ค่ายเอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก โชว์ยอดขายโกลด์ฟิวเจอร์ Q1 ยังครองแชมป์ อีกทั้งเป็นผู้นำในการซื้อขายทองแท่งทั้ง 96.5% และ 99.99% ของ (LBMA)
กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์แม่ทองสุก โชว์ยอดขายไตรมาสแรกกว่า 71,941 บาท เติบโตขึ้น 98% เมื่อเทียบกับปีก่อนในไตรมาสเดียวกัน โดยยอดขายโกลด์ฟิวเจอร์ยังครองแชมป์มาเป็นอันดับ 1 ในจำนวน 6 โบรกเกอร์ทองคำ มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 16% ด้านยอดซื้อขายทองคำแท่งมากกว่า 77 ตันพร้อมเดินหน้ากลยุทธ์ระบบเทรดออนไลน์เต็มรูปแบบ หลังบริหารและพัฒนาขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ และครบวงจร อาทิ ระบบฐานข้อมูลการวิเคราะห์การลงทุน, ระบบการซื้อขาย และระบบการชำระเงิน (Midnight Clear) ที่ชำระได้ 24ชั่วโมงแม้ธนาคารปิดทำการ ตอกย้ำแผนรุกธุรกิจ “เน้นนวัตกรรมไปสู่การเติบโตอย่างมั่นคง” Innovation and Sustainability ดันเป็นมาร์เกตแชร์ปีนี้แตะ 20%
ทั้งนี้เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาธุรกิจด้านการลงทุนทองคำแท่ง ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนและลูกค้าเป็นอย่างมาก หลังจากที่ราคาทองคำในตลาดโลกมีความเคลื่อนไหวค่อนข้างมาก จากความปั่นป่วนของเศรษฐกิจโลก ทั้งค่าเงินดอลล่าร์อ่อนตัว, ภาวะเงินเฟ้อ ส่งผลให้ราคาทองคำมีแนวโน้มที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้านการลงทุนในตลาดโกลด์ฟิวเจอร์สก็ได้รับการตอบรับจากนักลงทุน และลูกค้าทั่วไปเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมีความรู้ และความเข้าในในการลงทุนมากขึ้น ประกอบกับนโยบายการเพิ่มบริการของบริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่จะมีการเปิดให้บริการเพิ่มเวลาการซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สในช่วงเวลา 19.30-22.30 น. และการให้บริการซื้อขายสัญญาการลงทุนซิลเวอร์ ฟิวเจอร์ส จะเปิดให้บริการเดือนมิถุนายนนี้ อันจะทำให้มูลค่าการซื้อขายโดยรวมของโกลด์ฟิวเจอร์ขยายตัวเพิ่มขึ้น ด้านธุรกิจด้านการลงทุนทองคำแท่ง ก็ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนและลูกค้าเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากราคาทองคำมีแนวโน้มที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ จำกัด กล่าวเสริมว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้กลุ่ม เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนและลูกค้าเป็นอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมาเป็นผลจาก กลยุทธ์สำคัญในการเป็นผู้นำเจ้าแรกด้านการพัฒนานวัตกรรมและบริการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยกลยุทธ์หลักเรามุ่งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุน มาสู่การใช้บริการด้วยระบบออนไลน์มากขึ้น ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ ได้พัฒนาบริการลงทุนซื้อขายทองคำแท่งออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อรองรับการให้บริการแก่ลูกค้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งด้านระบบฐานข้อมูลการวิเคราะห์การลงทุน, ระบบการซื้อขาย, รวมถึงบริการ “Midnight Trade” และระบบการชำระเงิน (Midnight Clear ที่ชำระได้ถึงเที่ยงคืนไปสู่ธนาคารหลัก อันได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารไทยพาณิชย์ ผ่านระบบออนไลน์) เป็นต้น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาพบว่า มีนักลงทุนและลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดี โดยปัจจุบัน มียอดสมัครบัตร MTS Sabai Card ที่มีเข้ามากว่า 1,300 ราย และยอดสมัครใช้บริการ MTS Midnight Clear แล้วกว่า 700 ราย
“เรามุ่งที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนักลงทุนจากเดินทางมาร้านทองเป็นการใช้ระบบ โกลด์โฟน หรือการส่งคำสั่งซื้อขายผ่านระบบโทรศัพท์เป็นหลัก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มลูกค้าร้านค้าทอง หรือลูกค้ารายใหญ่ แต่หลังจากบริษัทฯ มีการพัฒนาระบบเทคโนโลยีและระบบออนไลน์ ที่รองรับการให้บริการซื้อขายทองคำแท่งแบบครบวงจร ตั้งแต่ระบบฐานข้อมูล , ระบบที่รองรับการซื้อขาย และระบบการชำระเงิน อย่างเต็มรูปแบบเป็นที่เรียบร้อย ปรากฎว่า ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ไปจนถึงลูกค้ารายย่อยมากขึ้น โดยสัดส่วนเริ่มปรับขึ้นมาสู่การใช้ระบบบริการ เทรดออนไลน์ประมาณ 40% ซึ่งในช่วง 2-3 เดือนจากนี้เป็นต้นไป คาดว่าจะเปลี่ยนพฤติกรรมไปสู่การใช้ระบบออนไลน์เพิ่มขึ้นราว 60% ทีเดียว นับเป็นการปูพื้นฐานสำคัญสู่การเทรดโกลด์ฟิวเจอร์ส ในช่วงกลางคืน ที่จะเกิดขึ้นด้วย ล่าสุดบริษัทฯ มีการจัดสัมมนาเกี่ยวกับการลงทุนผ่านระบบออนไลน์ ที่มีลูกค้าสนใจเข้าร่วมงานเกือบ 250 คนนั้น พบว่า กว่า 60% มีความสนใจเป็นอย่างมากที่จะหันมาใช้ระบบการลงทุนออนไลน์เพิ่มขึ้นนั่นเอง” นายณัฐพงศ์ กล่าว
ด้าน น.พ. กฤชรัตน์ กล่าวเสริมเกี่ยวกับตลาดทองคำในขณะนี้ (ราคา ณ. วันที่ 18/4/54) ราคาทองแท่งไทยทำจุดสูงสุดใหม่ ที่ระดับ 21,150 บาทต่อบาททองคำ และราคาตลาดโลกมาแตะ 1,486 USD/Oz โดยยังมีแนวโน้มเป็นทิศทางขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่แนะนำให้พักลงทุนทำกำไรในทองคำไปก่อน เป็นช่วงๆ และให้ระวังความผันผวนของราคา อันอาจเกิดขึ้นได้ตลอดขอให้นักลงทุนโปรด ระมัดระวังในการลงทุนอย่างใกล้ชิด