กระแสตอบรับตราสารหนี้ระยะสั้นดี KTAMเดินหน้าขาย3เดือนชู2.70%ต่อปี
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุน กรุงไทยธนทรัพย์ บี 6 (KTSUPB6) อายุโครงการ 3 เดือน มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ผู้ถือหน่วยจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.70% ต่อปี โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในต่างประเทศไม่เกิน 45% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ประกอบด้วย เงินฝากธนาคารต่างประเทศ ทั้งสกุล AED ( ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ) และสกุล CNY (ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน) ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ A ขึ้นไป เช่น Union National Bank (A+/F1/Stable โดย Fitch) Wing Lung Bank ( A2/P1/Stable โดย Moody) และ ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารการเงินระยะสั้นของสถาบันการเงินและบริษัทเอกชนในประเทศ (อันดับเครดิตในประเทศตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป )
กองทุนนี้เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น และต้องการผลตอบแทนเพิ่มขึ้น ซึ่งตราสารเป้าหมายจะให้ส่วนต่างผลตอบแทนที่ค่อนข้างจูงใจเมื่อเทียบกับการลงทุนเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือเงินฝากระยะเดียวกัน ทั้งนี้ กองทุนที่เปิดจำหน่ายจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติเมื่อครบกำหนดอายุกองทุน ซึ่งจะสับเปลี่ยนไปยังกองทุนรวมตลาดเงิน และสำหรับเงินลงทุนในต่างประเทศจะมีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า ตลาดการเงินรอผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เพื่อพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งตลาดส่วนใหญ่ยังคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอีก 25 bp เป็น 3.00% เป็นไปตามภาวะเงินเฟ้อ และตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ส่งสัญญาณมาเป็นระยะ ขณะที่ตลาดการเงินเริ่มมีความผันผวนจากกระแสการไหลออกของเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศจากตลาดเกิดใหม่ รวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ โดยในช่วงที่ผ่านมาค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มแข็งค่าเมื่อเทียบกับบาท ยูโร และเงินสกุลหลักๆ ของโลก เป็นผลพวงจากปัญหาเศรษฐกิจในยุโรป โดยเฉพาะกรีซที่ตลาดมีความกังวลถึงแผนการปรับโครงสร้างหนี้ อย่างไรก็ตาม ในด้านของทิศทางอัตราดอกเบี้ยโลกยังคงอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศพัฒนาแล้วยังเป็นไปอย่างล่าช้า
ในส่วนของแนวโน้มผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศ ยังคงเป็นเงินฝากสกุล CNY ในฮ่องกง และเงินฝากสกุล AED ที่ยังให้ผลตอบแทนค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับการลงทุนในเงินฝากหรือตราสารการเงินในประเทศ ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุล CNY/USD ที่มีแนวโน้มแข็งค่า ส่วน AED/USD ค่อนข้างทรงตัว ขณะที่ THB/USD มีแนวโน้มอ่อนค่า ผลดังกล่าวจึงทำให้เมื่อนำเงินไปลงทุนในเงินฝากสกุลเงินต่างประเทศเหล่านี้ และปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนสามารถให้ผลตอบแทนดีกว่าการลงทุนในเงินฝากหรือตราสารการเงินที่มีอายุใกล้เคียงกัน