FB on August 07, 2011, 12:54:47 PM
HARRY POTTER AND THE DEATHLY HALLOWS - PART 2: คำถามและคำตอบกับทอม เฟลตัน (เดรโก มัลฟอย)
 
          คำถาม: ชีวิตช่วงวัยรุ่นของคุณส่วนใหญ่เกิดขึ้นบนจอภาพยนตร์ จากการวิเคราะห์ครั้งสุดท้ายแล้ว คุณมีช่วงเวลาที่รู้สึกอาจยเป็นพิเศษในฉากตลอดช่วงถ่ายทำมั้ย?
          ทอม เฟลตัน: โห เพียบเลย จะเริ่มจากตรงไหนดี? [หัวเราะ] ผมเดาว่าที่น่าอายที่สุดสำหรับนักแสดง คือเวลาที่เราถูกรายล้อมไปด้วยเหล่านักแสดงคนอื่นๆ ที่เราดูแล้วเขากำลังพึมพำบทของเราอยู่ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมมองอย่างสนใจมาก ผมว่าเป็นหนังภาคสามนะหรือน่าจะเป็นภาคสอง มันมีประโยคปิดท้ายของเดรโกที่ดีมากสำหรับตอนท้ายเรื่อง ที่บอกว่าผมไม่สามารถนำมาแลกกับความรักหรือเงินได้ ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร บางครั้งเราฝึกซ้อมมากเกินไปหรือผมก็ไม่แน่ใจว่ามันเพราะอะไร แต่ผมแสดงไม่ได้และก็เริ่มร้องไห้ออกมา ตอนนั้นผมอายุ 13, 14 ขวบ ผมพูดว่า ‘ขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ ผมเล่นไม่ได้’
          และคริส โคลัมบัส ผู้กำกับที่กำกับภาพยนตร์ร่วมกับเด็กมามากที่สุด เขารู้ดีว่าควรพูดกับพวกเขาอย่างไร เขาบอกผมว่า ‘ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร เราเข้าใจ มันอยู่ในม้วนของหนัง มันต้องเกิดขึ้นในหนัง’ พวกเขาตัดมันออกจากหนัง มันไม่เคยได้ฉายเลย [หัวเราะ] ผมเลยได้เรียนรู้จากจุดนั้นอย่างรวดเร็วว่าอย่าไปหมกมุ่นกับบทของเรามาก นั่นแหละเป็นเรื่องที่น่าอายมากที่ต้องร้องไห้ในฉาก มันแย่จัง ไม่รู้ว่าทำไมผมมาเล่าให้คุณฟัง แต่ผมก็พูดตรงๆ นะ [หัวเราะ]

          คำถาม: คุณรับบทแสดงเป็นเดรโกในภาพยนตร์เรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ หากคุณเลือกที่จะเป็นตัวละครตัวอื่นได้ คุณอยากแสดงเป็นใครและทำไม? คุณออดิชั่นในบทอื่นด้วยไม่ใช่หรอ?
          ทอม เฟลตัน: ใช่ครับ ผมไม่เคยอ่านหนังสือมา ผมไม่รู้ว่าแฮร์รี่ รอน เดรโกเป็นอย่างไร บอกตามตรงว่าผมแทบไม่มีเบาะแสอะไรเลย ผมคิดว่าผมจะได้แสดงเป็นแฮกริดผู้ยิ่งใหญ่ แต่พวกเขาก็ไม่ได้เห็นมัน [หัวเราะ] ไม่หรอก ผมสนุกมากกับครอบครัวมัลฟอยจริงๆ นะ สิ่งเดียวที่ผมจะจินตนาการได้คือการแสดงเป็นพ่อของผมในหนังรีเมคอีก 20 ปีข้างหน้าหรืออะไรทำนองนั้น ไม่ใช่แค่ผมมองตัวเองในบทบาทตัวละครอื่นไม่ออกนะ แต่ตัวละครที่พวกเขาแสดงเป็นแฮร์รี่ รอนและที่เหลือล้วนเป็นที่จดจำแล้ว ผมไม่อาจไปลบล้างการแสดงทั้งหมดนั่นได้แน่นอน

          คำถาม: คุณมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อคุณเห็นตอนที่คุณโตขึ้นในช่วงท้ายของเรื่อง?
          ทอม เฟลตัน: มันสนุกมากและก็เท่ห์ดี เราเตรียมตัวอยู่หลายเดือน พวกเขาอยากได้ภาพของพ่อและพี่น้องของผม จากนั้นพวกเขาก็โหลดและโหลดไปทดสอบอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ผมว่ามันเป็นสาระสำคัญถึงเด็กๆ ที่บอกว่าไม่ควรสนใจเรื่องอาชญากรรม และเป็นการเตือนว่าไม่ควรไว้ใจคนที่มีเคราแพะ ผมมั่นใจว่างั้นนะ มันสนุกมาก มันยิ่งสนุกมากขึ้นที่ได้วางมันลงในท้ายที่สุดและได้กลับไปใช้ชีวิตปกติ แต่จริงๆ แล้วมันเป็นหนึ่งในฉากสุดท้ายที่ผมถ่ายทำ มันจึงเป็นเรื่องดีมากที่มันจะสิ้นสุดแล้วสำหรับผม โดยเฉพาะเมื่อมันเป็นเวลาเกือบ 10 ปีตั้งแต่วันที่ผมเป็นเด็กถูกจับมาใส่ในรถไฟ มันเลยรู้สึกเหมือนชีวิตของผมผ่านไปชั่วพริบตา แต่ที่แน่ๆ คือมันเป็นเรื่องที่ดีที่ถ่ายจบแล้ว

          คำถาม: ตัวละครนี้ส่งผลอะไรกับชีวิตคุณมั้ย เช่น เวลาคุณไปซูเปอร์มาเก็ตเพื่อซื้อเนื้อสเต็กแล้วมีใครเรียกคุณว่า ‘เดรโก’ หรือเปล่า?
          ทอม เฟลตัน: ไม่ได้เรียกเจาะจงแบบนั้น แต่คงไม่ต้องบอกเลยว่าเรามีเด็กๆ และผู้ใหญ่นับร้อยที่มาทัวร์รอบฉากแฮร์รี่ พอตเตอร์ ทุกวัน และโดยปกติแล้วไม่มีเด็กที่อายุต่ำกว่า 7 ปีคนไหนที่อยากมายุ่งกับผม ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมกังวลอยู่บ้างในช่วงแรกๆ
          พวกเขาจะตื่นเต้นกันเวลาที่ได้พบกับแดเนียล [แรดคลิฟฟ์], รูเพิร์ท [กรินท์] และเอ็มม่า [วัตสัน] แล้วก็จะไปหลบอยู่หลังขาพ่อแม่ทันทีเมื่อมาถึงผม และผมเองก็คงจะหลบหลังพ่อแม่ ผมต้องทำตัวเป็นมิตรสุดๆ ว่า ‘สวัสดี ดีใจที่ได้เจอทุกคนนะ’ และพวกเขาก็พูดว่า ‘โอ้พระเจ้า แปลกจัง’ [หัวเราะ]
          เจสันวางตัวได้ดีมาก เขาคงความเป็นตัวละครเอาไว้และพวกเขาก็รักมัน ผมรักที่จะรับมันไว้เป็นความชมเชยตลอดช่วงเฝลาหลายปี อันที่จริงแล้วเด็กๆ ค่อนข้างทำให้ผมกลัว แต่ยังไม่มีใครตะโกนต่อว่าที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ผมคอยเลี่ยงเรื่องนั้นอยู่

          คำถาม: ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง? รู้สึกสบายใจ? คาดหวังในอนาคต?
          ทอม เฟลตัน: ผมให้ความสนใจดูสิ่งที่แฟนๆ มีปฏิกิริยาต่อหนังตอนสุดท้ายมาก เราเฝ้ารอสิ่งนี้มานานแสนนาน และเรารู้สึกว่านี่คือเหตุผลที่ทำไมเราถึงสร้างหนัง 7 ตอนที่ผ่านมา นั่นคือเพื่อที่เราจะได้มาถึงตอนสุดท้ายนี้ เรารู้สึกตื่นเต้นกับมันมากและมีแต่สิ่งดีๆ เกิดขึ้นจนถึงตอนสุดท้าย เราตื่นเต้นว่าทุกอย่างจะจบลงอย่างดี บอกตรงๆ ว่าโดยส่วนตัวแล้วมันเหมือนเรื่องน่ากลัวแต่เวลาเดียวกันก็เป็นช่วงที่น่าตื่นเต้น เพราะเราไม่รู้ว่าอะไรรอเราอยู่ข้างหน้า ฉะนั้นมันจึงเป็นเรื่องสนุกเสมอ

          คำถาม: นี่เป็นโอกาสที่จะได้สนใจเรื่องดนตรีของคุณมากขึ้นด้วยมั้ย?
          ทอม เฟลตัน: ครับ ก็ไม่เชิงเท่าไหร่ บอกตรงๆ ว่าผมไม่อยากเปลี่ยนการทำดนตรีเป็นเส้นทางอาชีพของผม ผมว่าเรากำลังดื่มด่ำกับชีวิตและรู้ซึ้งไปกับมัน ถ้าผมทำแบบนั้น มันเป็นแค่งานอดิเรก มันเป็นสิ่งที่ผมทำฆ่าเวลา โดยเฉพาะเวลาที่รอฉากทั้งหลายสร้างขึ้นมาและอะไรทำนองนั้น ผมอยากเก็บมันไว้แบบนั้นมากกว่า มันเป็นสิ่งที่ผมให้ความหลงใหล และผมหวังว่าจะได้ช่วยนักดนตรีรุ่นเยาว์ในเส้นทางนั้นหากเป็นไปได้ แต่โดยส่วนตัวแล้วผมขอเกี่ยวก้อยเลยว่า ผมหวังที่จะได้แสดงหนังต่อไป

          คำถาม: คุณมีการวางแผนว่าจะกลับมาร่วมงานกับเหล่านักแสดงบ้างหรือยัง? คุณจะยังติดต่อกนัมั้ย?
          ทอม เฟลตัน: ครับ แน่นอน มันเป็นเรื่องยากเพราะโดยส่วนใหญ่พวกเราอยู่ใน 4 มุมของโลกที่ห่างกันในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ผมโชคดีมากที่สุดท้ายได้เห็นการแสดงของแดเนียล ซึ่งสำหรับคนที่ไม่ได้ชมจะรู้สึกว่ามันน่าเหลือเชื่อ มันรู้สึกแปลกมากที่ได้เห็นเขาไปอยู่ตรงนั้น หลังจากช่วง 10 ปีที่ได้เห็นเขาในบทของแฮร์รี่ แต่เขาก็สร้างผลงานเอาไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อเลย
          แต่ที่แน่ๆ ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของมิตรภาพหรือความผูกพันที่ผมคิดว่ามันจะไม่ตายจากไป โดยไม่ต้องกังวลว่าเราจากกันไปนานกี่ปี เพราะเรามีประสบการณ์สุดพิเศษร่วมกันมา และพวกเราสร้างความสำเร็จมาด้วยกัน ผมรู้สึกโชคดีมากที่ผมเป็นส่วนหนึ่งร่วมกับเด็กๆ รุ่นเดียวกับผมที่ร่วมแชร์ประสบการณ์กับผม

FB on August 16, 2011, 07:04:39 PM
“แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต – ภาค 2” ขึ้นแท่นเป็นภาพยนตร์อันดับ 1 แห่งปี 2011


 
          ตอนจบของภาพยนตร์ซีรี่ส์ที่ทำรายได้สูงสุดทั้งในประเทศและทั่วโลก

          ยังคงสร้างเวทมนตร์ให้บ็อกซ์ออฟฟิศไปอย่างต่อเนื่อง สำหรับภาพยนตร์ของวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส เรื่อง “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต – ภาค 2” ที่ตอนนี้กลายเป็นภาพยนตร์ที่กวาดรายได้สูงสุดแห่งปี 2011 ในทุกสาขา ได้แก่ บ็อกซ์ออฟฟิศภายในประเทศ บ็อกซ์ออฟฟิศต่างประเทศ และ บ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลก มีการแถลงการณ์ในวันนี้โดย แดน เฟลแมน ประธานฝ่ายจัดจำหน่ายของวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส ภายในประเทศและเวโรนิก้า ควอน-รูบิเน็ค ประธานฝ่ายจัดจำหน่ายต่างประเทศ

          ตอนจบของภาพยนตร์แฟรนไชส์เรื่องดังได้ทำลายสถิติบ็อกซ์ ออฟฟิศหลายเรื่องทั่วโลกภายในช่วงเวลา 1 เดือนตั้งแต่การเปิดตัวในเดือนกรกฏาคม เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมภาพยนตร์ได้ทำรายได้ภายในประเทศไป 344.8 ล้านเหรียญและ 801.5 ล้านเหรียญในต่างประเทศ โดยทำรายได้ให้บ็อกซ์ ออฟฟิศทั่วโลกไป 1.146 พันล้านเหรียญอย่างน่าประหลาดใจ ทำให้ภาพยนตร์เรื่อง “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต – ภาค 2” กลายเป็นภาพยนตร์อันดับ 3 ที่กวาดรายได้สูงสุดทั่วโลกไปตลอดกาล

          เวโรนิก้า ควอน-รูบิเน็ค กล่าวว่า “ภาพยนตร์เรื่อง ‘แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต – ภาค 2’ เรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกที่แท้จริง ผู้สร้างภาพยนตร์และเหล่านักแสดงที่มอบความสามารถของพวกเขาให้แก่ภาพยนตร์เหล่านี้มาร่วมกว่าทศวรรษได้แชร์ผลงานแห่งประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ในครั้งนี้ร่วมกัน เราต้องขอแสดงความยินดีและขอขอบคุณทุกๆ คน”

          แดน เฟลแมน กล่าววว่า “นี่เป็นเหตุการณ์สำคัญอีกครั้งที่น่าเหลือเชื่อสำหรับภาพยนตร์ตอนสุดท้ายของภาพยนตร์ซีรี่ส์แห่งประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ในครั้งนี้ และสำหรับแฟรนไชส์เรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ทั้งหมดด้วย ในช่วงซัมเมอร์ที่มีภาพยนตร์หลายเรื่องและมีการแข่งขันกันอย่างสูง มันเป็นเหมือนสิ่งตอบแทนให้ทั้งภาพยนตร์และผู้อยู่เบื้องหลังที่ผู้ชมภาพยนตร์ยังคงกลับมาร่วมสนุกไปกับหนัง ไม่ว่าจะดูเป็นครั้งแรกหรือดูซ้ำแล้วซ้ำอีกก็ตาม”

          ภาพยนตร์เรื่อง “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต – ภาค 2” เป็นการผจญภัยตอนสุดท้ายในภาพยนตร์ชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ มหากาพย์ภาพยนตร์ตอนสุดท้ายเป็นการต่อสู้ระหว่างพลังด้านดีและพลังชั่วร้ายของโลกพ่อมดที่ทวีตัวเข้าสู่สงครามเต็มรูปแบบ ไม่มีการเดิมพันที่สูงขึ้นและไม่มีที่ใดปลอดภัย แต่นั่นคือแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่ถูกเรียกขานให้เสียสละ ในที่สุดเขาถูกดึงให้เข้าไปใกล้กับการเผชิญหน้าปะลองครั้งสุดท้ายที่สำคัญกับลอร์ดโวลเดอมอร์ ทั้งหมดต้องสิ้นสุดลงที่นี่

          นำแสดงโดย แดเนียล แรดคลิฟฟ์, รูเพิร์ท กรินท์ และ เอ็มม่า วัตสัน กลับมารับบทของ แฮร์รี่ พอตเตอร์, รอน วีสลีย์ และ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ เหล่านักแสดงที่มารวมตัวกันในภาพยนตร์ยังรวมถึง เฮเลน่า บอนแฮม คาร์เตอร์, ร็อบบี้ โคลเทรน, วอร์วิค เดวิส, ทอม เฟลตัน, ราล์ฟ ฟีนส์, , ซิอาแรน ไฮด์ส, จอห์น เฮิร์ท, เจสัน ไอแซ็คส์, แมทธิว เลวิส, แกรี่ โอล์ดแมน, อลัน ริคแมน, แม็กกี้ สมิธ, เดวิด ธิวลิส, จูลี่ วัลเตอร์ส และ บอนนี่ ไรท์

          ภาพยนตร์เรื่อง “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต ภาค 2” กำกับการแสดงโดยเดวิด เยทส์ อำนวยการสร้างโดย เดวิด เฮย์แมน เดวิด บาร์รอน และ เจ.เค.โรว์ลิ่ง ดัดแปลงบทภาพยนตร์โดย สตีฟ โคลฟส์ สร้างขึ้นจากนิยายของ เจ.เค. โรว์ลิ่ง อำนวยการสร้างบริหารโดย ไลโอเนล วิแกรม

          ภาพยนตร์เรื่อง “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต – ภาค 2” เป็นภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ภาคแรกที่ฉายทั้งรูปแบบ 3 มิติและ 2 มิติ ภาพยนตร์จัดจำหน่ายทั่วโลกโดยวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส หนึ่งในกลุ่มบริษัทวอร์เนอร์ บราเดอร์ส เอ็นเตอร์เทนเมนท์