happy on June 05, 2011, 05:00:11 PM
ประวัติผู้กำกับฮิโรมาสะ โยเนบายาชิ ฮิโรมาสะ โยเนบายาชิ เกิดในปี 1973 ในเขตอิชิคาวะ ประเทศญี่ปุ่น เขาเข้าศึกษาด้านออกแบบธุรกิจจากมหาวิทยาลัยศิลปะคานาซาวะ ในปี 1996 โยเนบายาชิได้เข้าทำงานกับสตูดิโอจิบลิ และได้ทำหน้าที่แอนิเมเตอร์ที่ตรวจงานอนิเมชันในภาพยนตร์เรื่อง “Princess Mononoke” (1997) และ “My Neighbors the Yamadas” (1999) และหน้าที่คีย์แอนิเมเตอร์ใน “Spirited Away” (2001), “The Ghiblies Episode 2” (2002), “Howl’s Moving Castle” (2004) และ “Ponyo on the Cliff by the Sea” (2008) นอกจากนี้ เขายังรับหน้าที่ซูเปอร์ไวซิง แอนิเมเตอร์ใน “Tales from Earthsea” (2006) อีกด้วย
นอกเหนือไปจากการทำงานในภาพยนตร์แอนิเมชั่นของจิบลิแล้ว โยเนบายาชิยังได้ร่วมทำงานในภาพยนตร์ขนาดสั้นให้กับพิพิธภัณฑ์จิบลิที่มิตากะอีกด้วย เขาดำรงตำแหน่ง ผู้กำกับฝ่ายแอนิเมชั่นในเรื่อง “Mei and the Baby Catbus” (2002) และซูเปอร์ไวซิง แอนิเมเตอร์ใน “Imaginary Flying Machines” (2002) และยังเป็นผู้รับผิดชอบงานสตอรีบอร์ดและการกำกับ “Evolution” (2008) หนึ่งในดิสเพลย์ “Films Go Round” ของพิพิธภัณฑ์จิบลิ
โยเนบายาชิเปิดตัวในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องแรกกับผลงานเรื่องล่าสุดของสตูดิโอ จิบลิ “Arrietty” (“Karigurashi no Arrietty”)ผู้อำนวยการสร้าง โทชิโอะ ซูซูกิ ผมเชื่อว่าน่าจะเป็นช่วงต้นฤดูร้อนปี 2008 ที่ฮายาโอะ มิยาซากินำเสนอโปรเจ็กต์นี้เป็นครั้งแรก ในตอนนั้น ผมมีไอเดียภาพยนตร์อีกอย่างหนึ่งอยู่ในความคิด เราทุ่มเถียงและถกประเด็นกัน พวกเราไม่มีใครยอมถอยกันเลย ผมเห็นได้ว่าเราคงไม่สามารถเดินหน้าไปไหนได้ ดังนั้น ด้วยความเคารพในความอาวุโสกว่าของคุณมิยาซากิ ผมก็เลยยอมจำนน
เมื่อเกือบสี่สิบปีที่แล้ว คุณมิยาซากิและอิซาโอะ ทาคาฮาตะ อยากจะดัดแปลงเรื่อง “The Borrowers” วันหนึ่ง คุณมิยาซากิก็บังเอิญจำเรื่องนี้ได้ เขาแนะนำให้ผมอ่านหนังสือเรื่องนี้ และผลักดันให้มีการสร้างมันเป็นภาพยนตร์ บางทีมันอาจจะเกิดจากความหลังสมัยหนุ่มๆ ของทั้งเขาและคุณทาคาฮาตะก็ได้ ผมไม่รู้นะ…เรื่องพวกนั้นเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวที่สตูดิโอจิบลิ
“แล้วทำไมถึงเลือก ‘The Borrowers’ ตอนนี้ล่ะครับ” ผมถามคุณมิยาซากิ แล้วเขาก็เริ่มให้เหตุผลต่างๆ ในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้กับผม ไอเดียเรื่องราวเกี่ยวกับ “การยืม” เป็นเรื่องน่าหลงใหล มันเหมาะกับวิถีทางของสิ่งต่างๆ ในปัจจุบันอย่างยิ่ง ยุคของการบริโภคสินค้าจำนวนมากกำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว เรากำลังอยู่ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและไอเดียของการหยิบยืมข้าวของแทนที่จะซื้อแสดงให้เห็นถึงทิศทางของสิ่งต่างๆ ได้เป็นอย่างดี เขาอธิบาย
คุณมิยาซากิชอบทำอะไรรวดเร็วในตอนที่เขาคิดว่าเขามีไอเดียดีๆ เขาก็เลยเขียนข้อเสนอโครงการอย่างเป็นทางการขึ้นมาในทันที
ภาพยนตร์เรื่องนี้ สร้างขึ้นจากเรื่อง “The Borrowers” ของแมรี นอร์ตัน
อย่างไรก็ดี ฉากของเรื่องจะถูกเปลี่ยนจากอังกฤษในยุค 50s ไปเป็นญี่ปุ่นยุคปัจจุบันในปี 2010 ย่านโคงะเนอิที่คุ้นเคยของเราจะเป็นโลเกชันของเรื่องได้เป็นอย่างดี
ผู้ที่อาศัยอยู่ใต้พื้นห้องครัวของบ้านหลังเก่าคือครอบครัวคนตัวเล็ก ที่ประกอบไปด้วยอาริเอตี้ เด็กสาววัย 14 ปีและพ่อแม่ของเธอ
คนตัวเล็กหาสิ่งของที่จำเป็นในชีวิตทุกอย่างด้วยการ “ขอยืม” จากมนุษย์ที่ใช้ชีวิตอยู่ด้านบนพื้น
พวกเขาไม่ใช่เทพยดาและไม่มีพลังพิเศษใดๆ ทั้งนั้น
พวกเขาสู้กับหนู รำคาญใจกับแมลงสาบและปลวก หนีจากยาพ่นปลวกและแมลง และต้องคอยหลบเลี่ยงกับดักแมลงสาบและเหยื่อที่อาบด้วยยาพิษ คนตัวเล็กใช้ชีวิตอย่างสมถะและรอบคอบ พวกเขาคอยระวังตัวไม่ให้ใครเห็นหรือไม่เป็นจุดสนใจ
ผู้เป็นพ่อเป็นคนเข้มแข็ง กล้าหาญ และคอยออกไปปฏิบัติภารกิจ “ขอยืม” ที่เสี่ยงอันตรายเสมอ ด้วยความรู้สึกรับผิดชอบต่อครอบครัว ส่วนผู้เป็นแม่จะเป็นผู้คุ้มครองและดูแลบ้าน ในขณะที่อาริเอตี้ก็เป็นเด็กสาวอ่อนไหว ที่มีจิตใจกระหายใคร่รู้ พวกเราจะได้พบว่าพวกเขาเป็นครอบครัวแบบดั้งเดิม
โลกที่ปกติธรรมดากลับแลดูใหม่สดใสเมื่อถูกมองผ่านสายตาของคนที่สูงเพียงแค่ 10 ซ.ม. การสร้างภาพแอนิเมชั่นของคนตัวเล็กที่ทำงาน เคลื่อนไหวและใช้ทุกส่วนของร่างกายเป็นเรื่องที่วิเศษสุด เรื่องราวนี้จะนำเสนอชีวิตประจำวันของคนตัวเล็กเหล่านี้ ทั้งการพบปะ การแลกเปลี่ยน และการจากกันระหว่างอาริเอตี้และเด็กชายมนุษย์ผู้ผูกมิตรกับเธอ นอกจากนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังแสดงให้เห็นด้วยว่า มนุษย์ตัวเล็กเหล่านี้หลบหนีจากความทุกข์ทรมานที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ผู้ชั่วร้ายและถูกบีบให้ต้องออกไปใช้ชีวิตในทุ่งหญ้าได้อย่างไร
ด้วยความหวังที่ว่าผลงานนี้จะสร้างความสบายใจและความกล้าหาญให้กับผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในยุคสมัยแห่งความวุ่นวายสับสน และไม่แน่นอน…
ในตอนแรก ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกตั้งชื่อว่า “Chiisana Arrietty (Little Arrietty)” ผมคิดว่ามันเป็นการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวมากและถามเหตุผลเรื่องนี้กับเขา คุณมิยาซากิบอกผมว่าเขาชอบเสียงของคำว่า “อาริเอตี้” ก็เลยไม่เคยลืมชื่อนี้เลย แต่ชื่อเรื่องนี้ไม่ได้พูดถึง “การขอยืม” ที่คุณมิยาซากิยืนกรานว่าเป็นเหตุผลสำคัญในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้เลย พอผมพูดถึงเรื่องนี้กับเขา คุณมิยาซากิก็เปลี่ยนชื่อเรื่องนี้เป็น “Karigurashi no Arietty (Arietty the Borrower)” ทันที
ดังนั้น คำถามต่อไปก็คือ ใครจะเป็นผู้กำกับของเรื่อง
นั่นเป็นคำถามที่ยากมาก จนถึงตอนนี้ ภาพยนตร์แทบทุกเรื่องของสตูดิโอ จิบลิได้อิซาโอะ ทาคาฮาตะและฮายาโอะ มิยาซากิผลัดกันรับหน้าที่ผู้กำกับ แต่ตอนนี้ ทั้งคู่อายุมากแล้ว มีคำพูดที่ว่า “ขิงแก่ก็ยิ่งเผ็ด” ก็จริง แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ผู้สูงอายุก็ทำได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น ดังนั้น เราก็เลยได้โกโระ มิยาซากิ ที่ยังอายุน้อย มากำกับ “Tales from Earthsea” และเราต้องการผู้กำกับที่อายุน้อยกว่าสำหรับโปรเจ็กต์นี้ครับ
แล้วใครจะเป็นคนๆ นั้นล่ะ ในสถานการณ์เช่นนี้ คุณมิยาซากิก็จะปฏิบัติต่อผมในฐานะคนๆ เดียวที่มีหน้าที่ดูแลสตูดิโอ โดยไม่นึกถึงว่าคำถามแบบนั้นต้องใช้เวลาคิดหาคำตอบอยู่บ้าง
ชื่อเดียวที่ผมคิดออกในตอนนั้นคือฮิโรมาสะ โยเนบายาชิ ผู้กำกับคนปัจจุบันของเรา “มาโระ” คือชื่อเล่นของเขา “แล้วมาโระล่ะ” ผมถาม สีหน้าของคุณมิยาซากิแลดูแปลกใจ “คุณซูซูกิ คุณนึกเรื่องนี้มานานแค่ไหนแล้ว” เขาถาม “อาจจะซักสองหรือสามปีมาแล้วครับ” ผมโกหกผมไม่ได้ถามมาโระด้วยซ้ำว่าเขาเคยคิดจะกำกับภาพยนตร์รึเปล่า ผมแค่พูดชื่อของเขาออกไปเพราะผมจนแต้มแล้ว บังเอิญว่ามาโระเป็นแอนิเมเตอร์ที่ฝีมือดีที่สุดของจิบลิ ใน “Ponyo on the Cliff by the Sea” เขามีหน้าที่ดูแลซีนที่ปอนโยวิ่งอยู่บนคลื่นลูกแล้วลูกเล่าขณะตามหาตัวโซสุเกะ และอนิเมชันของเขาก็ทำให้คุณมิยาซากิประทับใจมาก
“งั้นก็ให้เขามานี่ แล้วเราจะได้คุยกัน!” พอตัดสินใจอะไรลงไปแล้ว คุณมิยาซากิก็จะลงมือโดยฉับพลัน เขาเรียกมาโระมาที่สตูดิโอที่นิบาริกิ เพื่อที่เราจะได้เกลี้ยกล่อมให้เขารับหน้าที่นี้ได้
คุณมิยาซากิพูดอย่างไม่อ้อมค้อม เขายื่นหนังสือเรื่อง “The Borrowers” ให้กับมาโระและบอกว่า “มาโระ นี่คือโปรเจ็กต์หน้าของเรา และคุณก็จะเป็นคนกำกับมัน!”
มาโระ ผู้แทบไม่เคยเปลี่ยนสีหน้า แปลกใจกับเรื่องนี้มาก “แต่ผู้กำกับไม่จำเป็นต้องอาศัยหลักการหรือมุมมองของตัวเองเหรอครับ” เขาถาม “ผมไม่มีของพวกนั้นหรอกนะ” ผมกับคุณมิยาซากิก็ร้องออกมาพร้อมกันว่า “มันอยู่ในหนังสืออยู่แล้วล่ะ!” มาโระอึ้งไป แต่ท้ายที่สุด เขาก็ยอมรับการตัดสินใจของคุณมิยาซากิ และยอมรับหน้าที่ในฐานะผู้กำกับ
ตอนแรก มาโระพยายามจะถามความคิดเห็นจากคุณมิยาซากิทุกเรื่อง แต่เมื่อถึงเวลาต้องเขียนสตอรีบอร์ด เขาก็ตระหนักดีว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับมันตามลำพัง และบอกคุณมิยาซากิว่าเขาจะไม่ขอคำแนะนำอีกต่อไปแล้ว
คุณมิยาซากิก็ตอบว่า “ดีเลย! กล้าๆ เข้าไว้!” และสนับสนุนเรื่องแบบนั้น ดังนั้น ในตอนนี้ สตาฟทุกคนของจิบลิก็ทุ่มเทให้กับการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่สร้างจากสตอรีบอร์ดของมาโระ จนถึงตอนนี้ ทุกอย่างเดินหน้าอย่างราบรื่น แต่สิ่งที่เรากังวลเพียงอย่างเดียวคือตัวคุณมิยาซากิ แน่นอนว่ามาโระอยู่ในความคิดของเขา และคุณก็ไม่มีทางรู้ได้หรอกว่าเมื่อไหร่ที่คุณมิยาซากิจะบุกเข้ามาในกองถ่ายพร้อมกับไอเดียใหม่ๆ และคำแนะนำโดยไม่ได้ร้องขอน่ะครับ
« Last Edit: June 23, 2011, 03:11:34 PM by happy »
Logged