PR on May 29, 2011, 05:50:56 PM
กระแสตอบรับตราสารหนี้ระยะสั้นดี  KTAMเดินหน้าขาย3เดือนชู2.70%ต่อปี
 
 
               นายสมชัย  บุญนำศิริ  กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า  ในสัปดาห์นี้  บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุน กรุงไทยธนทรัพย์ บี 6 (KTSUPB6)   อายุโครงการ  3 เดือน  มูลค่าโครงการ   2,000  ล้านบาท  ผู้ถือหน่วยจะได้รับผลตอบแทนประมาณ  2.70% ต่อปี  โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในต่างประเทศไม่เกิน 45%   ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน   ประกอบด้วย เงินฝากธนาคารต่างประเทศ ทั้งสกุล  AED ( ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ) และสกุล  CNY   (ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน)  ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ A ขึ้นไป  เช่น  Union National Bank (A+/F1/Stable โดย Fitch)  Wing Lung Bank ( A2/P1/Stable โดย Moody)  และ  ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารการเงินระยะสั้นของสถาบันการเงินและบริษัทเอกชนในประเทศ (อันดับเครดิตในประเทศตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป )

                 กองทุนนี้เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น    และต้องการผลตอบแทนเพิ่มขึ้น  ซึ่งตราสารเป้าหมายจะให้ส่วนต่างผลตอบแทนที่ค่อนข้างจูงใจเมื่อเทียบกับการลงทุนเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือเงินฝากระยะเดียวกัน  ทั้งนี้ กองทุนที่เปิดจำหน่ายจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติเมื่อครบกำหนดอายุกองทุน ซึ่งจะสับเปลี่ยนไปยังกองทุนรวมตลาดเงิน  และสำหรับเงินลงทุนในต่างประเทศจะมีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน

                       นายสมชัย  กล่าวต่อไปว่า   ตลาดการเงินรอผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เพื่อพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย  ซึ่งตลาดส่วนใหญ่ยังคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอีก 25 bp เป็น 3.00% เป็นไปตามภาวะเงินเฟ้อ  และตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ส่งสัญญาณมาเป็นระยะ   ขณะที่ตลาดการเงินเริ่มมีความผันผวนจากกระแสการไหลออกของเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศจากตลาดเกิดใหม่ รวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ  โดยในช่วงที่ผ่านมาค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มแข็งค่าเมื่อเทียบกับบาท ยูโร และเงินสกุลหลักๆ ของโลก  เป็นผลพวงจากปัญหาเศรษฐกิจในยุโรป โดยเฉพาะกรีซที่ตลาดมีความกังวลถึงแผนการปรับโครงสร้างหนี้  อย่างไรก็ตาม ในด้านของทิศทางอัตราดอกเบี้ยโลกยังคงอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศพัฒนาแล้วยังเป็นไปอย่างล่าช้า 

              ในส่วนของแนวโน้มผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศ  ยังคงเป็นเงินฝากสกุล CNY ในฮ่องกง  และเงินฝากสกุล AED ที่ยังให้ผลตอบแทนค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับการลงทุนในเงินฝากหรือตราสารการเงินในประเทศ  ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุล CNY/USD ที่มีแนวโน้มแข็งค่า  ส่วน AED/USD ค่อนข้างทรงตัว  ขณะที่ THB/USD มีแนวโน้มอ่อนค่า  ผลดังกล่าวจึงทำให้เมื่อนำเงินไปลงทุนในเงินฝากสกุลเงินต่างประเทศเหล่านี้ และปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนสามารถให้ผลตอบแทนดีกว่าการลงทุนในเงินฝากหรือตราสารการเงินที่มีอายุใกล้เคียงกัน