activity on March 23, 2011, 04:45:41 PM
จากฟ้าสู่ดิน “ปิยวรรณ วีรวรรณ” หญิงผู้สร้างวัดป่าภูก้อน เพื่อรักษาป่า 3,000 ไร่ การต่อสู้ + พลังศรัทธา สร้าง “พระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี”
 


ใครเลยจะคิดว่าสาวสังคมชั้นสูงที่เพียบพร้อมไปด้วยทรัพย์สินเงินทอง ธุรกิจ และบริวารมากมาย จะตัดสินใจทิ้งชีวิตในสังคมที่โก้หรูฟู่ฟ่า ชีวิตที่อยู่ท่ามกลางงานเลี้ยงและวงสังคมแทบทุกวัน เดือนหนึ่งกินข้าวที่บ้านนับครั้งได้ อยู่กับการเดินทางเที่ยวรอบโลกไม่รู้จะกี่หน แต่แล้ววันหนึ่ง คุณปิยวรรณ วีรวรรณ “กลับหักมุมชีวิตอย่างเด็ดเดี่ยว” กล้าสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อมาต่อสู้ให้กับการรักษาผืนป่าแห่งหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี และการสร้างวัดป่าภูก้อนบนเนื้อที่กว่า 3,000 ไร่ เพื่อรักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
 
คุณแม่ปิยวรรณ  วีรวรรณ เล่าเหตุการณ์ที่ทำให้เธอฉุกคิดเรื่องชีวิตขึ้นมาในวันหนึ่งว่า “ครั้งหนึ่งแม่ได้เห็นมหาเศรษฐีคนหนึ่งที่ตอนนั้นแก่มากแล้ว เรี่ยวแรงในการเดินแทบจะไม่มี เดินอยู่คนเดียว ตอนนั้นแม่เกิดความสลดสังเวชใจ และเกิดความกลัวขึ้นมา ว่า...แล้วฉันจะอยู่อย่างไร เกิดความกลัวเจ็บ กลัวตายขึ้นมา”
 
“แม่เป็นคนที่ไม่กลัวใคร พูดจากโผงผาง ตรงไปตรงมา เวลาทำอะไรผิดพลาดก็ไม่เคยมีใครกล้าบอกกล่าวตักเตือน อาจเพราะเกรงใจ  จนวันหนึ่งมีเพื่อนมาชวนทำบุญ แต่ด้วยความที่แม่เป็นชาวพุทธแต่ในนาม ไม่เคยเชื่อถือว่าพระพุทธเจ้ามีจริง! และไม่เชื่อเรื่องการทำบุญ แม่จึงกล่าวท้าว่า “ถ้าพระพุทธเจ้ามีจริง คืนนี้ขอให้ท่านมาให้เราเห็น แล้วเราจะยอมเป็นขี้ข้าม้าคอก จะนับถือพระพุทธเจ้าองค์เดียว แต่ถ้าไม่มาให้เห็นในคืนนี้ เราก็จะไม่นับถือท่าน และท่านก็อย่าได้โกรธเรา”
 
          นับจากคืนนั้นเป็นต้นมา “คุณแม่ปิยวรรณ” ก็หันมารับใช้พระพุทธศาสนามาตลอด จนถึงวันนี้เป็นเวลาร่วม 30 ปีแล้วที่เธอได้ทำนุบำรุงพุทธศาสนาและศาสนสถานตั้งแต่ภาคเหนือจรดภาคใต้ กระทั่งครั้งหนึ่งเธอได้ออกธุดงค์ไปทางภาคอีสาน และบังเอิญได้อ่านหนังสือปฏิปทาของพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ทำให้เธอเกิดความซาบซึ้งและเห็นคุณค่าของป่าไม้ว่า เป็นที่ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ป่าเป็นที่ปฏิบัติธรรมของพระอริยสงฆ์ เมื่อได้รู้คุณค่าของป่าแล้ว ก็เกิดความรักและความหวงแหน ถึงขั้นปฎิญาณว่า จะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อรักษาป่าไว้ โดยการเสียสละทรัพย์ เพื่อรักษาอวัยวะ การเสียสละอวัยวะ เพื่อรักษาชีวิต และยอมเสียชีวิตเพื่อรักษาธรรม ความมุ่งหมายของตนให้ได้” ซึ่งนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นและก้าวแรกที่ทำให้ คุณแม่ปิยวรรณ วีรวรรณ สร้างสิ่งอัศจรรย์ขึ้นบนแผ่นดินไทย
               
 
ในครั้งนั้นเองขณะไปธุดงค์วัดในแถบภาคอีสาน ได้มีพระรูปหนึ่งเล่าให้เธอฟังว่า “ป่าที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งบนภูก้อนกำลังถูกสัมปทานตัดไม้” คุณแม่เกิดความเสียดายอย่างยิ่ง จึงรีบไปดูป่าแห่งนี้ ขณะเดินอยู่ในป่าเธอได้ยินเสียงกระซิบว่า “ทศพิธราชธรรม กรรมพินิจ จิตขจร ภมรมาศ อาสนะเทวา” ถึง 3 ครั้ง... “แม่รู้สึกว่ารุกขเทวดาอยากให้เรารักษาป่านี้ไว้ จึงได้ตั้งปณิธานว่าจะต้องหาทางรักษาป่านี้ไว้ให้ได้ สุดท้ายเลยคิดว่าควรสร้างวัดขึ้นในป่านี้ เพื่อที่รักษาป่าไม้ เพราะวัดซึ่งเป็นพุทธสถานที่จะสามารถรักษาป่าให้อยู่ได้ตราบนานเท่านาน”  ...และนี่คือจุดกำเนิดของวัดป่าภูก้อน
 
          ไม่มีความสำเร็จใดได้มาโดยง่ายๆ คุณแม่ปิยวรรณ ต้องพบกับอุปสรรคมากมาย ถึงขั้นต้องเอาชีวิต เป็นเดิมพัน “ณ ตอนนั้น แม่ยื่นเอกสารเดินเรื่องกับกรมป่าไม้ เพื่อไม่ให้มีการสัมปทานป่าไม้บนภูก้อนแม้จะมีการตีตราไว้แล้ว ซึ่งต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะต่อสู้ให้ได้ป่าผืนนี้กลับคืนมาจนกระทั่งได้รับอนุญาตให้สร้างวัดขึ้นได้บนพื้นที่ป่าแห่งนี้ จาก 15 ไร่ ไปสู่การรับมอบหมายจากกรมป่าไม้ให้ช่วยดูแลพื้นที่ป่าอีก 1,000 ไร่ และเพิ่มขึ้นเป็น 3,000 ไร่” จนถึงปัจจุบันวัดป่าภูก้อนได้ขนานนามว่า ‘พุทธอุทยานมหารุกขปาริชาติภูก้อน’ ที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่านายูงและป่าน้ำโสม จังหวัดอุดราธานี ตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน
 
 
“พระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี” หนึ่งเดียว
ที่โลกต้องจารึก ณ วัดป่าภูก้อน แห่งเมืองอุดรฯ
 
            คุณแม่ปิยวรรณ วีรวรรณ ผู้มีใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้ม เล่าว่า “ในเมืองไทย ยังไม่ค่อยได้พบเห็นพระพุทธไสยาสน์ขนาดใหญ่ที่แกะสลักด้วยหินอ่อนขาวบริสุทธิ์ทั้งองค์มาก่อน จึงคิดสร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ทำทั้งทีก็ต้องทำให้งามที่สุด และอยู่คงกระพันชั่วลูกชั่วหลาน ปรากฏว่าได้พบกับช่างปั้น อ.นริศ รัตนวิมล ผู้เป็นยอดศิลปินประติมากรหินเป็นผู้ออกแบบและแกะสลักองค์พระพุทธรูปรวมทั้งเหล่าศิลปินที่มีฝีมือมากมายได้มาร่วมกันสร้างปาฎิหารย์นี้ให้เกิดขึ้นบนผืนแผ่นดินไทย”
 
          การก่อสร้างและขั้นตอนในการแกะสลักพระพุทธไสยาสน์ ก็ใช่ว่าจะราบเรียบดั่งใจ หลังจากเดินทางรอบโลกเพื่อหาหินอ่อนที่ขาวบริสุทธิ์และมีความทนทานที่สุด คุณแม่ปิยวรรณ วีรวรรณ ก็ได้พบแหล่งหินอ่อนที่งามที่สุดของโลกอยู่ที่เมืองคาราร่า ประเทศอิตาลี ...โดยหินอ่อนมีน้ำหนักเฉลี่ยหนักก้อนละ 15-30 ตันและ 55 ตัน ถูกลำเลียงข้ามมหาสมุทรมาขึ้นฝั่งที่เมืองไทย  และลำเลียงขึ้นสู่ยอดเขาภูก้อนเพื่อแกะสลักเป็นองค์พระพุทธไสยาสน์หินอ่อนขาวบริสุทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย โดยใช้เวลารวม 2 ปี จึงเสร็จสมบูรณ์ในปลายปี 2551 และที่นำความปลื้มปิติสุด ๆ มาให้คือ เมื่อการแกะสลักพระพุทธไสยาสน์อันงดงามเสร็จสิ้นลงแล้วก็ได้รับพระมหากุรณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามว่า “พระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี” แปลว่า พระพุทธรูปปางไสยาสน์แห่งพระมหามุนีผู้ทรงเป็นบรมครู ที่ทรงเป็นที่พึ่งของชาวโลก
 
 
นี่คือ...ความอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นแล้ว ณ วัดป่าภูก้อน ถึงขณะนี้มูลนิธิปิยธรรมได้เชิญชวนให้ชาวไทยทุกคนได้ร่วมกันสร้างพระมหาวิหาร อันเป็นสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์ แห่งสมัยรัตนโกสินทร์ อันวิจิตรด้วยศิลปกรรม จิตรกรรม และประติมากรรมเพื่อให้เป็นที่ประดิษฐานของ “พระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี” และเป็นที่สำหรับพระและฆราวาสได้เข้ามาปฏิบัติธรรมโดยทั้งหมดนี้เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ 7 รอบ 84 พรรษา ในปี 2554
 
มาร่วมกันสร้างปาฏิหารย์ให้เกิดขึ้นอีกครั้ง บนแผ่นดินไทย ณ วัดป่าภูก้อน อ.นายูง
จ.อุดรธานี www.watpaphukon.org