บทสัมภาษณ์ “อ๋อง ณฐพงษ์ นวศีลวัตร์” ศูนย์กลางการเดินทางพิสูจน์มิตรภาพของ “เพื่อนไม่เก่า”
บทบาท-คาแร็คเตอร์
ในเรื่องนี้ผมรับบทเป็น “นัท” ครับ นัทจะเป็นคนที่รักเพื่อน เป็นเหมือนจุดศูนย์กลางของเพื่อน เป็นคนที่จิตใจดี ขี้เกรงใจ ค่อนข้างที่จะนึกถึงคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ แต่เขาก็มีข้อเสียคือ ไม่เด็ดขาด มีความลังเลใจเยอะ บางครั้งขี้เกรงใจเกินเหตุจนกลายเป็นคนที่ไม่มีจุดยืน
มีการเปลี่ยนลุคไปอย่างไรบ้างในหนังเรื่องนี้
คือด้วยความที่นัทเป็นคนต่างจังหวัด และไม่ได้ตามกระแสอะไรมาก ก็จะแต่งตัวสบายๆ ปกติ เสื้อยืด กางเกงธรรมดา รองเท้าผ้าใบธรรมดา เปลี่ยนเสื้ออยู่ 2-3 สีเท่านั้น คือเป็นคนที่ไม่ได้สนใจอะไรกับเรื่องพวกนี้มากนัก แล้วเรื่องทรงผม ตอนมัธยมก็จะเป็นทรงปกติ แต่พอเข้ามหา’ลัยก็จะมีเปลี่ยนไปบ้าง ผมก็จะเป็นทรงบ๊อบ เหมือนพี่แจ๊บ วง The Richman Toy เลย ก็แปลกดี ไม่คิดว่าจะไว้ทรงนี้มาก่อนครับ
คือตอนตัดทรงนี้แรกๆ ไปที่คณะ เพื่อนก็จะงงหมดทุกคน บางคนก็บอกว่าเด็กอังกฤษนี่หว่า บางคนก็จะถามว่าไปตัดทรงอะไรมาเนี่ย ก็ตลกดี แต่ช่วงนั้นก็ใกล้ปิดเทอมแล้ว ก็ไม่ค่อยมีใครแซวเท่าไหร่ มันเป็นทรงที่เด่นมาก และก็ไม่ค่อยมีใครทำกัน ต้องไปดูในหนังครับ
คาแร็คเตอร์นี้เหมือนหรือแตกต่างจากตัวเองอย่างไรบ้าง
คือตัวตนของนัทกับอ๋องค่อนข้างที่จะใกล้เคียงกันมากครับ คือเป็นคนที่รักเพื่อนเหมือนกัน เป็นคนสนุกสนานกับเพื่อน แล้วมีอะไรก็จะนึกถึงคนอื่นก่อนครับ เพียงแต่ผมอาจจะไม่ได้เกรงใจมากเหมือนกับนัท และก็ไม่ได้โลเลอะไรมากมายครับ นัทเขาจะเป็นคนที่มีหัวด้านศิลปะมากกว่า เป็นคนที่ไม่ได้ซีเรียสเรื่องการเรียนมากนัก ชอบถ่ายรูป ชอบปั้นหม้ออะไรอย่างนี้ครับ ซึ่งตัวผมเองเนี่ยก็ไม่ได้เป็นเด็กอาร์ตหรือว่าศิลปะอะไรขนาดนั้น เพียงแต่ว่าก็เป็นคนรักเพื่อนพ้องเหมือนกัน สนุกสนานเหมือนกัน
เรื่องราวของ “เพื่อนไม่เก่า”
เรื่อง “เพื่อนไม่เก่า” จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นสมัยมัธยมปลายครับ ผมเป็นคนจังหวัดลำปาง ก็พาเพื่อนไปเที่ยวลำปาง จนพาเพื่อนไปเที่ยวที่พระธาตุลำปางหลวงกัน แล้วก็มีเพื่อนคนหนึ่งเนี่ยดันไปบนเอาไว้ว่าถ้าผมเอ็นท์ติดที่ลำปาง พวกเราทั้งหมดก็จะปั่นจักรยานขึ้นมา ซึ่งทีแรกก็ไม่ได้ติดที่ลำปางดันไปติดมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ซึ่งไม่ก็ไม่ใช่สิ่งที่นัทชอบ ก็เลยซิ่วมาเรียนที่ลำปางในปี 2 ทีนี้เพื่อนๆ ก็เลยกลัวว่าถ้าไม่แก้บนจะเรียนไม่จบกัน ก็เลยตัดสินใจปั่นจักรยานขึ้นเพื่อเป็นการแก้บนกันจนได้พบเหตุการณ์และประสบการณ์ต่างๆ มากมายระหว่างทางครับ
รู้สึกอย่างไรบ้างที่วงออกัสได้มีหนังเต็มตัวของตัวเองเป็นครั้งแรก
รู้สึกตื่นเต้นแล้วก็กดดันเหมือนกันครับ เพราะว่าเราไม่รู้ว่าจะทำออกมาได้ดีหรือเปล่า เราก็ไม่เคยเห็นตัวเองเล่นเต็มรูปแบบอย่างนี้นะครับ ก็ได้มาฝึกฝนเอาความเป็นตัวละครตัวนั้นให้ออกมาให้เหมือนจริง ก็มีความกดดันอยู่พอสมควรครับ
ต้องมีการเตรียมตัวอย่างไรบ้างสำหรับภาพยนตร์เต็มตัวเรื่องแรกนี้
ก็ก่อนถ่ายทำเราก็จะมีมา Workshop มาฝึกซ้อมการแสดงกัน เพราะว่าพวกผมก็ไม่เคยเรียนการแสดงมาก่อน ซึ่งตัวผมเองตอน Workshop ก็จะทำได้ไม่ดีเท่าไร จะเป็นคนแสดงอารมณ์ไม่ค่อยเก่งครับ ก็เลยต้องไปหาหนังมาดู ต้องซ้อมเยอะๆ ครับ แต่โชคดีที่เรื่องนี้ยังได้เล่นกับเพื่อนๆ ในวง มันเลยทำให้บรรยากาศการทำงานดูเป็นกันเองและลื่นไหลมากขึ้นครับ
เตรียมการแสดงแล้วมีเตรียมตัวอย่างอื่นอีกหรือเปล่า
เพื่อนๆ เขาก็จะไปฝึกปั่นจักรยานกันที่สวนรถไฟ ส่วนผมก็จะไปถ่ายรูปเก็บภาพอะไรประมาณนี้ เพราะในเรื่องเราเป็นคนที่ชอบถ่ายภาพ จริงๆ ผมก็ปั่นจักรยานเก่งอยู่แล้วครับ ไม่จำเป็นต้องไปฝึกอะไรอีก(หัวเราะ) ล้อเล่นครับ คือที่จริงผมขี่จักรยานไม่เป็น ผมก็เลยเอากล้องถ่ายรูปไปฝึกถ่ายแทนครับ (หัวเราะ) อย่างผมก็ต้องมีไปฝึกปั้นหม้อ ก็ไปศึกษาไปดูว่าเขาทำกันยังไงครับ
หนังเรื่องนี้มีความยากง่ายอย่างไรบ้าง
สำหรับเรื่อง “เพื่อนไม่เก่า” ความยากมันอยู่ที่ผมเป็นคนที่แสดงอารมณ์ไม่เก่งอย่างที่บอกไปครับ ก็คือมันจะมีอยู่หลายฉากที่เขาต้องการอารมณ์ที่มากขึ้นกว่านี้ ที่สนุกกว่านี้ ที่ตื่นเต้นกว่านี้ กลัวกว่านี้ ซึ่งตัวผมเองก็จะเป็นคนที่แบบว่าขึ้นก็นิดนึงอะไรอย่างนี้ครับ ก็ต้องพยายามที่จะให้มีความแตกต่าง อย่างผมจะเป็นคนโทนเสียงเดียวกันตลอด ก็ต้องฝึกแสดงอารมณ์ให้มากขึ้นครับ
แล้วมีวิธีการบิ๊วอารมณ์ตัวเองยังไง
ก่อนที่จะเล่นผมก็จะทำสมาธิก่อน เพราะว่าบางทีเราต้องพยายามดึงอารมณ์ของเราให้เข้าไปสู่ตัวละครตัวนั้น ซึ่งบางครั้งก่อนเล่นเราก็คุยเล่นกับเพื่อนในวง แล้วพอเข้าไปในฉากจริงๆ มันก็ติดยิ้มติดขำติดหัวเราะ มันก็จะทำให้หนังไม่สมจริง ผมก็เลยใช้วิธีหลับตาทำสมาธิก่อนเข้าฉากครับ ซึ่งก็ช่วยได้เยอะครับ
ร่วมงานกับผู้กำกับใหม่ (ปิง เกรียงไกร วชิรธรรมพร) เป็นอย่างไรบ้าง
ร่วมงานกับพี่ปิงก็รู้สึกเป็นกันเองมากครับ ช่วงแรกๆ ที่เจอพี่ปิงก็จะเป็นคนตลกสนุกสนานตลอด แล้วก็เวลาก่อนเข้าฉากเขาก็จะมาช่วยบิ๊วว่าเราควรจะต้องเล่นอารมณ์ไหน เพราะว่าการที่เราดูพี่เขาแสดงให้ดูมันทำให้เราเข้าใจ เหมือนเห็นภาพ พี่เขาก็มาดูแลเราตั้งแต่ฝึกแอ็คติ้ง ตั้งแต่ Workshop ครับ ก็ดีใจที่ได้มาร่วมงานกับพี่ปิงครับ พี่เขาจะเป็นคนไม่ดุ ไม่ทำให้เราเครียด พยายามทำให้เราผ่อนคลายแล้วก็เล่นออกมาให้ดีครับ ก็ดีใจครับที่มาร่วมงานกันครับ
ได้ข่าวว่าผู้กำกับเองก็ขี่จักรยานได้เทพมากๆ ใช่หรือเปล่า
(หัวเราะ) พี่ปิงเขาจะขี่จักรยานเก่งน้อยกว่าผมนิดนึงนะครับ เพราะว่าพี่เขาฝึกช้ากว่าผมหน่อย ก็ตอนไปสวนรถไฟเขาก็ปั่นค่อนข้างที่จะลำบากนิดนึง ส่วนผมนี่ไม่ต้องปั่นแล้วครับเพราะว่ามันสบายอยู่แล้วครับ พี่ปิงคงต้องหัดอีกเยอะครับกว่าจะขี่ได้เทพเท่าผม (หัวเราะ)
บรรยากาศการถ่ายทำเป็นอย่างไรบ้าง
ก็คือว่าตั้งแต่เดินทางออกจากกรุงเทพฯ ครับ เราก็ไปถ่ายกันไปเรื่อยๆ ที่สิงห์บุรีบ้าง ชัยนาทบ้าง ที่สระบุรีบ้าง ถ่ายจังหวัดต่างๆ จนถึงลำปาง ก็สนุกสนานตลอดเพราะว่าในกองก็จะมีคนที่มาชอบปล่อยมุขอยู่ตลอดเวลาให้เราขำ ก็คือถึงอากาศจะร้อนแต่ก็มีคนมาช่วยถือร่มให้ ช่วยอะไรให้ ก็สนุกสนานมากครับ
ไปถ่ายทำในหลายจังหวัดแล้วมีสถานที่ที่ประทับใจบ้างหรือเปล่า
สถานที่ประทับใจที่ไปถ่าย ผมจำจังหวัดไม่ได้แต่จำได้ว่ามันเป็นฉากพื้นที่โล่งๆ ไม่ได้เป็นสถานที่สำคัญ ตอนแรกเห็นเราก็คิดว่าเฮ้ย...ตรงนี้ถ่ายออกมาแล้วจะเป็นยังไง มันดูเป็นพื้นที่เก่าอะไรอย่างนี้ครับ ผมก็ดูแล้วว่ามันไม่น่าจะสวย แต่ปรากฏว่าพอพี่ช่างกล้องถ่ายออกมาแล้วมันสวยมาก นั่นเป็นสถานที่ที่ประทับใจมาก โอ้โห...แสงมันสวยมากกว่าที่เราเห็นจากตอนเดินเข้ามาสัมผัสเองอีกครับ
อุปสรรคในการถ่ายทำหนังเรื่องนี้อยู่ตรงไหนบ้าง
ก็คือสำหรับผมแล้วอุปสรรคที่ตัวผมเองเจอมากที่สุดเลยก็จะมีซีนที่จะต้องร้องไห้ คือการดึงอารมณ์ของผมอย่างที่บอกก็จะไม่ได้ดึงอารมณ์เก่งอยู่แล้วครับ แล้วทีนี้พอมาเจอซีนที่จะต้องร้องไห้ผมก็จะพยายามบิ๊วมาแต่นานเลยครับประมาณ 2-3 ชั่วโมงก่อนจะเล่น ผมก็บิ๊วไปเรื่อยๆ จนสำเร็จนะครับ จนผมร้องไห้ออกมาได้จนขึ้นรถตู้มาที่สถานที่ถ่ายทำ แล้วพอมาถึงมันยังไม่เข้าซีนทันที ก็ต้องรอ ตอนแรกผมคิดว่าเฮ้ย...ผมน่าจะทำได้แหละ ผมว่าถ้าผมคิดถึงเรื่องนี้ผมต้องร้องแน่ ปรากฏว่าพอถึงเวลาจริงๆ มันไม่ยอมร้องออกมาครับ น้ำตามันไม่ยอมไหลออกมา ผมถือว่าเป็นฉากที่ยากมากสำหรับผม ก็หลังจากนั้นผมก็รู้สึกว่ารู้สึกปลื้มทุกๆ ภาพยนตร์ที่เขาร้องไห้ เพราะเมื่อก่อนผมไม่เคยรู้สึกถึงความยากของมันพอได้เล่นเองแล้วรู้สึกเลยว่ายากมาก แต่สุดท้ายก็ร้องได้นะครับ (หัวเราะ) ทุกคนก็มาช่วยกันบิ๊วครับ พิชก็มาช่วยบิ๊ว พี่ปิงก็จะมาคลายความกดดันว่าอย่าไปเค้นมันมาก ถ้าเกิดไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แค่น้ำตาซึมๆ ก็ได้ เพราะว่ามันก็ไม่ได้ถึงกับร้องไห้ฟูมฟายอยู่แล้วในฉากนั้น ก็แค่เป็นฉากซึ้งๆ แบบเราปลื้ม ดีใจอะไรประมาณนี้ครับ
เคยคิดอยากทำอะไรแผงๆ เหมือนในเรื่องนี้มั้ย
คือตัวผมไม่เคยคิดที่จะบนหรือปั่นจักรยานเหมือนในเรื่อง เพราะผมเองปั่นจักรยานไม่เป็น แต่เรื่องพวกนี้มันต้องเป็นของเพื่อนผมมากกว่า เขาจะบนอะไรแปลกๆ ไว้แล้วให้ผมมาช่วยแก้ อย่างจะเข้าจุฬาฯ ก็ไปบนวิ่งรอบสนาม 200 รอบ ผมก็ถามว่าเมื่อไหร่จะวิ่งเสร็จ เพื่อนก็ให้ผมมาช่วยวิ่งด้วย วิ่งด้วยกันคนละรอบ ทีนี้เพื่อนเริ่มเหนื่อย ไม่ไหวแล้ว ก็ไปเอาหมาที่คณะมาอีก ผมเลยถามไปว่าตอนบนได้บอกหรือเปล่า ว่าไม่นับเป็นคนเดียว 200 รอบ แต่ให้หลายคนได้ เพื่อนผมก็บอกว่าเอาเหอะ ช่วยวิ่งให้ได้ก็พอ (หัวเราะ)
นิยามของคำว่า “เพื่อนไม่เก่า”
สำหรับผม “เพื่อนไม่เก่า” ก็คือเพื่อนที่เราเจอแล้วรู้สึกสนุกสนาน ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีกี่วัน หรือไม่ได้เจอมานานเท่าไหร่ แต่พอเราได้เจอ เราก็สามารถสนุกสนาน คุยกันถูกคอเหมือนเดิม นี่แหละคือความเป็นเพื่อนไม่เก่า ซึ่งมันเกิดจากความจริงใจต่อกัน ไม่มีอะไรที่ผิดใจกันครับ
เสน่ห์ของหนังเรื่อง “เพื่อนไม่เก่า”
หนังเรื่องนี้มันทำให้ผมคิดถึงเพื่อนสมัยมัธยม อยากจะกลับไปเจอเพื่อนเหล่านั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้มีทั้งความสนุกสนาน ความบันเทิง สาระความเป็นเพื่อนด้วย ความที่เพื่อนทุกคนต่างกันค่อนข้างมาก มีทั้งคนปกติและไม่ปกติ แต่ทุกคนพอได้มารวมกันก็เกิดความสนิทสนม สามารถให้อภัยกันได้เสมอครับ
ก็อยากให้ทุกคนมาดูหนังเรื่องนี้กันเยอะๆ ครับ เพราะผมและเพื่อนๆ เองก็ตั้งใจเล่นกันเต็มที่ อยากส่งความสุขให้ทุกๆ คน อยากให้ทุกคนได้เห็นความสำคัญของเพื่อน การที่เรามีจุดหมายและไปคนเดียว มันไม่มีความสุขเท่ากับไปกับเพื่อนๆ ของเรา และอยากให้มองกลับไปที่เพื่อนที่เราเคยเจอมาในอดีต ลองคิดถึงพวกเขา ลองไปเจอเขาดูครับ
ผมว่าถ้าดูเรื่องนี้จบแล้วคุณได้นัดเจอสังสรรค์กับเพื่อนเก่าๆ ของคุณ ผมก็รู้สึกดีใจมาก เหมือนภาพยนตร์มันประสบความสำเร็จในเป้าหมายของมันแล้ว ก็อยากให้ดูกันอย่างมีความสุข และยอมรับในความแตกต่างของเพื่อนด้วยกันเอง สิ่งที่สำคัญของเรื่องนี้เลย คือทุกคนให้อภัยกัน เข้าใจในความแตกต่างของกันและกัน ก็อยากให้ไปติดตามชมกันครับกับภาพบยนตร์เรื่อง “เพื่อนไม่เก่า”