ฟัน คาแรคเตอร์สฯเดินเครื่องทำตลาดคาแรคเตอร์ซูเปอร์ฮีโร่กลุ่มมาร์เวล ตั้งเป้ากินรวบตลาดสินค้าลิขสิทธ์คาแรคเตอร์ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย
ฟัน คาแรคเตอร์สอินเตอร์เนชั่นแนล ได้ฤกษ์เดินหน้าทำตลาดบริหารลิขสิทธิ์คาแรคเตอร์ซูเปอร์ฮีโร่กว่า 8,000 คาแรคเตอร์ของกลุ่มมาร์เวล อินเตอร์เนชั่นแนล หลังจากดีสนีย์ดอดซื้อธุรกิจกลุ่มคาแรคเตอร์มาร์เวลมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา เผยได้สิทธิ์ทำตลาดในอาเซียน 5 ประเทศ หวังสร้างยอดขายสินค้าลิขสิทธ์กลุ่มมาร์เวล 400 ล้านบาท ตั้งเป้าปีนี้ประเทศไทยเติบโตไม่ต่ำกว่า 14% พร้อมกินรวบตลาดสินค้าลิขสิทธิ์คาแรคเตอร์ได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย
นางสาวอนิษฐ์ทิตา บัวทรัพย์ ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย บริษัท ฟัน คาแรคเตอร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ FCI ผู้บริหารลิขสิทธิ์ดีสนีย์ในประเทศไทย เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินงานในปีนี้ว่า หลังจากที่บริษัทแม่ของดีสนีย์ได้ซื้อธุรกิจของกลุ่มคาแรคเตอร์ มาร์เวล (Character Marvel) จากบริษัท มาร์เวล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เข้ามารวมเป็นส่วนหนึ่งในธุรกิจของดีสนีย์ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทได้รับสิทธิ์ให้เป็นผู้บริหารลิขสิทธิ์คาแรคเตอร์ของมาร์เวลในกลุ่มประเทศอาเชียน 5 ประเทศ ประกอบด้วย ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นประเทศที่บริษัทเป็นผู้ดูแลและบริหารลิขสิทธิ์สำหรับกลุ่มสินค้าอุปโภคและบริโภคของคาแรคเตอร์ดีสนีย์ทั้งหมดอยู่แล้ว
นาวสาวอนิษฐ์ทิตา กล่าวว่า การได้รับสิทธิ์ในการเป็นตัวแทนบริหารลิขสิทธิ์ให้กับค่ายมาร์เวล ซึ่งมีคาแรคเตอร์ในกลุ่มซูเปอร์ฮีโร่มากกว่า 8,000 คาแรคเตอร์นั้นนับเป็นโอกาสในการสร้างอัตราการเติบโตของธุรกิจของกลุ่มดีสนีย์อย่างมาก เนื่องจากคาแรคเตอร์ในกลุ่มซูเปอร์ฮีโร่ของมาร์เวลมีฐานลูกค้าที่เป็นกลุ่มผู้ชายที่ค่อนข้างแข็งแรงมาก การได้สิทธิ์ของมาร์เวลมาบริหารเพิ่มในปีนี้จึงเป็นการช่วยขยายฐานลูกค้าให้ธุรกิจของดีสนีย์ได้ครอบคลุมขึ้น ทั้งในกลุ่มผู้หญิงและกลุ่มผู้ชาย รวมกระทั่งกลุ่มวัยรุ่นและผู้ใหญ่
“ที่ผ่านมาคาแรคเตอร์ของค่ายดีสนีย์ส่วนใหญ่จะเหมาะกับกลุ่มเด็กและผู้หญิงเป็นหลัก เมื่อได้สิทธิ์ในการบริหารคาแรคเตอร์ซูเปอร์ฮีโร่ของมาร์เวลมาประกอบกับฐานพันธมิตรธุรกิจเดิมของดีสนีย์ที่มีอยู่หลากหลายกลุ่มสินค้ากว่า 200 ราย จึงเชื่อว่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจร่วมกันกับผู้ถือลิขสิทธิ์ให้กว้างขวางมากขึ้นกว่าเดิม” นางสาวอนิษฐ์ทิตากล่าว
นางสาวอนิษฐ์ทิตากล่าวต่อไปว่า ขณะนี้บริษัทได้วางแผนการทำตลาดสำหรับลิขสิทธิ์ของมาร์เวลแล้วด้วยการเริ่มพูดคุยกับทางพาร์ทเนอร์เดิมที่ถือสิทธ์อยู่บ้างแล้ว ขณะเดียวกันก็มีแผนเปิดตลาดกับพาร์ทเนอร์ใหม่ๆ และเริ่มมีพาร์ทเนอร์ใหม่จำนวนมากสนใจและต้องการจดลิขสิทธิ์กับทางมาร์เวลแล้วเช่นกัน โดยในวันนี้ (18 มกราคม) ทางบริษัทยังได้รับเกียรติจาก มร.ไซม่อน เจ ฟิลลิปส์ ประธานบริษัท มาร์เวล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้มาร่วมประชุมและให้รายละเอียดของคาแรคเตอร์และแผนการตลาดของคาแรคเตอร์กลุ่มมาร์เวลให้กับไลเซนซี และพาร์ทเนอร์ที่สนใจจดลิขสิทธิ์ในเมืองไทย โดยหลังจากวันนี้ทางบริษัทก็จะดำเนินการพิจารณาแผนงานของพาร์ทเนอร์ที่มีศักยภาพ และดำเนินการให้ลิขสิทธิ์กับทางพาร์ทเนอร์ที่ได้รับการอนุมัติต่อไป
“ในช่วงปีแรกนี้เราจะพิจารณาในส่วนของผู้ถือสิทธิ์ของมาร์เวลที่เคยได้รับสิทธิ์จากทางเอเย่นเดิม พร้อมๆกับการเปิดตลาดกับพาร์ทเนอร์รายใหม่ที่มีศักยภาพ รวมถึงกลุ่มสินค้าที่ทางเอเย่นเดิมยังครอบคลุมไม่ถึง ซึ่งจากความได้เปรียบในการบริหารลิขสิทธิ์คาแรคเตอร์ของดีสนีย์อยู่แล้ว ทำให้เรามีฐานของคู่ค้ากว่า 200 รายในการนำเสนอ และคัดเลือกคู่ค้าที่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตสินค้าที่เหมาะสมกับคาแรคเตอร์ได้หลากหลายกว่าเดิม” นางสาวอนิษฐ์ทิตากล่าว
ทั้งนี้ คาแรคเตอร์ที่บริษัทจะให้ความสำคัญในการทำตลาดในปีนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคาแรคเตอร์จากภาพยนตร์ที่จะออกฉายในปีนี้จำนวน 2 เรื่อง ประกอบด้วย ภายนตร์เรื่อง Thor และ Captain American ซึ่งมีกำหนดเข้าในประเทศไทยช่วงเดือนเมษายนและกรกฎาคมนี้ ขณะเดียวกันยังมีคาแรคเตอร์กลุ่มคลาสสิค คาแรคเตอร์ในรูปแบบ comics ของทางมาร์เวลที่สามารถเริ่มทำตลาดได้เลยอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดตัวภาพยนตร์อีก 2 เรื่องในปีหน้า คือ The Avengers Assemble และ Spiderman 4 โดยแผนกิจกรรมต่างๆ ในส่วนของสินค้านั้นจะวางแผนร่วมกับทางบัวนา วิสต้า ประเทศไทยและโคลัมเบียร์ ไทรสตาร์ ผู้ดูแลด้านการตลาดภาพยนตร์ทั้ง 4 เรื่อง ในการกระตุ้นการขายทั้งในส่วนของภาพยนตร์และสินค้าร่วมกัน
ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย บริษัท ฟัน คาแรคเตอร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันสินค้าคาแรคเตอร์ลิขสิทธ์ดีสนีย์มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 70% เมื่อมีคาแรคเตอร์กลุ่มซูเปอร์ฮีโร่ของมาร์เวลเข้ามาเพิ่มจะทำให้บริษัทสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มสินค้าของเด็กผู้ชาย และกลุ่มวัยรุ่นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยคาดว่าลิขสิทธิ์ของมาร์เวลจะมีส่วนช่วยผลักดันให้รายได้รวมในปีนี้เติบโตเพิ่มขึ้นได้ถึง 14% และจะมีรายได้จากสินค้าลิขสิทธ์กลุ่มมาร์เวลในมูลค่าขายปลีกในตลาดที่ FCI ดูแลอยู่รวมประมาณ 400 ล้านบาท
สำหรับบริษัท มาร์เวล อินเตอร์เนชั่แนล จำกัดนั้น ได้ขายธุรกิจให้กลุ่มวอลท์ ดีสนีย์มูลค่า 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 140,000 ล้านบาท โดยมีคาแรคเตอร์กลุ่มเด็กผู้ชายที่โดดเด่นจำนวนมาก อาทิ สไปเดอร์แมน, ฮัลด์, ไอรอน แมน, โวลเวอร์รีน ฯลฯ ซึ่งกลุ่มธุรกิจ Marvel มีขนาดธุรกิจใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลกในกลุ่มธุรกิจสินค้าลิขสิทธิ์คาแรคเตอร์ และจัดอยู่ในอันดับ 1 ของเอนเทอร์เทนเมนต์แบรนด์สำหรับเด็กผู้ชาย แผนกลยุทธ์หลักในปีนี้จะมุ่งรักษาโมเมนตั้มกระแสของ ซูเปอร์ฮีโร่ โดยการนำร่องจากภาพยนตร์ “ไอรอนแมน” หลังจากที่ภาพยนตร์เข้าฉายไปแล้วในปี 2010 โดยในปีนี้จะให้น้ำหนักกับการทำตลาดภาพยนตร์เรื่อง Thor และ Captain American รวมถึงการสร้างกระแสของ Spider Man ภาคใหม่ พร้อมเชื่อมโยงไปสู่การรวมตัวของเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ ในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ The Avengers Assemble ที่จะเข้าฉายในปีหน้าอีกด้วย