Google on June 10, 2011, 08:03:34 PM
Movie Guide: HARRY POTTER AND THE DEATHLY HALLOWS - PART 2 : Special Content

HARRY POTTER AND THE DEATHLY HALLOWS - PART 2 : Special Content
 
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=dlhaFys-VpM" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=dlhaFys-VpM</a>

« Last Edit: July 02, 2011, 12:45:04 PM by Google »

Google on June 20, 2011, 08:16:11 PM
โปสเตอร์และตัวอย่างใหม่ของ Harry Potter and the Deathly Hallow 7.2

 

          มาแล้วกับตัวอย่างมาใหม่ ของ Harry Potter and the Deathly Hallow 7.2 มาเรียกน้ำย่อยกัน และจะได้ดูพร้อมกันทั่วโลก นับเวลาถอยหลังมาร่วมปิดตำนานพ่อมดแฮร์รี่ พอตเตอร์ ใครเป็นสาวกแฮร์รี่ พอตเตอร์ อดใจรอกันอีกสักนิด แล้วจะได้ชมหนัง Harry Potter and the Deathly Hallow 7.2 แบบเต็มๆ 14 กรกฎาคมนี้ แน่นอน

          แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต – ภาค 2 ซึ่งเป็นตอนสุดท้ายของภาพยนตร์ซีรี่ส์นี้ กำกับโดยเดวิด เยทส์ ผู้กำกับของภาพยนตร์ 3 ภาคสุดท้าย เดวิด เฮย์แมน ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ ทุกตอน ;เดวิด บาร์รอน ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ 6 ตอน และ เจ.เค. โรว์ลิ่ง สตีฟ โคลฟส์ ดัดแปลงบทภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นจากนวนิยายของ เจ.เค. โรว์ลิ่ง ลิโอเนล วิแกรม ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างบริหาร โดยมีจอห์น เทรฮี่ และ ทิม เลวิส ทำหน้าที่เป็นผู้ร่วมอำนวยการสร้าง

          เตรียมพบความยิ่งใหญ่ของภาคจบของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ได้ใน  HARRY POTTER AND THE DEATHLY HALLOWS - PART 2  14 กรกฎาคมนี้ ร่วมปิดตำนานในโรงภาพยนตร์เท่านั้น

www.harrypotter.com , http://www.facebook.com/HP7.Thai

Google on June 21, 2011, 05:14:14 PM
โปสเตอร์ไทยล็อตใหญ่ HARRY POTTER AND THE DEATHLY HALLOWS - PART 2

 

          มาแล้วโปสเตอร์เวอร์ชั่นภาษาไทยมาใหม่ ของ HARRY POTTER AND THE DEATHLY HALLOWS - PART 2 มากันล็อตใหญ่มากมาย มาเรียกต่อมอยากดูกันแล้ว นับเวลาถอยหลังมาร่วมปิดตำนานพ่อมดแฮร์รี่ พอตเตอร์ ความยิ่งใหญ่ ความอลังการ และความมันส์ในภาคสุดท้าย ที่จะปล่อยของที่มีอยู่ออกมาหมด ใครเป็นสาวกแฮร์รี่ พอตเตอร์ อดใจรอกันอีกสักนิด แล้วจะได้ชมหนัง HARRY POTTER AND THE DEATHLY HALLOWS - PART 2 แบบเต็มๆ 14 กรกฎาคมนี้ แน่นอน และคอยติดตามกิจกรรมพิเศษๆ ที่จะมีเร็วๆนี้ แน่นอน

          แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต – ภาค 2 ซึ่งเป็นตอนสุดท้ายของภาพยนตร์ซีรี่ส์นี้ กำกับโดยเดวิด เยทส์ ผู้กำกับของภาพยนตร์ 3 ภาคสุดท้าย เดวิด เฮย์แมน ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ ทุกตอน ;เดวิด บาร์รอน ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ 6 ตอน และ เจ.เค. โรว์ลิ่ง สตีฟ โคลฟส์ ดัดแปลงบทภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นจากนวนิยายของ เจ.เค. โรว์ลิ่ง ลิโอเนล วิแกรม ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างบริหาร โดยมีจอห์น เทรฮี่ และ ทิม เลวิส ทำหน้าที่เป็นผู้ร่วมอำนวยการสร้าง

          เตรียมพบความยิ่งใหญ่ของภาคจบของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ได้ใน
          HARRY POTTER AND THE DEATHLY HALLOWS - PART 2
          14 กรกฎาคมนี้ ร่วมปิดตำนานในโรงภาพยนตร์เท่านั้น
          www.harrypotter.co.th , http://www.facebook.com/HP7.Thai
« Last Edit: June 21, 2011, 05:19:07 PM by Google »

Google on June 29, 2011, 08:13:50 PM
MOVIE GUIDE: Harry Potter and the Deathly Hallows Part 2

“Where We Left Off” Featurette จากภาพยนตร์เรื่อง Harry Potter and the Deathly Hallows Part 2 แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ เครื่องรางยมทูต ภาค 2

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=1hv9sCamrsg" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=1hv9sCamrsg</a>


Google on July 01, 2011, 12:57:21 PM
เรื่องย่อ: “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต – ภาค 2”


 
          ภาพยนตร์เรื่อง “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต – ภาค 2” เป็นการผจญภัยครั้งสุดท้ายในภาพยนตร์ซีรี่ส์ชุด แฮร์รี่ พอตเตอร์ ภาพยนตร์ตอนที่ 2 ที่ได้รับการคาดหวังอย่างสูงของภาพยนตร์ที่มีความยาว 2 ตอน

          ในมหากาพย์ภาพยนตร์ตอนสุดท้าย เป็นการต่อสู้ระหว่างพลังด้านดีและพลังชั่วร้ายของโลกพ่อมดที่ทวีตัวเข้าสู่สงครามเต็มรูปแบบ ไม่มีการเดิมพันที่สูงขึ้นและไม่มีที่ใดปลอดภัย แต่นั่นคือแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่ถูกเรียกขานให้ทำการเสียสละ ในที่สุดเขาถูกดึงให้เข้าไปใกล้กับการเผชิญหน้าปะลองครั้งสุดท้ายที่สำคัญกับลอร์ดโวลเดอมอร์
          ทั้งหมดต้องสิ้นสุดลงที่นี่

          “แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเครื่องรางยมทูต – ภาค 2” นำแสดงโดย แดเนียล แรดคลิฟฟ์, รูเพิร์ท กรินท์ และ เอ็มม่า วัตสัน ที่กลับมารับบทบาทเดิมของพวกเขาอย่าง แฮร์รี่ พอตเตอร์, รอน วีสลีย์ และ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ เหล่านักแสดงของภาพยนตร์ยังประกอบด้วย เฮเลน่า บอนแฮม คาร์เตอร์, จิม บรอดเบนต์, ร็อบบี้ โคลเทรน, วอร์วิค เดวิส, ทอม เฟลตัน, ราล์ฟ ฟีนส์, ไมเคิล แกมบอน, ซีอาแรน ไฮด์ส, จอห์น เฮิร์ต, เจสัน ไอแซคส์, แมทธิว เลวิส, แกรี่ โอล์ดแมน, อลัน ริคแมน, แม็กกี้ สมิธ, เดวิด ธิวลิส, เอ็มม่า ทอมป์สัน, จูลี่ วัลเตอร์ส และ บอนนี่ ไรท์

          กำกับภาพยนตร์โดย เดวิด เยทส์ ผู้ทำหน้าที่ควบคุมภาพยนตร์เรื่อง “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกซ์,” “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม” และ “แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเครื่องรางยมทูต – ภาค 1” เดวิด เฮย์แมน อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ทุกภาค อำนวยการผลิตร่วมกับเดวิด บาร์รอน ผู้เขียนบทภาพยนตร์ สตีฟ โคลฟส์ ดัดแปลงบทภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นจากหนังสือของ เจ.เค. โรว์ลิ่ง โดยมี ลิโอเนล วิแกรม ทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างบริหาร

          เบื้องหลังฉากต่างๆ ทีมสร้างสรรค์นำทีมโดย ผู้กำกับภาพ เอดอร์โด เซอร์ร่า, ผู้ออกแบบฉาก สจ๊วต เคร็ก, ผู้ลำดับภาพ มาร์ค เดย์, ผู้ประพันธ์ดนตรี อเล็กซานเดร เดสแพล็ต, ผู้ควบคุมวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ ทิม เบิร์ค และผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย เจนี่ เทมิเม

          วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส นำเสนอ ภาพยนตร์โดย อะ เฮย์เดย์ ฟิล์มส ภาพยนตร์เรื่อง “แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเครื่องรางยมทูต” ที่เป็นสัญลักษณ์ของภาพยนตร์แฟรนไชส์ตอนสุดท้ายที่ประสบความสำเร็จสูงสุดตลอดกาล ภาพยนตร์เรื่อง “แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเครื่องรางยมทูต – ภาค 2” จะฉายในโรงภาพยนตร์ธรรมดา และโรงภาพยนตร์ระบบ IMAX ในรูปแบบ 3 มิติ และ 2 มิติ เริ่มวันที่ 14 กรกฏาคม 2011

          www.harrypotter.co.th

Google on July 01, 2011, 12:59:00 PM
ปอ ทฤษฎี อาสาพาไปเจาะลึกเบื้องหลังกับ เฮนรี่ ทราน  และร่วมปิดตำนาน หนังที่คนทั้งโลกรอคอย “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต – ภาค 2”




 
         เหล่าสาวกภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ เตรียมพบกับความยิ่งใหญ่อลังการ กับภาคจบของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แห่งปี ภาพยนตร์ที่คนทั้งโลกรอคอยกับ “HARRY POTTER AND THE DEATHLY HALLOW – PART 2” “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต – ภาค 2”

          พบกับพิธีกรรับเชิญสุดฮอตของช่อง3 ปอ - ทฤษฎี สหวงษ์ และสุดยอดกูรูภาพยนตร์ เฮนรี่ ทราน พร้อมด้วยเตรียมชมตัวอย่างภาพยนตร์ และเบื้องหลังการถ่ายทำ ที่ยังไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน พร้อมสัมภาษณ์จากเหล่านักแสดงที่โด่งดัง อาทิ แดเนียล แรดคลิฟฟ์, เอ็มม่า วัตสัน และรูเพิร์ต กรินท์
 
          ภาพยนตร์เรื่อง “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต – ภาค 2” เป็นการผจญภัยครั้งสุดท้ายในภาพยนตร์ซีรี่ส์ชุด แฮร์รี่ พอตเตอร์ ภาพยนตร์ตอนที่ 2 ที่ได้รับการคาดหวังอย่างสูงของภาพยนตร์ที่มีความยาว 2 ตอน

          ในมหากาพย์ภาพยนตร์ตอนสุดท้าย เป็นการต่อสู้ระหว่างพลังด้านดีและพลังชั่วร้ายของโลกพ่อมดที่ทวีตัวเข้าสู่สงครามเต็มรูปแบบ ไม่มีการเดิมพันที่สูงขึ้นและไม่มีที่ใดปลอดภัย แต่นั่นคือแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่ถูกเรียกขานให้ทำการเสียสละ ในที่สุดเขาถูกดึงให้เข้าไปใกล้กับการเผชิญหน้าประลองครั้งสุดท้ายที่สำคัญกับลอร์ดโวลเดอมอร์ “มหาสงครามสิ้นสุดที่นี่”

          ในรายการ ทีวี สเปเชี่ยล แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคมนี้ เวลา 23.15 น. ทางช่อง 3 จะมีเซอร์ไพรส์อะไรในรายการ ต้องรอชมด้วยตัวคุณเอง บอกได้คำเดียวว่า “ห้ามพลาด”

Google on July 10, 2011, 12:59:34 PM
HARRY POTTER AND THE DEATHLY HALLOWS - PART 2

 

           เปิดจองบัตรแล้วตั้งแต่วันนี้ HARRY POTTER AND THE DEATHLY HALLOWS PART2 พิเศษ จองบัตรโรงภาพยนตร์ IMAX รับโปสการ์ด Set 1 ชุด (มูลค่า 79 บาท) ฟรี! ทุกที่นั่ง

          จองบัตรโรงภาพยนตร์ Digital และ 35 มม. รับโปสเตอร์ A3 (มูลค่า 59 บาท) ฟรี !ทุกที่นั่ง

FB on July 13, 2011, 12:48:45 PM
          ภาพยนตร์เรื่อง “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต – ภาค 2” เป็นการผจญภัยครั้งสุดท้ายในภาพยนตร์ซีรี่ส์ชุด แฮร์รี่ พอตเตอร์ ภาพยนตร์ตอนที่ 2 ที่ได้รับการคาดหวังอย่างสูงของภาพยนตร์ที่มีความยาว 2 ตอน


 
          ในมหากาพย์ภาพยนตร์ตอนสุดท้าย เป็นการต่อสู้ระหว่างพลังด้านดีและพลังชั่วร้ายของโลกพ่อมดที่ทวีตัวเข้าสู่สงครามเต็มรูปแบบ ไม่มีการเดิมพันที่สูงขึ้นและไม่มีที่ใดปลอดภัย แต่นั่นคือแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่ถูกเรียกขานให้ทำการเสียสละ ในที่สุดเขาถูกดึงให้เข้าไปใกล้กับการเผชิญหน้าปะลองครั้งสุดท้ายที่สำคัญกับลอร์ดโวลเดอมอร์

          ทั้งหมดต้องสิ้นสุดลงที่นี่

          “แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเครื่องรางยมทูต – ภาค 2” นำแสดงโดย แดเนียล แรดคลิฟฟ์, รูเพิร์ท กรินท์ และ เอ็มม่า วัตสัน ที่กลับมารับบทบาทเดิมของพวกเขาอย่าง แฮร์รี่ พอตเตอร์, รอน วีสลีย์ และ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ เหล่านักแสดงของภาพยนตร์ยังประกอบด้วย เฮเลน่า บอนแฮม คาร์เตอร์, จิม บรอดเบนต์, ร็อบบี้ โคลเทรน, วอร์วิค เดวิส, ทอม เฟลตัน, ราล์ฟ ฟีนส์, ไมเคิล แกมบอน, ซีอาแรน ไฮด์ส, จอห์น เฮิร์ต, เจสัน ไอแซคส์, แมทธิว เลวิส, แกรี่ โอล์ดแมน, อลัน ริคแมน, แม็กกี้ สมิธ, เดวิด ธิวลิส, เอ็มม่า ทอมป์สัน, จูลี่ วัลเตอร์ส และ บอนนี่ ไรท์

          กำกับภาพยนตร์โดย เดวิด เยทส์ ผู้ทำหน้าที่ควบคุมภาพยนตร์เรื่อง “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกซ์,” “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม” และ “แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเครื่องรางยมทูต – ภาค 1” เดวิด เฮย์แมน อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ทุกภาค อำนวยการผลิตร่วมกับเดวิด บาร์รอน ผู้เขียนบทภาพยนตร์ สตีฟ โคลฟส์ ดัดแปลงบทภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นจากหนังสือของ เจ.เค. โรว์ลิ่ง โดยมี ลิโอเนล วิแกรม ทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างบริหาร

          เบื้องหลังฉากต่างๆ ทีมสร้างสรรค์นำทีมโดย ผู้กำกับภาพ เอดอร์โด เซอร์ร่า, ผู้ออกแบบฉาก สจ๊วต เคร็ก, ผู้ลำดับภาพ มาร์ค เดย์, ผู้ประพันธ์ดนตรี อเล็กซานเดร เดสแพล็ต, ผู้ควบคุมวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ ทิม เบิร์ค และผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย เจนี่ เทมิเม ประพันธ์ดนตรีโดย อเล็กซานเดร เดสแพล็ต

          วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส นำเสนอภาพยนตร์ของ อะ เฮย์เดย์ ฟิล์มส โพรดักชั่น และ อะ เดวิด เยทส์ ฟิล์ม ภาพยนตร์เรื่อง “แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเครื่องรางยมทูต – ภาค 2” ซึ่งเป็นภาพยนตร์ตอนสุดท้ายของภาพยนตร์แฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดตลอดกาล

          ภาพยนตร์เรื่อง “แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเครื่องรางยมทูต – ภาค 2” เป็นภาพยนตร์ชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ เรื่องแรกที่นำเสนอในรูปแบบ 3 มิติและ 2 มิติ พร้อมทั้งมีการฉายในโรงภาพยนตร์ระบบ IMAX บางแห่งทั่วประเทศ ภาพยนตร์ ได้ผ่านระบบดิจิตอล รีมาสเตอร์ ให้เป็นคุณภาพของภาพและเสียงของ The IMAX Experience ผ่านทางการจดทะเบียนภายใต้ชื่อ IMAX DMR เทคโนโลยี

The film is distributed worldwide by Warner Bros. Pictures, a Warner Bros. Entertainment Company.

ภาพยนตร์จัดจำหน่ายทั่วโลกโดย วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส หนึ่งในกลุ่มบริษัท วอร์เนอร์ บราเดอร์ส เอ็นเตอร์เทนเมนท์

www.harrypotter.co.uk

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=O6rNqjfE9as" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=O6rNqjfE9as</a>

FB on July 20, 2011, 06:46:09 PM
ภาพยนตร์เรื่อง “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต – ภาค 2” ทำลายสถิติล่วงหน้าก่อนวันเปิดตัวของภาพยนตร์เพิ่มขึ้นอย่างยิ่งใหญ่
   


          มีการกำหนดฉายภาพยนตร์ช่วงเที่ยงคืนทั่วประเทศ ในฐานะของภาพยนตร์ที่สร้างการรอคอยอย่างคาดหวังในตอนจบของภาพยนตร์ซีรี่ส์เรื่องดัง
 
          ภาพยนตร์เรื่อง “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต – ภาค 2” ของวอร์เนอร์ บราเดอร์ส ได้ทำลายสถิติภาพยนตร์จำนวนมากในช่วงหลายวัน จนกลายเป็นตอนจบของภาพยนตร์ซีรี่ส์ที่มีการเฝ้ารอวันฉายอย่างสูง มีการแถลงการณ์วันนี้โดย แดน เฟลแมน ประธานฝ่ายจัดจำหน่ายในประเทศของวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส

          การจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์ล่วงหน้ามีรายได้ทะลุมากกว่า 32 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นสถิติก่อนเปิดครั้งใหม่ รอบฉายช่วงเที่ยงคืนและวันแรกหลายรอบถูกขายหมดข้ามประเทศไปแล้ว แต่ถึงอย่างไรภาพยนตร์จะมีการฉายมากกว่า 11,000 แห่งใน 4,375 พื้นที่ โดยสร้างสถิติทั้งซีรี่ส์เรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ ด้วยพื้นที่มากกว่า 3,800 แห่งเปิดตัวภาพยนตร์ช่วงเที่ยงคืนของวันพฤหัส และทำลายสถิติภาพยนตร์เรื่องอื่น ภาพยนตร์มีการฉายทั่วประเทศในระบบ IMAX 274 แห่ง

          ภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ เรื่องแรกที่มีการฉายในรูปแบบ 3 มิติ ภาพยนตร์เรื่อง “แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเครื่องรางยมทูต – ภาค 2” ฉายรูปแบบ 3 มิติในพื้นที่มากกว่า 3,000 แห่ง โดยมีการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่มีตัวละครนำที่โดดเด่น เพื่อเป็นการระลึกถึงแฮร์รี่ พอตเตอร์ เป็นพิเศษ จึงมีการมอบแก้วแบบ 3 มิติให้แก่แฟนๆ ที่เข้าชมภาพยนตร์ในรูปแบบ 3 มิติเท่าที่จะมีปริมาณแว่นเหลืออยู่

          ในการจัดแถลง เฟลแมนกล่าวว่า “เราซาบซึ้งในความจงรักภักดีของแฟนๆ แฮร์รี่ พอตเตอร์และเข้าใจว่าพวกเขาเฝ้ารอมาตลอด 10 ปีเพื่อช่วงเวลานี้ เราอดใจรอดูพวกเขาในหนังแทบไม่ไหว ซึ่งพวกเราเชื่อว่าได้ถ่ายทอดเข้าไปในทุกระดับ เราจึงฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์หลายแห่งอย่างสุดความสามารถเพื่อความต้องการจากทั่วทุกแห่ง เราต้องการแน่ใจว่าแฟนๆ ที่กำลังนับถอยหลังตอนจบจะมีโอกาสได้ชมอย่างรวดเร็วและมีรอบฉายมากมาย เราหวังว่าพวกเขาจะมีโอกาสได้ชมตัวละครโปรดของพวกเขาในรูปแบบ 3 มิติเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด”

          ภาพยนตร์เรื่อง “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต – ภาค 2” เป็นการผจญภัยตอนสุดท้ายในภาพยนตร์ชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ มหากาพย์ภาพยนตร์ตอนสุดท้ายเป็นการต่อสู้ระหว่างพลังด้านดีและพลังชั่วร้ายของโลกพ่อมดที่ทวีตัวเข้าสู่สงครามเต็มรูปแบบ ไม่มีการเดิมพันที่สูงขึ้นและไม่มีที่ใดปลอดภัย แต่นั่นคือแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่ถูกเรียกขานให้เสียสละ ในที่สุดเขาถูกดึงให้เข้าไปใกล้กับการเผชิญหน้าปะลองครั้งสุดท้ายที่สำคัญกับลอร์ดโวลเดอมอร์ ทั้งหมดต้องสิ้นสุดลงที่นี่

          นำแสดงโดย แดเนียล แรดคลิฟฟ์, รูเพิร์ท กรินท์ และ เอ็มม่า วัตสัน กลับมารับบทของ แฮร์รี่ พอตเตอร์, รอน วีสลีย์ และ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ เหล่านักแสดงที่มารวมตัวกันในภาพยนตร์ยังรวมถึง เฮเลน่า บอนแฮม คาร์เตอร์, ร็อบบี้ โคลเทรน, วอร์วิค เดวิส, ทอม เฟลตัน, ราล์ฟ ฟีนส์, ไมเคิล แกมบอน, ซิอาแรน ไฮด์ส, จอห์น เฮิร์ท, เจสัน ไอแซ็คส์, แมทธิว เลวิส, แกรี่ โอล์ดแมน, อลัน ริคแมน, แม็กกี้ สมิธ, เดวิด ธิวลิส, จูลี่ วัลเตอร์ส และ บอนนี่ ไรท์

          ภาพยนตร์เรื่อง “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต ภาค 2” กำกับการแสดงโดยเดวิด เยทส์ อำนวยการสร้างโดย เดวิด เฮย์แมน เดวิด บาร์รอน และ เจ.เค.โรว์ลิ่ง ดัดแปลงบทภาพยนตร์โดย สตีฟ โคลฟส์ สร้างขึ้นจากนิยายของ เจ.เค. โรว์ลิ่ง อำนวยการสร้างบริหารโดย ไลโอเนล วิแกรม

          ภาพยนตร์เรื่อง “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต – ภาค 2” เป็นภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ภาคแรกที่ฉายทั้งรูปแบบ 3 มิติและ 2 มิติโดยมีการฉายพร้อมกันทั่วประเทศ ภาพยนตร์มีการฉายในโรงภาพยนตร์ IMAX® บางแห่ง ภาพยนตร์ได้ผ่านระบบดิจิตัล รีมาสเตอร์ ให้มาเป็นคุณภาพของภาพและเสียงของ The IMAX Experience® ผ่านทางการจดทะเบียนภายใต้ชื่อ IMAX DMR® เทคโนโลยี

ภาพยนตร์เปิดตัวทั่วประเทศวันที่ 14 กรกฎาคม จัดจำหน่ายทั่วโลกโดยวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส หนึ่งในกลุ่มบริษัทวอร์เนอร์ บราเดอร์ส เอ็นเตอร์เทนเมนท์
www.harrypotter.com.th

FB on July 20, 2011, 06:47:31 PM
ช่วงเที่ยงคืนเป็นชั่วโมงแห่งเวทมนตร์ สำหรับภาพยนตร์เรื่อง “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต – ภาค 2”


 
          ตอนจบของภาพยนตร์ชุดที่ทำลายสถิติทั้งหมดของการเปิดตัวที่อเมริกาในช่วงเที่ยงคืน

          ภาพยนตร์เรื่อง “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต – ภาค 2” ของวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส ทำลายสถิติบ็อกซ์ออฟฟิศที่อเมริกาในวันเปิดตัวช่วงเที่ยงคืนอย่างเป็นปรากฏการณ์ที่ 43.5 ล้านดอลลาร์ มีการประกาศวันนี้โดย แดน เฟลแมน ประธานฝ่ายจัดจำหน่ายภายในประเทศของวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส

          นอกจากนั้นภาพยนตร์ยังทำลายสถิติการเปิดตัวช่วงเที่ยงคืนของโรงภาพยนตร์ระบบ IMAX ด้วยรายได้ 2 ล้านดอลลาร์จากจำนวนโรงภาพยนตร์ IMAX หลายแห่ง
          การฉายภาพยนตร์ช่วงเที่ยงคืนทั่วประเทศรวมถึงการฉายภาพยนตร์แบบมาราธอนของภาพยนตร์เรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ภาคก่อนๆ จนมาถึงตอนจบที่มีการเฝ้าคอยมาอย่างยาวนาน มีการเฉลิมฉลองของแฟนๆ ของภาพยนตร์จำนวนมาก พร้อมด้วยผู้ชมที่แต่งตัวเป็นเหล่าตัวละครโปรดจนเปลี่ยนการแสดงภาพยนตร์เป็นปรากฏการณ์ที่มีส่วนร่วม

          ภาพยนตร์เรื่อง “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต ภาค 2” เป็นภาพยนตร์ภาคแรกในซีรี่ส์ที่ฉายในรูปแบบ 3 มิติ แฟนๆ ผู้โชคดีจำนวนมากที่เข้าชมภาพยนตร์ช่วงเที่ยงคืนในรูปแบบ 3 มิติได้รับแก้วแฮร์รี่ พอตเตอร์แบบ 3 มิติเก็บไว้เพื่อเป็นที่ระลึกด้วย

          สถิติการเปิดตัวในช่วงเที่ยงคืนได้เริ่มต้นในการสร้างสถิติสำหรับตั๋วจองล่วงหน้า การฉายในวันเปิดตัวหลายแห่งถูกขายหมดตั้งแต่หลายอาทิตย์ก่อน บรรดาผู้ชมภาพยนตร์รีบเข้าร่วมเป็นผู้ชมกลุ่มแรกที่ได้ตอนจบของภาพยนตร์แฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดตลอดกาล

          เฟลแมนแถลงการณ์ว่า “ช่างเป็นการเริ่มต้นที่อัศจรรย์สำหรับภาพยนตร์ที่กำลังจะสิ้นสุด ผู้สร้างภาพยนตร์และเหล่านักแสดงได้ถักทอตอนจบที่สมบูรณ์และดี สำหรับภาพยนตร์แฟรนไชส์สุดพิเศษภาคนี้ ผลตอบรับจากแฟนๆ เป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง ทุกคนที่วอร์เนอร์ บราเดอร์ส มาร่วมแสดงความยินดีกับผมและทีมงานจำนวนมากที่อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์เรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ เรารู้ว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นสัญญาณของสุดสัปดาห์ที่น่าประหลาดใจและเวทมนตร์แห่งช่วงซัมเมอร์”

          ภาพยนตร์เรื่อง “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต – ภาค 2” เป็นการผจญภัยตอนสุดท้ายในภาพยนตร์ชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ มหากาพย์ภาพยนตร์ตอนสุดท้ายเป็นการต่อสู้ระหว่างพลังด้านดีและพลังชั่วร้ายของโลกพ่อมดที่ทวีตัวเข้าสู่สงครามเต็มรูปแบบ ไม่มีการเดิมพันที่สูงขึ้นและไม่มีที่ใดปลอดภัย แต่นั่นคือแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่ถูกเรียกขานให้เสียสละ ในที่สุดเขาถูกดึงให้เข้าไปใกล้กับการเผชิญหน้าปะลองครั้งสุดท้ายที่สำคัญกับลอร์ดโวลเดอมอร์ ทั้งหมดต้องสิ้นสุดลงที่นี่

          นำแสดงโดย แดเนียล แรดคลิฟฟ์, รูเพิร์ท กรินท์ และ เอ็มม่า วัตสัน กลับมารับบทของ แฮร์รี่ พอตเตอร์, รอน วีสลีย์ และ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ เหล่านักแสดงที่มารวมตัวกันในภาพยนตร์ยังรวมถึง เฮเลน่า บอนแฮม คาร์เตอร์, ร็อบบี้ โคลเทรน, วอร์วิค เดวิส, ทอม เฟลตัน, ราล์ฟ ฟีนส์, ไมเคิล แกมบอน, ซิอาแรน ไฮด์ส, จอห์น เฮิร์ท, เจสัน ไอแซ็คส์, แมทธิว เลวิส, แกรี่ โอล์ดแมน, อลัน ริคแมน, แม็กกี้ สมิธ, เดวิด ธิวลิส, จูลี่ วัลเตอร์ส และ บอนนี่ ไรท์

          ภาพยนตร์เรื่อง “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต ภาค 2” กำกับการแสดงโดยเดวิด เยทส์ อำนวยการสร้างโดย เดวิด เฮย์แมน เดวิด บาร์รอน และ เจ.เค.โรว์ลิ่ง ดัดแปลงบทภาพยนตร์โดย สตีฟ โคลฟส์ สร้างขึ้นจากนิยายของ เจ.เค. โรว์ลิ่ง อำนวยการสร้างบริหารโดย ไลโอเนล วิแกรม

          ภาพยนตร์เรื่อง “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต – ภาค 2” เป็นภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ภาคแรกที่ฉายทั้งรูปแบบ 3 มิติและ 2 มิติโดยมีการฉายพร้อมกันทั่วประเทศ ภาพยนตร์มีการฉายในโรงภาพยนตร์ IMAX® บางแห่ง ภาพยนตร์ได้ผ่านระบบดิจิตัล รีมาสเตอร์ ให้มาเป็นคุณภาพของภาพและเสียงของ The IMAX Experience® ผ่านทางการจดทะเบียนภายใต้ชื่อ IMAX DMR® เทคโนโลยี

ร่วมปิดตำนานแฮร์รี่ พอตเตอร์ อลังการสุดประทับใจได้แล้ว วันนี้ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น

FB on July 24, 2011, 03:23:41 PM
บ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลกต้องมนตร์สะกดของการเปิดตัวภาพยนตร์ เรื่อง “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต – ภาค 2” ตอนจบของภาพยนตร์ชุดที่ประสบความสำเร็จสูงสุดตลอดกาล ถูกเขียนสถิติขึ้นมาใหม่ด้วยความยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งแรกของโลก



          จากการประมาณการที่น่าประหลาดใจของบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลกรวมรายได้ทั้งหมดมากกว่า 476 ล้านดอลลาร์ ภาพยนตร์เรื่อง “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต – ภาค 2” ของวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส ทำลายประวัติศาสตร์สถิติบ็อกซ์ออฟฟิศของการเปิดตัวช่วงสุดสัปดาห์ทั้งในและต่างประเทศหลายแห่ง มีการแถลงการณ์ขึ้นวันนี้โดย แดน เฟลแมน ประธานฝ่ายจัดจำหน่ายของวอร์เนอร์ บราเดอร์ส ภายในประเทศ และ เวโรนิกา ควอน-รูบิเน็ค ประธานการจัดจำหน่ายทั่วโลก

          ตอนจบของภาพยนตร์ซีรี่ส์ขวัญใจคนทั่วโลก “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต – ภาค 2” กวาดรายได้ให้บ็อกซ์ออฟฟิศภายในประเทศ 168.5 ล้านดอลลาร์ไปอย่างน่าประหลาด นี่ไม่ใช่แค่การเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ อย่างยิ่งใหญ่ในช่วงสุดสัปดาห์เท่านั้น แต่ยังเป็นการลบสถิติการเปิดตัวช่วงสุดสัปดาห์รวมถึงวันหยุดสุดสัปดาห์อีกด้วย นอกเหนือจากสถิติที่ถูกทำลายแล้ว ยังมีสถิติบ็อกซ์ออฟฟิศช่วงวันธรรมดา (วันศุกร์อยู่ที่ 92.1 ล้านดอลลาร์) บ็อกซ์ออฟฟิศช่วงวันศุกร์ และบ็อกซ์ออฟฟิศช่วงวันเปิดตัวอีกด้วย

          จากการเปิดตัวพร้อมกันของภาพยนตร์ใน 59 ประเทศ รายได้บ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลกที่น่าเหลือเชื่อกวาดรายได้ไป 307 ล้านดอลลาร์ ทำให้ภาพยนตร์เป็นช่วงสุดสัปดาห์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลทั่วโลก เริ่มขึ้นนำจากการทำลายสถิติการกวาดรายได้ที่อังกฤษ (36.6 ล้านดอลลาร์) และออสเตรเลีย (26.7 ล้านดอลลาร์) เป้าหมายทุกแห่งสามารถทำรายได้ไปอย่างดีเยี่ยม รวมถึงที่เยอรมัน (25.7 ล้านดอลลาร์), ฝรั่งเศส (23.9 ล้านดอลลาร์) และญี่ปุ่น (21.5 ล้านดอลลาร์)

          โดยรวมทั่วโลกแล้ว ภาพยนตร์ยังทำลายการเปิดตัวช่วงสุดสัปดาห์ในระบบ IMAX ด้วยการกวาดรายได้ทั่วโลกไป 23.5 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการสร้างสถิติในอเมริกาเหนือขึ้นมาใหม่ด้วยรายได้ 15.5 ล้านดอลลาร์

          ภาพยนตร์เริ่มทำลายสถิติตั้งแต่การเปิดตัวของภาพยนตร์ในการขายบัตรล่วงหน้า ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นี่เป็นสัญญาณแรกว่าจะได้รับการต้อนรับจากบ็อกซ์ออฟฟิศอย่างยิ่งใหญ่ขนาดไหน การฉายภาพยนตร์ในวันเปิดตัวช่วงเที่ยงคืนไม่ใช่แค่การได้พบกับความคาดหวัง แต่เหนือกว่าความคิดหวังด้วยรายได้ถึง 43.5 ล้านดอลลาร์จากบ็อกซ์ออฟฟิศภายในประเทศเท่านั้น

          แดน เฟลแมน กล่าวว่า “ตัวเลขเหล่านี้เป็นเรื่องน่าแปลกใจ แต่นั่นเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวเท่านั้น ไม่สามารถเป็นตัวเลขออกมาได้เลยว่าพวกเราตื่นเต้นและปลาบปลื้มแค่ไหนสำหรับทั้งนักวิจารณ์และผู้ชม โดยเฉพาะแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์ ผู้จงรักภักดีทั้งหลายที่ให้การสนับสนุนภาพยนตร์อย่างไม่ขาดสาย นี่คือจุดสูงสุดของช่วง 10 ปีที่ไม่ธรรมดา และเป็นการสะท้อนถึงการทำงานอย่างหนัก การเสียสละของผู้คนมากมายจากเบื้องหน้าและเบื้องหลังกล้อง เริ่มตั้งแต่ เจ.เค. โรว์ลิ่ง ผู้อัจฉริยะรวมไปถึงผู้อำนวยการสร้างเดวิด เฮย์แมน พวกเราขอยกย่องทุกคนเลย”

          เวโรนิก้า ควอน-รูบิเน็ค แสดงความเห็นว่า “แฮร์รี่ พอตเตอร์ เป็นปรากฏการณ์ทางศิลปะของทั่วโลกที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นเยอรมัน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น รัสเซียหรือภาษาใดๆ ผู้ชมทั่วโลกมีการยอมรับภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์มาหลายต่อหลายปี ด้วยอานุภาพแห่งตอนจบที่ตอกย้ำว่าภาพยนตร์ชุดนี้มีความพิเศษอย่างไร พวกเราขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่มีส่วนร่วมในภาพยนตร์สำหรับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในครั้งนี้”

          ภาพยนตร์เรื่อง “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต – ภาค 2” เป็นการผจญภัยตอนสุดท้ายในภาพยนตร์ชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ มหากาพย์ภาพยนตร์ตอนสุดท้ายเป็นการต่อสู้ระหว่างพลังด้านดีและพลังชั่วร้ายของโลกพ่อมดที่ทวีตัวเข้าสู่สงครามเต็มรูปแบบ ไม่มีการเดิมพันที่สูงขึ้นและไม่มีที่ใดปลอดภัย แต่นั่นคือแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่ถูกเรียกขานให้เสียสละ ในที่สุดเขาถูกดึงให้เข้าไปใกล้กับการเผชิญหน้าปะลองครั้งสุดท้ายที่สำคัญกับลอร์ดโวลเดอมอร์ ทั้งหมดต้องสิ้นสุดลงที่นี่

          นำแสดงโดย แดเนียล แรดคลิฟฟ์, รูเพิร์ท กรินท์ และ เอ็มม่า วัตสัน กลับมารับบทของ แฮร์รี่ พอตเตอร์, รอน วีสลีย์ และ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ เหล่านักแสดงที่มารวมตัวกันในภาพยนตร์ยังรวมถึง เฮเลน่า บอนแฮม คาร์เตอร์, ร็อบบี้ โคลเทรน, วอร์วิค เดวิส, ทอม เฟลตัน, ราล์ฟ ฟีนส์, , ซิอาแรน ไฮด์ส, จอห์น เฮิร์ท, เจสัน ไอแซ็คส์, แมทธิว เลวิส, แกรี่ โอล์ดแมน, อลัน ริคแมน, แม็กกี้ สมิธ, เดวิด ธิวลิส, จูลี่ วัลเตอร์ส และ บอนนี่ ไรท์

          ภาพยนตร์เรื่อง “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต ภาค 2” กำกับการแสดงโดยเดวิด เยทส์ อำนวยการสร้างโดย เดวิด เฮย์แมน เดวิด บาร์รอน และ เจ.เค.โรว์ลิ่ง ดัดแปลงบทภาพยนตร์โดย สตีฟ โคลฟส์ สร้างขึ้นจากนิยายของ เจ.เค. โรว์ลิ่ง อำนวยการสร้างบริหารโดย ไลโอเนล วิแกรม

          ภาพยนตร์เรื่อง “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต – ภาค 2” เป็นภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ภาคแรกที่ฉายทั้งรูปแบบ 3 มิติและ 2 มิติโดยมีการฉายพร้อมกันทั่วประเทศ ภาพยนตร์มีการฉายในโรงภาพยนตร์ IMAX® บางแห่ง ภาพยนตร์ได้ผ่านระบบดิจิตัล รีมาสเตอร์ ให้มาเป็นคุณภาพของภาพและเสียงของ The IMAX Experience® ผ่านทางการจดทะเบียนภายใต้ชื่อ IMAX DMR® เทคโนโลยี

ภาพยนตร์เปิดตัวทั่วประเทศวันที่ 14 กรกฎาคม จัดจำหน่ายทั่วโลกโดยวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส หนึ่งในกลุ่มบริษัทวอร์เนอร์ บราเดอร์ส เอ็นเตอร์เทนเมนท์
          www.harrypotter.co.th

FB on August 07, 2011, 12:45:00 PM
HARRY POTTER AND THE DEATHLY HALLOWS - PART 2: คำถามและคำตอบกับ อลัน ริคแมน (เซเวรัส สเนป)
 
          คำถาม: เมื่อคุณได้แสดงบทเป็นครั้งแรก มีการพูดกันว่าคุณฝืนใจมารับบท จนกระทั่งคุณมีการพูดคุยกับ เจ.เค.โรว์ลิ่ง และเธอพูดอะไรบางอย่างที่พลิกบทบาทนั้นสำหรับคุณ? คุณช่วยเล่าให้ฟังได้มั้ยว่ามันคืออะไร?
          อลัน ริคแมน: ผมไม่รู้ว่าผมเคยฝืนใจด้วยหรอ เราแค่ต้องค่อยๆ ก้าวต่อไปหาสิ่งที่เราต้องมีส่วนร่วมกับมัน แน่นอนว่าผมพูดว่าผมอยากคุยกับเธอว่าผมต้องแสดงมันอย่างไรก่อนที่ผมจะมารับหน้าที่ เรามีการคุยกันทางโทรศัพท์ เธอไม่ได้บอกผมว่าตอนจบของเรื่องราวจะเป็นไปอย่างไร ผมเลยซื้อหนังสือมาพร้อมกับคนอื่นๆ เพื่อค้นหาว่า ‘แล้วตอนนี้จะเป็นอย่างไร?’ ไม่เลย เธอให้ข้อมูลผมมาเพียงน้อยนิด ซึ่งผมพูดเสมอว่าผมจะไม่ไปบอกใคร ไม่มีวัน และไม่มีทาง มันไม่ใช่ประเด็นหรือสาระสำคัญของโครงเรื่องในแบบที่แน่ชัดเลย แต่มันเป็นสาระสำคัญสำหรับผม เพราะมันเป็นข้อมูลที่ทำให้ผมอินลึกไปกับบทมากกว่าที่จะแสดงแบบนั้นแบบนี้

          คำถาม: คุณคุยกับเธอถึงการเดินทางของสเนปมาตลอดช่วงหลายปีและตลอดช่วงเวลาที่ถ่ายทำภาพยนตร์หรือเปล่า?
          อลัน ริคแมน: ไม่หรอก ไม่เชิงทั้งหมด ผมได้พบเธอในช่วงหลายปีจากในบางโอกาส บางอีเว้นท์ และเธอมีความ่าอัศจรรย์มาก จากมุมมองของเราในฐานะของนักแสดง วิธีการทำงานอย่างใกล้ชิด บางทีเธอก็มาเยี่ยมที่ฉากแต่ผมไม่เคยพบเธอที่นั่น ผมว่านั่นเป็นความอัจฉริยะของตัวเธอ เห็นได้ชัดว่าเธอมีอำนาจบางอย่างในการควบคุมบทภาพยนตร์ หรือเธอมีการส่งร่างสุดท้ายมาให้พร้อมกับการแสดงความเห็นของเธอ แต่ผมไม่รู้สึกถึงท่าทางของการควบคุมอะไรเลย เธอปล่อยให้มันเป็นไป

          คำถาม: เพราะหนังสือยังมีการตีพิมพ์ขณะที่คุณกำลังแสดงหนังอยู่ และคุณก็ได้รับข้อมูลใหม่ๆ ว่าสเนปจะเป็นอย่างไรต่อเมื่อหนังสือเล่มใหม่ตีพิมพ์ออกมา มีสิ่งไหนที่คุณเข้าใจอย่างลึกซึ้งในตัวละครหรือรู้สึกเซอร์ไพรส์เมื่อคุณแสดงไปเรื่อยๆ มั้ย?
          อลัน ริคแมน: ผมเดาว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอก เพราะเราคอยคิดเสมอว่า ‘แล้วตอนนี้ล่ะ?’ กับ ‘เอาล่ะ ตอนนี้เขาต้องทำแบบนี้’ เขามีเส้นทางที่โดดเดี่ยวมาตั้งแต่แรกเริ่มจนท้ายที่สุด เรารู้แบบนั้นมาจนกระทั่งมันเกิดเรื่องดำเนินมาถึงบทสรุป เราวางใจไม่ได้เลยว่ามีการกำหนดเอาไว้อย่างไร มันมีคำถามสำคัญชัดเจนอยู่ในหัวผมตอนที่ผมกำลังอ่านบทและแสดง เช่นเดียวกับคนอื่นๆ จนกระทั่งมันมีการลงเอย เรารู้ดีว่าสิ่งเดิมพันของเขามีความสำคัญมากเสมอ ไม่ว่าผลลัพธ์จะปรากฏอย่างไรก็ตาม

          คำถาม: การรับบทแสดงเป็นตัวละครที่มีอารมณ์ซับซ้อน มีความคลุมเครือมาตลอดหลายปีนี้เป็นอย่างไรบ้าง? รู้สึกพอใจมั้ย? กลัวหรือเปล่า? หรือทั้งสองอย่าง?
          อลัน ริคแมน: มันมีแต่ได้เสมอเมื่อรับบทแสดงเป็นคนที่ดูซับซ้อน เพราะมันเป็นการทดสอบระบบการแสดงของเรา และวางตำแหน่งเราให้อยู่ในการถ่ายทอดเรื่องราวที่ดีได้อย่างเหมาะสม เพราะการถ่ายทอดเรื่องราวที่ดีจำเป็นต้องมีตัวละครที่ดูคลุมเครือ มันต้องใช้ผู้คน เวลาที่ผู้ชมและผู้อ่านไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร ฉะนั้นบางทีมันต้องมีลักษณะของ ‘ผู้กระทำ’ หรือ ‘ผู้สร้างเรื่องไม่คาดฝัน’ หรือ ‘ผู้ก่อเรื่องให้เขา’ มันช่วยให้เรารู้สึกเข้มข้นมากขึ้น ผมได้ตอบสนองต่อสิ่งที่อยู่บนหน้าหนังสือ และสิ่งที่ปรากฏอยู่ในบทเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับผมทุกครั้งที่ได้รับบทชุดใหม่มา

          คำถาม: ในช่วงชีวิตอันแสนยืนยาวที่ต้องมีช่วงเวลา 7 อาทิตย์เป็นเวลา 8 ครั้งแล้วตอนนี้ การย้อนกลับไปแสดงบบาทของคุณในเรื่องราวเหล่านั้น มันเป็นเรื่องง่ายมั้ยที่จะกลับไปสวมบทแสดงเป็นเขาเมื่อคุณใส่เกียร์เดินหน้าแสดง? หรือในแต่ละครั้งคุณจะค้นพบสิ่งใหม่ๆ ตลอด?
          อลัน ริคแมน: มันเหมือนเรื่องชั่วพริบตาอยู่เสอม โครงร่างของเขาเป็นคนที่เข้มแข็งทางด้านร่างกาย มีสีสันที่นอกจากดำกับโทนสีขาวเพียงไม่กี่สี และต้องใส่คอนแทคเลนส์มักรู้สึกแตกต่างกันไปในแง่กายภาพเสมอ ทุกๆ เช้าตาของเราต้องเปลี่ยนสีไป และถูกข่มบังคับเอาไว้ด้วยเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย จึงมีหลายจุดเลยที่เรารู้สึกได้ถึงความแตกต่างทันที และหากเรารู้สึกแตกต่างอย่างสิ้นเชิง มันก็เป็นความรู้สึกทางด้านร่างกาย เราจะพูดว่า ‘อ๋อใช่ โอเคเลย จำเขาได้ละ’

          คำถาม: แล้วในคราวนี้สเนปเป็นครูใหญ่อยู่ที่ฮอกวอตส์ได้อย่างไร?
          อลัน ริคแมน: เขาเข้ามาเกี่ยวข้องเมื่อนานมากแล้ว

          คำถาม: การแสดงทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกแห่งพ่อมดตอนนี้ คุณคิดว่าเขารู้สึกอย่างไรกับบทบาทของครูใหญ่? เขารู้สึกพอใจกับมันมั้ย?
          อลัน ริคแมน: แน่นอนว่ามันเป็นการผสมผสานเข้ากับความซับซ้อนเล็กๆ น้อยๆ ของเรื่องราวตรงนั้นหลายอย่าง ผมเลยไม่อยากจะหลุดอะไรออกไป แค่บอกว่ามันเป็นบทที่มีความซับซ้อน ณ ช่วงเวลานั้นจะดีกว่า

          คำถาม: คุณช่วยเล่าถึงความสัมพันธ์ของสเนปกับแฮร์รี่ให้ฟังได้มั้ย และเวลาผ่านไปหลายปีมันเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง สเนปคิดอะไรเวลาที่มองดูแฮร์รี่?
          อลัน ริคแมน: ไม่สามารถพูดถึงเรื่องนั้นได้เลยจริงๆ เพราะถ้าพูดไปผู้ชมที่อ่านหนังสือเล่มที่สาม พวกเขาไม่อยากรู้สิ่งที่ผมรู้ตอนนี้หรอก เพราะผมแสดงทุกอย่างจบหมดแล้ว และผมก็ไม่อยากเป็นนักสปอยล์ เรารู้ว่าความสัมพันธ์ของเขากับแฮร์รี่มีความซับซ้อนเหมือนกับความสัมพันธ์พื้นฐานของเขา หรือละเอียดถึงเรื่องการติดกระดุมเสื้อผ้า มันมีความสำคัญต่อสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่นี้มาก

          คำถาม: การทำงานร่วมกับนักแสดงรุ่นเยาว์ที่นำทีมโดย แดน รูเพิร์ท เอ็มม่าที่โตขึ้นมาในตัวละครของพวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง? คุณ คิดว่าคุณมีอิทธิพลต่อการโตมาเป็นนักแสดงของพวกเขาและพวกเขาหลงใหลในตัวคุณมั้ย?
          อลัน ริคแมน: เราช่วยอะไรไม่ได้ แต่เราถูกโน้มน้าวด้วยการขยันทำงาน สัญชาตญาณที่ละเอียดอ่อนที่อยู่ในวัยหนุ่มทุกสิ่งที่ทั้งสามคนได้ขุดคุ้ยขึ้นมา ผมคิดว่าทุกอย่างตั้งแต่จุดเริ่มต้น มันดีมากสำหรับผมที่ได้พูดถึงช่วงเวลา 7 อาทิตย์ของหนังแต่ละเรื่อง พวกเขาทำงานร่วมกันทุกวันค่อนข้างเยอะ ฉะนั้นเมื่อเราพูดถึงความรับผิดชอบตลอด 10 ปีของพวกเขาแล้ว มันเป็นช่วงเวลา 10 ปีจริงๆ จำนวนวันที่พวกเขาได้พักมีน้อยกว่าจำนวนวันที่พวกเขาต้องทำงาน พวกเขาได้เรียนรู้งานว่าการแสดงภาพยนตร์หมายถึงอะไร รู้ว่าการพูดกับผู้อื่นโดยใช้น้ำเสียงเหมือนเราตั้งใจสื่อ มีการรับฟัง และรู้ว่าการรับฟังมีความหมายเทียบเท่ากับการพูดคุยในหนัง ผมว่าองค์ประกอบโดยรวมโชคดีมากที่ได้ร่วมงานกับทั้งสามคนนี้ ได้เห็นพวกเขาโตขึ้นมาไม่ว่าจะมีใครทันสังเกตุหรือไม่ก็ตาม มันเป็นเรื่องที่น่าตกใจเมื่อเรามองไปที่หนังภาคแรกและพบว่าพวกเขายังเด็กแค่ไหน

          คำถาม: และความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาในโลกใบใหม่นี้ได้เปิดรับพวกเขาหรือเปล่า? พวกเขาเหมือนฟองน้ำที่เรียนรู้ซึมซับทุกเรื่องมั้ย?
          อลัน ริคแมน: ใช่ แต่หากเราพูดถึงแดน รูเพิร์ทและเอ็มม่าแล้ว พวกเขาไม่เคยเสียความเป็นตัวของตัวเองไปเลย พวกเขาแตกต่างกันมาก มันเป็นสิ่งที่ปรากฏชัดเจนและก็ยังเป็นเช่นนั้นอยู่ ผมมั่นใจพวกเขาต้องพูดว่าพวกเขาใช้ชีวิตอยู่แยกจากกัน แต่พวกเขามีความเข้าใจกันอย่างชัดเจนว่าพวกเขาต้องอยู่ร่วมกันในจุดนั้น ในส่วนหนึ่งมันก็เหมือนความลับ พวกเขาอาจเป็นตัวของตัวเองไปตลอดก็ได้ มันเป็นเรื่องที่ผมให้ความเห็นไม่ได้ ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวมาก

          คำถาม: และมันเป็นเรื่องที่มีเพียงสามคนนั้นที่จะเข้าใจได้เท่านั้น?
          อลัน ริคแมน: ใช่ เพราะพวกเขาต้องรู้ดี ในอีกแง่หนึ่งการมอบความรับผิดชอบของการทำงานหนักในระดับนั้น จากนั้นไม่นานหนังก็ฉาย แล้วเป็นแบบนั้น 8 ครั้งคิดว่าจะเป็นอย่างไร? การประชาสัมพันธ์อย่างไม่คาดฝัน และแสงแฟลชที่พวกเขาต้องรับมือและนึกภาพว่า สื่อนี้จะเกี่ยวข้องกับสื่อนั้นอย่างไร และถึงอย่างไรในเวลาเดียวกันก็โตขึ้นเป็นวัยรุ่นที่ดี เหมือนเป็นเรื่องมหัศจรรย์เลย

          คำถาม: ในหนังภาคที่แล้วคุณมีฉากยอดเยี่ยมร่วมงานราล์ฟ ฟีนส์ คุณช่วยพูดถึงการทำงานร่วมกับราล์ฟให้ฟังได้มั้ย? ช่วงเวลาที่เข้มข้นของพวกคุณในบางช่วงที่อยู่ร่วมกัน
          อลัน ริคแมน: ราล์ฟเป็นเพื่อนที่ดีมากของผมคนหนึ่ง และแน่นอนว่าเขาเป็นคนที่ผมให้ความเคารพอย่างสูงในฐานะของนักแสดง ไม่ใช่แค่ในหนังนะ แต่ในด้านที่เขายังหวนกลับไปสู่ละครเวทีและทดสอบตัวเองด้วยบทบาทที่ใหญ่และยาก เขาไม่เคยใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายเลย มันเป็นเรื่องวิเศษที่ได้แสดงร่วมฉากกับคนที่มีความกล้าหาญและเคร่งครัดในผลงานของเขา และถึงแม้ผมจะรู้สึกเขาในฐานะของเพื่อนสนิท เราก็ต้องร่วมงานกับเขาเหมือนเพื่อนนักแสดงที่ไม่มีความปราณี มันออกมาจากมุมแดงและมุมน้ำเงินที่พร้อมจะวางมวยกัน แต่เป็นในทางที่ดีนะ

          คำถาม: ซึ่งเป็นการจับคู่กันที่ดีใช่มั้ย?
          อลัน ริคแมน: เราสนุกกับมันนะ

          คำถาม: คุณช่วยพูดถึงประเด็นหลักของหนังและวิธีที่พวกเขาสะท้อนถึงหนังภาคที่แล้วให้ฟังได้มั้ย?
          อลัน ริคแมน: หนังภาคที่แล้วเกี่ยวกับการแก้ปัญหาและจุดเริ่มต้นครั้งใหม่ มันเป็นจุดเริ่มต้นอนาคตที่แท้จริงของเด็กทั้งสามคน และใช้ชีวิตแบบที่พวกเขาต้องพร้อมนำทางไป ฉะนั้นคำพูดเปรียบเสมือนการไถ่ถอนและความซื่อสัตย์และสิ่งที่เราศรัทธากับสิ่งที่เราให้ความสำคัญ พวกเขาเหมือนมีแสงไฟนีออนที่สว่างอยู่บนหัวเวลาที่พวกเขาส่งตัวเด็กๆ ไปที่ฮอกวอตส์

          คำถาม: คุณช่วยพูดถึงการถ่ายทำที่ Leavesden Studios ให้ฟังได้มั้ย? คุณคิดว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์มั้ยที่เราได้เห็นสิ่งต่างๆ ในหนังเหล่านี้ และ Leavesden Studios เองก็เป็นสถานที่ที่ใม่งดงามอย่างยิ่ง แต่มีเวทมนตร์และครอบครัวนี้อยู่ในสตูดิโอ ทำให้มีสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ เกิดขึ้น การทำงานที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง?
          อลัน ริคแมน: มันขึ้นอยู่กับว่าสภาพอากาศเป็นอย่างไร มันไม่มีระบบทำความอุ่นที่ดีที่สุดในโลก แต่ผมโชคดีกว่าคนอื่นด้วยเสื้อผ้าของผมที่ค่อนข้างอุ่นอยู่เสอม ฉะนั้นในระดับการแสดงแล้วก็อย่างที่เราพูดว่ามันมีข้อผิดพลาดในตัวมัน แต่ที่แน่ๆ มันคือบ้านของเรา ผมว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงกว่า 10 ปี เราเฝ้าดูเทคโนโลยีที่มีการยกระดับขึ้นและหนีจากมันฉะนั้นในช่วงเริ่มต้นบางทีเราจึงต้องอยู่ที่ Leavesden หรือบางทีก็อยู่ในฉากที่มีรายละเอียดที่น่าเหลือเชื่อในโรงถ่ายด้านหลัง หรือไม่ก็อยู่ในสถานที่บางแห่ง เมื่อเวลาผ่านไปเทคนิค CGI มีพัฒนาการขึ้น เรามีการใช้สถานที่น้อยลงจนกระทั่งท้ายที่สุดก็ไม่ต้องใช้เลย เพราะมันสร้างขึ้นได้ด้วยเวทมนตร์ที่เหมาะสมเพียงพอ มีคนร่ายไม้กายสิทธิ์สร้างโรงเรียนฮอกวอตส์และโลกของมันที่อยู่รอบตัวเราขึ้นมาจากคอมพิวเตอร์

          คำถาม: คุณคิดอย่างไรกับตำนานของหนังทั้ง 8 ตอนหรือสถานที่ที่ภาพยนตร์ชุดนี้จะลงเอยในประวัติศาสตร์ของภาพยนตร์? มันส่งผลกระทบอย่างยิ่งใหญ่ในโรงหนังที่อังกฤษ การสร้างภาพยนตร์ที่อังกฤษ แต่โดยทั่วไปแล้วคุณคิดว่ามรดกสืบทอดชิ้นนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป?
          อลัน ริคแมน: ผมหวังว่าในท้ายที่สุดแล้วมรดกของเรื่องจะทำให้ผู้คนยึดมั่นในการเล่าเรื่องราว และไม่เอามาเล่าขานกันโดยคนกลุ่มนึง มันคือความเป็นไปได้ที่จะเชื่อมั่นในจินตนาการของการเล่าเรื่องราวจริง จากนั้นก็ทำให้มันเป็นเรื่องที่ควรให้การยกย่องเท่าที่ทำได้ เราอาจจะลงเอยด้วยสิ่งที่สร้างความบันเทิงได้ในอีกด้านหนึ่ง สร้างเงินได้เป็นกองจากผู้อื่น และให้ความสุขที่ไม่ต้องบรรยายแก่เด็กๆ และผู้ใหญ่ มันเป็นการให้เหตุผลต่อสิ่งที่เราต้องการ มนุษย์คือคนที่อยากฟังเรื่องราวต่างๆ ผมคิดว่ามันไม่อาจกระทำได้โดยคนกลุ่มนึง ผมคิดว่ามันต้องเป็นจินตนาการของคนๆ หนึ่ง ซึ่งจุดนี้คือ โจ โรว์ลิ่งและทุกคนที่อาจต้องตามเธอ

FB on August 07, 2011, 12:48:32 PM
HARRY POTTER AND THE DEATHLY HALLOWS - PART 2: คำถามและคำตอบกับ เดวิด เยทส์ (ผู้กำกับ)
 
          คำถาม: ตอนที่คุณสร้างหนังตอนสุดท้ายเสร็จแล้ว คุณรู้สึกสบายใจหรืออยากทำหนังต่ออีกสัก 4 เรื่อง?
          เดวิด เยทส์: เมื่อมาถึงตอนจบของเครื่องรางยมทูต – ภาค 2 บอกตรงๆ ว่าผมรู้สึกดีใจมากที่เราถ่ายทำจบแล้ว การทำหนังเหล่านี้มันรู้สึกโหดมาก มันเป็นหนังที่มีความซับซ้อน เราถ่ายทำตอนเครื่องรางยมทูตตลอดช่วงฤดูหนาวและช่วงฤดูใบไม้ผลิมาถึงช่วงซัมเมอร์ มันจึงรู้สึกโล่งใจมากที่เสร็จซะที เหตุผลที่ผมคิดว่าผมยืนหยัดได้ยาวกว่าคนอื่น เพราะผมเพลิดเพลินไปกับโลกนี้มาก ทุกคนมอบพลังให้ผมอย่างเหลือล้นทั้งแดน [แรดคลิฟ], รูเพิร์ท [กรินท์], เอ็มม่า [วัตสัน] ทีมงาน ทีมผู้อำนวยการสร้าง กลุ่มคนที่ผมร่วมงานด้วย ผมไม่อยากเป็นผู้กำกับที่ทำสองภาคแบบครึ่งๆ กลางๆ มันมีบางอย่างในหนังที่ทำให้ผมรู้สึกหนักใจมาก และตอนเจ้าชายเลือดผสม, ภาคีนกฟีนิกซ์ และ เครื่องรางยมทูต – ภาค 1 จบลงแบบค้างๆ คาๆ ผมอยากได้หนังที่มีองค์ที่สามที่ใหญ่จริงๆ และสามารถสรุปทุกเรื่องราวได้อย่างสมบูรณ์แบบ นั่นคือสาเหตุที่ผมยังทำหน้าที่ต่อ

          คำถาม: คุณช่วยพูดถึงการสร้างความเปลี่ยนแปลงของหนังเรื่องนี้เรื่องภาพ 3 มิติให้ฟังได้มั้ย?
          เดวิด เยทส์: ผมเป็นกังวลมากในเรื่องนี้ แต่ผมขอยืนยันว่ามันมีทั้งความงดงามและสละสลวยในการสร้างรูปแบบ 3 มิติ ซึ่งมันจะช่วยเรื่องประสบการณ์ความเพลิดเพลินไปกับภาพยนตร์ และโดยทั่วไปแล้วเราอยากทำหนังให้ลงลึกยิ่งขึ้น มีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ปรากฏออกมาจากจอภาพ จนผมพบทั้งความน่ารำคาญและสิ่งรบกวนความเพลิดเพลินของเรื่องราว
          ผมใช้ 3 มิติเหมือนกับแนวดนตรี ในฉากที่ใกล้ชิดและเงียบสนิทก็มีความลุ่มลึกแต่ยิ่งใหญ่ ข้อสรุปของผมจากคนที่เราร่วมงานด้วยคือมันช่วยในส่วนเนื้อเรื่องเสมอ มันมีการถ่ายทอดเรื่องราว เราใช้เวลาไปกับเรื่องภาพ 3 มิติอยู่นาน ผมได้เห็นฉากต่างๆ ที่ต้องย้อนกลับไปแก้ไขตลอดเวลา ฉะนั้นแต่ละฉากในหนังจึงมีความใส่ใจและสนใจเพื่อทำให้แน่ใจว่าประสบการณ์แห่ง 3 มิตินั้นได้ยกระดับเนื้อเรื่อง และทำให้การชมภาพยนตร์เรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ มีความสนุกสนานยิ่งขึ้นไม่น้อยไปกว่าเดิม

          คำถาม: ตั้งแต่ที่หนังเรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ ตอนสุดท้าย คุณรู้สึกกดดันเป็นพิเศษมั้ยที่ต้องทำให้แน่ใจว่า มันจะเป็นหนังที่อยู่ในประวัติศาสตร์แห่งภาพยนตร์?
          เดวิด เยทส์: ว้าว เป็นคำถามที่ดีนะ ผมรู้สึกกดดันมากและกดดันทุกครั้งที่เราต้องสร้างหนัง โดยเฉพาะหนังเรื่องนี้เพราะผมเดาว่ามันเป็นเหมือนตำนานแห่งการสร้างภาพยนตร์เลยนะ แต่รู้มั้ยว่าเราต้องทำอะไร? เราทำได้แค่ออกไปทำงาน และพยายามถ่ายทอดเรื่องราวในทุกวันให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ ช่วงเวลาที่เราเริ่มคิดถึงมัน มันก็อาจทำลายเราแล้ว ผมเลยตั้งใจออกไปทำงาน อยากทำหนังให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ โดยไม่คิดถึงเรื่องประวัติศาสตร์ของหนัง หรือคิดถึงเรื่องผู้ชมจะยอมรับหรือตอบรับหนังอย่างไร ผมแค่อยากถ่ายทอดเรื่องราวให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ ผมเดาว่านั่นคือวิธีจัดการกับความกดดันของผมนะ

          คำถาม: ฉากที่ท้าทายความสามารถของคุณที่สุดเป็นฉากไหน และฉากไหนที่คุณภูมิใจมากที่สุด?
          เดวิด เยทส์: ผมชอบหลายฉากในหนัง แต่ฉากที่ผมสนุกมากๆ และภาคภูมิใจมาก ผมคิดว่าเป็นฉากสุดท้ายที่ King’s Cross สำหรับผมมันเป็นฉากที่เร้าอารมณ์มาก ไม่มีเวทมนตร์อะไรมากในฉากนั้น แต่มันรู้สึกมีมนตร์สะกดมาก ส่วนฉากที่ท้าทายความสามารถที่สุดเป็นฉากตู้นิรภัยที่ธนาคารกริงกอตส์ น่าแปลกที่มันดูไม่ได้ซับซ้อนอะไรนัก แต่พอนักแสดงทั้งสามเข้ามาในห้องขนาดเล็กและทรัพย์สมบัติเหล่านั้นเริ่มพอกพูนขึ้นมา เราต้องออกแบบพื้นไฮทรอลิคที่ต้องยกพวกสมบัตินั้นขึ้นมา เราต้องนึกภาพวิธีที่จะยกกล้องขึ้นตรงนั้น และมันเป็นฉากที่ปิดล้อมไว้อย่างแน่นหนา ต้องใช้เวลาวางแผนอยู่เดือนแล้วเดือนเล่าทั้งๆ ที่มีความยาวแค่ 2 นาทีครึ่ง เป็นฉากที่ยากเหมือนกัน

          คำถาม: คุณตัดสินใจเรื่องความยาวของหนังภาคนี้อย่างไร และจะมีฉากพิเศษสำหรับ DVD มั้ย?
          เดวิด เยทส์: ครับ เรามีฉากพิเศษสำหรับ DVD หลายฉากที่ผมตัดออกจากหนัง เราไม่เคยพูดว่า ‘มันต้องมีความยาว 3 หรือ 2 ชั่วโมงครึ่ง หรือ 90 นาที’ เวลาที่เราดูหนังแล้วเรารู้สึกว่ามันกำลังพอเหมาะพอดี นั่นแหละคือความยาวของหนัง จนท้ายที่สุดนั่นคือสิ่งที่เป็นตัวกำหนดความยาวของภาพยนตร์ และหนังภาคนี้รู้สึกได้ถึงน้ำหนัก รูปร่างและจังหวะที่เหมาะสมในช่วง 2 ชั่วโมง แต่เรายังคงเก็บส่วนเล็กๆ ที่เราตัดออกเอาไว้ และจะใส่เข้าไปในม้วน DVD พิเศษของเรา

          คำถาม: คุณช่วยพูดถึงการตัดสินใจในการหยิบยกการเผชิญหน้าระหว่างแฮร์รี่และโวลเดอมอร์ให้ฟังได้มั้ย?
          เดวิด เยทส์: ในหนังสือพวกเขาจะรายล้อมซึ่งกันและกันในห้องโถงใหญ่ต่อหน้านักเรียนหมู่มาก และผมอยากแผ่ขยายมันออกไปข้ามโรงเรียน ผมคิดว่ามันเป็นโอกาสในแง่ของภาพอันดีที่ได้เห็นตัวละครทั้งสองต่อสู้กันท่ามกลางซากที่หักพังในส่วนต่างๆ ของโรงเรียน
          ผมนั่งอยู่ที่สวนของผมในวอร์วิคเชอร์ พยายามคิดถึงวิธีใส่ความพิเศษเข้าไปนิดหน่อย ผมไม่รู้ถึงจุดประสงค์เพราะทั้ง / คนต่อสู้กันตลอดจนอ่อนกำลังไปพักหนึ่ง และผมเกิดความเข้าใจในความคิดของแฮร์รี่ที่มองโวลเดอมอร์ ตอนที่พวกเขาอยู่ที่หน้าผาและดึงเขาลงมา นั่นคือช่วงเวลาที่ผม ‘เก็ท’ ในสวนวันอาทิตย์ตอนที่กำลังดื่มชา ผมคิดว่ามันน่าจะงดงามมากที่ตัวละครทั้งสอง แสดงกายกรรมในหุบเหวลึกนี้ จากนั้นมีการเชื่อมต่อกันในพิธีการที่ประหลาด ซึ่งน่าจะอยู่ในความทรงจำและถ่ายทอดความรู้สึกได้มาก

          คำถาม: หลังจากเสร็จสิ้นแล้วคุณได้ใช้เวลาช่วงวันหยุดบ้างมั้ย?
          เดวิด เยทส์: ผมไม่มีช่วงวันหยุด โชคร้ายจัง แต่ผมจะใช้วันหยุดแล้วตอนนี้ ผมกำลังจะเริ่มพักในช่วง 2-3 อาทิตย์นี้สัก 2-3 เดือนเพื่อพักผ่อน ชาร์ทร่างกาย และเคลียร์สมองจากทุกสิ่งทุกอย่าง

          คำถาม: คุณจะทำอะไรต่อหลังจากหนังเรื่องนี้?
          เดวิด เยทส์: จะทำสิ่งที่เล็กลง ได้เรียนรู้เยอะขึ้นและมีความหมายมากขึ้น มันคงจะเป็นเรื่องบ้าๆ หากผมคิดจะกำกับหนังยักษ์อีกสักเรื่องหนึ่ง ผมเลยอยากทำหนังที่ไม่ใช่หนังฟอร์มเล็กนะแต่เป็นหนังที่มีขนาดเล็กลง ผมได้บทเจ๋งๆ มาบ้างแล้วล่ะ
          ความวิเศษเกี่ยวกับการกำกับภาพยนตร์เรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ คือแฮร์รี่ พอตเตอร์เป็นนิยาย มันมีความระทึกขวัญ ความตลก เป็นหนังสยองขวัญ เป็นหนังแอ็คชั่น
          ฉะนั้นในฐานะผู้กำกับ สิ่งที่เกิดขึ้นคือผมกำลังจะถ่ายทอดความตลก ภาพการต่อสู้ ความระทึกขวัญและทุกอย่างที่คุณจะจินตนาการได้ นั่นคือสิ่งที่ผมเลือกในวินาทีนี้

          คำถาม: คุณอยากให้เราหยิบอะไรออกไปจากหนังภาค 2?
          เดวิด เยทส์: แค่อารมณ์และความรู้สึกว่าวัฏจักรนั้นได้สมบูรณ์แล้วในการเดินทางตลอด 10 ปีนี้มาถึงจุดที่พอใจแล้วแต่เป็นการเคลื่อนสู่บทสรุป ซึ่งนั่นคือจุดจบของหนังเรื่องนี้
          เราเดินทางไปที่ชิคาโก้เพื่อทดสอบภาพ และเราได้ข้อความที่ทุกคนเขียนมา เด็กสาวคนนี้ก็มีข้อความหนึ่งต่อหนังเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ เธอไม่ได้แสดงความเห็นอะไร เธอแค่บอกว่า ‘ลาก่อนนะเด็กน้อย’ นั่นจึงเหมือนเป็นการสรุปเรื่องราวของหนังสำหรับผม
 

FB on August 07, 2011, 12:50:32 PM
HARRY POTTER AND THE DEATHLY HALLOWS - PART 2: คำถามและคำตอบกับรูเพิร์ท กรินท์ (รอน วีสลีย์)
 
          คำถามและคำตอบกับรูเพิร์ท กรินท์ (รอน วีสลีย์)
          คำถาม: มีหลายฉากในภาค 2 ที่มีอารมณ์ดุเดือดมาก คุณมีการเตรียมตัวเป็นพิเศษสำหรับฉากเหล่านี้มั้ย?
รูเพิร์ท กรินท์: ก็ไม่มีอะไรมาก ฉากหนึ่งที่น่าประหลาดและหดหู่ที่สุดเท่าที่ผมเคยแสดงมา คือฉากการเสียชีวิตของเฟรดนะผมคิดว่า ฉากในห้องโถงใหญ่กลายเป็นฉากโรงพยาบาลช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่กระจัดกระจายไปด้วยคนตายและผู้บาดเจ็บ ที่นั่นเต็มไปด้วยพี่น้องวีสลีย์นอนอยู่ข้างศพ และเป็นฉากค่อนข้างเงียบสงบ มีแต่ความเงียบงัน ผมมีพี่น้องผมเลยสามารถเข้าถึงความรู้สึกนั้นได้บ้าง และมันเป็นเรื่องเศร้าที่ต้องทำแบบนั้น แต่ผมไม่ต้องมีการเตรียมตัวอะไรเลย ผมว่าเราจับความรู้สึกได้เวลาอยู่ในฉากและได้ยินเสียงแม็กกี้ สมิธ สะอึกสะอื้น มันทำให้อารมณ์หดหู่ลงจริงๆ

          คำถาม: คุณแปลสิ่งที่รอนพูดในภาษางูได้มั้ย?
          รูเพิร์ท กรินท์: เป็นคำถามที่ดีมาก ผมไม่รู้อะไรเลย พวกเขาให้ซีดีผมมาแผ่นหนึ่ง เหมือนมีคนกำลังเต้นอะไรสักอย่าง ผมจำไม่ได้เลยว่าผมเรียนรู้อะไรมา ผมก็แค่แสดงมันออกไป

          คำถาม: เจ.เค.โรว์ลิ่งหรือผู้กำกับคนไหนเคยแบ่งปันเรื่องราวความเป็นมาของตัวละครคุณที่ไม่เคยเปิดเผยในหนังสือหรือหนังบ้างมั้ย?
          รูเพิร์ท กรินท์: บอกตามตรงว่าเวลาที่ เจ.เค.โรว์ลิ่ง มาอยู่ในฉาก เวลาที่เราพูดคุยกันเราไม่ค่อยคุยเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง หนังสือหรืออะไรก็แล้วแต่ เราแค่คุยกันเรื่องทั่วไป แต่ผมจำได้ว่าเธอจะให้ข้อมูลเราในส่วนของบทส่งท้ายงานวรรณกรรมว่าตัวละครจะไปที่ไหนและพวกเขาจะทำอะไร ผมคิดว่าจริงๆ แล้วเธอเขียนเรื่องราวชีวิตของพวกเขาส่วนที่เหลือนะ และนั่นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าสนใจเมื่อได้ยินว่าในที่สุดพวกเราจะลงเอยเช่นไร ผมคิดว่าผมทำงานบางอย่างในกระทรวง ผมลืมไปแล้วว่าเอ็มม่าทำอะไร แต่มันก็ดีนะ

          คำถาม: แฟนๆ บางคนเฝ้ารอที่จะได้เห็นรอนจูบกับเฮอร์ไมโอนี่มาอย่างยาวนาน และเมื่อมันเกิดขึ้นจริง มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก คุณรู้สึกอย่างไรกับความจริงจังในเรื่องนั้น? คุณหวังว่าฉากนั้นจะยาวนานไปอีกสักนิดมั้ย?
          รูเพิร์ท กรินท์: ผมหวังให้มันนานขึ้นมั้ย? [หัวเราะ] ไม่หรอก ไม่เลย บอกตรงๆ ว่ามันเป็นเรื่องยากที่ให้ทำแบบนั้น ผมรู้จักกับเอ็มม่ามานานมาก และผมว่าพวกเราต่างกลัวฉากนั้นอยู่บ้าง แต่มันก็ผ่านไปด้วยดี จริงๆ แล้วมันเป็นช่วงเวลาที่ไม่ปรากฏอยู่ในหนังสือ ผมว่ามันเป็นฉากที่เดวิดกับสตีฟใส่เข้าไป และทุกอย่างมันก็โอเค มันต้องพยายามทำให้ดูนาเชื่อถือ ดูมีความโรแมนติก เพราะมันก่อตัวขึ้นมานานหลายปีแล้ว และเราอยากให้ทุกคนคิดว่าเราอยากจูบกันจริงๆ เพราะในความเป็นจริงแล้ว เราไม่ได้อยากจูบกันเลย ซึ่งมันก็โอเคนะ เป็นช่วงเวลาที่ดี หวังว่าทุกคนจะเชื่อในฉากนั้น

          คำถาม: มันแค่ 2-3 เทคเองไม่ใช่หรอ?
          รูเพิร์ท กรินท์: เราถ่ายกัน 4 เทค ผมพบว่ามันยากที่จะจำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้น ผมคิดว่ามันถูกลบออกไปจากใจผมแล้วล่ะ แต่เราก็หัวเราะกันเกี่ยวกับฉากนั้น มันก็สนุกดีนะ

          คำถาม: ฉากโปรดของคุณในหนังทุกตอนคือฉากไหน?
          รูเพิร์ท กรินท์: ฉากโปรดมีหลายฉากจริงๆ ผมว่ามันยากที่จะหยิบยกขึ้นมาสักฉาก แต่ผมว่าฉากหมากรุกในภาคแรกก็เป็นฉากที่ดี มันเป็นฉากขนาดมหึมาและทุกอย่างก็ปลิวลอยไป สำหรับเด็กอายุ 11 ขวบแล้ว มันเป็นที่ๆ เท่ห์ที่สุดที่จะอยู่ ผมชอบฉากนั้นแหละ

          คำถาม: Kiss aside แล้วในภาค 2 ล่ะ? ฉากโปรดของคุณคือฉากไหน?
          รูเพิร์ท กรินท์: ผมรักทุกอย่างฉากเกี่ยวกับกริงกอตส์ ได้เข้าไปในกริงกอตส์พร้อมก็อบบลินทั้งหลาย ในตู้นิรภัยที่เต็มไปด้วยทอง เหมือนกับกำลังจมอยู่ในทอง มันเป็นฉากที่เท่ห์จริงๆ

          คำถาม: อะไรทำให้คุณซื้อรถขายไอศครีม?
          รูเพิร์ท กรินท์: รถไอศครีมคือสิ่งที่ผมอยากได้มาตลอด มันเหมือนกับความฝันของเด็กๆ สิ่งที่ผมอยากเป็นคือคนขายไอศครีม ทันทีที่ผมผ่านการทดสอบการขับรถ ผมก็ซื้อรถแวนขายไอศครีมเลย

          คำถาม: การถ่ายทำเรื่องพอตเตอร์เมื่อเทียบกับเรื่อง Wild Target หรือ Cherrybomb ต่างกันอย่างไร?
          รูเพิร์ท กรินท์: ต่างกันมาก นั่นคือเหตุผลที่ผมมีความสุขกับการก้าวเข้าไปในฉากที่ไม่เหมือนเดิมเวลาที่ผมทำได้ระหว่างหนังแต่ละเรื่อง เพราะหนังเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ ก็เป็นเรื่องยากที่จะไปเปรียบเทียบกับเรื่องไหน เพราะมันเป็นกลไกที่แตกต่าง มันเป็นประสบการณ์ที่ต่างออกไปจากหนังเล็กๆ พวกนี้มาก เพราะเราไม่ได้อยู่กับทีมงานที่คุ้นเคยที่เราโตขึ้นมาด้วย เราอยู่กับคนใหม่ๆ และต้องใช้เวลาปรับตัวอยู่พักหนึ่ง แต่ผมก็ได้เรียนรู้หลายอย่างจากหนังเรื่องอื่น และก็เป็นเรื่องดีที่ได้รับบทที่แตกต่างออกไป รู้สึกค่อนข้างสดชื่นดี

          คำถาม: นี่เป็นตอนสุดท้ายของภาพยนตร์ซีรี่ส์เรื่องนี้ คุณอยากร่วมแบ่งปันความรู้สึกอะไรสักเล็กน้อยเกี่ยวกับตอนจบของหนังมั้ย?
          รูเพิร์ท กรินท์: มันเป็นช่วงสัปดาห์ที่ค่อนข้างสะเทือนใจจริงๆ การได้ดูหนังก็เหมือนกัน ผมก็รู้สึกสะอึกอยู่บ้างในตอนท้าย มีฉากหนึ่งหลังการต่อสู้ที่พวกเราทั้งสามเดินอยู่บนสะพาน และปราสาทก็พังทลายอยู่ด้านหลังเรา มันมีเหตุการณ์ที่เดินคู่ขนานกับชีวิตเรา จริงๆ แล้วสำหรับเรามันสิ้นสุดลงแล้ว มันก็ค่อนข้างเศร้านะ ผมคงคิดถึงมันมากๆ เลย

          คำถาม: คุณจะทำอะไรต่อไป?
          รูเพิร์ท กรินท์: ผมยังไม่รู้เลย ผมรักการแสดงมาโดยตลอด ผมมีการแสดงหนังอื่นอยู่ในช่วงนี้ ผมอยากแสดงหนังมากขึ้น ผมได้แสดงหนังเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมาเกี่ยวกับเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 2 ผมอยากแสดงหนังต่อไปและรับบทบาทที่มีความแตกต่างกัน

          คำถาม: คุณจะขานรับกับชื่อ ‘รอน มั้ย?’
          รูเพิร์ท กรินท์: แน่นอน [หัวเราะ]

          คำถาม: คุณช่วยเล่าถึงช่วงเวลาที่คุณรู้ว่าคนอื่นๆ รู้ว่าคุณเป็นใครให้ฟังได้มั้ย? ตอนนั้นคุณอยู่ที่ไหนและคุณเป็นที่จดจำครั้งแรกเมื่อไหร่?
          รูเพิร์ท กรินท์: ครับ มันทำให้ผมต้องใช้เวลาปรับตัวอยู่พักหนึ่ง เพราะผมเป็นเด็กค่อนข้างขี้อายอยู่เสมอ และการได้รับความสนใจอย่างกระทันหันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลก และไม่เคยซ่อนตัวได้เลย มันเป็นเรื่องที่เราต้องยินดียอมรับมันนะผมว่า ผมจำได้ว่าผมอยู่ที่ศูนย์การค้าใกล้กับที่พักของผม มันเหมือนที่โรงเรียน และมีการฉายหนังออกมา มันเป็นเรื่องที่แปลกมาก ผมสนุกกับมัน มันเหมือนเรื่องเท่ห์มาก เป็นสิ่งที่ผมไม่เคยแอบเลย มันก็คือส่วนหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลก

          คำถาม: คุณคิดว่าตัวละครของคุณใกล้เคียงกับตัวคุณแค่ไหน?
          รูเพิร์ท กรินท์: ผมรู้สึกเสมอว่าผมค่อนข้างเชื่อมโยงถึงรอนได้อย่างใกล้ชิด แม้แต่ก่อนจะมีหนังด้วยซ้ำ 10 ปีที่ผ่านมาผมแสดงเป็นคนเดิมแบบนี้ทุกวัน ผมคิดว่าเราแสดงแบบธรรมชาติที่หล่อหลอมเข้าไปในตัวเขา และเหมือนเรากลายเป็น ‘รอนเพิร์ท’ ไปแล้ว ซึ่งผมคิดว่ามันคงอยู่กับผมไปอีกพักหนึ่ง [หัวเราะ] ผมว่ามันคงมีเสี้ยวหนึ่งของรอนอยู่ในตัวผมไปตลอดชีวิตที่เหลือล่ะ

          คำถาม: ในหลายอย่างคุณก็เหมือนต้นแบบ และเพราะคุณเป็น ‘คนหัวแดง’ คุณพบว่ามีคนจำนวนมากเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มั้ย?
          รูเพิร์ท กรินท์: ครับ มีหลายคนจากชุมชนคนผมแดงที่มาจับมือผม [หัวเราะ] ผมภูมิใจที่เป็นคนผมแดงอยู่เสมอ บอกตามตรงว่าผมไม่รู้เกี่ยวกับอเมริกา รู้แต่ที่อังกฤษ มันไม่ใช่เรื่องเท่ห์เลยที่มีผมแดง มันเป็นเรื่องจุกจิกที่ไม่ยุติธรรมบางครั้ง และเป็นเรื่องดีที่รอนค่อนข้างเคารพในบุคคลที่มีผมแดง และเจ้าชายแฮร์รี่เองก็ดูเท่ห์มากเลย

          คำถาม: ตอนนี้เรามาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว คุณช่วยแชร์ให้เราฟังได้มั้ยว่าคุณรู้สึกอย่างไรบ้าง?
          รูเพิร์ท กรินท์: ครับ มันเป็นช่วงเวลาที่แสนประหลาด เหมือนการยอมรับในจุดจบ เราถ่ายทำหนังเสร็จมาปีนึงแล้ว และเหมือนผมทิ้งความรู้สึกที่ว่างเปล่านี้เอาไว้ ผมต้องใช้เวลาอยู่พักหนึ่งเพื่อยอมรับว่ามันจบแล้วจริงๆ การแสดงรอบปฐมทัศน์ที่ลอนดอนเป็นวันที่สะเทือนใจมาก และปกติจริงๆ แล้วผมไม่ค่อยสะทกสะท้านกับเรื่องอะไรแบบนั้น แต่มันต้องใช้เวลาพักหนึ่งเพื่อให้ผมปล่อยให้มันเป็นไปได้จริงๆ เพราะมันเป็นช่วงเวลาในวัยเด็กของผม และจนกระทั่งมันมาถึงตอนสุดท้าย มันรู้สึกแปลกจริงๆ แต่ผมต้องผ่านมันไปให้ได้

FB on August 07, 2011, 12:53:22 PM
HARRY POTTER AND THE DEATHLY HALLOWS - PART 2: คำถามและคำตอบกับเอ็มม่า วัตสัน (เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์)
 
          คำถาม: คุณช่วยเล่าถึงฉากสุดท้ายที่คุณได้แสดงเป็นเฮอร์ไมโอนี่ให้ฟังได้มั้ยว่าเป็นฉากไหนและรู้สึกอย่างไรบ้าง?
          เอ็มม่า วัตสัน: ฉากสุดท้ายที่เราถ่ายทำเป็นช่วงเวลาที่น่าประหลาด เราต้องดิ่งเข้าไปในเตาผิงกระทรวงเวทมนตร์ จริงๆ แล้วมันเป็นฉากในภาค 1 ไม่ใช่ภาค 2 แดน รูเพิร์ทกับฉันต้องกระโดดลงไปบนฟูกนิรภัยสีฟ้าทีละคน นั่นแหละคือการถ่ายทำ มีแค่นั้นแหละ และดูเหมือนเป็นฉากแปลกที่เกิดขึ้นมาแต่จริงๆ แล้วเดวิด [เยทส์] สร้างให้เห็นว่าเรากระโดดเข้าไปในอะไรไม่รู้ มันเป็นการเปรียบเทียบที่เหมาะสมกับสิ่งที่เรากำลังจะโดดเข้าไปหา มันสนุกมาก ฉันบอกไม่ได้ว่าฉันรู้สึกอย่างไรตอนถ่ายทำฉากนั้น ฉันคิดว่ามันเหมือนการไร้ความรู้สึก

          คำถาม: มีช่วงเวลาสุดท้ายในการถ่ายทำฉากสุดท้ายที่ฮอกวอตส์หรืออะไรที่มีความโดดเด่นในใจของคุณที่ต้องกล่าวอำลาฉากเหล่านี้มั้ย?
          เอ็มม่า วัตสัน: มันเป็นเรื่องตลกมาก หนังเรื่องนี้ท้าทายความสามารถของฉันอย่างเหลือเชื่อแบบที่เห็น มันเป็นหนังที่ผลักดันฉันในฐานะนักแสดง แต่ขณะเดียวกันฉันก็ได้ใช้อารมณ์ความรู้สึกแท้จริงที่ฉันรู้สึกเกี่ยวกับความสูญเสียและทุกอย่างที่เกิดขึ้นจนวันสุดท้าย ฉันใส่ความรู้สึกลงไปในบทบาทได้ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือฉากที่พวกเรายืนบนสะพานหลังการต่อสู้ ฉันรู้สึกถึงสิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่น่าจะรู้สึกได้จริงๆ มันรู้สึกเหมือน ‘ว้าว มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ดูทุกอย่างที่เราทำได้สำเร็จสิ’ จริงๆ แล้วฉากถูกสร้างขึ้นมาเหนือ Leavesden Studios ซึ่งเป็นที่ที่ฉันโตขึ้นมา และใช้เวลาอย่างน้อย 12 ปี ฉะนั้นเลยไม่ต้องใช้การแสดงอะไรมากมาย เพราะมันอยู่ที่นั่นสำหรับฉัน

          คำถาม: คุณสมบัติของตัวละครข้อไหนที่คุณรู้สึกว่าได้ร่วมแบ่งปันกับเฮอร์ไมโอนี่?
          เอ็มม่า วัตสัน: ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรมาก ฉันเดาว่าน่าจะเป็นเรื่องความมุ่งมั่น ความมุ่งมั่นในสิ่งที่ต้องการและทำในสิ่งที่ถูกต้อง และกลัวการตกอยู่ในปัญหา ฉันรู้สึกตื่นเต้นไปกับเธอมาก เพราะเรามักจะคิดถึงอีก 3-4 ก้าวข้างหน้าอย่างสม่ำเสมอ ฉันพยายามและใช้ความคิดหลายอย่าง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเธอก็ทำได้ดี เธอมีความมุ่งมั่นมากเหมือนกับฉัน ฉันคิดว่าฉันมีความซื่อสัตย์มากแบบเดียวกับที่เธอเป็น ฉันค่อนข้างสนับสนุนเรื่องสิทธิสตรีแบบเดียวกับเธอ ฉันจะพูดอย่างที่ใจคิดแบบเดียวกับที่เธอทำ มันเป็นเรื่องที่พูดยาก ฉันรู้สึกว่าหลายอย่างในตัวฉันมีอยู่ในตัวเธอ และหลายอย่างในตัวเธอก็อยู่ในตัวฉัน ฉันบอกความแตกต่างไปได้มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ทุกอย่างมันไม่ชัดเจน แต่นั่นก็เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น

          คำถาม: คุณช่วยเล่าถึงรสนิยมทางดนตรีของคุณให้ฟังได้มั้ย และคุณพบว่ารสนิยมทางดนตรีของเพื่อนชาวอเมริกันต่างจากเพื่อนชาวอังกฤษหรือเปล่า?
          เอ็มม่า วัตสัน: ฉันพบแนวดนตรีหลายแนวที่ฉันชอบ ซึ่งส่วนใหญ่เพื่อนชาวอเมริกันของฉันจะรู้จัก และเราจะมีการประสานช่องว่างระหว่างเรา ฉันคิดว่ารสนิยมไม่ต่างกันมากนัก
          ในส่วนรสนิยมของตัวฉันเอง ฉันมีแรงจูงใจมาจากพ่อแม่เยอะมาก พ่อของฉันสะสมแผ่นเสียง พอฉันโตขึ้นมาเขาจึงซื้อเพลงของ Joni Mitchell และ Suzanne Vega เขารัก blues มากเหมือนกับ Chuck Berry แม่ของฉันชอบเล่นเพลง The Pretenders, Elvis, Natalie และ Ten Thousand Maniacs และเมื่อไม่นานมานี้น้องชายของฉันก็ทำให้ฉันอินไปกับดนตรีแนวคลาสสิคร็อคมาก ฉันได้ฟังเพลงของ Tom Petty, The Cars, Pink Floyd, The Rolling Stones, The White Stripes
          และฉันก็รักการเต้น ฉันเลยชอบฟัง Lady Gaga, Rihanna และทุกๆ คน ฉันคิดว่า Lykke Li ก็เจ๋ง เมื่อไม่นานนี้ฉันเพิ่งฟังอัลบั้มของเธอ มีใครอีกนะ? ชอบหมดเลยจริงๆ เมื่อไม่นานนี้ฉันยังได้ฟังดนตรีแนวคลาสสิคมากขึ้นด้วย ฉันชอบดนตรีมาก ฉันคิดว่าฉันทำให้เพื่อนๆ และครอบครัวของฉันแทบคลั่งที่ฉันคอยเปิดเพลงตลอดเวลาที่ทำได้ เวลาที่ฉันไม่มีความสุขฉันก็จะเสียบหูฟังไอพอด เดินเล่น ฟังเพลง นั่นคือสิ่งที่ฉันทำเวลาที่อยากปลีกตัวหรือสงบอารมณ์ นั่นแหละแนวของฉัน

          คำถาม: บางทีเราอาจได้เห็นคุณร้องเพลงที่บรอดเวย์?
          เอ็มม่า วัตสัน: ก็ไม่รู้สิ แดน [แรดคลิฟฟ์] เป็นคนกล้ามากเลย เป็นเด็กที่เหลือเชื่อ บอกตามตรงว่าฉันชอบที่จะแสดงอะไรบนบรอดเวย์นะ ฉันคิดว่าฉันต้องดึงความกล้าออกมามากขึ้น ในส่วนหนึ่งฉันก็ชอบร้องเพลงนะ ชอบจริงๆ

          คำถาม: คุณคิดว่าบุคลิกของคุณเปลี่ยนไปมากแค่ไหนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา?
          เอ็มม่า วัตสัน: บุคลิกของฉันหรอ? มันพูดยากนะเพราะอย่างที่เราเห็นกัน เวลาที่เราโตจากอายุ 9 ขวบมาจนถึง 21 ปี มันมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่เลี่ยงไม่พ้น มันเป็นส่วนหนึ่งของการเจริญเติบโต มันเลยพูดยากว่าส่วนไหนที่ไม่ใช่กระบวนการทางธรรมชาติ และมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่จากที่ฉันเป็นเด็กนักเรียนอายุ 9 ขวบจนมีงานทำ ฉันได้เรียนรู้การเป็นนักแสดง การถ่ายทำหนัง และการให้สัมภาษณ์ คิดว่างั้นนะ
          ฉันคิดว่าฉันมีความรู้สึกที่หนักแน่นพอว่าตัวเองเป็นใคร มันก็เป็นเรื่องดีที่ได้ผ่านเรื่องแบบนี้และรู้สึกเหมือนฉันต้องคงความรู้สึกส่วนตัวที่เป็นลักษณะเฉพาะออกไปจากสิ่งที่ดูท่วมท้นอย่างแท้จริง ฉันว่าฉันโชคดีนะที่เป็นคนแบบนั้น ฉันว่าฉันเป็นเด็กผู้หญิงที่ค่อนข้างดื้อนะ

          คำถาม: ตอนนี้หนังซีรี่ส์เรื่องนี้ก็จบลงแล้ว กำลังสงสัยว่าคุณมีหนังเรื่องไหนที่อยากแสดงเป็นพิเศษมั้ย? และคุณกำลังจะทำอะไรต่อไป?
          เอ็มม่า วัตสัน: จริงๆ สำหรับฉันแล้วภาพยนตร์สองตอนหลังทั้งภาค 1 และ ภาค 2 แตกต่างจากภาคอื่นๆ มีความแปลกที่ลักษณะเนื้อเรื่อง บทบาท ความลึกซึ้ง และความหม่นหมองมากขึ้นที่พวกเขาให้โอกาสฉันได้ขยายบทบาทในฐานะของนักแสดง และรู้สึกเหมือนฉันเป็นนักแสดงจริงๆ เพราะในช่วงหลายปีแรกฉันไม่รู้สึกว่าได้แสดงอะไรมากมายเท่าไหร่เลย ฉะนั้นถือว่าเป็นเรื่องดีนะ ฉันรู้สึกว่าฉันพูดได้ว่าฉันเป็นนักแสดงและฉันเชื่อมั่นในจุดนั้น
          และสิ่งที่ฉันจะทำต่อไปคือฉันกำลังจะออกเดินทางในช่วงซัมเมอร์นี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ฉันตื่นเต้นมาก การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องที่น่ากลัวเสมอแต่ก็รู้สึกตื่นเต้นมากๆ ฉันรู้สึกว่ากำลังเริ่มต้นเข้าสู่บทใหม่ เหมือนมีการเริ่มต้นอย่างสดใส และนั่นคือสิ่งที่น่าตื่นเต้นมาก ฉันจะเดินทางไปเที่ยวช่วงซัมเมอร์และกลับไปเรียนในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ฉันเหลืออีก 2 ปีถึงจะจบปริญญา
          ฉันเพิ่งแสดงหนังเรื่อง The Perks of Being a Wallflower ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่น่าเหลือเชื่อมาก ฉันมีช่วงเวลา 6 อาทิตย์ที่ดีมาก ฉันตื่นเต้นกับหนังเรื่องนั้นมาก การมีประสบการณ์ที่นอกเหนือจากเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ คือสิ่งที่โน้มน้าวฉันได้ว่า การแสดงเป็นสิ่งที่ฉันควรทำและทำได้ดี มันทำให้ฉันแกร่งขึ้น และเมื่อกี๊นี้ฉันคิดว่า ฉันคงกำลังอ่าน อ่าน และอ่านต่อไป และพยายามค้นหาสิ่งต่อไปที่ตรงกับฉัน นั่นคือสิ่งที่ฉันให้ความสนใจจริงๆ รวมถึงการได้พบกับผู้กำกับเก่งๆ ที่จะคอยสอนฉัน เพื่อที่ฉันจะได้เรียนรู้ได้ แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกตื่นเต้นกับไอเดียของการเป็นนักแสดงที่ฉันยังไม่ค่อยแน่ใจนักตอนที่ฉันเป็นเด็ก

          คำถาม: การได้เป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ซีรี่ส์ยอดนิยมตลอดกาล ทำให้คุณเป็นที่จดจำหน้าตาได้ง่ายมาก สำหรับคุณแล้วเป็นอย่างไรบ้าง?
          เอ็มม่า วัตสัน: มันเกิดขึ้นตอนที่ฉันอยู่ที่เมืองอันเสื่อมโทรมในบังกลาเทศ มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งมาขวางแนบนถนนและพูดว่า ‘เธอเป็นเด็กผู้หญิงจากเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ นี่นา’ ตอนนั้นมันรู้สึกเหมือนฉันหนีไปไหนไม่ได้เลย นั่นคือเรื่องประทับใจจากหนังแฟรนไชส์เรื่องนี้ มันเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก มันมาถึงอีกซีกโลกหนึ่งที่ไกลออกไป เป็นที่ๆ เราคาดหวังเรื่องนั้นได้น้อยมาก มันรู้สึกเหมือน ‘ว้าว นี่มันวิเศษไปเลย’

          คำถาม: เมื่อคุณโตขึ้นแล้วการแบกรับชื่อเสียงตรงนี้เอาไว้เป็นเรื่องง่ายขึ้นมั้ย?
          เอ็มม่า วัตสัน: มันเป็นเรื่องง่ายขึ้นที่จะรับมันเมื่อฉันยอมรับมัน เมื่อฉันยอมเป็นส่วนหนึ่งกับมัน ฉันรู้สึกโชคดีที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าการมีอิสระและการไม่มีลักษณะเฉพาะอย่างเต็มที่มันเป็นอย่างไร มันไม่ใช่ว่าฉันเคยมีแล้วอยู่ๆ มันก็หายไป มันเป็นสิ่งที่ฉันโตขึ้นมาและได้เรียนรู้ มันเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นทีละเล็กละน้อย ฉันไม่เคยรู้อะไรเลย ฉะนั้นในกรณีนี้ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีนะ

          คำถาม: ในภาพยนตร์ชุดนี้ ดูเหมือนตัวละครทั้งหมดผ่านการทดสอบเรื่องความกล้าหาญมาแล้ว ในชีวิตส่วนตัวของคุณ มีเรื่องไหนที่คุณรู้สึกว่าเป็นการทดสอบเรื่องความกล้าหาญของคุณที่พอจะเล่าให้เราฟังได้มั้ย?
          เอ็มม่า วัตสัน: เป็นคำถามที่เยี่ยมมาก ฉันรู้สึกเหมือนกับสาวน้อยที่ถูกนำเสนอความคิดที่พวกเขาต้องเป็นเจ้าหญิง ต้องมีความละเอียดอ่อน เปราะบาง ฉันมีลักษณะของการเป็นนักรบและผู้ต่อสู้มากกว่า และหากฉันต้องเป็นเจ้าหญิง ฉันคงเป็นเจ้าหญิงนักรบแน่ๆ เลย
          แต่ฉันคิดว่าบางครั้งผู้หญิงก็รู้สึกกลัวการมีความแข็งแกร่ง มีความแข็งแกร่งและกล้าหาญในบางครั้ง ฉันว่ามันเป็นสิ่งที่เราต้องยอมรับมัน ต้องบอกอีกครั้งว่ามันเป็นเรื่องของการยอมรับ ความกลัวไม่ใช่เรื่องที่ผิด และความกลัวก็ไม่มีตัวตน มันเป็นเรื่องของการเอาชนะมัน ฉันคิดว่าบางครั้งเราต้องแหวกมันออกมาและมีความเชื่อมั่น
          มีหลายช่วงของหนังเรื่องนี้ที่ฉันต้องถ่ายที่พิตส์เบิร์ก ฉันรู้สึกกลัวหนังเรื่อง The Perks of Being a Wallflower มาก วันแรกฉันรู้สึกเป็นกังวลเรื่องสำเนียงที่ไม่เหมือนใคร ต้องอยู่ในฉากของหนังเรื่องใหม่ในต่างประเทศกับทีมงานที่ฉันไม่รู้จัก นักแสดงที่ฉันไม่รู้จัก มีฉากหนึ่งที่ฉันต้องเลียนแบบซูซาน ซารานดอน ในเรื่อง Rocky Horror Picture Show และฉันต้องยืนอยู่ในชุดชั้นในต่อหน้านักแสดงสมทบและพยายามเต้นแบบนี้ ฉันรู้สึกตลกมาก
          การได้ออกมาจากหนังเรื่องนี้ก็สนุกดีนะ ฉันทำสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ฉันคิดว่านั่นแหละเป็นความกล้าหาญ แต่ฉันคิดว่ามันเป็นการพยายามมีความเชื่อมั่นในตัวเอง ศรัทธาในตัวเอง และรู้ว่ามันจะออกมาอย่างเหมาะสมในท้ายที่สุด

          คำถาม: คุณบอกว่าช่วงซัมเมอร์นี้ คุณวางแผนที่จะออกเดินทางและค่อยกลับไปที่โรงเรียน คุณต้องเข้าเรียนที่โรงเรียนไหน?
          เอ็มม่า วัตสัน: ฉันจะเข้าศึกษาที่ Oxford ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเพื่อเรียนด้านภาษาอังกฤษ 1 ปี ต้องขออธิบายก่อนว่าฉันไม่ได้ออกจาก Brown ฉันยังลงทะเบียนเรียนที่ Brown อยู่ แต่ฉันจะเรียนปี 3 ในต่างประเทศ เป็นการเรียนที่บ้านในต่างประเทศสำหรับฉัน แล้วฉันจะกลับมาที่อังกฤษเพื่อเรียนปีสุดท้าย ถึงแม้ฉันหยุดเรียน 1 เทอม แต่หน่วยกิตในวิชาก็เพียงพอ ทำให้ฉันเรียนผ่านเข้าสู่ปีที่ 3 ของการศึกษาได้