SCIB ร่วมกับ 2 ธนาคารพาณิชย์ชั้นนำปล่อยกู้ บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง วงเงิน 3.5 พันล้านบาท
ธนาคารนครหลวงไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารสินเอเซีย ปล่อยกู้ร่วมวงเงิน 3.5 พันล้านบาท ให้กับ บมจ. ราชธานีลิสซิ่ง ผู้ประกอบการที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในธุรกิจรถยนต์มือสอง เพื่อใช้ขยายการดำเนินธุรกิจหลังจากมีอัตราการเติบโตของลูกค้าสินเชื่อ พร้อมทั้งรองรับการขยายสาขาไปยังภูมิภาคในส่วนของสินเชื่อรถเพื่อการพาณิชย์ที่ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคาร นครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารร่วมกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และธนาคารสินเอเซีย จำกัด (มหาชน) สนับสนุนสินเชื่อให้กู้ร่วม (Syndicated Loan) แก่ บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ในวงเงินรวม 3,500 ล้านบาท แบ่งเป็น การสนับสนุนของธนาคาร นครหลวงไทย วงเงิน 1,900 ล้านบาท ธนาคารกรุงศรีอยุธยา วงเงิน 1,200 ล้านบาท และธนาคารสินเอเซีย วงเงิน 400 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายการดำเนินงานของบริษัทที่มีอัตราการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ทั้งประเภทรถใหม่และรถมือสองอย่างต่อเนื่องทุกปี
“ความร่วมมือของสถาบันการเงินทั้ง 3 แห่ง ในครั้งนี้น่าจะเป็นการยืนยันถึงความต้องการของธนาคารที่จะให้การสนับสนุนสินเชื่อให้แก่ภาคธุรกิจซึ่งจะมีส่วนสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องด้านการลงทุนให้กับผู้ประกอบการและนักลงทุนเพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่าน่าจะมีทิศทางที่ปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป รวมทั้งยังมีส่วนส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมด้านการขนส่งภายในประเทศที่มีธุรกิจเกี่ยวเนื่องในระบบเศรษฐกิจเป็นจำนวนมาก ตลอดจนเป็นอีกหนึ่งในเครื่องมือที่จะช่วยสนับสนุนแนวทางและมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลที่ออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งจะส่งผลเกี่ยวเนื่องกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศต่อไปอีกด้วย” นายชัยวัฒน์ กล่าว
นายโกวิท รุ่งวัฒนโสภณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา บริษัทสามารถปล่อยสินเชื่อไปแล้วประมาณ 1,560 ล้านบาท จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1,750 ล้านบาท และมีรายได้เพิ่มขึ้นจาก 160 ล้านบาท เป็น 245 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในส่วนที่การปล่อยกู้สำหรับรถเพื่อการพาณิชย์ เนื่องจากปริมาณการขนส่งสินค้ามีปริมาณน้อยลง โดยเฉพาะการขนส่งในเขตอุตสาหกรรม และการนำเข้าส่งออก ขณะที่อัตราการขยายตัวในส่วนของสินเชื่อสำหรับรถยนต์มือสองยังเติบโตได้ในระดับที่น่าพอใจ ในทางกลับกันผลดีจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงทำให้คู่แข่งในตลาดซึ่งเป็นผู้ประกอบการต่างประเทศลดลง โดยมีการชะลอตัวในการปล่อยสินเชื่อรถมือสอง และหันไปเน้นการให้สินเชื่อในกลุ่มอื่นแทน ขณะที่ความต้องการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือสองยังมีอย่างต่อเนื่องซึ่งเห็นได้จากปริมาณยอดขายรถยนต์ใหม่ลดลงในช่วงที่ผ่านมา และมีการลดการผลิตรถใหม่แสดงให้เห็นถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลงหรือการพิจารณาและตัดสินใจซื้อรถยนต์ใหม่ยากขึ้น
ตลอดจนการขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคที่เป็นจุดเชื่อมต่อเส้นทางการคมนาคมที่สำคัญภายในประเทศและต่างประเทศ ยังมีความต้องการสินเชื่อเช่าซื้อสำหรับรถใหม่เพื่อการพาณิชย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทได้เตรียมความพร้อมและเปิดสาขารองรับไว้แล้วใน 4 จังหวัด ได้แก่ จ.ระยอง จ.ขอนแก่น จ.นครราชสีมา และจ.พิษณุโลก พร้อมทั้งมีแผนที่จะเปิดสาขาอีก 1 แห่ง ในจ.สุราษฎร์ธานี ภายในปีนี้ เพื่อรองรับการปล่อยสินเชื่อทางภาคใต้อีกด้วย
“บริษัทยังคงนโยบายการปล่อยสินเชื่อรถมือสองคิดเป็นสัดส่วน 60% และรถใหม่ 40% เนื่องจากสินเชื่อรถมือสองยังคงให้อัตราผลตอบแทนที่ดีกว่า พร้อมทั้งอยู่ในระหว่างการพิจารณาเพิ่มทุนกับธนาคารนครหลวงไทยซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อรองรับการขยายสินเชื่อในอีก 1-3 ปีข้างหน้า หากการเพิ่มทุนสำเร็จก็สามารถเติบโตแบบก้าวกระโดดได้ รวมทั้งการเตรียมความพร้อมเพื่อการขยายสินเชื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศผ่านสาขาของบริษัทเองและผ่านสาขาของธนาคารนครหลวงไทยอีกด้วย” นายโกวิท กล่าว