นคว้าสำหรับบทนี้และการเป็นส่วนหนึ่งของหนังเรื่องนี้คือการได้ศึกษาหนังเวสเทิร์นจริงๆ ฉันได้คุยเรื่องนี้กับพวกผู้ชายในเรื่องเพราะพวกเขารู้มากเหลือเกิน และฉันก็หวังว่า ตัวละครเอลลาจะเป็นการที่เราได้สร้างตัวละครผู้หญิงที่เด็กสาวคนอื่นๆ สามารถเข้าถึงได้และได้รับแรงบันดาลใจขึ้นมานะคะ
Q: คุณพอใจกับสิ่งที่คุณได้เห็นในหนังเรื่องนี้รึเปล่า
A: ตอนฉันได้ดูหนังเรื่องนี้ ฉันเกาะจอน แฟฟโรทั้งเรื่องเลย และฉันก็พร่ำบอกเขาว่า ‘มันเป็นหนังจริงๆ…’ และมันก็เป็นหนังจริงๆ และมันก็ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่ในแบบที่หนังควรจะเป็น มันกว้างใหญ่เหมือนกับภูมิทัศน์ มันเติมเต็มหน้าจอ และเป็นเวสเทิร์นของแท้จริงๆ ฉันทึ่งมากที่พวกเขาสามารถทำได้เพราะแม้กระทั่งในตอนที่เราถ่ายทำหนังเรื่องนี้ ฉันก็ยังคิดเลยว่า ‘หนังเรื่องนี้ซับซ้อนสุดๆ พวกเขาจะผสมผสานหนังทั้งสองแนวนี้เข้าด้วยกันได้ยังไงนะ พวกเขาจะรักษาโทนอย่างที่มันควรจะเป็นได้ยังไง’ แต่ไม่มีใครควบคุมโทนได้เหมือนจอน แฟฟโร เขาสามารถใส่อารมณ์ขันเข้าไปในฉากที่เข้มข้นที่สุดและทำให้มันเพลิดเพลินสำหรับผู้ชมกลุ่มใหญ่ พร้อมๆ กับการทำให้มันน่าสนใจสำหรับคอหนังตัวจริง ฉันคิดว่าเขาเยี่ยมมากค่ะ
Q: จอนเป็นคนแรกที่ทำให้คุณตกปากรับคำเล่นหนังเรื่องนี้รึเปล่า
A: ใช่ค่ะ จอนทำให้ฉันตกลงใจได้ แต่ฉันก็ได้ยินเรื่องดีๆ มาหลายเรื่อง หนังเรื่องนี้มีชื่อเสียงที่ดีค่ะ มันมีคำร่ำลือทั่วทั้งเมืองและฉันก็ได้ยินมาว่าดรีมเวิร์คส์จะสร้าง Cowboys and Aliens โดยมีทั้งสตีเวน สปีลเบิร์กและรอน โฮเวิร์ดในนั้น ฉันก็คิดว่า ‘ว้าว มันเจ๋งจริงๆ…’ แล้พอฉันได้ยินว่าจอน แฟฟโรจะเป็นคนกำกับ ฉันก็คิดว่า ‘ฟังดูเป็นหนังที่น่าสนใจจริงๆ…’
Q: ถึงตอนนั้น คุณได้รับโทรศัพท์รึยัง
A: ถึงตอนนั้น คนก็พูดถึงหนังเรื่องนี้แล้วและพวกเขาก็พูดให้ฉันฟังเรื่อยๆ ว่า ‘คุณอ่านบทแล้วรึยัง เพราะฉันได้ยินมาว่าพวกเขาอยากให้คุณเล่นบทนี้นะ’ ฉันก็คิดว่า ‘ฟังดูน่าสนใจนะ’ แล้วบทก็ถูกส่งมาถึงบ้านของฉันตอนเที่ยงคืน และฉันก็อ่านจบตอนตีสองเพราะฉันวางมันไม่ลงเลย
Q: คุณได้บทมาตอนเที่ยงคืนเนี่ยนะ
A: บางครั้ง พวกเขาก็จะมาส่งบทให้ฉันตอนกลางดึกและคิดว่าฉันคงจะไม่เห็นมันจนกว่าจะเช้าวันรุ่งขึ้น แต่ฉันเห็นว่าพวกเขาส่งมันมา ฉันก็เลยแกะซองออกแล้วก็อ่านมันรวดเดียวจบ พร้อมกับความคิดว่า ‘ฉันจะต้องแสดงหนังเรื่องนี้ ฉันจะต้องแสดงหนังเรื่องนี้ให้ได้เพราะมันเจ๋งสุดๆ’ น่ะค่ะ ด้วยความที่มันน่าประหลาดใจมากๆ และกับแต่ละหน้า ฉันก็มีความคิดว่า ‘ฉันไม่รู้เลยว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป’ และตัวละครตัวนี้ก็เป็นตัวละครแปลกประหลาดที่คาดเดาไม่ได้มากที่สุดเลยล่ะค่ะ ตอนที่ฉันได้พบจอน ฉันรู้สึกเหมือนฉันได้พบฝาแฝดที่หายตัวไปของฉัน ฉันกับจอนเหมือนกันหลายอย่าง เหมือนเรามีความสัมพันธ์ที่ไหลลื่นมากๆ ในแง่ของการสื่อสารไอเดียสร้างสรรค์และเราก็มีรสนิยมเรื่องหนังเหมือนๆ กัน และมีรูปแบบการสื่อสารที่ไหลลื่นมากๆ (ดีดนิ้ว) พอเรานั่งลงคุยกัน ฉันก็รู้ว่าเราจะต้องทำหนังด้วยกัน ฉันเป็นแฟนผลงานเขามานานแล้ว แต่ฉันก็ไม่รู้เลยว่าเขาฉลาดขนาดไหน ฉันหมายถึง จอนเป็นคนเก่งและเชี่ยวชาญด้านการกำกับนักแสดงเพราะเขาเองก็เคยผ่านการฝึกฝน (ในฐานะนักแสดง) มาเหมือนกัน เขาก็เลยรู้ว่าจะนำคุณไปสู่การแสดงที่น่าสนใจและตรงไปตรงมาที่สุดได้อย่างไร
Q: การทำงานร่วมกับจอนเป็นอย่างไรบ้าง
A: เยี่ยมไปเลยค่ะ ฉันคิดว่ามันเหลือเชื่อมากที่จอนสามารถจดจำหนังทั้งเรื่องไว้ในหัวและร้อยเรียงหนังทั้งสองแนวนี้เข้าด้วยกันได้อย่างงดงาม พร้อมๆ กับคอยอยู่ในกองถ่ายและดูแลตัวละครทุกตัว เขารับรู้ถึงสิ่งที่ทุกคนทำในแต่ละซีนอย่างถ่องแท้ ฉันชื่นชอบโอกาสที่ได้พักก่อนแสดงในแต่ละซีน เพื่อทำความเข้าใจว่าทำไมเราถึงอยู่ตรงนั้น เกิดอะไรขึ้น ก่อนหน้านี้เป็นยังไงบ้าง เขาเป็นคนที่นิ่งสงบและเป็นคลังข้อมูลอย่างดี ที่เต็มไปด้วยข้อมูลเกี่ยวกับหนังอย่างมหาศาล เขาสามารถอ้างถึงหนัง 12 เรื่องได้ภายในประโยคเดียวเลยนะคะ! (หัวเราะ) มันเหลือเชื่อจริงๆ และฉันก็ไม่คิดว่า จะมีใครสามารถกำกับหนังเรื่องนี้ได้อีก ฉันได้สังเกตจอนอย่างใกล้ชิดและฉันก็รู้ว่า ถ้าฉันจะกำกับหนังซักเรื่อง ซึ่งฉันก็หวังอย่างนั้น ฉันจะย้อนกลับไปดูบทเรียนทั้งหมดที่ฉันได้เรียนรู้จากเขา มันไม่ใช่แค่วิธีที่เขาทำให้เรื่องราวนี้เวิร์คอย่างงดงามเท่านั้น แต่ยังรวมถึงวิธีที่จอนปฏิบัติต่อคนอื่น และการที่ทีมงานเคารพในตัวเขายังได้ด้วย มันเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นจริงๆ ที่ได้อยู่ในกองถ่าย และทุกคนก็กระตือรือร้นกับมัน มันให้ความรู้สึกของการได้เป็นส่วนหนึ่งของอะไรบางอย่างที่พิเศษสุด และมันก็เริ่มต้นจากระดับบนสุดเลยค่ะ
Q: คุณมองตัวละครตัวนี้ตั้งแต่เริ่มต้นยังไงบ้าง แล้วความรู้สึกนั้นเปลี่ยนแปลงไปบ้างรึเปล่า
A: เปลี่ยนค่ะ ฉันมองตัวละครตัวนี้ว่าแปลกมากๆ ฉันชื่นชอบตัวละครแปลกๆ เสมอค่ะ
Q: ในลักษณะไหน
A: ฉันชอบคนที่แปลกนิดๆ และก็ลึกลับค่ะ ใช่ค่ะ พวกเราทุกคนต่างก็ชอบสิ่งที่ลึกลับ แต่แปลกนิดๆ และฉันก็ชอบที่เอลลาไม่ใช่แค่หญิงสาวที่เขารัก ไม่แค่หญิงสาวที่เย้ายวน ฉันชอบที่เธอทรงพลังอย่างเหลือเชื่อและเข้าสังคมไม่ค่อยเก่ง ฉันอยากจะสำรวจเรื่องตรงนั้น ฉันอยากจะสำรวจสิ่งที่ทำให้เราเป็นที่ยอมรับในสังคมและองค์ประกอบไหนในตัวเราที่ทำให้เราเข้ากับคนอื่นไม่ได้ ฉันคิดว่ามันเป็นวิธีการที่น่าสนใจในการสำรวจปฏิสัมพันธ์ระหว่ามนุษย์ ฉันชื่นชอบโอกาสที่ได้ค้นคว้าผู้หญิงในโลกตะวันตก ฉันหลงใหลผู้หญิงเหล่านี้ที่บุกดินแดนตะวันตกในศตวรรษที่ 19 ที่พาครอบครัวไปด้วย และเริ่มลงหลักปักฐาน สู้กับสภาพแวดล้อมและกันและกัน พวกเธอมีชีวิตที่แร้นแค้นอย่างเหลือเชื่อและฉันก็ชื่นชมพวกเธอเสมอ ฉันมีบรรพบุรุษที่เป็นแบบนั้นด้วยนะคะ และฉันก็อยากจะค้นคว้าให้ลึกลงไปอีก
Q: คุณต้องทำการค้นคว้าแบบนั้นสำหรับทุกบทเลยรึเปล่า
A: ใช่ค่ะ ฉันมักจะค้นคว้าอย่างมากสำหรับแต่ละบทและตอนนี้ ฉันก็รู้แล้วว่าเมื่อฉันรับบทซักบทหนึ่ง มันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉันในระยะเวลาที่นานกว่าการถ่ายทำสองสามเดือน มันครอบงำทุกสิ่งที่ฉันทำตลอดสองสามเดือนก่อนหน้านั้นด้วยค่ะ
Q: คุณชอบเรื่องแบบนั้นรึเปล่า
A: ฉันชอบนะคะ ฉันชอบการที่ถูกบทครอบคำ แต่นั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันต้องเลือกอย่างระมัดระวังเพราะถ้าฉันไม่เลือกอย่างรอบคอบแล้วล่ะก็ ฉันก็จะถูกครอบงำด้วยสิ่งที่ไม่ได้สนุกเอาซะเลย
Q: ยกตัวอย่างเช่น Blackbird ที่คุณเพิ่งถ่ายทำไป ซึ่งฟังดูแล้วเป็นเรื่องราวที่สะเทือนใจกว่านี้เยอะ…
A: สะเทือนใจกว่าเยอะเลยค่ะ และการค้นคว้าสำหรับเรื่องนั้นก็หดหู่อย่างเหลือเชื่อด้วย แต่มันก็มีเสน่ห์นะคะ (หัวเราะ)
Q: แล้วคุณทำการค้นคว้าสำหรับบทเอลลาใน Cowboys and Aliens อย่างไร
A: ฉันชอบไปพิพิธภัณฑ์ออทรีในแอลเอ เพื่อดูหนังเวสเทิร์นทุกเรื่องที่ถูกสร้างขึ้นมา และอ่านหนังสือเกี่ยวกับผู้หญิง เกี่ยวกับผู้บุกเบิกที่เป็นผู้หญิง เกี่ยวกับบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์เวสเทิร์น อีกอย่างหนึ่ง ฉันชื่นชอบการได้เรียนรู้เกี่ยวกับโครงสร้างของแนวหนังเวสเทิร์น มันเป็นเรื่องน่าทึ่งมากที่มันเป็นไปตามโครงสร้างเทพปกรณัมของโจเซฟ แคมป์เบล การได้แสดงหนังเวสเทิร์นให้ความรู้สึกเหมือนพิธีกรรมการเติบใหญ่จริงๆ ฉันตื่นเต้นกับมันและสนุกกับการทำงานในหนังเรื่องนี้มาก
Q: คุณเคยพูดเอาไว้ว่าคุณขี่ม้าตั้งแต่ยังเด็ก แต่คุณจะต้องพัฒนาสไตล์ใดสไตล์หนึ่งขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้รึเปล่า
A: ใช่ค่ะ ฉันเคยขี่ม้ามาก่อน แต่การขี่ม้าแบบเวสเทิร์นเป็นเรื่องใหม่สำหรับฉัน และฉันก็ได้เรียนรู้ค่อนข้างมากสำหรับหนังเรื่องนี้ ซึ่งฉันชอบมันนะ พอฉันได้บทนี้มา ฉันก็ถามเลยว่า ‘ฉันเริ่มฝึกตอนนี้เลยใช่มั้ย’ พวกเขาบอกว่า ‘แต่หนังจะเริ่มถ่ายทำอีกตั้งหกเดือนข้างหน้าแน่ะ’ ฉันก็บอกไปว่า ‘งั้นฉันจะเริ่มฝึกตั้งแต่ตอนนี้เลยแล้วกัน’ และฉันก็ทำตามนั้น ฉันเริ่มขี่ม้าทุกวัน วันละหลายชั่วโมงค่ะ
Q: ในแอลเอน่ะหรือ
A: ในแอลเอเนี่ยแหละค่ะ สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับแอลเอคือมันเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยม้า ฉันยังเป็นนักท่องเที่ยวสำหรับที่นี่ในหลายๆ ด้าน ฉันก็เลยได้เรียนรู้หลายเรื่องเกี่ยวกับแอลเอ มันเป็นสถานที่แปลกประหลาดที่คุณสามารถขับรถบนทางหลวงและขี่ม้าได้ภายในชั่วโมงเดียวกัน และมันก็ยังคงมีวัฒนธรรมแบบคาวบอยคลุกฝุ่นอยู่ คุณก็แค่ขับรถออกไปนอกเมืองนิดหน่อย คุณก็จะเจออีกโลกหนึ่ง ที่มีธรรมชาติเขียวขจี และมีสถานที่เกี่ยวกับม้ามากมาย ฉันคิดว่าการเตรียมตัวสำหรับหนังเรื่องนี้สนุกกว่าทุกเรื่องที่ฉันเคยผ่านมาอีกค่ะ
Q: เล่าเรื่องเอลลาให้เราฟังหน่อยสิ เธอมีงานรึเปล่า
A: ไม่ค่ะ เธอไม่มีงาน และนั่นคือสิ่งที่แปลกมากเกี่ยวกับเธอ รวมถึงการที่เธอพกปืนด้วยล่ะค่ะ
Q: และดูเธอจะรู้เกี่ยวกับอดีตของเจคมากกว่าที่เจ้าตัวจะรู้เสียอีก
A: เธอมีอะไรหลายๆ อย่างเหมือนเขา และเธอก็เฝ้ามองเขาอย่างใกล้ชิดเพราะเงื่อนงำใดๆ ที่เขาสามารถให้กับเธอได้ว่าเขาไปไหนมาบ้าง หรือเขารู้อะไร จะช่วยเธอได้มากเพราะเธอเองก็กำลังอยู่ระหว่างการเดินทางของตัวเอง เธอกำลังค้นหาสิ่งเดียวกัน เธอรู้เกี่ยวกับมันมากกว่าที่เขารู้ แต่พวกเขาก็มีอะไรหลายอย่างเหมือนกัน และเธอก็ต้องการเขาอย่างมาก สิ่งสุดท้ายที่เธอไม่อยากให้เกิดขึ้นคือการที่เขาหนี เธอไม่อยากทำร้ายเขา แต่เธอก็จะทำเพื่อรั้งเขาไว้ที่นี่ เธอรู้ว่าเขาเคยอยู่กับพวกเอเลียนเพราะโซ่ตรวนที่ข้อมือ เธอซ่อนตัวอยู่ในเมืองแห่งนี้ พยายามทำตัวไม่น่าสงสัย เธออยากจะถูกกลืนไปกับเงามืดและจะออกมาก็ต่อเมื่อเจคมาถึง และเมื่อถึงเวลานั้น เธอก็จะทำทุกสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้เขาช่วยเหลือเธอน่ะค่ะ
สิ่งที่ฉันชอบเกี่ยวกับเวสเทิร์นแนวนี้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเรื่องราวนี้คือความเสี่ยงมันสูงมาก ทุกอย่างเป็นเรื่องของความเป็นความตาย และนั่นก็เป็นสิ่งที่นำคุณจากเวสเทิร์นไปสู่หนังแก๊งสเตอร์ หรือแม้แต่ไซไฟ นั่นคือสิ่งที่เชื่อมโยงหนังพวกนี้เข้าด้วยกัน ฉันพูดถึงหนังแก๊งสเตอร์เพราะนั่นเป็นหนังแนวโปรดของฉัน ฉันชอบความคิดแบบที่เรามีใน Cowboys and Aliens ที่ว่าทุกอย่างมีความเสี่ยงสูง มันเป็นความเป็นความตาย และมีตัวละครบางตัวที่เต็มใจจะเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อคนที่พวกเขารัก ในแง่นั้นแล้ว มันก็เป็นเรื่องโรแมนติกหน่อยๆ อยู่เหมือนกันนะคะ
Q: แสดงว่ามีความรักเกิดขึ้นระหว่างเอลลากับเจคน่ะสิ
A: ใช่ค่ะ ฉันคิดว่ามันเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ มันเป็นความรักในแบบที่เราจะไม่ได้เห็นในหนังยุคปัจจุบันนี้ แม้ว่ามันจะเป็นหนังเรท PG-13 แต่ความรักที่เกิดในหนังเรื่องนี้ก็เป็นความรักที่เซ็กซีมากๆ และฉันก็คิดว่า นั่นเป็นเรื่องสนุกที่ฉันจะได้ร่วมงานกับแดเนียล เพราะเราเกือบจะได้ร่วมงานกันเมื่อหลายปีมาแล้วน่ะค่ะ
Q: ใน Casino Royale ใช่ไหม
A: ใช่ค่ะ ฉันได้ทดสอบหน้ากล้องสำหรับหนังเรื่องนั้น และฉันก็อยากได้บทนั้นมาก แต่ตอนนี้ ฉันดีใจที่มันไม่เป็นอย่างนั้น เพราะเราก็คงไม่สามารถจะมาแสดงหนังเรื่องนี้ได้ และฉันก็รู้สึกเหมือนว่าฉันกับแดเนียลควรจะได้เล่นหนังเรื่องนี้ด้วยกันค่ะ
Q: ถึงแม้ว่าในตอนนั้น คุณอาจจะรู้สึกแบบว่า ‘แย่จัง!’ ก็ตาม
A: ใช่ค่ะ แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเสมอในวงการนี้ คุณจะเจอกับความผิดหวังค่ะ
Q: แดเนียลจำคุณได้จากการออดิชันสำหรับ Casino Royale รึเปล่า
A: เขาจำฉันได้จากตอนนั้นและเขาก็น่ารักมากๆ ฉันคิดว่าเขาเห็นด้วยว่าหนังเรื่องนี้เป็นโอกาสที่เหมาะสมกว่าสำหรับเราทั้งคู่ และก็หวังว่า เราจะได้แสดงหนังแบบนี้อีก หรือบางที เราอาจจะได้แสดงหนังแนวอื่นด้วยกันด้วยนะคะ มีนักแสดงบางคนที่คุณเล่นด้วยได้ง่าย และฉันก็คิดว่าฉันกับแดเนียลสนุกกันมาก เขาสอนอะไรมากมายให้กับฉัน เขาสอนฉันเรื่องความนิ่ง ความเงียบ แดเนียลแสดงเพียงเล็กน้อย และมันก็น่าประทับใจจริงๆ เพราะเขาสามารถถ่ายทอดอะไรได้มากมายด้วยความนิ่งของเขาน่ะค่ะ
Q: ทำนอง ยิ่งน้อยยิ่งมากน่ะหรือ
A: ใช่ค่ะ เป็นเพราะดวงตาคู่นั้น (หัวเราะ) สตีฟ แม็คควีนมีคุณสมบัติที่ทำให้เขาสามารถทำตัวบ้าบิ่น ดูดี แข็งแกร่ง แต่ก็เปราะบางและงดงาม ซึ่งฉันคิดว่าแดเนียลก็มีคุณสมบัติที่ว่าเหมือนกัน ฉันคิดว่าผู้ชมจะตกหลุมรักเขาหัวปักหัวปำในหนังเรื่องนี้ค่ะ
Q: แล้วคุณก็ได้ร่วมงานกับแฮร์ริสัน ฟอร์ดด้วย เป็นอย่างไรบ้าง
A: เหลือเชื่อเลยค่ะ ฉันคิดว่าในหนังเรื่องนี้ แฮร์ริสันได้ฝากบทบาทการแสดงที่ยอดเยี่ยมที่สุดครั้งหนึ่งของเขาไว้ เขาเยี่ยมมาก เขาเคยทำสิ่งเยี่ยมๆ มาแล้วมากมายในอาชีพนักแสดงของเขาแต่หนังเรื่องนี้จะนำเสนอเขาในมุมมองใหม่ เป็นก้าวใหม่สำหรับอาชีพเขา เขาทั้งน่าประหลาดใจและเปราะบางอย่างมาก ฉันคิดว่าความเปลี่ยนแปลงด้านอารมณ์ของเขาในหนังเรื่องนี้งดงามจริงๆ และเขาก็เหมือนกับแดเนียลที่แสดงออกเพียงน้อยนิด แต่สื่อสารได้มหาศาล ในตอนที่แฮร์ริสันถ่ายทำเสร็จ เขาบอกว่า ‘ผมไม่เคยสนุกแบบนี้เลย…’ เราก็แบบ ‘เจ๋งไปเลย…’ เขานำอะไรมากมายมาสู่บทนี้ ทั้งความรู้เกี่ยวกับดินแดนตะวันตก ไซไฟและการเล่าเรื่องราวของเขา เขารู้เรื่องมากมายเกี่ยวกับการเล่าเรื่อง เชื่อฉันเถอะค่ะว่าเราสนุกกันมากในหนังเรื่องนี้…
Q: แล้วพวกคุณได้ใช้เวลาร่วมกันหลังเลิกกองรึเปล่า
A: ใช่ค่ะ แล้วก็มีแซม ร็อคเวล ที่เป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งของฉัน พระเจ้า เราสนุกกันสุดๆ เลย เหมือนกับเรายึดเมืองซานตา เฟในนิวเม็กซิโก และมันก็กลายเป็นเมือง Cowboys and Aliens ตลอดสี่เดือน ทุกร้านที่คุณเข้าไปจะมีคนพูดว่า ‘พวกคุณมาจาก Cowboys รึเปล่า’ พวกเขาได้ทำความรู้จักพวกเราเป็นอย่างดีค่ะ (หัวเราะ) ฉันคิดว่าซัมเมอร์นั้น เราช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของนิวเม็กซิโกอย่างดีนะคะ แต่ใช่ค่ะ เราได้สังสรรค์กันและฉันต้องบอกว่าพวกเราเป็นกลุ่มคนที่สนุกสนานกันทีเดียวล่ะ
Q: มันมีประโยชน์ต่อภาพยนตร์บ้างไหม
A: มีค่ะ เพราะเมื่อคุณต้องอยู่ในทะเลทรายที่เต็มไปด้วยฝุ่นทั้งวัน ต้องขี่ม้าและทำงานหนักภายใต้แสงอาทิตย์ คุณก็ควรจะได้ผ่อนคลายซะบ้าง
Q: รวมถึงเพลงรอบแคมป์ไฟด้วยรึเปล่า
A: พระเจ้า ในหนังเรื่องนี้ เรามีนักดนตรีหลายคนเหลือเกินค่ะ จอนจะเล่นอูคูเลเลและคนอื่นๆ ก็จะร้องเพลง มันสนุกมากเลย ฉันหมายถึงว่าเราทุกคนนั่งล้อมวงกันรอบแคมป์ไฟร้องเพลง ส่วนแดเนียลก็เป็นพ่อครัวหัวป่าก์และบาร์เทนเดอร์มือดีด้วยค่ะ (หัวเราะ)
Q: แดเนียล เคร็กเป็นพ่อครัวหัวป่าก์และบาร์เทนเดอร์มือดีงั้นเหรอ
A: ค่ะ เขามักจะทำให้แน่ใจว่าจะมีอาหารมังสวิรัติสำหรับฉัน ซึ่งฉันคิดว่าเป็นเรื่องน่ารักมาก แต่คนพวกนี้เป็นกลุ่มคนที่น่าทึ่งจริงๆ ฉันคิดว่าคุณจะรู้สึกได้ในหนังเรื่องนี้ว่าพวกเขาเป็นคนที่สนุกสนาน แต่ไม่ใช่เกินขอบเขตนะคะ! (หัวเราะ) เราสนุกกันมาก ซึ่งทำให้เราทำงานหนักกันจริงจังระหว่างช่วงกลางวัน ทุกคนรักกันและกันค่ะ มันเป็นเทศกาลมอบความรักครั้งใหญ่เลย (หัวเราะ)
Q: เราคุยกันถึงเรื่องการขี่ม้า คุณได้แสดงฉากแอ็กชันด้วยตัวเองมากน้อยแค่ไหน
A: ฉันได้แสดงฉากผาดโผนที่ฉันชื่นชอบที่สุดในหนังเรื่องนี้ค่ะ ฉันจินตนาการไม่ออกเลยว่าฉันเคยแสดงฉากผาดโผนที่สนุกกว่านี้รึเปล่า
Q: เล่าให้เราฟังหน่อย…
A: ฉันอยู่บนม้าที่กำลังควบอยู่ ตัวฉันถูกมัดด้วยเชือกบันจี้ที่ผูกติดกับเครน แล้วฉันก็ถูกยกตัวขึ้นสูงเหนือพื้นดิน 40 ฟุต คุณจะได้เห็นมันในเทรลเลอร์ค่ะ ฉันแสดงด้วยตัวเองเลยนะคะ!
Q: คุณแสดงฉากนั้นกี่ครั้ง
A: ฉันแสดงมันตั้ง 12 ครั้งแน่ะค่ะ ผู้ประสานงานคิวบู๊บอกว่า ‘ผมไม่เคยกระชากตัวนักแสดงจากหลังม้าที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่เลย คุณอยากจะแสดงรึเปล่า’ พวกสตันท์แมนมักจะได้ทำความรู้จักกับฉันอย่างรวดเร็วเพราะฉันชื่นชอบฉากผาดโผนมาก แล้วพวกเขาก็บอกว่า ‘ถ้าจะมีใครซักคนทำได้ล่ะก็ ก็โอลิเวียนี่แหละ…’ น่ะค่ะ
Q: คุณกลัวรึเปล่า
A: ฉันไม่กลัวเลยค่ะ ฉันตื่นเต้นมากกว่า ฉันชอบความท้าทายแบบนั้น และจริงๆ แล้ว มันก็สวยด้วยล่ะ ฉันอยู่เหนือพื้นดิน 40 ฟุตในซานตา เฟ, นิวเม็กซิโก และวิวก็สวยสุดๆ มันเยี่ยมมากเลย และพวกเขาก็มีภาพฉันท่ามกลางหมู่เมฆที่ไม่มีใครเชื่อว่าเป็นภาพจริงๆ ด้วย พวกเขาคิดว่ามันเป็นฉากหลังที่ถูกสร้างขึ้นน่ะค่ะ
Q: เล่าให้เราฟังอย่างละเอียดหน่อย…
A: ฉันอยู่บนหลังม้า แต่เท้าฉันอยู่พ้นจากโกลนเพราะคุณไม่อยากให้เท้าติดโกลนหรอกนะคะ ฉันขี่ม้าอยู่ข้างๆ แดเนียล และเราก็ควบม้ากันอยู่ระหว่างเครนสองตัว ฉันมีสายบันจี้มัดอยู่ตรงด้านหลังกับบังเหียน แล้วพอถึงจุดๆ หนึ่ง พวกเขาก็กระชากเชือกบันจี้กลับ จนดูเหมือนฉันถูกบ่วงบาศก์กระชากไปน่ะค่ะ พวกเขากระชากตัวฉันแล้วฉุดฉันขึ้นไปในอากาศ แล้วฉันก็ต้องรอให้พวกเขาเซ็ทฉากใหม่อยู่อย่างนั้น นั่นเป็นสิ่งที่ตลกที่สุดเพราะฉันห้อยต่องแต่งเหมือนกับตุ๊กตากลางอากาศ ได้แต่รออยู่อย่างนั้น (หัวเราะ)
Q: คุณไม่อึดอัดบ้างหรือตอนที่ถูกกระชากตัวจากหลังม้าแบบนั้น
A: หลังจากครั้งแรก คุณก็จะรู้ว่ามันจะเจ็บที่ไหนและคุณจะป้องกันตัวเองยังไง แต่ก็ใช่ค่ะ มันทำให้ฉันอึดอัดแทบหายใจไม่ออก แต่ในตอนที่คุณถ่ายทำหนังเวสเทิร์นแบบนี้ และต้องแสดงฉากผาดโผนด้วย คุณจะคาดหวังว่าตัวเองจะสบายไม่ได้หรอกค่ะ ความเจ็บปวดเป็นส่วนหนึ่งของงานและฉันคิดว่า คุณต้องมองมันว่าเป็นอุปสรรคที่คุณจะต้องฟันฝ่า เหมือนนักกีฬาน่ะค่ะ ฉันคิดว่านั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณสามารถภาคภูมิใจในตัวเองได้ในตอนที่คุณฟันฝ่ามันไปได้ และฉันก็ชอบมันค่ะ ฉันชื่นชอบกระบวนการนั้นเสมอ สมัยเรียน ฉันไม่เคยเป็นนักกีฬาเลย และฉันก็ชื่นชอบการแสดงฉากผาดโผนในหนังที่ฉันได้พิสูจน์ตัวเอง และฉากผาดโผนฉากนั้นก็เป็นฉากที่เจ๋งที่สุด ทีมงานต้องวิ่งออกมาถ่ายรูปเพราะพวกเขาไม่อยากจะเชื่อว่าฉันจะแสดงฉากนั้นจริงๆ
Q: ช่วยเล่าถึงความรู้สึกของคุณตอนที่คุณถูกกระชากตัวจากหลังม้าหน่อย…
A: มันน่าตื่นเต้นมาก ฉันเคยดิ่งพสุธามาแล้ว และมันก็เป็นความรู้สึกที่คล้ายคลึงกันของการได้ท้าทายแรงโน้มถ่วง และความรู้สึกตื่นเต้นสุดๆ นั่น มันเป็นการผสมผสานกันของการได้อยู่บนหลังของสัตว์ที่ทรงพลัง ที่กำลังควบผ่านทุ่งนา ซึ่งม้าพวกนี้น่าตื่นตาตื่นใจมาก และการไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่พพวกเขาจะกระชากฉันลงจากหลังม้าที่ทำให้มันสนุกน่ะค่ะ และมันค่อนข้างปลอดภัยทีเดียวล่ะ เรามีทีมสตันท์ชั้นเยี่ยมที่เรียกว่า แบรนด์ เอ็กซ์ สตันท์ และเมื่อคุณที่มีทีมที่มีประสบการณ์และมีความรับผิดชอบเหมือนอย่างคนพวกนี้ คุณก็จะรู้สึกปลอดภัยและก็ไม่มีอะไรที่คุณไม่ทำหรอกค่ะ
« Last Edit: July 25, 2011, 02:56:09 PM by admin »
Logged